บทที่ 86 เชื่อเื่เวรกรรมไหม
เหอเสวี่ยฉินแอบซ่อนตัวอยู่หลังกองฟางในสวนหลังบ้าน บนศีรษะและใบหน้ายังมีเศษฟางติดอยู่เต็มไปหมด เสื้อผ้าเนื้อโพลีเอสเตอร์สีขาวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบแดงฉาน มือก็เต็มไปด้วยเื เธอทั้งพูดทั้งชี้นิ้วสั่นระริกไปที่กองฟางด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าเลอะไปด้วยคราบเืจากมือ
“กระต่าย...กระต่ายมันคลอดลูกแล้ว” เธอเอามือกุมศีรษะร้องไห้สะอึกสะอื้น “น่ากลัวเหลือเกิน”
สวี่จือจือขมวดคิ้วมุ่น “คุณน้าขโมยกระต่ายของหนูไป”
เหอเสวี่ยฉินชะงักไป ตอนที่เธอเห็นสวี่จือจือกับลู่ซือหยวนกำลังวุ่นวายอยู่ในครัว เธอจึงแอบย่องมาที่สวนหลังบ้าน กระต่ายที่สวี่จือจือจับมานั้นอ้วนท้วนสมบูรณ์มาก ยังไงซะกระต่ายก็มีไว้ให้คนกินไม่ใช่หรือไง?
เธอคิดว่ากระต่ายคงไม่ร้องโวยวาย เธอจึงแอบเอากระต่ายกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง จากนั้นค่อยหาเื่เอาออกไป แล้วเอาไปให้บ้านเดิมกิน กระต่ายอ้วนๆ ตัวโตขนาดนั้นคงทำให้พวกเขามีอาหารดีๆ กินกันสักมื้อ
เมื่อวานนี้ไม่ได้ให้บ้านเดิมกินของดีๆ ตอนที่เธอกลับไปบ้านก็โดนแม่ของเธอต่อว่าอย่างหนัก เหอเสวี่ยฉินจึงหันความสนใจไปที่กระต่าย
ใครจะรู้ว่าตอนที่เธอไปถึงนังเด็กหน้าเหม็นเจินเจินกำลังคุยอยู่กับกระต่าย ก่อนที่เธอจะคิดหาทางหลอกล่อเจินเจินออกไป เด็กคนนั้นกลับวิ่งออกไปหาหญ้ามาให้กระต่ายกินเสียเอง
เหอเสวี่ยฉินตัดสินใจในทันที เปิดประตูรังแล้วอุ้มกระต่ายไว้ในอ้อมแขน ใครจะรู้ว่าเจินเจินจะกลับมาเร็วขนาดนั้น เธอเพิ่งจะเอากระต่ายออกมา เจินเจินก็กลับมาแล้ว เหอเสวี่ยฉินรีบหลบไปซ่อนตัวอยู่หลังกองฟาง จากนั้นก็ได้ยินเสียงเจินเจินร้องไห้เรียกสวี่จือจือกับลู่ซือหยวนมา
เหอเสวี่ยฉินกำลังคิดว่าจะแก้ตัวเื่นี้ยังไงดี จู่ๆ ก็รู้สึกอุ่นวาบที่ท้อง กระต่ายที่เธออุ้มอยู่กลับคลอดลูกออกมาเสียอย่างนั้น
ถึงแม้เหอเสวี่ยฉินจะเคยมีลูกมาแล้ว แต่ตอนนั้นเธอกำลังใ เมื่อเห็นของเหลวสีแดงฉานแบบนั้น ก็เหมือนกับว่าภาพในอดีตเมื่อหลายปีก่อนหวนกลับมา เธอใจนทำกระต่ายหลุดมือแล้วกรีดร้องออกมา
ซวยจริงๆ เสียงร้องของเธอนั่นแหละที่ทำให้ตัวเองถูกเปิดโปง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสบเข้ากับดวงตาที่เ็าของสวี่จือจือ เหอเสวี่ยฉินก็อดไม่ได้ที่จะขดตัว
“น้าเหอ” สวี่จือจือพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณน้าเชื่อเื่เวรกรรมไหมคะ?”
เวรกรรม? เธอไม่เชื่อเื่เวรกรรมอะไรทั้งนั้น
“อย่ามาขู่ฉันซะให้ยาก” เหอเสวี่ยฉินแสร้งทำเป็ใจเย็น “ฉันแค่มาดูกระต่าย อยากจะหยอกล้อมันเล่น ใครจะรู้ว่าเด็กคนนี้กลับร้องโวยวายว่ากระต่ายหายไป ที่ฉันหลบก็เพราะกลัวพวกเธอจะเข้าใจฉันผิด” เหอเสวี่ยฉินอธิบาย “ฉันไม่ได้อยากจะกินมันจริงๆ นะ ใครจะรู้ว่ามันจะมาคลอดลูกเอาตอนนี้” ซวยชะมัด
“เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ” เหอเสวี่ยฉินพูดอย่างรังเกียจ
“หนูเชื่อนะคะ” สวี่จือจือพูดอย่างใจเย็น “น้าเหอ รอรับกรรมได้เลย”
“ถุ้ย” เหอเสวี่ยฉินหน้าบึ้ง “อย่ามาแช่งฉันแถวนี้ บอกแล้วไงว่าฉันแค่มาดูกระต่าย” พูดจบก็รีบวิ่งหนีไป แต่ทว่าตอนที่เดินผ่านธรณีประตูสวนหลังบ้านด้วยความรีบร้อน เธอสะดุดล้มลงไปกองกับพื้น
“ฟันฉัน” เธอเอามือกุมปากร้องห่มร้องไห้
บังเอิญเหลือเกิน ตอนที่ล้มลงไปนั้น ริมฝีปากของเธอไปกระแทกเข้ากับก้อนหินที่พื้น ฟันหน้าหัก เืไหลออกมา
เธอหันขวับไปมองสวี่จือจือด้วยความโกรธ
“เวรกรรม”
เด็กสาวพ่นสองคำนี้ออกมาอย่างแ่เบา
เหอเสวี่ยฉินรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว ตกลงแล้วสวี่จือจือเป็ตัวหายนะอะไรกันแน่! หรือว่าอีกฝ่ายรู้เื่ราวในอดีต?
เป็ไปไม่ได้!
เื่ราวบางเื่คนที่รู้ก็ตายไปแล้ว หรือไม่ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ แม้แต่นังโง่หวังซิ่วหลิงก็รู้แค่ว่าสวี่จือจือไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของหล่อน ส่วนเื่อื่นๆ ก็ไม่รู้อะไรเลย แล้วเื่อื่นๆ จะเป็ไปได้ยังไง?
“ไปดูกระต่ายกันเถอะ” ลู่ซือหยวนดึงสวี่จือจือแล้วหันไปบอกเจินเจิน “ไปบอกคุณย่าที่หน้าบ้านหน่อยนะว่าเจอกระต่ายแล้ว”
กระต่ายก็ใเช่นกัน มันไปก่อกรรมทำเข็ญอะไรไว้กันแน่ เดิมทีอยู่ในรังดีๆ เตรียมตัวจะคลอดลูกน้อยๆ กลับโดนเหอเสวี่ยฉินจับออกมา เมื่อกี้ก็ยังถูกอีกฝ่ายโยนลงบนพื้นอีกด้วย
รอจนสวี่จือจือกับลู่ซือหยวนเดินเข้าไปก็เห็นมันนอนจมกองเือย่างน่าสงสาร ลูกกระต่ายสามตัวก็นอนอยู่ตรงนั้นอย่างน่าเวทนา
“เวรกรรมจริงๆ” ลู่ซือหยวนอุ้มกระต่ายขึ้นมาอย่างระมัดระวัง “แล้วแบบนี้จะทำยังไงดี?” มันจะไม่ตายใช่ไหม!
จากนั้นก็เอากระต่ายใส่เข้าไปในรัง ให้น้ำอุ่นๆ กับมัน สถานการณ์ของกระต่ายดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
“หล่อนทำไมถึงใจร้ายได้ขนาดนี้นะ” ลู่ซือหยวนพูด
สวี่จือจือมองไปที่ห้องของเหอเสวี่ยฉินอย่างเ็า แล้วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“เธอจะทำอะไร?” ลู่ซือหยวนถามอีกฝ่าย
“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยค่ะ” สวี่จือจือยิ้ม แต่กลับเก็บเศษฟางที่เปื้อนเืขึ้นมา
ลู่ซือหยวนเอาใจใส่กระต่าย จึงไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ของอีกฝ่าย
กล่าวถึงเหอเสวี่ยฉิน พอกลับเข้าไปในห้องก็เอามือกุมปากดู พบว่าฟันหน้าหักไปซี่หนึ่ง ก็โกรธจนแทบคลั่ง
เธอทนความเ็ปเปลี่ยนเสื้อผ้า ดีที่เสื้อผ้าโพลีเอสเตอร์ตัวนั้นไม่เป็อะไรไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นคงเสียดายแย่
เพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ได้ยินเสียงโจวเป่าเฉิงเรียกเธออยู่ในสวน
“มีอะไรเหรอ?” เธอเปิดประตูถาม
“คุณแม่เป็อะไรไป?” โจวเป่าเฉิงใ “หน้าคุณแม่ แล้วก็ผม...” ดูน่ารังเกียจอยู่บ้าง
“อันฉินบอกว่าถึงแม้พวกเราจะเป็คนบ้านนอก แต่ก็ต้องรักษาความสะอาด” โจวเป่าเฉิงพูด “คุณแม่ บนผมเหนียวเหนอะหนะมันคืออะไรครับ? ทำไมมันถึงเหนียวล่ะ?”
เขาพูดจบก็เอามือแตะผมของเหอเสวี่ยฉิน มีคราบเือยู่ด้วย
“แกลงมาทำไม?” เหอเสวี่ยฉินถาม “ไม่ได้บอกว่าจะไปที่ศูนย์พักของยุวปัญญาชนหรือไง?”
ตอนนี้ลูกชายดีขึ้นแล้ว แต่ทุกวันไม่วิ่งไปที่ศูนย์พักของยุวปัญญาชนก็จับมือกับอันฉินเล่นอยู่ที่ริมแม่น้ำ ไม่ละอายใจบ้างเลย ยังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะ
“ไม่ใช่นะครับ” โจวเป่าเฉิงเกาหัวอย่างเขินอาย “อันฉินเป็ประจำเดือน ผมรู้ว่าที่นี่มีน้ำตาลทรายแดง ผมจะเอาไปชงน้ำตาลทรายแดงให้หล่อนกิน”
ดูสิ นี่คือลูกชายของเธอจริงๆ หรือเปล่า? นี่มันแบบอย่างของคำว่าได้เมียแล้วลืมแม่ชัดๆ
“คุณแม่” โจวเป่าเฉิงเห็นเธอมองด้วยสายตาไม่พอใจก็พูดว่า “คุณแม่ไม่ได้บอกเหรอว่าจะให้ผมกับหล่อนสร้างความสัมพันธ์ที่ดีๆ ต่อกัน? ทำไมถึงได้หวงน้ำตาลทรายแดงแค่นี้ด้วย”
“น้ำตาลทรายแดงนี่เก็บไว้ให้น้องสาวแกกินตอนไม่สบาย” เหอเสวี่ยฉินรู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่ก็หยิบออกมาให้ “เอาไปสิ เอาไปเท่านี้แหละ”
“คุณแม่” โจวเป่าเฉิงพูดอย่างใจร้อน “หลิงซานยังเด็ก กินน้ำตาลทรายแดงทำไม? เอามาให้ผมหมดเลย” ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็หยิบเอาน้ำตาลทรายแดงที่เหลือทั้งหมดจากมือของเหอเสวี่ยฉินไป
“เฮ้อ...” เหอเสวี่ยฉินยังพูดไม่ทันจบ โจวเป่าเฉิงก็วิ่งหายไปแล้ว เธอโกรธจนแทบตาย! ทำไมเธอถึงได้ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตแบบนี้ออกมาได้นะ
“คุณแม่” โจวเป่าเฉิงวิ่งกลับมาอีกครั้ง เหอเสวี่ยฉินดีใจมที่ลูกชายยังคงรู้ความ ก็ได้ยินลูกชายที่ ‘รู้ความ’ ของเธอพูดว่า “เื่จักรยานคุณแม่ต้องเร่งเขาหน่อยนะ แล้วก็โควต้าโรงเรียนอีก ไม่ใช่ว่าอีกไม่กี่วันก็จะลงมาแล้วเหรอ? นี่มันเปิดเทอมไปแล้วนะครับ”
“เป่าเฉิง” เหอเสวี่ยฉินเรียกเขาไว้ “เื่จักรยานพวกเรายกเลิกได้ไหม?”
“อะไรนะครับ?” โจวเป่าเฉิงหน้าเสียทันที “แล้วแม่จะให้ผมเป็คนที่ไม่รักษาสัญญาเหรอ? หรือว่าแม่คิดว่าผมเป็ลูกติด ั้แ่เล็กจนโตก็สู้ลู่จิ่งซานไม่ได้ ดังนั้นการแต่งงานก็ต้องด้อยกว่าด้วยเหรอ?”
พวกเราไปอยู่ที่เพิงข้างบ้านแล้วยังไม่พออีกหรือไง? ถ้าอย่างนั้นการแต่งงานของผมจะมีความหมายอะไร!”
.............................