มุมปากเซี่ยฟู่กุ้ยยกขึ้นเป็รอยยิ้ม “ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณเป็ผู้หญิงที่เพียบพร้อมและจิตใจดี รอผมปรึกษาพี่น้องคู่นั้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
หวางลี่ลี่เข้าใจในทันที อีกฝ่ายน่ะหรือจะไปปรึกษาสองพี่น้องคู่นั้น หากปรึกษาแล้วสองพี่น้องตอบตกลงก็นับว่าบ้าแล้ว
่นี้เธอกำลังเครียดอยู่พอดีว่าจะหาโอกาสจัดการเซี่ยเฉินเฟิงได้ตอนไหน เล่นงานเอาให้อีกฝ่ายพิการได้เลยยิ่งดี
บุตรชายอันเป็ที่รักไม่อยู่แล้ว เธอไม่อยากเห็นสองพี่น้องคู่นั้นที่เป็ดังหนามยอกอกมาเดินลอยชายอย่างสบายใจต่อหน้าเธอ
เซี่ยโม่ไม่ใช่คนที่จะเล่นงานได้ง่ายๆ เช่นนั้นเล่นงานคนน้องก่อนก็แล้วกัน
“สามี คุณจะไปปรึกษากับสองคนนั้นก่อนเหรอ ฉันว่าหากทำแบบนั้น เื่นี้ไม่น่าสำเร็จ” เธอแสร้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็ห่วง
ที่เซี่ยฟู่กุ้ยรออยู่ก็คือคำพูดนี้จากภรรยา เขารีบเตะลูกบอลภาระนี้ส่งไปให้ทันที “งั้นคุณว่าควรทำยังไงดี”
หวางลี่ลี่ยืดอกพร้อมกับเอ่ย “คุณเป็พ่อ ตอนนี้เฉินเฟิงเข้าเรียนในโรงเรียนแล้ว ตอนเลิกเรียนคุณก็แค่ไปรับแกกลับมา พ่อไปรับลูกใครจะกล้าว่าอะไรได้”
เซี่ยฟู่กุ้ยตบขาฉาดใหญ่ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี “ยังเป็คุณที่รู้ใจผมที่สุด นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว ผมไปดูก่อนว่ามีใครมารับเฉินเฟิงหรือยัง ถ้ายังผมจะได้ไปรับแกกลับมา”
ขณะกำลังจะออกจากบ้าน เขานึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม “ใช่ ว่าแต่จะให้แกพักอยู่ที่ไหน”
“บ้านเราออกจะหลังใหญ่ ให้แกนอนห้องเดียวกับเซี่ยอวิ๋นก็ได้ ในห้องเซี่ยอวิ๋นมีเตียงอุ่น แกจะได้ไม่หนาว”
เซี่ยฟู่กุ้ยทำท่าลังเล “แต่เซี่ยอวิ๋นสติไม่ค่อยดี หากตอนดึกเกิดอาละวาดขึ้นมาจะทำยังไง”
เื่นี้เป็แผนของหวางลี่ลี่ ได้ยินสามีพูดเช่นนี้ก็ลอบยิ้มในใจ หากไปรับไอ้เด็กนั่นกลับมา ให้อยู่ห้องเดียวกับเซี่ยอวิ๋นนั่นแหละดีแล้ว เป็อะไรขึ้นมาจะอ้างได้ว่าเพราะเซี่ยอวิ๋นสติไม่ดี และเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เซี่ยฟู่กุ้ยทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่เธอกลับตัดบทเสียก่อน “คุณรีบไปเถอะ มัวรออะไรอยู่อีก หากไปช้าเดี๋ยวเฉินเฟิงกลับบ้านไปก่อนนะ”
“ได้ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ เก็บห้องเอาไว้ให้ด้วยนะ เซี่ยอวิ๋นทำห้องเละหมดแล้ว”
“คุณรีบไปเถอะ ฉันจะไปเก็บห้องเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังจากสั่งงานเสร็จเรียบร้อย เซี่ยฟู่กุ้ยก็รีบไปที่โรงเรียนประถม เมื่อไปถึงออดเลิกเรียนก็ดังขึ้นพอดี
เขายืนรออยู่หน้าโรงเรียน มองเด็กนักเรียนที่กำลังทยอยเดินออกมา พอเห็นว่าเด็กที่ออกมาเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ ใจเขาเริ่มไม่สงบ หรือเกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยเฉินเฟิงกัน?
ขณะที่เขากำลังนึกสงสัยอยู่ว่ามีคนมารับบุตรชายกลับไปแล้วหรือไม่ ทันใดนั้นก็เห็นเด็กสาวรูปร่างผอมสูงคนหนึ่งจูงจักรยานออกมา โดยที่บนจักรยานมีเด็กชายนั่งอยู่สองคน
พอเขาเห็นเด็กสาวคนนี้ เขาถึงกับนิ่งอึ้งไป ก่อนจะนึกถึงภรรยาเก่าขึ้นมา
เด็กสาวคนนี้หน้าตาน่ารัก ใบหน้าเหมือนภรรยาเก่าของเขาไม่มีผิด
นี่คือบุตรสาวคนโตของเขาไม่ใช่หรือ ส่วนเด็กชายที่นั่งอยู่บนจักรยานด้านหน้าก็คือบุตรชายจากภรรยาคนเก่าของเขา เซี่ยเฉินเฟิง
เขารีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความตื่นเต้นยินดี “โม่โม่ เฉินเฟิง”
่นี้่เวลากลางวันจะสั้นกว่า่เวลากลางคืน ท้องฟ้าในตอนนี้จึงเริ่มกลายเป็สีส้ม
เซี่ยโม่หันไปมองต้นทางเมื่อได้ยินเสียงคนเรียก แล้วก็ได้เจอกับชายวัยกลางคนคนหนึ่ง
ชายคนนี้คือเซี่ยฟู่กุ้ย อีกฝ่ายเปลี่ยนไปไม่น้อย ดูซูบผอมและแก่ลงไปมาก กระนั้นเธอก็จำได้ทันทีที่เห็น
เซี่ยโม่อดสงสัยไม่ได้ อีกฝ่ายมาทำอะไรที่นี่กัน
เธอกลัวว่าหากจอดจักรยานไว้ตรงนี้แล้วเดินไปหา อีกฝ่ายจะฉวยโอกาสตอนนี้พาตัวน้องชายไป เธอเลยเดินไปหาอีกฝ่ายพร้อมจูงจักรยานไว้ด้วย “มาหาพวกเราทำไมคะ ั้แ่คุณไล่พวกเราออกจากบ้าน พวกเราก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว”
เซี่ยฟู่กุ้ยคิดไม่ถึงว่าทันทีที่โม่โม่เห็นตัวเองจะพูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นราวกับเป็ศัตรูกันมาั้แ่ชาติปางก่อนเช่นนี้
“ใครไล่แก แกเองนั่นแหละที่ใช้เฉินเฟิงมาข่มขู่จนฉันต้องยอมให้พวกแกแยกไปอยู่ที่อื่น”
เธอคิดในใจ บิดาเธอไม่ใช่แค่ถูกล้างสมองธรรมดาเท่านั้น แต่ถูกล้างจนสะอาดเอี่ยมเลยทีเดียว
เธอเถียงกลับ “หนูเนี่ยนะขอแยกไปเอง ขอแยกไปเองอะไร เสื้อผ้าสักตัวก็ไม่ยอมให้เอาไป เงินติดตัวก็ไม่ให้สักเหมา คุณต่างหากที่ไล่พวกหนูออกจากบ้าน ยังมีหน้ามาพูดว่าหนูขอแยกไปอยู่ที่อื่นเองอีก ถ้าพวกหนูไม่มีคุณตาคุณยายป่านนี้คงจะหิวตายอยู่ข้างถนนแล้วละมั้ง”
เมื่อเห็นว่ามีคนโต้เถียงกัน ผู้ปกครองที่มารับลูกหลานรวมถึงเด็กนักเรียนที่ยังไม่กลับบ้านต่างยืนรอชมเื่สนุกอยู่ไม่ไกล
เซี่ยฟู่กุ้ยรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันใด ก่อนจะเอ่ยอย่างมีน้ำโห “แกพูดบ้าอะไรของแก มาพูดเื่ในบ้านต่อหน้าคนอื่นได้ยังไง”
“คุณกับแม่เลี้ยงกล้าทำแต่ไม่กล้าให้หนูพูดเนี่ยนะคะ” เธอเหน็บแนม
เธอี้เีจะเสียเวลาอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว “ในเมื่อคุณไล่หนูกับน้องออกจากบ้านมาแล้ว ทั้งยังเขียนหนังสือตัดความสัมพันธ์กันแล้วด้วย เราก็ไม่ต้องติดต่อหรือมาเจอหน้ากันอีก ต่อไปคุณห้ามมาหาเฉินเฟิงที่โรงเรียนอีก”
ได้ยินดังนั้นเซี่ยฟู่กุ้ยถึงค่อยนึกถึงเื่ในวันที่ตัวเองไล่บุตรสาวบุตรชายออกจากบ้านไปได้ คลับคล้ายคลับคลาว่าวันนั้นอีกฝ่ายจะเสนอให้มีการเขียนหนังสือตัดความสัมพันธ์เป็ลายลักษณ์อักษรเพื่อเก็บไว้เป็หลักฐาน
“ฉันี้เีจะพูดกับแกแล้ว เฉินเฟิงเป็ลูกฉัน ที่ฉันมาก็เพราะจะมารับกลับไปเลี้ยงเอง” เขาพูดจุดประสงค์ที่มาในวันนี้เพราะคร้านจะเถียง
เซี่ยโม่ถึงได้เข้าใจ บิดาเห็นว่าเซี่ยเฉินซีตายไปแล้วก็เลยจะมาเอาตัวน้องชายของเธอไป
“น่าขำ ตอนที่คุณทอดทิ้งเฉินเฟิง คุณไม่เห็นเคยเห็นเลยว่าเฉินเฟิงเป็ลูก ตอนที่เฉินเฟิงถูกทำร้าย คุณก็ไม่มาดูมาแล แต่พอลูกเลี้ยงสุดที่รักของคุณปล่อยให้ลูกชายของคุณอดข้าวจนต้องตายไป คุณถึงค่อยคิดได้ว่าเฉินเฟิงคือลูกของคุณ”
ผู้คนที่ชมเื่สนุกอยู่ด้านข้างต่างอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ผู้ชายคนนี้ทำเกินไปแล้ว ทำไมถึงทำกับลูกในไส้ของตัวเองได้ลงคอ
เมื่อถูกบุตรสาวแท้ๆ เปิดโปง เซี่ยฟู่กุ้ยมีสีหน้ากราดเกรี้ยวขึ้นมาโดยพลัน
“แกไม่มีสิทธิ์มาห้าม เฉินเฟิงเป็ลูกฉัน”
มุมปากเซี่ยโม่บิดเป็รอยยิ้มเ็า “หนูก็เป็พี่สาว เป็ผู้ปกครองของเฉินเฟิงเหมือนกัน หรือไม่งั้นคุณจะลองถามเฉินเฟิงดูก็ได้ว่าจะฟังฉันหรือจะฟังคุณ”
หลังจากทนฟังอยู่นานสองมือเล็กป้อมก็ยกขึ้นเพื่อเช็ดน้ำตาที่คลอหน่วย เซี่ยเฉินเฟิงสูดน้ำมูกทีหนึ่งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณไม่ใช่พ่อผม ถ้าคุณเป็พ่อผมจริงๆ เห็นผมหิวทำไมถึงไม่หาอะไรให้ผมกิน ทำไมเห็นผมถูกแม่เลี้ยงตีแล้วถึงไม่ช่วย ถ้าคุณเป็พ่อผมจริง คุณจะเชื่อคำแม่เลี้ยงที่บอกว่าผมโง่ได้ยังไง และตอนที่ผมถูกทำร้ายจนเข้าโรงพยาบาล ทำไมคุณถึงไม่คิดจะออกเงินค่ารักษาให้ผมเลยสักหยวนเดียว”
ทุกคนที่ดูอยู่ต่างส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่
เซี่ยเฉินเฟิงเป็เด็กหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ยิ่งพอพูดแบบนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกสงสารและปวดใจแทน
คนคนนั้นต้องตาบอดไปแล้วเป็แน่ ถึงได้หาว่าเด็กที่ฉลาดเช่นนี้เป็เด็กโง่งม
ผู้ชายคนนี้ที่ได้ชื่อว่าเป็บิดาของเด็กทั้งสองคนต้องสมองเลอะเลือนไปแล้วอย่างแน่นอน
คุณปู่ยามเห็นคนมากมายมุงดูอะไรอยู่จึงเบียดเสียดฝูงชนเข้ามาตรวจสอบ ไม่นานก็จำเซี่ยฟู่กุ้ยได้ ทั้งยังทันได้ยินบทสนทนาที่เซี่ยฟู่กุ้ยพูดคุยกับสองพี่น้อง
และเมื่อได้ยินในสิ่งที่เซี่ยเฉินเฟิงพูดมาก็รู้ทันทีว่าอะไรเป็อะไร
เขาหยิบกระบองที่เหน็บอยู่ตรงเอวขึ้นมาชี้หน้าเซี่ยฟู่กุ้ย น้ำเสียงที่กล่าวเต็มไปด้วยโทสะ “ฉันแก่ปูนนี้แล้วยังไม่เคยเห็นพ่อที่ไหนหน้าไม่อายเท่านายมาก่อนเลย ต่อไปอย่าทำตัวเป็พ่อมาหาลูกที่โรงเรียนอีก ถ้าฉันเจอนาย ฉันก็จะตีนายหนึ่งครั้ง เจอสองครั้งก็จะตีสองครั้ง เจอกี่ครั้งก็จะตีเท่านั้น”
เซี่ยโม่ได้ฟังเช่นนั้นก็หน้าตาตื่น “คุณปู่คะ ผู้ชายคนนี้เคยมาหาน้องหนูที่โรงเรียนเหรอคะ”
“ใช่ แกล้งทำตัวเป็ผู้ปกครองมาหาน้องชายเธอ ดีที่น้องชายเธอไม่ออกมา”
เซี่ยโม่ใจนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก หากน้องชายเธอออกมาแล้วหวางลี่ลี่ให้คนมาลักพาตัวน้องชายเธอไปจะทำอย่างไร
