จุนห่าวมาอยู่ที่แผ่นดินชางหลานได้สองปีกว่า เขาจึงเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับเื่สัตว์อสูรบนแผ่นดินชางหลานบ้างแล้ว บนแผ่นดินนี้นั้น ไม่มีเผ่าพันธุ์หงส์ขาวจริง ๆ ดูเหมือนเสี่ยวไป๋คงต้องรออีกสักหน่อย จุนห่าวจึงเอ่ยถาม เพื่อหยั่งเชิงว่า “เสี่ยวไป๋ หรือถ้าเราเลี้ยงเป็ดน้อยแทนก็ไม่เลวนะ บางทีเ้าอาจจะเลี้ยงจนกลายเป็หงส์ขาวที่สง่างามและสูงส่งก็ได้นะ”
“ไม่ได้! ข้า้าแค่หงส์ขาวเท่านั้น ข้ารู้ว่าจุนห่าวเป็คนขี้โกหก ตัวเ้ามีภรรยาแล้วนี่ คนที่กินดีอยู่ดีย่อมไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่อดอยากหรอก ไหนจะแสดงความรักต่อหน้าข้าทุกวันอีก พวกเ้าไม่รู้หรอกว่าข้าเศร้าใจเพียงใด หากเ้าไม่หาหงส์ขาวมาให้ข้า ข้าก็จะแอบดูพวกเ้าทุกวัน จะรบกวนเ้าไปทุกวัน ข้าจะกรีดร้องในหัวของเ้าตลอดเวลาเลยว่า หงส์ขาว หงส์ขาว ข้าจะเอาหงส์ขาว!” เสี่ยวไป๋พูดอย่างอันธพาล ถ้าจุนห่าวคิดจะใช้ของลอกเลียนแบบมาหลอกเขาละก็ เขาไม่หลงกลหรอก
สำหรับพฤติกรรมอันธพาลของเสี่ยวไป๋เช่นนี้ จุนห่าวรู้สึกจนใจยิ่งนัก เขาจึงรีบกล่าวอย่างแสดงท่าทีว่า “เสี่ยวไป๋ เ้าวางใจเถอะ ข้าจะหาหงส์ขาวมาให้เ้าโดยเร็วที่สุด ไม่แน่ว่าแท้จริงแล้ว หงส์ขาวอาจไม่ใช่สัตว์อสูร แต่เป็แค่นกธรรมดาก็ได้ ชื่อของที่นี่กับสุ่ยหลานซิงไม่เหมือนกันรึเปล่า เพราะข้าเคยเห็นนกชนิดหนึ่งที่เหมือนกับหงส์ขาวอยู่”
“เป็ไปไม่ได้! ในแดนเซียนมีเผ่าพันธุ์ของหงส์ขาวอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น สายเืของหงส์ขาวสูงส่ง พวกเขาไม่ชอบการต่อสู้ ไม่คิดแก่งแย่งชิงดี จนท้ายที่สุดพวกเขาถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยสัตว์ร้าย แต่ทว่าในมรดกแห่งความทรงจำได้บอกว่า ในโลกบําเพ็ญของข้ามีเผ่าพันธุ์นี้อยู่ เพียงแต่เป็เวลาเนิ่นนานมาแล้ว ที่ไม่มีหงส์ขาวบินขึ้นสู่แดนเซียน เป็เพราะเผ่าหงส์ขาวถึงจุดตกต่ำเสียแล้ว” เสี่ยวไป๋กล่าว
จุนห่าวคิด ‘มีมรดกแห่งความทรงจำก็ถือว่าดีอยู่ เื่ที่ไม่รู้ ก็ไปค้นหาในมรดกแห่งความทรงจำได้ มรดกแห่งความทรงจำก็เหมือนกับสารานุกรมเล่มหนึ่งที่ครอบคลุมจักรวาล สัตว์อสูรสามัญธรรมดาคงไม่อาจมีได้ มีเพียงสัตว์อสูรที่มีสายเืบรรพชนเท่านั้น ถึงจะมีใน’
“ตราบใดที่ยังมีเผ่าพันธุ์นี้อยู่ ข้าย่อมหาให้เ้าได้แน่ แต่คงจะติดตรงเวลา 10 ปีถือว่าเร็วยิ่งนัก บางทีถ้าเ้านอนหลับ ข้าก็อาจจะหาเจอแล้วก็ได้” จุนห่าวพูดอย่างสบายใจ ก็แค่หงส์ขาว สักวันก็คงจะเจอ หรือบางทีหงส์ขาวในโลกบําเพ็ญเพียรอาจรู้แล้วว่า หงส์ขาวในแดนเซียนถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แล้ว จึงหลบซ่อนตัว หรือบางทีก็อาจจะเปลี่ยนชื่อและนามสกุลของมันไปแล้ว จึงทำให้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยก็เป็ได้
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอแล้วกัน ถ้าได้ข่าวคราวแล้ว เ้าต้องบอกข้าให้เร็วที่สุด ข้าไปนอนก่อน หากมีเื่หรือไม่มี ก็ไม่ต้องมารบกวนข้า ข้าไม่อยากเห็นหน้าเ้าแล้ว เพราะแค่เห็นใบหน้าอันเบิกบานของเ้า ข้าก็รู้สึกหดหู่แล้ว” เสี่ยวไป๋กล่าว
จุนห่าวคิด ‘...... นี่ข้าถูกเสี่ยวไป๋ทิ้งหรือนี่ ทีเขายังไม่เคยทอดทิ้งเสี่ยวไป๋เลย เสี่ยวไป๋ก็เป็แค่ตัวภาระ ขอให้หลับให้สนิทแล้วกัน ยิ่งหลับตลอดไปเลยยิ่งดี เช่นนี้ก็จะไม่มีใครมารบกวนเขาเป็ครั้งคราวแล้ว’ “หากมีข่าวหงส์ขาวจริง ๆ ข้าก็ไม่ต้องปลุกเ้าใช่ไหม?” จุนห่าวกล่าว เขานึกสนุกขึ้นมา เพราะถ้าเสี่ยวไป๋ได้ยินประโยคนี้ จะต้องคำรามออกมาเป็แน่ เขาจึงตั้งใจพูดเช่นนี้
แน่นอนว่าเสี่ยวไป๋ก็คำรามจริง ๆ เขาพลันพูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า ถ้ามีข่าวคราวของหงส์ขาว เ้าต้องบอกข้าให้เร็วที่สุด เ้าก็อายุยังน้อยนี่ ทำไมถึงลืมง่ายขนาดนี้ ป่วยชัด ๆ เ้าต้องรักษาแล้ว”
จุนห่าวจนใจ พลางคิดในใจว่า ‘เสี่ยวไป๋... ปากเ้านี่ ให้อภัยไม่ได้จริง ๆ’ เขาก็รู้อยู่ว่า มันจะเป็แบบนี้ ทำให้เขายิ่งอยากยั่วยุและสมน้ำหน้ามัน “เ้า... เ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าจะนอนแล้ว แม้จะมีเื่หรือไม่มี ก็ไม่ต้องมารบกวนเ้าน่ะ?”
เสี่ยวไป๋คิด ‘...... นี่จุนห่าวสมองทึ่มขนาดนี้ั้แ่เมื่อไหร่กันนะ เ้าหนุ่มนี่ต้องตั้งใจแหย่ข้าแน่ ๆ ไอ้เ้าโง่ ชอบรังแกข้า เ้ามารังแกเด็กไร้เดียงสาเช่นนี้ ข้าฟ้องหานรุ่ยแน่ ฮึ! ชายชั้นสูง ถ้ายืดได้ ก็ต้องหดได้ แต่ข้ายังต้องพึ่งพาจุนห่าว เพื่อให้เขาหาภรรยาให้นี่นะ’ เสี่ยวไป๋จึงเอ่ยว่า “เมื่อกี้ข้าพูดผิดไป หากมีข่าวคราวเกี่ยวกับหงส์ขาว ข้าอนุญาตให้เ้ารบกวนได้ แต่เวลาอื่นไม่ต้องมายุ่งก็แล้วกัน”
จุนห่าวคิด ‘...... เสี่ยวไป๋ก็ยังคงหยิ่งผยองเช่นเดิม’