ในตอนนี้เอง เมื่อกานต์ได้กล่าวลานายอารักษ์เรียบร้อยแล้ว เขาก็พยักหน้าให้อนงค์และอนงค์กานต์ลุกขึ้นจากพื้น อนงค์กานต์ค่อย ๆ ชันเข่าขึ้น ชั่ววินาทีนั้น เธอก็ขยับตัวมาทางขวามือที่เป็พื้นที่ว่างอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นความโกลาหลก็เกิดขึ้น
ชนิดาที่กำลังเตรียมผลักด้านหลังของอนงค์กานต์เพื่อหวังให้อนงค์กานต์ถลาไปโดนกาน้ำที่ตั้งอยู่ข้างหน้า เธอวางมือทำท่าผลักออกไปเต็มแรง แต่น่าเสียดายที่อนงค์กานต์เบี่ยงร่างของเธอออกไปด้านขวาเสียก่อน มือของชนิดาจึงััเพียงความว่างเปล่าที่อยู่ด้านหน้าจนเสียหลักถลาไปนาบกับกาน้ำร้อน ๆ หน้าผากของเธอปรากฏรอยปื้นแดงขึ้นอย่างน่ากลัว หลังจากนั้น ก็กรีดร้องออกมาด้วยความเ็ป
"ใจไปเอาน้ำเย็น ๆ มา! แล้วก็ไปตัดว่านหางจระเข้ที่หลังบ้านมาเร็วเข้า!" หลังจากหายตกตะลึง วัลภาก็สั่งใจดังลั่น
เมื่อชาติที่แล้วพากันนิ่งเฉยกันหมดหลังจากเห็นเธอโดนกาน้ำร้อนลวก อนงค์กานต์คิดหยัน แม่ของเธอถึงกับต้องวิ่งไปขอน้ำเย็นจากข้างบ้านเพื่อนำมาล้างหน้าให้เธอ แต่ก็ไม่ทัน ตรงหัวคิ้วด้านขวาของเธอจึงมีรอยแผลเป็แดง ๆ ติดตัวไปจนโต
"คุณพ่อ คุณแม่คะ เล็กไม่ยอมนะคะ! นังเด็กนี่มันแกล้งเชอรี่ลูกของหนู ทำให้หน้าเชอรี่โดนนาบจนเกือบเสียโฉม" เมื่อเห็นว่าชนิดาไม่เป็อะไรแล้ว อำภาก็หันมาเล่นงานอนงค์กานต์ทันที
อนงค์กานต์รีบพาตัวเข้ามาเบียดติดกับแม่ พร้อมแสดงอาการตัวสั่น อนงค์รีบกอดปลอบลูกสาวพร้อมกับเอ่ยเสียงแข็ง "คุณอำภาคะ ก็เห็นกันทุกคนว่าคุณเชอรี่เสียหลักไปเอง คุณอย่ามาใส่ร้ายเด็กแบบนี้สิคะ"
"เพราะนังนิดมันหันไปผลักเชอรี่จนเสียหลักต่างหาก คุณพ่อ คุณแม่ก็เห็นเหมือนเล็กใช่ไหมคะ" อำภายังคงยืนกรานใส่ร้าย
"นิดไม่มีตาหลังนะคะ คุณอำภา เธอจะเห็นได้ยังไงว่าคุณเชอรี่อยู่ข้างหลัง"
"คุณแม่คะ!!" อำภาแผดเสียงเรียกมารดา พร้อมส่งสายตาขอความช่วยเหลือ
วัลภาส่ายตาไหววูบก่อนกล่าว "ฉันก็เห็นเหมือนอำภา แม่อนงค์ เธออย่าปกป้องลูกแบบผิด ๆ เด็กทำผิดก็แค่ให้ยอมรับผิดแล้วก็ขอโทษเื่ที่ก่อเท่านั้น"
"แม่นิด เธอขอโทษเชอรี่เดี๋ยวนี้" พร้อมกับหันไปออกคำสั่งกับอนงค์กานต์ที่ยังแสดงอาการตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของแม่
"กราบขอโทษที่เท้าค่ะ คุณแม่พูดให้จบสิคะ นิด เธอเข้ามากราบขอโทษที่เท้าของเชอรี่เดี๋ยวนี้!"
อนงค์สุดจะทน ใบหน้าเธอโกรธขึ้งและเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กานต์แตะที่แขนห้ามเธอเสียก่อน
"คุณนาย คุณอำภาครับ ผมยอมให้ลูกสาวผมทำแบบนั้นไม่ได้ ผมก็เห็นด้วยเช่นกันว่านิดไม่ได้แกล้งขัดขาหรือผลักอะไรคุณเชอรี่แม้แต่น้อย คุณเชอรี่เธอเสียหลักไปเองจริง ๆ" กานต์เอ่ยปฏิเสธเสียงขื่น แต่แววตาแสดงถึงความแข็งกร้าวด้วยความไม่พอใจ
"คุณคะ!" วัลภาเมื่อเห็นอาการนี้ของกานต์ นางจึงหันไปจ้องเขม็งที่นายอารักษ์เพื่อให้จัดการเื่นี้
นายอารักษ์ที่นั่งนิ่งเงียบมาโดยตลอด เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใช่ เขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดแจ้ง เมื่อมองไปที่แววตาแข็งกร้าวของกานต์ และเห็นแววตาคาดคั้นของวัลภาและบรรดาสมาชิกครอบครัวคนอื่น ๆ เขาจึงนั่งหลับตานิ่งพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ
"กานต์ ให้ลูกสาวแกขอโทษหลานสาวฉันเดี๋ยวนี้ เื่ราวจะได้จบ" นายอารักษ์เอ่ยออกมาเสียงหนัก
"กราบขอโทษที่........"
"พอแล้วแม่อำภา!" นายอารักษ์หันมาเอ่ยเสียงดุกับอำภาก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค
"อย่าทำให้เป็เื่ใหญ่ แค่พูดคำขอโทษออกมาก็พอ" นายอารักษ์ย้ำ "บอกลูกแกให้พูดขอโทษสิ" และก็มองกานต์นิ่ง ๆ อยู่แบบนั้น
อยุติธรรมจริง ๆ อนงค์ตอนนี้โมโหถึงขีดสุด เธอปลายตาดุส่งไปให้กานต์ สามีของเธอจะทนก็ทนไป แต่เธอไม่ขอทนอีกแล้ว "คุณท่านคะ...." อนงค์เอ่ยเสียงห้วน แต่ไม่ทันพูดจบ สามีก็ยุดแขนเธออีกครั้ง พร้อมส่งสายตาขอร้องมาให้ อนงค์สะบัดหน้าหนีแล้วก็ไม่ได้พูดใด ๆ ออกไปอีก
"ว่าไงเ้ากานต์" อารักษ์เอ่ยถามเสียงหนัก
กานต์กลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับมองหน้านายอารักษ์อยู่นาน "ลูกสาวผมไม่ผิดครับ เธอไม่จำเป็ต้องขอโทษใครทั้งนั้น"
อนงค์เหลียวมองสามีด้วยความแปลกใจปนประทับใจ ที่ผ่านมา สามีเธอมักจะยอมคนกลุ่มนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าพวกเขาจะพูดจาว่าร้ายสามีเธอมากแค่ไหน กานต์ก็ทำเพียงแค่อดทนและอดทนเท่านั้น
"นายกานต์ แกหัดแข็งข้อั้แ่เมื่อไหร่" ยุภาถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"ฉันบอกให้ขอโทษเชอรี่เดี๋ยวนี้ไง" คราวนี้นายอารักษ์หันมาพูดอนงค์กานต์โดยตรง เมื่อได้ยิน เธอก็ยิ่งเบียดเข้ามาหาแม่มากขึ้น เพื่อแสดงให้พ่อและแม่เห็นว่าเธอกลัวสถานการณ์ในตอนนี้มากแค่ไหน
อนงค์ลูบปลอบประโลมลูกด้วยความสงสาร ส่วนกานต์ขบกรามแน่นเมื่อเห็นอาการนี้ของลูก
"ลูกสาวผมไม่ผิดครับท่าน ผมไม่อนุญาตให้เธอขอโทษใคร"
"ดี! ดีมาก ปีกกล้าขาแข็ง!" นายอารักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดุและหนัก อารมณ์โมโหเริ่มปะทุขึ้นมา "เมื่อไม่เห็นหัวฉันแบบนี้ ต่อไปแกไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไม่ว่าวันไหน ๆ แกก็ห้ามมาเหยียบบ้านนี้อีก ตอนนี้พวกแกทั้งหมดไสหัวออกจากบ้านนี้ไปได้แล้ว"
"ใจ รีบไล่พวกเขาออกไป" วัลภาได้โอกาสจึงหันมาสั่งแม่บ้านที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ตรงประตูหน้าห้อง
"ไปเถอะพี่ เขาไล่แล้ว" อนงค์เอ่ยเสียงห้วน เธอไม่อยากทนอยู่ที่นี่แม้แต่อีกวินาทีเดียว
กานต์นั่งก้มหน้าคุกเข่ากำมือแน่น จะอธิบายอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์แล้วตอนนี้ เขาเงยหน้ามองนายอารักษ์อย่างตัดใจ คลานเข่าเข้าไปใกล้นายอารักษ์และกราบลงบนตัก "ผมขอขอบคุณท่านมากนะครับที่ช่วยส่งเสียเลี้ยงดูผมจนเรียนจบ ผมจะสำนึกในพระคุณของคุณท่านตลอดไป อนาคต หากคุณท่าน้าให้ช่วยเหลืออะไร ผมพร้อมเสมอนะครับ คุณท่านทราบที่อยู่ผมอยู่แล้ว สามารถเรียกผมมาหาได้ทุกเมื่อ ผมกราบลาท่านตรงนี้" พูดจบกานต์ก็หันมาพยักหน้าให้กับภรรยาและลูก
"นามสกุลเทียมเมฆาของฉันก็ไม่เหมาะกับครอบครัวแกด้วย แกเข้าใจใช่ไหม" นายอารักษ์เอ่ยเสียงหนักไล่หลังทั้งสามคนตอนกำลังเดินออกจากห้องรับแขกไป กานต์ชะงักอยู่ชั่วครู่ ก่อนจูงมือลูกสาวก้าวต่อไปข้างหน้า ก้าวออกไปจากบ้านหลังนี้อย่างมั่นคง โดยมีอนงค์กานต์ที่ลอบยิ้มน้อย ๆ ระหว่างเดินตามการจับจูงของพ่อไป
