“บังอาจ!”
เพิ่งสิ้นเสียงของเสิ่นเสวียน เหลยป้าเทียนพลันะโออกมาทันที แรงกดดันมหาศาลพุ่งเข้าใส่ร่างของพวกเสิ่นเสวียนในฉับพลัน แรงกดดันครั้งนี้เทียบครั้งก่อนไม่ได้ มันผสมผสานเจตจำนงสังหารอันเข้มข้นเอาไว้ด้วย แม้แต่อี้เกินหูที่เป็ขั้นบรรพบุรุษระดับสูงสุดยังสีหน้าเปลี่ยนไปในทันทีทั้งยังถอยหลังไปสองก้าว
ส่วนเสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียนที่โดนพลังปะทะโดยตรงพากันล้มลงและโดนกดอยู่กับพื้น มิอาจขยับร่างได้เลย
“เ้ารู้ไหมว่าเ้ากำลังพูดอยู่กับใคร”
สองเท้าของเหลยป้าเทียนค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้น เขาไพล่มือสองข้างไว้ด้านหลัง ลอยอยู่ในมิติสูงจากพื้นประมาณหนึ่งจั้ง แรงกดดันพุ่งเข้าปกคลุมร่างของเสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียนไปทุกส่วน
ทว่าแรงกดดันมหาศาลนี้กลับควบคุมเสิ่นเสวียนไม่ได้ และควบคุมเริ่นเสี้ยวเทียนไม่ได้เช่นกัน ทั้งสองคนในตอนนี้ดูเหมือนอ่อนปวกเปียก ทว่าพวกเขาแค่แสร้งทำเท่านั้น
“ผู้นำตระกูลเหลย จ้าวแห่งเมืองเสียเยว่”
เสิ่นเสวียนโดนกดอยู่ที่พื้น เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย
“ในเมื่อรู้แล้วยังกล้ากล่าวเช่นนี้กับข้าอีก การมีชีวิตอยู่มันเหนื่อยมากนักใช่ไหม”
“ข้าเพียงกล่าวเื่จริงเท่านั้น เพราะรักษาไม่ได้แล้วจริงๆ เขากลายเป็คนทึ่มไปแล้ว”
เสิ่นเสวียนโดนอีกฝ่ายกดร่างไว้ เป็ฝ่ายเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง แต่น้ำเสียงของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่ายเลย อีกทั้งเขายังมีเป้าหมายของเขาด้วย
“ทำร้ายลูกชายข้า ตอนนี้ยังบอกข้าว่ารักษาไม่ได้อีกอย่างนั้นหรือ พวกเ้าถอยออกไปก่อน”
เหลยป้าเทียนกล่าวกับผู้าุโเ่าั้
“ขอรับ”
ผู้าุโเ่าั้ต่างรู้สึกโล่งใจ เพราะพวกเขารู้ว่าหลังจากนี้ท่านผู้นำต้องบันดาลโทสะออกมาอย่างแน่นอน ได้ออกห่างไปนับเป็ทางเลือกที่ดีที่สุด
เพียงไม่นาน คนตระกูลเหลยที่ล้อมรอบอยู่ต่างพากันเคลื่อนย้ายออกไป เหลือเพียงเสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียนที่นอนหมอบอยู่กับพื้น โดนแรงกดดันของเหลยป้าเทียนกดทับร่างไว้
“ว่ามา อยากให้จัดการอย่างไร”
เสียงของเหลยป้าเทียนดังขึ้นอีกครั้งในขณะเดียวกันกับที่สะบัดมือออกไป พลังรุนแรงพลันพุ่งออกไปทุกทิศทางผนึกมิติโดยรอบเอาไว้ ทำให้ที่นี่กลายเป็มิติปิดตายที่เหลือเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้น
“ท่านผู้นำตระกูลเหลย ข้าพอมีอยู่วิธีหนึ่ง”
เสิ่นเสวียนครุ่นคิดพลางกล่าว
“ว่ามา”
“ใช้ิญญาแลกิญญา จิติญญาของคุณชายได้รับความเสียหาย หากใช้จิติญญาแลกจิติญญา เติมจิติญญาเข้าไปให้มากพออาจมีโอกาสรักษาได้”
“เช่นนั้นก็ดี ใช้เขาแล้วกัน”
เหลยป้าเทียนหันมองเริ่นเสี้ยวเทียน กล่าวเสียงเรียบ
“อย่านะ ใช้ข้าไม่ได้หรอก” เริ่นเสี้ยวเทียนอุตส่าห์ทำเป็ไม่สนใจ ไม่รู้เื่รู้ราว ทว่าเสิ่นเสวียนกับเหลยป้าเทียนคุยกันไปมาแล้วผลกลับตกลงมาที่เขาเสียได้
เสิ่นเสวียนเห็นดังนั้นจึงกล่าวขึ้นทันที “ท่านผู้นำตระกูลเหลยอาจเข้าใจผิดไป การใช้ิญญาแลกิญญาต้องมีสายสัมพันธ์ต่อกันจึงจะทำได้ และต้องเป็ท่านด้วย”
“บังอาจ!”
เมื่อได้ยินคำของเสิ่นเสวียนทำให้เหลยป้าเทียนโกรธขึ้นมาอีกครั้ง คุยกันมาตั้งนานอีกฝ่ายยังกล้าหลอกเขาอีก เขามีพลังยุทธ์ระดับไหนแล้ว จะต้องเสียจิติญญาของตนเพื่อคนไร้ประโยชน์ผู้หนึ่งอย่างนั้นหรือ
เดิมทีเหลยป้าเทียนยังคิดหยอกล้อกับพวกเสิ่นเสวียนอยู่ คนที่ทำให้ขั้นบรรพบุรุษผู้หนึ่งาเ็ได้อย่างง่ายดายจะใช่คนธรรมดาที่ไหนกัน ตอนที่เห็นพวกเสิ่นเสวียนแล้วพบว่าอีกฝ่ายเป็เพียงเด็กหนุ่มเท่านั้น ยิ่งทำให้เขาเกิดความระแวดระวังขึ้นอย่างอดไม่ได้ อายุยังน้อยกลับมีความสามารถขนาดนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นเขาจึงอยากหารือกับอีกฝ่ายดีๆ หากสามารถรักษาได้ก็ยังพอตกลงกันได้ ใครจะไปคาดคิดว่าสองคนนี้จะไม่เห็นค่า
ตอนนี้เขาจะตรวจสอบตื้นลึกหนาบางของอีกฝ่ายอีกครั้ง หากยังไม่บอกมาก็คงต้องสังหาร หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้วจะไม่มีใครรู้ว่าเป็ฝีมือของเขา
ทันใดนั้นแรงกดดันบนร่างเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้พวกเสิ่นเสวียนลุกยืนได้อีกครั้ง
“ท่านผู้นำตระกูลเหลย พวกข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ หากรู้ว่าเป็ลูกชายของท่าน พวกข้าไม่มีทางทำอย่างเด็ดขาด” เริ่นเสี้ยวเทียนลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวอ้อนวอนเป็อย่างแรก
“เฮอะ! บอกมา พวกเ้ามาจากไหน”
เหลยป้าเทียนน้ำเสียงอ่อนลงกว่าเดิมมาก เขาไม่ได้สนใจว่าลูกชายตนเองถูกทำร้าย หากสามารถผูกมิตรกับอำนาจเื้ัของเสิ่นเสวียนได้เพราะเหตุนี้ก็ใช่ว่าจะเป็เื่ไม่ดี หากลูกชายคนหนึ่งต้องกลายเป็คนไร้ประโยชน์เพื่อแลกเปลี่ยนกับเส้นสายอำนาจ เช่นนั้นก็คุ้มค่าแล้ว
“พวกข้า... มาจากแดนไกล”
เริ่นเสี้ยวเทียนครุ่นคิดก่อนจะกล่าว
“แดนไกลคือที่ไหน บอกมาตระกูลเ้าคือตระกูลใด ข้าอาจไว้ชีวิตพวกเ้า”
“เ้าว่ามา”
เหลยป้าเทียนหันมองเสิ่นเสวียน เมื่อเทียบกันแล้วเขาสนใจเสิ่นเสวียนมากกว่า
เสิ่นเสวียนปรายตามองเริ่นเสี้ยวเทียน ถึงตอนนี้แล้วอีกฝ่ายยังปิดปากเงียบและยังไม่ให้สัญญาณใดๆ ต่อเขาอีก เขาจึงหันกลับมามองเหลยป้าเทียน
“ตอนออกเดินทาง ผู้าุโในตระกูลบอกข้าไม่ให้ข้าเปิดเผยตระกูลออกไป มิเช่นนั้นแผ่นดินอาจไร้ความสงบสุข”
เสิ่นเสวียนโกหกออกไปคำโต ไปคิดเอาเองก็แล้วกัน
“หืม? แผ่นดินอาจไร้ความสงบสุข?”
เหลยป้าเทียนมองเสิ่นเสวียนอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งพลางทำสีหน้าสงสัย แม้ตระกูลเหลยจะแข็งแกร่งมาก แต่หากเทียบกับอำนาจระดับสูงในทวีปแล้ว พวกเขายังคงเปราะบางมากอยู่ดี อำนาจที่อาจทำให้แผ่นดินไม่สงบสุขที่อีกฝ่ายกล่าวถึงไม่ใช่ว่าไม่มีอยู่จริง
แต่เขาจะเชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งที่เสิ่นเสวียนกล่าวมาเป็เื่จริง หากเป็เื่หลอกลวง ตนเองจะไม่โดนเด็กถอนหงอกเอาหรอกหรือ และยังถูกตราหน้าว่าโง่เขลาอีกต่างหาก
“ใช่แล้ว พวกข้ามาอย่างเป็มิตร อย่าทำให้คุณชายของข้าโกรธเลย ไม่เช่นนั้นตระกูลเหลยของพวกเ้าถึงตายก็ยังไม่พอชดใช้”
เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวเสริมเข้าไปอีก
เดิมทีคำของเสิ่นเสวียนทำให้เหลยป้าเทียนสีหน้าเปลี่ยนไปได้เล็กน้อยแล้ว แต่เมื่อเริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวขึ้นมา เสิ่นเสวียนพลันหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง
ไม่ได้เื่!
ความสูงส่งและเยือกเย็นของตระกูลยิ่งใหญ่โดนเริ่นเสี้ยวเทียนด้อยค่าไปในประโยคเดียว
“เฮอะ! เสแสร้ง แสดงต่อไปเถอะ!”
เป็อย่างที่คาดไว้ เหลยป้าเทียนได้ยินคำของเริ่นเสี้ยวเทียน สีหน้าของเขาฉายแววเหยียดหยามออกมาทันที เขาปรายตามองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเย็น
“เ้าไม่เชื่อ? เหอๆ ไร้เดียงสาเสียจริง”
เริ่นเสี้ยวเทียนเหมือนยังไม่สังเกตเห็น เขายังคงยิ้มสุขุมออกไป
“ข้าเชื่อว่าพวกเ้ามาจากอำนาจที่ไม่ได้ต่ำต้อย แต่แล้วอย่างไรล่ะ ข้าสังหารพวกเ้าได้อย่างเงียบเชียบ ไม่มีใครรู้อยู่แล้ว” เหลยป้าเทียนค่อยๆ ลอยต่ำลงไปยืนอยู่บนบันไดอีกครั้ง มองพวกเสิ่นเสวียนที่อยู่ด้านล่าง
“พวกข้ารู้ซึ้งดีถึงฝีมือของท่านผู้นำตระกูลเหลย แต่ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าก่อนหน้านี้พวกข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคุณชาย ทว่าหากท่านผู้นำตระกูลแข็งกร้าว พวกข้าเองก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน”
เสิ่นเสวียนยืนอยู่ตรงนั้น ไอพลังแข็งแกร่งพลุ่งออกมาในทันที มันไม่ใช่พลังธรรมดา แต่เป็การแสดงอำนาจของผู้แข็งแกร่ง
เหลยป้าเทียนคิดว่าตนฝึกฝนอยู่ในระดับที่สูงมากแล้ว มีไอพลังที่หนาหน่นมาก แต่เมื่อััได้ถึงไอพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเสิ่นเสวียนกลับทำให้เขารู้สึกละอายใจเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว และยังทำให้เขาต้องมองเสิ่นเสวียนใหม่
เด็กหนุ่มตรงหน้าผู้นี้ไม่เหมือนกับที่เขาคาดไว้เลย ตอนนี้อีกฝ่ายยังไม่ได้จริงจังใดๆ หากเขาจริงจังขึ้นมาแล้วต้องสู้กันต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“เหอๆ ทำไม จะขู่ข้าอย่างนั้นหรือ”
“หาได้กล้าข่มขู่ท่าน ที่ทำร้ายคุณชายเป็ความผิดของพวกข้า แต่ข้ายินยอมร่วมมือกับท่านผู้นำตระกูลเหลย ท่านจะยินยอมหรือไม่”
“อ้อ? ร่วมมืออย่างนั้นหรือ ไหนลองว่ามา”
“ท่านผู้นำตระกูลเหลยมีอาการปวดกระดูกสันหลังข้อที่สามและสี่ทุกๆ หนึ่งชั่วยามใช่หรือไม่ เป็อาการปวดที่ยากจะรับมือไหว ยิ่งไปกว่านั้น ่นี้ยังมีแนวโน้มจะลุกลามไปยังกระดูกสันหลังข้อที่ห้าอีกด้วย”
เสิ่นเสวียนมองเหลยป้าเทียนพลางกล่าวเสียงเรียบ
เมื่อเสิ่นเสวียนกล่าวจบ ทุกอย่างพลันเงียบกริบราวกับที่นี่ไร้สิ่งมีชีวิต เหลยป้าเทียนหรี่ตามองเสิ่นเสวียนเล็กน้อย แม้ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่ภายในใจกลับสะท้านด้วยความใ
เขารู้ได้อย่างไร เขาเป็ใครกันแน่ คำถามมากมายผุดขึ้นในจิตใจของเขาอย่างรวดเร็ว
“เ้าหนู เชิญด้านใน”
จากนั้น เหลยป้าเทียนทำท่าทางผายมือเชิญชวนเสิ่นเสวียน