สายตาของผมกลับไม่ได้หยุดอยู่ที่ร่างของเจียงกุ่ยนานเท่าไรนักถึงแม้ภายในใจจะรู้ว่าเขาต้องมีปัญหาบางอย่างอยู่แน่ๆ ทว่าวันนี้ถึงอย่างไรเขาก็มาอยู่ที่นี่แล้วเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นผมจะพาเขาไปอยู่ที่วังปีศาจและคอยจับตาดูเขาสักระยะเวลาหนึ่งผมว่าจะต้องพบอะไรที่ผิดปกติอย่างแน่นอน
หวังตัวจวี๋เคยกล่าวไว้ว่า่นี้ภายในโลกปีศาจเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อยทำให้ผมไม่กล้าที่จะมองข้ามเื่นี้ไปโดยเด็ดขาด เวลานี้นอกจากโครงเื่แล้วผมก็ไม่รู้อะไรเลยสักอย่างทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ล้วนเป็พวกที่รู้หน้าไม่รู้ใจ แค่กู้จิ่นเฉิงที่คอยติดตามผมเพียงคนเดียวก็ยากที่จะคาดเดาแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าเ้าแห่งดินแดนจากแต่ละดินแดนที่กำลังนั่งอยู่บนสัตว์พาหนะของตัวเองที่มีสีหน้าเฉยชาและท่าทางเคร่งขรึมน่าเกรงขาม
พวกเขาคงเห็นว่าหวังตัวจวี๋ด่าด้วยถ้อยคำที่สมควรจะด่าไปเรียบร้อยแล้วอาจจะรู้สึกว่าหากตัวเองเพียงแค่มองดูอยู่เฉยๆ แต่ไม่ได้ทำอะไรเลยนั้นคงจะดูไม่เหมาะสมสักเท่าไรจึงเริ่มพากันเอ่ยขึ้น สั่งสอนเซียนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ทางด้านนั้นสักสองสามประโยค มีทั้งข้ออ้างต่างๆรวมถึงคำด่าสารพัดที่ไม่น่าฟังนั้นล้วนออกมาหมด โดยไม่คิดไว้หน้าผู้ใดทั้งสิ้น
แต่ทางด้านเฉิงหย่วนและกลุ่มตระกูลโม่นั้นถึงแม้จะโมโหเสียจนหน้าสั่นทว่าปากกลับไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักประโยคเดียว อาจเป็เพราะภายในระบบการศึกษาของพวกเขาทั้งหมดนั้นคงจะไม่เคยสอนพวกเขาว่าจะต้องด่าผู้อื่นกลับอย่างไร...
ในเวลาเดียวกันนี้หร่วนสือจิ่วก็ปรากฏตัวออกมาแสดงให้เห็นว่าสิ่งใดที่เรียกว่าโคลนถล่ม [1] ในโลกแห่งผู้ฝึกตนคนผู้นี้รูปร่างไม่สูงทว่ากลับเหมือนวัตถุะเิแรงสูง หากมีอะไรมากระทบเพียงแค่นิดเดียวก็สามารถะเิออกมาได้แล้วเมื่อผู้คนทางด้านโลกปีศาจต่างคนต่างแย่งกันด่ากลับไปอยู่นั้น เขาก็สามารถด่ากลับคนเ่าั้ไปทีละคนและยังไม่มีทีท่าว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอีกด้วย
เพียงแต่ว่าเขาด่ากลับด้วยความโมโหเสียจนใบหน้าแดงไปหมดส่วนผมที่ฟังอยู่ก็รู้สึกว่าสมองใกล้จะะเิออกมาแล้ว พวกคุณคิดว่าเป็เพราะเหตุใดเล่า? เพราะคนที่เขาด่าก็คือผมน่ะสิ!ถ้อยคำใดที่หยาบคายล้วนออกมาเป็คำด่าทั้งหมดคาดไม่ถึงเลยว่าจะมีคำพูดที่ว่าไม่ช้าหรือเร็วก็คงจะตายอยู่บนเตียงกับบุรุษอะไรเช่นนี้อีกด้วย...
บนเตียงกับบุรุษอะไรกันเล่า!!!คำพูดเช่นนี้มันเกินจะทนได้จริงๆ ความโกรธของผมเริ่มเพิ่มมากขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได้เพียงแค่นึกขึ้นมา พลังปราณที่รวดเร็วและรุนแรงสายหนึ่งก็พุ่งตรงไปยังขวดน้ำเต้าที่อยู่บนหลังของหร่วนสือจิ่วด้วยความเร็วซึ่งยากที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระแสลมอันหนาวเหน็บที่พัดพาในระหว่างนั้นทำให้เกิดเสียงะเิดังขึ้นกลางอากาศจากนั้นขวดน้ำเต้าใบใหญ่ของคนผู้นั้นก็ะเิทำให้เกิดเสียงดังปังจนขวดแตกกระจายเหล้าที่อยู่ในนั้นไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจนนองเต็มไปทั่วพื้นที่เป็บริเวณกว้าง
หร่วนสือจิ่วรวบรวมพลังปราณอย่างรวดเร็วเพื่อให้ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยเหล้าเพื่อที่เขาจะได้ไม่กลายเป็ไก่ตกอยู่ในเหล้า[2] คราวนี้เขายิ่งโมโหมากขึ้นเสียจนหน้าแดงไปหมด ค่อยๆ ขยับมือ จากนั้นก็มีกระบี่วิเศษเล่มหนึ่งซึ่งแผ่กลิ่นอายความเยือกเย็นออกมาพุ่งตรงมายังใบหน้าของผมแล้วแทงเข้ามา
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันมากจนเกินไปแต่เพราะสัญชาตญาณการต่อสู้ของอวี๋เคอนั้นยังคงอยู่ จึงทำให้ผมเอื้อมมือออกไปแทบจะในทันที...จากนั้นก็จับกระบี่ของหร่วนสือจิ่วเอาไว้ได้อย่างมั่นคง
บอกตามตรง ณเวลานี้ภายในใจของผมกำลังส่งเสียงร้องลั่น และหัวใจก็ยังเริ่มสั่นอีกด้วยต้องบอกเลยว่าอวี๋เคอผู้นี้ถึงแม้ว่ารูปร่างจะดูเหมือนสตรีทว่าวิธีการต่อสู้ของเขากลับแข็งแกร่งและห้าวหาญอย่างยิ่ง แต่ไหนแต่ไรมาเขามักจะใช้มือเปล่าอยู่เสมอมีเพียงถุงมือสีดำทองคู่หนึ่งซึ่งเมื่อเทียบกับอาวุธวิเศษแล้วก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันสักเท่าไรนักอาวุธธรรมดานั้นเมื่อมาอยู่ในมือของเขาแล้วถูกจับเอาไว้ก็ดูจะไร้ประโยชน์หากใช้คำพูดของเขาก็คงจะพูดได้ว่าเขาชอบใช้มือััลงบนิัของมนุษย์มากกว่ารู้สึกว่าการได้หักคอผู้อื่นด้วยมือของตนเอง และปล่อยให้เืสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่วร่างกายนั้นเป็สิ่งที่งดงามอย่างยิ่ง
ช่างวิปริตตลอดมาสมคำร่ำลือเสียจริงๆ
เพียงแต่ว่าตอนนี้เ้าของร่างนี้ก็คือผมผมไม่มีความคิดอันแรงกล้าเช่นนั้น ความเยือกเย็นจากคมกระบี่ส่งผ่านฝ่ามือและแผ่กระจายความหนาวเย็นเข้ามาจนถึงก้นบึ้งหัวใจของผมมันค่อนข้างน่ากลัว ในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรอยู่มากมายเช่นนี้ ทว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นั้นกลับไม่ได้ช้าลงเลยสักนิดและเื่ที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นค่อนข้างอยู่เหนือความคาดหมายของผมไปมากผมคิดไม่ถึงเลยว่าหร่วนสือจิ่วจะปล่อยมืออย่างไม่ลังเลขณะที่ผมจับกระบี่เอาไว้ แล้วเปลี่ยนทิศทางพุ่งไปยังสิงโตปีกเพลิงซึ่งอยู่ใกล้กับผมมากเมื่อมองตามไป ผมก็เห็นเขาไปถึงขอบกรงเหล็กของซ่งฉียวนแล้ว
เห็นได้ชัดว่าการโจมตีผมนั้นเป็แค่กลลวงเป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือ้าพาซ่งฉียวนไปต่างหาก
สมองของผมประมวลผลอย่างรวดเร็ว คิดไปต่างๆ นานาพร้อมกับคาดเดาวิธีการของอวี๋เคอไปด้วย ที่จริงแล้วตอนนี้ผมสามารถพุ่งเข้าไปโจมตีหร่วนสือจิ่วให้ถอยออกไปได้เพื่อเป็การตัดหนทางที่เขาจะช่วยเหลือซ่งฉียวนทั้งยังสามารถทำตามคำพูดของหวังตัวจวี๋และสร้างความหวาดกลัวต่อหน้าผู้คนมากมายทั้งแดนเซียนและปีศาจเพื่อรักษาตำแหน่งของตัวเองบนโลกใบนี้เอาไว้ได้อย่างมั่นคงทว่าหากจะทำเช่นนั้นผมก็จะต้องจัดการซ่งฉียวน แล้วผมจะสามารถทำแบบนั้นได้จริงๆ น่ะหรือ?
ท่ามกลางแสงฟ้าแลบและแสงเพลิงกู้จิ่นเฉิงที่อยู่ด้านข้างจู่ๆ ก็หายตัวไปแล้ว พอผมเริ่มตั้งสติได้สถานการณ์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปตั้งนานแล้ว
กรงเหล็กในตอนนี้ถูกทำลายจนแตกละเอียดไปหมดและซ่งฉียวนที่ถูกขังอยู่ภายในนั้นก็ถูกกู้จิ่นเฉิงจับตัวเอาไว้อย่างแ่าเด็กน้อยซึ่งถูกตัดเอ็นข้อมือและข้อเท้าจึงทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ยามที่ถูกบุรุษร่างสูงใหญ่อุ้มขึ้นเบาๆเขาก็ขดตัวด้วยอาการหนาวสั่นท่ามกลางลมฤดูใบไม้ร่วง ยิ่งทำให้ดูน่าสงสารมากขึ้นเป็พิเศษ
“กู้จิ่นเฉิง ส่งเ้าเด็กนั่นคืนมา! หากไม่ส่งคืนมาภายในวันนี้ไม่ว่าจะเป็ผู้ใดก็ตาม ข้าหร่วนสือจิ่วขอสาบาน ต่อให้จะต้องสู้จนตัวตายก็จะต้องทำให้พวกเ้าทั้งหมดตายไปพร้อมกับข้า!” หร่วนสือจิ่วยืนอยู่กลางอากาศ เขาสวมชุดคลุมยาวสีขาวขอบสีน้ำเงินแดงซึ่งชายชุดคลุมสะบัดพลิ้วไหวไปตามสายลมสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความมุ่งมั่นแบบคนที่ไม่กลัวตายอย่างชัดเจน
ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าหร่วนสือจิ่วที่ตัวเองได้เขียนขึ้นมานั้นช่างเป็บุรุษที่ซื่อสัตย์และมีน้ำใจมากจริงๆเขามีจิตใจที่แข็งแกร่งซึ่งแตกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอกอย่างยิ่ง แท้จริงแล้วคำพูดของเขาเหมือนเป็การตบหน้าอยู่เล็กน้อยทำให้ตระกูลเฉิงและตระกูลโม่รวมถึงตัวแทนของสำนักที่มาในวันนี้หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขาแล้วต่างก็ทยอยเปลี่ยนสีหน้า ความเฉยชาที่เคยแสดงออกมาก่อนหน้านี้ก็ทนทำไม่ไหวอีกต่อไป
“อวี๋เคอ จุดประสงค์ที่พวกเรามาที่นี่ในวันนี้ คิดว่าเ้าคงจะรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วอย่างแน่นอนหากเ้าไม่ส่งตัวเด็กนั่นคืนมา ก็อย่าได้โทษว่าพวกข้าไม่เกรงใจ”
“จอมปีศาจ ลูกชายของข้าอยู่ในมือเ้าหากว่าเกิดเื่ที่ไม่ดีขึ้นมา ข้าโม่ซางสาบานว่าจะไม่มีวันปล่อยเ้าไปอย่างแน่นอน” เฉิงหย่วนที่อยู่ด้านหลังหร่วนสือจิ่วก็ยืนขึ้นมาหลังจากนั้นก็เป็โม่ซางที่จับแส้เอาไว้ในมือแล้วเม้มปากแน่นและ... ช่างเถอะ ผมจำได้แค่เสื้อผ้าของสำนักเท่านั้นส่วนชื่อคนนั้นผมยังจำไม่ค่อยได้สักเท่าไร
สุดท้ายแล้วการกระทำของพวกเขาทั้งหมดก็เป็ไปในทิศทางเดียวกันสีหน้าท่าทางของกู้จิ่นเฉิงในตอนนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยมือซ้ายถือกระบองด้วยความสุขุมลุ่มลึก ส่วนมือขวาอุ้มซ่งฉียวนและคอยคุมเชิงหร่วนสือจิ่วเอาไว้
ผมรู้สึกได้ว่าภายในใจของเขาไม่มีความกังวลเลยแม้แต่น้อยกระทั่งเหมือนอยากจะหัวเราะออกมาเสียด้วยซ้ำ แล้วก็เป็ไปอย่างที่คิดเอาไว้วินาทีต่อมาเขาก็ยกยิ้มมุมปากขึ้น และพูดกับคนกลุ่มนี้ซึ่งเป็ประโยคแรกของวัน“กากเดนที่ยังหลงเหลืออยู่ของตระกูลซ่งจะต้องตาย”
ผมตกตะลึง จู่ๆภายในสมองก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างขึ้นแต่ไหนแต่ไรมาลางสังหรณ์ของผมมักจะถูกต้องเสมอ วินาทีต่อมาก็เห็นว่ามือขวาของกู้จิ่นเฉิงปล่อยลงอย่างทันทีซ่งฉียวนที่ถูกอุ้มด้วยมือข้างนั้นก็ร่วงหล่นลงมาในชั่วพริบตาหร่วนสือจิ่วและคนอื่นๆ ที่อยู่ตรงหน้าต่างตอบสนองด้วยความรวดเร็วรีบเคลื่อนพลังปราณแล้วตามไปรับไว้
กู้จิ่นเฉิงแกว่งกระบองยาวที่อยู่ในมือด้วยความรวดเร็วและรุนแรงกระแสลมอันหนาวเหน็บหลายสายก่อตัวเป็ตาข่ายแผ่ขยายขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือแม่น้ำแห่ง์หวังตัวจวี๋และเ้าดินแดนคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้างต่างก็ตกตะลึงจากนั้นพวกเขาก็ตามกันมา เข้าขวางทางผู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ทางด้านหร่วนสือจิ่วนั้นก็รีบเสียจนใบหน้าแดงไปหมดเขาพูดไปด่าไปและเริ่มเปิดฉากต่อสู้กับกู้จิ่นเฉิงโดยตรงหลังจากที่คู่นี้เริ่มต่อสู้กันแล้วผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมล้วนมองออกว่านี่เป็การฉีกหน้า พวกเขาจึงนำอาวุธของตัวเองออกมาค้นหาศัตรูของตัวเองที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามแล้วเข้าต่อสู้กัน
ผมได้แต่มองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เริ่มจะวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงงผมก้มหน้าลงมองน้ำในแม่น้ำแห่ง์ที่ก่อตัวเป็ระลอกคลื่น ในน้ำนั้นมองไม่เห็นแม้แต่เงาร่างของซ่งฉียวนแล้วอันที่จริงหลังจากที่ได้ยินเสียงต๋อมเสียงหนึ่ง ผมก็รู้ว่าเขาตกลงไปในนั้นเพียงแต่คิดไม่ออกว่าจะต้องทำอย่างไรไปชั่วขณะ
ผู้ที่ทำให้เขาตกลงไปไม่ใช่ผมเช่นนั้นเป็กู้จิ่นเฉิงหรือ? เหตุใดกู้จิ่นเฉิงจึงรีบร้อนเช่นนี้?
ผมได้ยินเสียงคลื่นที่มาจากใต้ล่างของแม่น้ำแห่ง์ที่ซัดสาดอย่างต่อเนื่องรับรู้ได้ว่าในสถานที่ที่ลึกลงไปนั้นยังมีกระแสน้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุดและมีสัตว์ประหลาดอาศัยอยู่จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเมื่อสบโอกาสพวกมันก็จะกลืนกินร่างกายที่เล็กผอมของซ่งฉียวน ตอนนี้กระบี่ของหร่วนสือจิ่วยังคงถูกผมจับเอาไว้ในมือแค่ผมออกแรงก็สามารถทำให้เ้าสิ่งนี้หักออกเป็สองท่อนโดยที่แทบจะไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย
ผมคิดว่าผมคงจะต้องสงบสติอารมณ์สักหน่อย
เมื่อมองไปบริเวณรอบๆ เพราะ้าหาบุคคลลึกลับนั่นที่สามารถช่วยซ่งฉียวนไว้ได้แต่กลับสูญเสียความมั่นใจเมื่อพบว่าผู้คนจากแดน์ที่เดิมทีอยากจะช่วยเขานั้นไม่สามารถลงไปช่วยได้
เสียงอาวุธที่ทำจากโลหะกระทบกันกลางอากาศดังก้องกังวานอยู่ในหูอย่างต่อเนื่องพลังปราณกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ ทันใดนั้น ตรงหน้าจู่ๆ ก็มีลำแสงเล็กๆ ปรากฏออกมาพุ่งลงไปในแม่น้ำแห่ง์อย่างทันที มันค่อนข้างเบาบาง ทั้งยังรวดเร็วมากโดยปกติแล้วก็คงจะไม่มีคนสังเกตเห็น ทว่าไม่สามารถหลบพ้นจากการสังเกตเป็พิเศษของผมได้
ทว่าลำแสงนั่นกลับไม่ได้มาจากทางฝั่งของหร่วนสือจิ่วแต่กลับพุ่งออกมาจากร่างกายของผู้นำบางคนที่อยู่ทางฝั่งของโลกปีศาจ ส่วนจะมาจากคนไหนนั้นผมเองก็มองไม่ชัดสักเท่าไรเพราะพวกเขาต่อสู้กันจนวุ่นวายมากเกินไป ทว่าสิ่งที่สามารถยืนยันได้ก็คือแสงนั่นจะต้องพุ่งตรงไปยังซ่งฉียวนที่อยู่ใต้น้ำอย่างแน่นอน และไม่ได้มีเจตนาที่จะสังหารอีกด้วย
ภายในใจรู้สึกโล่งขึ้นเล็กน้อยแม้ว่าการโจมตีอย่างกะทันหันของกู้จิ่นเฉิงจะช่วยส่งเสริมโครงเื่และช่วยคลายความกังวลของผมได้ทว่าเมื่อเห็นซ่งฉียวนตกลงไปจริงๆ แล้วความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นภายในใจของผมนั้นกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย
ลำแสงนี้อย่างน้อยที่สุดก็คงจะพูดได้ว่าเป็โอกาสรอดของเขาหากมีตัวแปรก็ยืนยันได้ว่าเขาจะไม่ตายอย่างแน่นอน ถูกต้อง นี่เป็สกิลของพระเอก
......
เชิงอรรถ
[1] โคลนถล่ม หมายถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
[2] ไก่ตกอยู่ในเหล้า มาจาก ไก่ตกน้ำแกงอุปมาว่าเปียกโชกไปทั้งตัว