หลานซื่อเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ สีหน้าของนางก็ผ่อนคลายลง นางกล่าวด้วยเสียงต่ำ “ที่แท้ก็เป็มู่เอ๋อร์”
“พี่หญิง” หลิงจื่อเฉิงเรียกนางอย่างน่าเอ็นดู
หลิงมู่เอ๋อร์ััไปที่ใบหน้าเล็กๆ ของหลิงจื่อเฉิง “เหตุใดเฉิงเอ๋อร์จึงไม่มาเล่นกับพี่หญิงบ้างเลย?ท่านป้าของเ้าคิดถึงเ้ามากทีเดียว”
หลิงจื่อเฉิงหน้าแดงระเรื่อ ที่บ้านของพี่หญิงมีอาหารอร่อย คราวที่แล้วเขากินอย่างมีความสุขมาก แต่ท่านแม่บอกว่าครอบครัวของพี่หญิงเป็คนดี พวกเขาอย่าใช้ความใจดีมีเมตตาของผู้อื่นเป็เหตุผลในการเอาเปรียบผู้อื่นอย่างเด็ดขาด ชีวิตความเป็อยู่ของครอบครัวพวกเขาเองก็ไม่ได้ง่าย อย่าได้ไปรบกวนชีวิตของพวกเขาเลยดีกว่า
“การค้าในร้านดีถึงเพียงนั้น เหตุใดเ้าถึงไม่ไปช่วยงานที่ร้านเล่า?” หลานซื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เดิมทีหลิงมู่เอ๋อร์คิดจะกล่าวว่า ในร้านมีข้ารับใช้อยู่หลายคนไม่จำเป็ต้องให้นางช่วย ทว่าทันใดนั้นสมองของนางก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา ความคิดนั้นทำให้นางเปลี่ยนคำพูดใหม่
“ก็มิใช่ว่าอาสะใภ้เล็กจะไม่รู้นิสัยของข้า ไหนเลยข้าจะอยู่นิ่งๆ ได้เล่าเ้าคะ?ข้าคนนี้ทำเื่อย่างอื่นได้ดี แต่งานประณีตละเอียดอ่อนเ่าั้ข้าไม่มีพร์เลยแม้แต่น้อย ถ้าอยู่ในห้องครัว ไม่ทำจานตกแตกก็ทำถ้วยแตก อยู่ในห้องโถงใหญ่ เพียงแค่รินน้ำชาให้แขกก็ทำให้อาภรณ์ของแขกนั้นสกปรกได้ ข้าไม่อยู่ภายในร้านยังดีเสียกว่า หากเข้าไปเมื่อใดก็มีแต่ไปสร้างความวุ่นวายเพิ่มให้กับพวกเขา โชคดีที่ข้าดูสมุดบัญชีเป็ ต่อไปเื่สมุดบัญชีในร้านก็มอบให้เป็หน้าที่ของข้า เื่อื่นๆ นั้นก็อย่าได้มามอบหมายให้ข้าเลยเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยด้วยท่าทางที่หวาดผวา
หลานซื่อมองหลิงมู่เอ๋อร์อย่างอิจฉา ร้านค้าใหญ่โตถึงเพียงนั้น ทั้งการค้ายังดีมาก ครอบครัวพวกเขานับว่าอดทนก้าวผ่าน่เวลาที่ลำบากมาได้แล้ว ก่อนหน้านี้หวังซื่อบ้าคลั่งอยากที่จะทำร้ายครอบครัวพวกเขา พวกเขาล้วนได้รับความหวาดกลัว แต่นับว่าโชคดีที่ไม่ได้เกิดเื่อันใดขึ้น พวกเขาผ่านเื่ร้ายมาและได้พบกับเื่ดีแล้ว ถ้าหากนางสามารถหลุดพ้นจากสกุลหลิงได้ ต่อให้นางแขนขาดขาหักก็ยอม
“ท่านพ่อท่านแม่และพี่ชายของเ้าก็อยู่ในร้าน ถึงแม้เ้าจะทำเื่สิ่งใดไม่ได้ไปบ้าง แต่คาดว่าพวกเขาก็คงสามารถรับมือได้อย่างแน่นอน” ในด้านความขยัน หยางซื่อนับว่าเป็สะใภ้ที่ขยันขันแข็งที่สุดในบรรดาสะใภ้ทั้งหมดและยังหัวไวมือคล่องที่สุดอีกด้วย เพราะเมื่อก่อนเคยแต่งงานเป็ถงหย่างสี ได้รับการเคี่ยวกรำไม่น้อยมาั้แ่เด็ก งานในบ้านนอกบ้านนางล้วนเป็นางที่ทำทั้งหมด
เมื่อก่อนหลานซื่อถูกท่านพ่อกับท่านแม่ตามใจจนเสียนิสัยไปแล้ว ทำอันใดไม่เป็สักอย่าง ต่อมาได้แต่งให้กับหลิงหลินจึงเริ่มรับรู้ถึงความทุกข์ยากขึ้นมาแล้ว ระยะหลายปีที่ผ่านมานี้ นางได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย แต่ก็ยังสู้หยางซื่อไม่ได้ ถ้าเป็ไปได้ หลานซื่อยินดีที่จะไปมาหาสู่กับหยางซื่อให้มากขึ้น แต่น่าเสียดาย… ตอนนี้พวกเขาได้แยกบ้านไปแล้ว แม้แต่โอกาสที่จะได้ไปมาหาสู่กันก็ยังไม่มีเลย
หลิงมู่เอ๋อร์รู้ว่าการกล่าวเป็นัยเช่นนี้กับหลานซื่อนั้นไร้ประโยชน์ เพราะหลานซื่อไม่ได้เข้าใจความหมายที่อย่างแท้จริงของนาง ดูเหมือนว่า นางจำต้องกล่าวอย่างตรงไปตรงมาเสียแล้ว
“อาสะใภ้เล็ก ที่ร้านของพวกเราขาดแคลนคน จึงคิดที่จะไปเปิดรับสมัครคนจากข้างนอกสักสองสามคน วันนี้ได้พบกับท่านแล้ว ข้ากลับมีความคิดอีกแบบหนึ่ง ท่านลองคิดดูว่าเช่นนี้จะพอใช้ได้หรือไม่…” หลิงมู่เอ๋อร์กดน้ำเสียงต่ำลงและกล่าวกับหลานซื่อว่า “ท่านมาช่วยทำงานที่ร้านของพวกข้า ค่าจ้างเดือนละสองร้อยอีแปะ”
หลานซื่อมองหลิงมู่เอ๋อร์อย่างตกตะลึง “มู่เอ๋อร์ เ้าจะจ้างข้าทำงานหรือ?”
“ใช่แล้วเ้าค่ะ!พวกเรารู้เบื้องลึกเื้ักันดี แทนที่จะเรียกใช้คนนอก คนกันเองย่อมไว้ใจได้มากกว่าแน่นอนเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์มองหลานซื่อด้วยรอยยิ้ม
หลานซื่อซาบซึ้งใจจนรอบดวงตาแดงระเรื่อ นางอยากที่จะตอบตกลง ค่าจ้างเดือนละสองร้อยอีแปะเชียวนะ!สามารถทำให้พวกนางสองแม่ลูกใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายได้เลย
แต่ว่า นางไม่อาจทำได้
ถึงแม้ว่าจะหาเงินได้ กลับไปก็ต้องมอบให้กับหวังซื่อ พวกนางสองแม่ลูกก็ยังคงต้องใช้ชีวิตอย่างอัตคัดขัดสนเหมือนเดิม
ถ้าสามารถออกไปจากครอบครัวนั้นได้ก็คงจะดีมาก
ด้วยความจิตใจดีมีเมตตาของพี่สะใภ้สาม หยางซื่อคนนั้น จะต้องยินดีที่จะช่วยเหลือพวกนางอย่างแน่นอน กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ว่าพวกเขาพี่สะใภ้สามจะไม่ยินยอม แต่มารดาแท้ๆ ของนางเองก็ต้องช่วยตนเองอยู่แล้ว ถึงตนเองจะยากลำบากเพียงใดก็คงไม่มีทางอยู่ในสภาพแบบในตอนนี้อย่างแน่นอน ระยะหลายปีมานี้ ทุกปีมารดาของนางจะต้องส่งสิ่งของมาให้นางไม่น้อย สิ่งของเ่าั้เกือบทั้งหมดก็ตกอยู่ในปากของคนในบ้านนั้น นางกับเฉิงเอ๋อร์ไม่ได้กินอะไรเลยแม้แต่น้อย บางครั้งนางอยากจะบอกกล่าวแก่ท่านพ่อท่านแม่เสียจริงๆ ว่าอย่าได้สิ้นเปลืองสิ่งของอีกเลย เก็บไว้ให้ตนเองกินเถิด! แต่ว่าท่านพ่อท่านแม่ยังยืนกรานที่จะส่งมาให้ได้ ต่อให้พวกเขาจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วสิ่งของพวกนั้นจะตกอยู่ในท้องของหวังซื่อคนบ้านนั้น พวกเขาก็ยังจำเป็ต้องส่งมาให้ เพราะถ้าหากไม่ส่งมา ชีวิตของพวกนางสองแม่ลูกสองคนก็ยิ่งจะแย่ไปมากกว่านี้
หรือบางที นางควรที่จะคิดใคร่ครวญเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ความยากลำบากนี้ ทางออกคือตนเองต้องเดินออกมา พวกเขาพี่สะใภ้สามสามารถหลุดพ้นจากรังโจรนั้นได้ นางก็สามารถทำได้เช่นกัน
ขอเพียงแค่สามารถออกจากที่นั่นได้ นางก็ไม่้าอะไรทั้งนั้น เพียงแค่้าพาเฉิงเอ๋อร์ไปด้วยเท่านั้นก็พอ
หย่า
เป็ครั้งแรกที่หลานซื่อมีความคิดที่จะหย่า
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดออกมา ก็เหมือนกับต้นกล้าอ่อนที่แตกหน่อและปีนป่ายต่อยอดทีละนิดๆ ค่อยๆ ปีนสูงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งคิดนางยิ่งไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ภาพท่าทางที่กินอาหารในร้านอย่างมีความสุขเมื่อไม่กี่วันก่อนของหลิงจื่อเฉิงปรากฏขึ้นมาในหัว ใบหน้าเล็กๆ ของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเบิกบาน ในขณะนั้นเอง นางรู้สึกเ็ปใจมากจริงๆ
นางกำลังคิดว่า นางช่างไม่ใช่มารดาที่ดีจริงๆ บุตรของนางั้แ่ลืมตาดูโลกจนถึงตอนนี้ ก็ไม่เคยได้มีชีวิตที่มีความสุขเลยสักวัน เขาอายุเท่ากันกับหลิงสี่ แต่หลิงสี่สูงกว่าเขา มองดูแล้วเขาเหมือนกับเด็กที่มีอายุสองสามปีเท่านั้น ทว่าเด็กคนนี้กลับรู้ความมาก ทุกครั้งก็คอยหันหลังกลับมาปลอบใจนาง
เพื่อบุตรชายแล้ว นางไม่อาจมีชีวิตอยู่แบบนี้ต่อไปได้อีกแล้ว นางจำต้องคิดหาวิธี
“มู่เอ๋อร์ ให้เวลาอาสะใภ้สักหนึ่งเดือน ถ้าอาสะใภ้จัดการเื่เ่าั้เรียบร้อยแล้วค่อยมาทำงานกับเ้า” หลานซื่อคิดดีแล้ว ความมืดมนในดวงตาพลันมลายหายไป ดวงตาคู่นั้นดูมีชีวิตชีวาขึ้น เดิมทีนางก็มีหน้าตาสะสวย มิเช่นนั้นก็คงไม่ถูกหลิงหลินหมายตาเอาไว้ หลายปีมานี้ได้รับความทุกข์ระทมมามากพอดูจึงทำให้ดูไร้ชีวิตชีวาหมดอาลัยตายอยาก ณ เวลานี้ ราวกับว่าเมฆหมอกได้มลายหายไปแล้วพบกับแสงสว่าง นางมีชีวิตชีวาและกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก
หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้ม “ตกลงเ้าค่ะ”
“จริงสิ วันนี้หวังซื่อและฟางซื่อเข้ามาในเมือง เ้าได้พบพวกเขาหรือไม่?” หลานซื่อขมวดคิ้วพลางกล่าว
“ได้พบแล้วเ้าค่ะ พวกนางทานอาหารที่ร้านพวกข้าแล้วไม่จ่ายเงิน” มุมปากของหลิงมู่เอ๋อร์กระตุกยกขึ้น
“แล้วเ้ายังจะอยู่ที่นี่อีก?คนในบ้านพวกเ้าล้วนเป็คนซื่อตรง มีเพียงแต่เ้าเท่านั้นที่สามารถหยุดพวกเขาได้ เ้ายังไม่รีบกลับไปอีก?” หลานซื่อจ้องไปที่นางพลางกล่าว
หลิงมู่เอ๋อร์จับมือเล็กๆ ของหลิงจื่อเฉิง ยิ้มพลางกล่าวว่า “เฉิงเอ๋อร์ หิวแล้วกระมัง?พี่สาวจะพาเ้าไปทานของอร่อย”
หลานซื่อเห็นท่าทางราวกับไม่ใช่เื่สลักสำคัญอันใดของนางก็อดที่จะร้อนใจไม่ได้ “เ้าไม่ได้ยินสิ่งที่ข้ากล่าวหรือ? หรือว่าแม้แต่เ้าเองก็กลัวพวกเขา?นี่ไม่ถูกต้อง!เ้าคงไม่ได้ถูกทำให้กลัวได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ จริงๆ แล้วเกิดอันใดขึ้นกันแน่?”
“ท่านอาสะใภ้เล็ก มีคำกล่าวไว้ว่าไม่พบสามวันกลายเป็อื่น [1] ” หลิงมู่เอ๋อร์เงยหน้ามองไปที่หลานซื่อ “ท่านพ่อท่านแม่ของข้าอาจไม่สนใจตนเองได้ แต่ไม่อาจไม่สนใจลูกๆ ของตนเองอย่างแน่นอน คราวที่แล้วพี่ชายข้าถูกทำร้ายจนเกือบจะพิการ และพวกเขาเองก็เกือบถูกตีเจียนตาย ดังนั้นแล้วพวกเขาไม่มีทางที่จะให้อภัยหวังซื่อแน่นอนเ้าค่ะ”
“จริงหรือ?คนซื่อตรงอย่างเช่นพ่อแม่เ้า รู้จักโต้ตอบหวังซื่อแล้วจริงๆ หรือ?” หลานซื่อยังคงมีท่าทางที่ยังไม่เชื่ออยู่
“จริงเ้าค่ะ เป็เื่จริงอย่างแน่นอน ไม่เชื่อก็ตามข้าไปดูได้ ตอนนี้น่าจะแยกย้ายกันไปแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว
หลานซื่อไม่ไปดูที่ร้านกับหลิงมู่เอ๋อร์ก็รู้ว่าสิ่งที่หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวนั้นเป็เื่จริง เพราะว่าหวังซื่อถูกเ้าหน้าที่ศาลาว่าการจับตัวไปแล้ว เื่นี้ได้ถูกนำมาพูดในทุกแห่งหนในตัวเมือง มีบางคนกล่าวว่าหลิงต้าจื้อนั้นอกตัญญู ใจคอโหดร้ายเช่นนี้กับมารดาของตนเอง บางคนกล่าวว่าเพราะเมื่อก่อนหวังซื่อปฏิบัติไม่ดีต่อหลิงต้าจื้อ ดังนั้นจึงทำให้แม่ลูกไร้ความผูกพันกัน สรุปแล้ว แต่ละคนต่างมีความคิดเป็ของตนเอง ทว่าเหลาอาหารสกุลหลิงก็นับว่ามีชื่อเสียงอีกแล้ว เพียงแต่ว่าการมีชื่อเสียงคราวนี้ไม่ใช่เื่ดีอะไรสักเท่าไร เื่ดีมักไม่เป็ข่าว ส่วนเื่ไม่ดีกระจายไปพันลี้
“ดูเหมือนว่าพ่อแม่ของเ้าจะเฉลียวฉลาดแล้ว เช่นนั้นข้าก็วางใจได้ ข้ากังวลว่าพวกเขาจะยังคิดไม่ตกเหมือนเมื่อก่อนจริงๆ ” หลานซื่อยกยิ้มขึ้น
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลานซื่อเบาบากมาก หลายปีมานี้นางต้องกดข่มอารมณ์ เด็กสาวที่มีชีวิตชีวาในตอนนั้นกลายเป็สตรีที่จิตใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้น บัดนี้เมฆหมอกในใจของนางได้สลายหายไปแล้ว นางก็กลายเป็คนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา แต่ว่าหลิงมู่เอ๋อร์มีลางสังหรณ์ว่าเื่ที่หลานซื่อ้าไปจากครอบครัวที่มีสภาพความเป็อยู่โหดร้ายนั้นไม่ใช่เื่ง่าย
“เมื่อวานพี่สะใภ้ใหญ่ถูกหวังซื่อตีจนไม่อาจลุกจากเตียงได้” หลานซื่อบอกเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นในระยะนี้ให้หลิงมู่เอ๋อร์ฟัง เื่บางเื่ไม่อาจบอกกล่าวกับคนบ้านเดิมได้ คนในหมู่บ้านที่สามารถพูดคุยกับนางได้นั้นก็มีไม่มาก นึกไม่ถึงเลยว่าครั้นได้พบกับหลานสาวตัวน้อยคนนี้ นางกลับนำพรั่งพรูความขมขื่นทั้งหมดออกมา อาจจะเป็เพราะว่าหลานสาวคนนี้มีท่าทางที่เป็ผู้ใหญ่มากเกินไปแล้วกระมัง!
“ชีวิตของป้าสะใภ้ใหญ่ก็ยากลำบาก” ครอบครัวของท่านลุงใหญ่ล้วนเป็คนซื่อตรง แต่ก็เพราะเป็คนซื่อตรงมากเกินไป โชคดีที่หลิงต้าจื้อยังสามารถที่จะต่อต้านเพื่อภรรยาและลูกได้ แต่ท่านลุงใหญ่กลับไม่กล้า
“ใช่แล้ว!พี่สะใภ้ใหญ่เป็คนดี หลายปีมานี้โชคดีที่ได้นางคอยช่วยเหลือข้า ข้าถึงผ่านพ้นความยากลำบากมาได้” รอบดวงตาของหลานซื่อแดงก่ำ “แต่เหตุใดคนดีถึงไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดีเล่า?”
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นท่าทางของหลานซื่อก็นึกถึงป้าสะใภ้ใหญ่หม่าซื่อขึ้นมา เป็ครั้งแรกที่นางมีความคิดที่อยากจะฆ่าหวังซื่อให้ตายเสีย
“ถึงหน้าประตูแล้ว เข้าไปนั่งด้านในก่อนเถิดเ้าค่ะ?” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับหลานซื่อ
“ไม่ต้องแล้ว หากภายหลังมีโอกาส ข้าก็จะมากินข้าวทุกวัน ตอนนี้ข้าต้องกลับก่อน” หลานซื่อส่ายหน้า
“รอข้าก่อนสักประเดี๋ยวเ้าค่ะ” เมื่อหลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับหลานซื่อจบก็อุ้มหลิงจื่อเฉิงเข้าไป
หลานซื่อคิดอยากจะห้ามไว้ แต่เมื่อเห็นร่างเล็กๆ ของหลิงจื่อเฉิง ใจก็อ่อนลง ยอมให้หลิงมู่เอ๋อร์อุ้มไป
นางมีศักดิ์ศรีของตนเอง แต่ว่าศักดิ์ศรีเ่าั้สามารถแปรเปลี่ยนเป็ข้าวให้กินได้หรือ?วันนี้ได้รับบุญคุณจากเด็กคนนี้ หลังจากนี้ค่อยตอบแทนบุญคุณให้นางเพิ่มขึ้นอีกเท่าก็แล้วกัน ให้เฉิงเอ๋อร์ได้กินข้าวให้อิ่มก่อน!
หลิงจื่อเฉิงหยิบช่วนช่วนกลับมาหลายสิบไม้ เขามองไปที่หลานซื่อด้วยความไม่สบายใจ ยื่นมือน้อยๆ หนึ่งข้างออกไป กล่าวด้วยเสียงอ่อนหวาน “ท่านแม่ พี่หญิงให้มาขอรับ”
“เ้ากินเถิด!แม่ไม่หิว” หลานซื่อยิ้มพลางลูบใบหน้าน้อยๆ ของหลิงจื่อเฉิง “จงจดจำไว้ว่าพี่หญิงดีต่อเ้า ภายหลังจากนี้ค่อยตอบแทนให้นาง”
“ขอรับ” หลิงจื่อเฉิงพยักหน้าซ้ำๆ “พี่หญิงเป็คนดี พี่ชาย ท่านป้าสะใภ้สาม ท่านลุงสามล้วนเป็คนดี”
“ไปกันเถิด!” หลานซื่ออุ้มหลิงจื่อเฉิงขึ้นมา “เ้ากินให้เสร็จก่อน อย่าให้คนอื่นเห็นเอาเชียว”
“ท่านแม่ ท่านก็กินด้วย” หลิงจื่อเฉิงนำอาหารที่อยู่ในมือวางไว้ตรงปากของหลานซื่อ
“แม่ไม่หิว” หลานซื่อส่ายหน้าอย่างซ้ำๆ
“ไม่ได้ ถ้าหากท่านแม่ไม่กิน ข้าก็ไม่กินแล้ว” หลิงจื่อเฉิงมองหลานซื่ออย่างยืนกรานในความคิดของตน
หลานซื่อไม่มีทางเลือก จึงอ้าปากรับชิ้นเนื้อหนึ่งไม้ไว้ กลิ่นหอมของเนื้อกระจายเข้าต่อมรับรสของนาง นางรู้สึกเคลิบเคลิ้มในความอร่อยขึ้นมา
“พอแล้ว เ้ารีบกินเถิด!ถ้าหากถูกพวกเขาเห็นเข้า ระวังเ้าจะถูกแย่งเอาได้” โดยเฉพาะหลิงสี่จอมอันธพาลตัวน้อยคนนั้น ในบ้านหลังนั้นแท้จริงแล้วช่างไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ใดๆ
เมื่อคิดถึงจอมอันธพาลตัวน้อยคนนั้นที่มักจะชอบแย่งสิ่งของของเฉิงเอ๋อร์ ในใจของหลานซื่อก็มีความไม่พอใจขึ้นมา นางบอกกับตนเองว่า อดทนต่ออีกสักนิดเถิด!ไปจากที่นี่ได้ก็จะดีขึ้นแล้ว
หลานซื่อรู้เพียงแต่ว่าหวังซื่อถูกจับเข้าคุกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าฟางซื่อกับหลิงสี่ก็ถูกจับไปด้วยเช่นกัน โจวฉี่เยี่ยนแจ้งต่อทางการแล้ว แน่นอนว่าเ้าหน้าที่ศาลาว่าการต้องจับพวกเขาไป แน่นอนว่า คดีนี้เป็เพียงคดีเล็กๆ เท่านั้น เมื่อผู้ถูกแจ้งถูกจับไป ผู้ยื่นเื่ก็จำต้องไปด้วย เมื่อครู่โจวฉี่เยี่ยนไปศาลาว่าการด้วยตนเองแล้วหนึ่งรอบ หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาแล้ว
และผลการตัดสินคดีของหวังซื่อและฟางซื่อก็ออกมาแล้ว นั่นก็คือถูกจำคุกสามเดือน ส่วนหลิงสี่นั้น ถูกเ้าหน้าที่ศาลาว่าการพาไปส่งที่หมู่บ้านตระกูลหลิงนานแล้ว
เชิงอรรถ
[1] ไม่พบสามวันกลายเป็อื่น (士别三日当刮目相看) หมายถึง การชื่นชมคนคนหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นในเวลาอันสั้น หรือจากกันไม่กี่วัน มีความก้าวหน้าไปมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้