วันต่อมา
วันนี้ซูฉางอันตื่นสายซึ่งมีเพียงน้อยครั้งเท่านั้นที่เกิดขึ้น
เขาหลับยาวไปจนถึงเที่ยงวัน
ฝานหรูเยว่เก็พอรู้เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้มาคร่าวๆ นางอยากพูดปลอบซูฉางอันแต่หลังคิดอยู่นาน สุดท้ายนางก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไรดี จึงจำจากไปหลังเดินวนเวียนที่หน้าห้องของซูฉางอันอยู่นาน
เพราะตอนบ่ายมีวิชากระบี่ที่ชิงหลุนเป็ผู้ดูแล แม้จะยังหมดอาลัยตายอยากแต่หลังลังเลอยู่สักครู่ ในที่สุดเขาก็ไปที่ลานฝึกพร้อมกับกระบี่ไม้อย่างเช่นทุกวัน
เมื่อวาน เขากับอวี้เหิงคุยอะไรกันมากมายเหลือเกิน
แม้เขาจะเข้าใจในสิ่งที่อวี้เหิงกล่าวจนหมด แต่ความหมองหม่นในจิตใจยังคงไม่จางหายไปอยู่ดีอย่างไรเสีย เขาก็เป็เพียงเด็กที่ยังไม่ครบสิบเจ็ดปีบริบูรณ์เท่านั้นย่อมไม่อาจปล่อยวางกับเื่บางอย่างได้เป็ธรรมดา
ดังนั้น จิตใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าที่ควรตลอดการฝึก่บ่ายนอกจากไม่ก้าวหน้า ศาสตร์แห่งกระบี่ของเขากลับยังถดถอยไปจากเดิมเสียอีก
ยังไม่ทันถึงเวลาโหย่ว ซูฉางอันก็จบคาบเรียนลงอย่างชุ่ยๆ เสียแล้ว
“เ้าไม่สบายใจนี่” ชิงหลุนเดินเข้ามาหา นางมองดูซูฉางอันที่ขมวดคิ้วมาตลอดคาบพลางกล่าวขึ้นเช่นนั้น น้ำเสียงของนางมุ่งมั่นมาก ท่าทางมั่นใจกับความคิดของตนเหลือเกิน
ซูฉางอันพยักหน้าที่ก้มอยู่แทนคำตอบ แล้วจึงเอ่ยออกไป “ข้าขอโทษ”
เขารู้สึกว่านี่เป็เื่ที่ควรแสดงความขอโทษเป็อย่างยิ่งชิงหลุนเป็อาจารย์กระบี่ของเขา แต่เพราะตัวเขาเองการฝึกกระบี่ตลอดทั้งบ่ายจึงไม่มีความก้าวหน้าแม้แต่น้อย นี่เป็การทำให้ชิงหลุนเสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์เช่นเดียวกับที่เมืองฉางเหมิน อาจารย์เว่ยมักโกรธและทำโทษโดยการใช้ไม้ตีที่มือของเขาทุกครั้งเวลาที่เขาเรียนแย่ เมื่ออยู่ที่นี่เมื่อตนไม่ตั้งใจฝึกกระบี่ ชิงหลุนย่อมต้องโมโหด้วยเช่นกัน
ทว่าชิงหลุนกลับไม่ได้ตอบอะไรกลับมา นางเพียงมองไปยังชายที่จมอยู่ในห้วงความสลดตรงหน้าพลางคิดในใจว่าหากเขาเป็เช่นนี้ต่อไปไม่รู้ว่าเมื่อใดจึงจะสอนวิชากระบี่กับเขาได้สำเร็จ หากเป็เช่นนี้เื่การสิ้นสุดบ่วงแห่งเหตุและผลยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
แต่นางมีเวลาไม่มากแล้ว แม้จะไม่รู้ว่าอวี้เหิงใช้วิธีใดเหตุใดถึงยืดชีวิตตัวเองได้นานขนาดนี้ แต่นางก็รู้ว่าอย่างไรเสียอวี้เหิงก็เหลือเวลาอีกเพียงไม่นาน และเมื่อส่งดาวอวี้เหิงกับจื่อเวยเสร็จ ย่อมเป็เวลาที่นางต้องกลับไปยังหอดาราอีกครั้งเหตุนี้ นางจึงจำเป็ต้องจบบ่วงแห่งเหตุและผลให้ได้ก่อนเวลานั้นจะมาถึง
ดังนั้น หลังครุ่นคิดอย่างจริงจังอยู่นาน ในที่สุดนางก็คิดได้ว่าในเวลาเช่นนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องทำให้เด็กหนุ่มผู้นี้มีความสุขให้ได้เสียก่อน
หลังครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดนางก็กล่าวออกไป“เราไปเที่ยวที่ตลาดกันเถอะ”
ชิงหลุนจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน เพราะซูฉางอันรู้สึกอารมณ์ไม่ดี นางจึงไปเที่ยวที่ตลาดพร้อมกับเขาและในวันต่อมา เขาก็ดูสดใสขึ้นมาก เป็สาเหตุที่ทำให้นางเอ่ยคำชวนออกไปนั่นเอง
ทว่าซูฉางอันกลับชะงักไป เขาไม่รู้ว่าเหตุใดชิงหลุนที่เ็ามาโดยตลอดถึงเอ่ยคำชวนเช่นนั้นออกมาแต่พอมาคิดดูอีกที ตอนนี้เขาก็รู้สึกไม่ดีอยู่ ไปเดินเที่ยวเสียหน่อยก็ดีเหมือนกัน
ดังนั้น เขาจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยตอบรับ “ได้!”
เหตุนี้ทั้งสองจึงกลับมายังหนึ่งในถนนที่ครึกครื้นมากที่สุดของเมืองฉางอันอีกครั้ง...ถนนจูเชว่
ที่นี่ยังคงครึกครื้นไม่เปลี่ยนไป ไม่ต่างไปจากเมื่อสองวันก่อนเลย
สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเมื่อคืน ไม่ได้ส่งผลต่อสามัญชนและร้านค้าธรรมดาภายในเมืองฉางอันแม้แต่น้อย
แต่ซูฉางอันกลับไม่ตื่นเต้นเหมือนครั้งที่มาที่นี่เป็ครั้งแรก คือเมื่อหลายวันก่อนอีกแล้วและการเดินเที่ยวในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นสักเท่าไร
ชิงหลุนเหล่มองซูฉางอันที่ยังคงก้มหน้าลงต่ำครู่หนึ่ง ก่อนเริ่มครุ่นคิดอย่างจริงจังว่าทำอย่างไรชายผู้นี้ถึงจะรู้สึกดีขึ้นบ้างแต่เห็นได้ชัดว่านางไม่มีพร์ทางด้านนี้เลย นางถูกาาปีศาจแห่งแผ่นดินทางเหนือส่งไปที่หอดาราั้แ่ยังเล็กต่อจากนั้นนางก็ฝึกวิชาปลงรักนับแต่นั้นเป็ต้นมา เหตุนี้ แม้อารมณ์รัก โลภ โกรธหลงของนางไม่ได้ถูกขจัดออกไปอย่างสิ้นเชิง แต่มันก็เหลือน้อยเต็มที
นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการมีความสุขเป็อารมณ์เช่นไรกันแน่ แล้วอย่างนี้ นางจะทำให้ผู้อื่นมีความสุขได้อย่างไร
และในตอนที่นางกำลังกลัดกลุ้มอยู่ ร้านข้างทางที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในสายตาพอดิบพอดีชิงหลุนหัวใจกระตุกวูบ นางรีบดึงมือซูฉางอัน แล้วกล่าวขึ้นท่ามกลางสายตาที่ไม่เข้าใจของซูฉางอัน“ไปทางนั้นกัน”
และแล้ว ทั้งสองก็ไปหยุดอยู่หน้าร้านตุ๊กตาแห่งหนึ่ง
นี่เป็ร้านที่ซูฉางอันกับชิงหลุนเคยมาเลือกซื้อตุ๊กตาเมื่อหลายวันก่อนนั่นเอง
ชิงหลุนปล่อยมือซูฉางอันแล้วเริ่มเลือกดูตุ๊กตาที่ถูกกองอยู่ตรงหน้าทันที เดิมที นางอยากถามว่าซูฉางอันชอบตุ๊กตาประเภทไหนกันแน่แต่พอหันไปเห็นท่าทางไม่สู้สนใจนักของซูฉางอัน นางก็ตัดสินใจว่าจะเลือกตุ๊กตาตามความรู้สึกของตนเองดีกว่า
แต่นางกลับรู้สึกกลัดกลุ้มมากอยู่ดี นางไม่รู้ว่าซูฉางอันชอบอะไรแบบไหนดังนั้น หลังเลือกอยู่นาน นางก็ยังไม่มั่นใจเสียทีว่าจะให้ตุ๊กตาแบบไหนกับซูฉางอัน
ในขณะที่กำลังกลัดกลุ้มอยู่นั้น เมื่อหยิบตุ๊กตาที่อยู่ชั้นนอกออก นางพลันถูกดึงดูดความสนใจด้วยตุ๊กตาเด็กชายตัวหนึ่งชิงหลุนหยิบตุ๊กตาตัวนั้นขึ้นมาสำรวจอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง นางคิดว่าตาโตๆกับแก้มแดงๆ ของมันละม้ายคล้ายกับซูฉางอันเหลือเกิน ยิ่งหวนนึกถึงวันนั้นที่ซูฉางอันมอบตุ๊กตาที่ดูคล้ายกับนางให้ นางก็ยิ่งคิดว่าตุ๊กตาตัวนี้ต้องทำให้ซูฉางอันดีใจได้เป็แน่
เหตุนี้ นางจึงหยิบเงินให้พ่อค้าทั้งที่ยังไม่ทันได้ถามราคาด้วยซ้ำจากนั้นก็ยื่นตุ๊กตาให้ซูฉางอัน “ข้าให้”
ซูฉางอันชะงักไป
เขารับตุ๊กตานั้นเอาไว้อย่างลืมตัว ก่อนจะมองไปยังชิงหลุนอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ชอบรึ? ” เมื่อได้เห็นสีหน้างุนงงของซูฉางอัน นางพลันคิดว่าตุ๊กตาที่ตนเลือกไม่ถูกใจซูฉางอันขึ้นมา
ซูฉางอันได้สติกลับมาในที่สุด สำหรับชิงหลุนที่เ็าราวกับน้ำแข็งการให้ของคนอื่นนับเป็เื่ประหลาดเต็มทน แต่ซูฉางอันก็ยังมองตุ๊กตาในมืออย่างตั้งใจก่อนจะคิดว่าตุ๊กตาไม้ในมือก็มีส่วนที่เหมือนกับตนอยู่เหมือนกันและในขณะที่เขาเตรียมจะกล่าวคำขอบคุณ จู่ๆมือเรียวของใครบางคนก็ยื่นเข้ามาตรงหน้าเสียก่อน
มือที่แฝงไปด้วยกลิ่นหอมจางๆ ฉวยตุ๊กตาไม้ไปจากมือของซูฉางอันจากนั้นก็ยื่นตุ๊กตาอีกตัวมาให้ มันเป็ตุ๊กตาผู้หญิงในชุดสีเขียวนั่นเอง ซูฉางอันรู้สึกคุ้นตาเล็กน้อยก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้ว่านี่เป็ตุ๊กตาที่เขามอบให้ชิงหลุนเมื่อหลายวันก่อน
เขาเงยหน้าขึ้นไปมองชิงหลุนด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไรกันแน่
“เราแลกกันเถอะ” ชิงหลุนกล่าวเช่นนั้น
ความคิดของนางเรียบง่ายมาก กล่าวคือในเมื่อซูฉางอันไม่ชอบตุ๊กตาที่นางเลือกเช่นนั้นเขาก็น่าจะชอบตุ๊กตาที่เลือกเอง ดังนั้นนางจึงตัดสินใจแลกกับเขานั่นเอง
จากนั้นนางเก็บตุ๊กตาที่ละม้ายคล้ายกับซูฉางอันเข้าไปในอกเสื้อแล้วรักษามันเอาไว้อย่างดี
“นี่เป็ตุ๊กตาที่เ้าเคยให้ข้าไว้” นางกล่าวเช่นนั้น นางยังจำคำที่ซูฉางอันบอกได้เสมอคือเมื่อคนอื่นให้ของ ก็ควรจะเก็บรักษามันเอาไว้ให้ดี ดังนั้นนางจึงใช้การกระทำนั้นแสดงให้รู้ว่าในตอนนี้สำหรับนางแล้ว เมื่อแลกตุ๊กตากัน ตุ๊กตาตัวใหม่ก็ถือเป็ตุ๊กตาที่ซูฉางอันมอบให้นางเช่นกัน
ซูฉางอันหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
เขามองตุ๊กตาที่เหมือนกับชิงหลุนในมือ แล้วมองไปยังตุ๊กตาที่เหมือนกับตัวเองซึ่งชิงหลุนพกติดตัวตลอด แล้วเขาอดนึกถึงคู่รักที่ให้ของแทนใจในนิยายขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
เขาหัวใจเต้นแรงมากขึ้น ใบหน้าก็แดงไปหมด แต่เมื่อเหล่มองชิงหลุนเขากลับพบว่าชิงหลุนยังคงมีสีหน้าเป็ปกติ ไม่ได้มีสิ่งใดแปลกไปจึงนึกด่าตัวเองในใจที่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย จากนั้นก็ทำตามชิงหลุนคือเก็บตุ๊กตาตัวนั้นเข้าไปในอกเสื้อ
แต่อาจเป็เพราะตุ๊กตาตัวนี้เพิ่งถูกนำออกมาจากอ้อมอกของชิงหลุนมันจึงยังมีความอบอุ่นจากตัวนางอยู่ และนั่นก็เป็อีกครั้งที่ซูฉางอันหน้าแดงขึ้น
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้ชิงหลุนคิดว่าซูฉางอันอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้วริมฝีปากของนางจึงพลอยยกขึ้นอย่างลืมตัวไปด้วย
สีหน้าที่ไม่ได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของนางมานานแสนนานแล้ว นานจนนางเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าบัดนี้ตนมีสิ่งที่เรียกว่าสุขผุดขึ้นมาในใจ
“ว่ากันว่ามั่วทิงอวี่เดินทางไปที่ดินแดนทางเหนือและไปเจอเข้ากับเด็กชายนามว่าซูฉางอัน! ” ในตอนนั้นเองจู่ๆ เสียงกังวานของชายคนหนึ่งก็ดังออกมาจากจุดที่ไม่ไกลออกไปนัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้