หลิวฉี่หลิงมองสำรวจไปที่ศิษย์ชั้นยอดขั้นสูง ิอวี่เองก็มองไปยังสามคนที่กำลังเดินเข้ามา และเปิดััแห่งิญญาขึ้น
ภายในร่างกายของพวกเขาสามคน ทั้งที่หัวใจ ตับ ม้าม ล้วนแต่มีเทวะ ปอดทั้งสองข้างของพวกเขาเองก็เช่นกัน
มันคือปอดเทวะ!
เทวะที่ปอดด้านซ้ายและขวานั้นเชื่อมโยงถึงกัน ถึงได้กลายเป็ปอดเทวะ
ก่อนที่จะไปถึงขอบเขตอมฤตขั้นที่สี่ ปอดทั้งสองข้างกลายเป็ตัวอ่อนเทวะ และพวกมันยังสามารถสะสมลมปราณในจำนวนที่มากขึ้น
นั่นก็หมายความว่า ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่สี่นั้นจะมีเทวะทั้งหมดห้าดวง ส่วนผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่ห้า ก็จะสร้างเทวะไว้ที่ไตทั้งสองข้าง และจะมีเทวะทั้งหมดเจ็ดดวง!
ดังนั้น ทำไมเมื่อฝึกไปถึงระดับหลังๆ จึงได้ยากมากขึ้นกันล่ะ? นั่นไม่ใช่เพราะมันยากที่จะคาดเดาในเื่ของภายภาคหน้า แต่เป็เพราะในเทวะนั้นยัง้าพลังงานอีกมหาศาล ต้องใช้เวลาเติมเต็มพลังงานส่วนในให้เต็ม เพื่อที่จะสามารถทะลวงระดับได้
อีกทั้งปอดแค่ด้านเดียวก็สามารถสะสมพลังงานได้มากกว่าเทวะสามดวงก่อนหน้านี้เยอะมาก เมื่อเอาปอดเทวะทั้งสองข้างรวมกันแล้ว พลังงานที่้านั้นจะเทียบกับความ้าของเทวะก่อนหน้านั้นได้อย่างไร
พูดได้เลยว่าปริมาณลมปราณของปอดทั้งสองข้างเมื่อรวมกันแล้ว ก็มากกว่าการดูดซับพลังงานของสามระดับแรกแล้ว!
ดังนั้น ระหว่างขอบเขตอมฤตขั้นที่สี่และขอบเขตอมฤตขั้นที่สาม มันเลยมีความแตกต่างกันอยู่ประมาณเทือกเขาน้ำแข็งลูกหนึ่ง
เพราะฉะนั้น สายเลี่ยนเหยียนถึงได้จำกัดความศิษย์ที่มีขอบเขตอมฤตขั้นที่สี่ว่าศิษย์ชั้นยอดขั้นสูง พวกเขาแต่ละคนมีสิทธิที่จะเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจ
ตอนที่ิอวี่เห็นพวกเขาสามคน ในใจก็เหมือนพอจะเข้าใจหลายอย่าง ความสามารถของเขาในตอนนี้นั้น เทียบกับใครคนใดคนหนึ่งในสามคนนี้ไม่ได้เลย
ความสามารถของิอวี่ในเวลานี้ หากรวมทาสเพลิงด้วย ให้เขาไปเจอซูอี้หรานอีกครั้งก็ไม่กลัว ต่อให้อยู่ต่อหน้าโอวหยางเต้าอวี่ ถึงจะสู้ไม่ได้ แต่เขาก็เอาตัวรอดได้สบาย
แต่กับสามคนตรงหน้านี้ เขากลับสู้ไม่ได้เลย จะหนีก็หนีไม่พ้น
ไม่แน่ว่าอาจจะต้องอาศัยวิหคัปีกมืดเท่านั้นถึงจะสามารถสลัดพวกเขาหลุด
สรุปแล้วก็คือ ิอวี่รู้สึกว่าสามคนที่อยู่ตรงหน้านั้นให้ความรู้สึกที่เป็อันตรายกับเขา ทำให้เขาต้องให้ความสำคัญและความเคารพ
ในบรรดาสามคนตรงหน้า ทางด้านซ้ายมือเป็ชายใบหน้าดูดี ด้านข้างของเขานั้นเป็หญิงสาวผมยาว ผิวพรรณหน้าตางดงาม
ทั้งสองคนเหมือนว่าจะเป็คู่รักกัน ผู้ชายสวมชุดสีน้ำเงินเข้มเหมือนกับชุดกระโปรงของหญิงสาว แม้แต่ลายก็เหมือนกันด้วย พลังฝีมือของพวกเขาล้วนแต่เป็ขอบเขตอมฤตขั้นที่สี่ ดูจากเทวะในปอดที่เปล่งประกายแล้ว น่าจะอยู่ที่ระดับนี้มานานมากแล้ว
ส่วนชายอีกคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งนั้นรูปร่างสูงใหญ่ เขาสวมชุดสีดำปักลายเมฆ สัดส่วน่บนดูชัดเจน สวมรองเท้าสีดำอย่างดีคู่ใหญ่เวลาที่ก้าวเท้าก็หนักแน่นและดูคล่องตัว
มือซ้ายของเขาสวมแหวนสีดำธรรมดาวงหนึ่ง มันโดดเด่นมากเมื่ออยู่บนนิ้วมือสีฟางข้าว นอกจากนี้ บนตัวของเขาก็ไม่ได้มีเครื่องประดับอะไรอย่างอื่นอีก ดูเป็คนสะอาดสะอ้านทีเดียว
จากการแต่งกาย เขาสมควรเป็ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี แต่เมื่อมองไปที่หน้าของเขาแล้ว มันกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
ใบหน้าของเขาค่อนข้างเล็ก ผมยาวมัดรวบ คิ้วโค้งยาวหนาแต่ปลายแหลม ดูดุมาก ดวงตาลึกซึ้งเป็ประกาย จมูกคมโด่ง ปีกจมูกเรียบ ริมฝีปากบาง เหนือปากมีหนวดเคราดกดำ ดูมีเสน่ห์แปลกๆ บอกไม่ถูก
บวกกับโครงหน้าที่ดูเหมือนมีดดาบที่คมคาย ทำให้เขาดูเป็ผู้ใหญ่สุขุมที่น่าหลงใหลอย่างมาก
เขาเป็ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่สี่ หากดูแค่ภายนอกคงยากที่จะเดาได้ว่าปีนี้เขาเพิ่งจะอายุยี่สิบสามปีเท่านั้น
พูดได้เลยว่า การปรากฏตัวของเขาทำให้ทุกคนต้องจับจ้องมา
ซ่งหยวนหยวนกวาดตามองทุกคนแล้วชี้ไปที่ชายหนุ่มคนนี้ แล้วพูดว่า “ข้าจะแนะนำให้พวกเ้าทุกคนรู้จัก เขาคือศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเ้า ฉินฟ่าน มีพลังฝีมือขอบเขตอมฤตขั้นที่สี่ระดับสูงสุด”
ฉินฟ่านพยักหน้าเป็มารยาทให้กับทุกคน น้ำเสียงของเขาเหมือนกับภายนอกของเขาเลย สุขุมเยือกเย็น “สวัสดีทุกคนนะ”
ฉินฟ่านเป็คนใจเย็นสุขุม คนอื่นภายนอกต่างเรียกเขาว่าเทพบุรุษยิ้มน้อยพูดน้อย
และเขาเองก็เป็ชายหนุ่มสุดหล่อที่ถือว่าหาได้ยากมากในสายเลี่ยนเหยียน ทั้งๆ ที่เป็หนุ่มเนื้อหอมอายุน้อย แต่กลับมีใบหน้าเหมือนคุณลุงสุดหล่อ ... ไม่ว่าเขามองผ่านไปที่ผู้หญิงคนไหน ก็ทำให้ผู้หญิงคนนั้นใจเต้นระรัว
ในสายเลี่ยนเหยียน มีศิษย์ผู้หญิงมากมายคิดอยากจะนอนกับเขา
เพียงแต่เพราะิอวี่เป็เด็กใหม่ ความสามารถของยังไม่สูงพอ ดังนั้นใน่สั้นๆ ก็เลยยังไม่เคยได้ยินชื่อของฉินฟ่าน
แต่วันนี้พอได้พบ ิอวี่ก็รู้ทันทีว่าฉินฟ่านต้องเป็คนมีชื่อเสียงแน่ มีความสามารถและมีหน้าตาที่หล่อเหลาด้วย ก็สมควรแล้วที่จะได้รับความเคารพจากในคนของสายเลี่ยนเหยียน
“ส่วนด้านหลังของฉินฟ่าน ชื่อลู่เจี้ยนกับหวังฮาน” ซ่งหยวนหยวนแนะนำต่อ
ลู่เจี้ยนกับหวังฮานยกมือคำนับทุกคน แต่ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น
เดิมพวกเขาก็เป็ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่สี่อยู่แล้ว ถึงแม้คนที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้ในสายตาของคนอื่นอาจจะมีความสามารถและพร์ แต่ในสายตาของพวกเขานั้นก็เป็แค่เด็กที่ยังไม่ประสา ไม่ว่าจะเป็ความสามารถหรือว่าอายุก็เพิ่งจะเป็การเริ่มต้นเท่านั้น
เพราะเข้ามาอยู่ที่สำนักเทพอัคคีมานานหลายปี พวกเขาผ่านอะไรกันมามากแล้ว อย่างไรก็มีเื่ของช่องว่างระหว่างวัยกับเด็กพวกนี้อยู่
ฉินฟ่านก็ไม่ได้พูดอะไรที่เป็มารยาทมากนัก เขายกมือคำนับให้ซ่งหยวนหยวนแล้วถามไปตรงๆ เลยว่า “อาจารย์ ครั้งนี้ท่านเรียกศิษย์น้องมารวมตัวกันหมดแบบนี้ ไม่ทราบท่านมีอะไรจะกำชับหรือไม่?”
“ที่เรียกพวกเ้ามา ก็เพราะมีเื่สำคัญมากจะสั่ง”
ซ่งหยวนหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ภารกิจที่พวกเ้ารับไปทำในครั้งนี้ ควรจะรีบออกเดินทางทันที ก่อนที่พวกเ้าจะไป ข้าตัดสินใจจะส่งอีกคนไปกับพวกเ้าด้วย ถึงแม้ความสามารถของเขาจะสู้พวกเ้าไม่ได้ แต่ข้าเชื่อว่าเขาสามารถได้ประสบการณ์จากการเดินทางครั้งนี้แน่นอน หวังว่าพวกเ้าจะช่วยแนะนำเขาด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินฟ่านก็ขมวดคิ้วหนัก
ลู่เจี้ยนที่อยู่ด้านหลังของเขานั้นก็ออกหน้ามาพูดเลยทันทีว่า “อาจารย์ คือว่า ... ถึงแม้ภารกิจในครั้งนี้ไม่ได้ยากลำบากอะไรอย่างที่คิด แต่อันตรายมันก็ยังมีอยู่นะ เราคงไม่สามารถไปดูแลศิษย์น้องได้ตลอดเวลาหรอก หากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา เรารับผิดชอบกันไม่ไหวนะ”
คำพูดของลู่เจี้ยน มันคือสิ่งที่ฉินฟ่านนั้นคิดอยู่
ซึ่งก็เป็ความคิดของหวังฮานด้วยเช่นกัน
พวกเขาไม่รู้เลยว่าทำไมซ่งหยวนหยวนถึงตัดสินใจกะทันหันแบบนี้ออกมา พวกเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ซ่งหยวนหยวนก็คิดไว้แล้วว่าพวกลู่เจี้ยนจะต้องคิดแบบนี้ แต่นางไม่มีทางเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของตนเองเพียงเพราะความไม่เข้าใจของพวกเขาแน่นอน
ก่อนอื่นเลย พลังการต่อสู้ของิอวี่นั้นถือว่าแข็งแกร่งอย่างมาก พร์และความสามารถแฝงของเขามันค่อยๆ ปรากฏออกมาเรื่อยๆ เป็เมล็ดพันธุ์ชั้นดีที่ควรบ่มเพาะ
อีกทั้งครั้งนี้ิอวี่เองก็พบอันตรายที่ซ่อนอยู่ของสายเลี่ยนเหยียน ซ่งหยวนหยวนเองก็ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเื่นี้มาก ถึงแม้นางไม่ได้คิดว่าิอวี่จะช่วยทำอะไรให้กับสายเลี่ยนเหยียนได้ แต่ความหวังดีของเขาก็ทำให้ซ่งหยวนหยวนนั้นประทับใจ การส่งิอวี่ไปฝึกฝนครั้งนี้ ถึงอย่างไรนางก็จะต้องทำ
ส่วนเื่ความปลอดภัยของิอวี่ ซ่งหยวนหยวนยิ่งไม่กังวล
มีพวกฉินฟ่านคุ้มครอง ิอวี่ปลอดภัยแน่นอน ต่อให้พวกฉินฟ่านจะดูแลไม่ทั่วถึง ด้วยความฉลาดและระวังตัวของิอวี่ เขาสามารถหาวิธีแก้ไขแน่นอน ต่อให้ไม่ไหวจริงๆ เขาก็ยังมียาหั่วหยวนตันที่นางให้เอาไว้สามารถรักษาชีวิตได้
ดังนั้น นางจึงเชื่อมั่นในตัวของิอวี่มากในเื่นี้
นางเลยอธิบายออกไปว่า “ลู่เจี้ยน พวกเ้าไม่ต้องกลัวหรือกังวลอะไรหรอกนะ ศิษย์น้องที่ข้าเลือกให้ไปกับพวกเ้าในครั้งนี้ข้าวางใจมาก ข้าเองก็ได้ให้วิธีการรักษาชีวิตกับเขาไปแล้วด้วย ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”
“สิ่งที่พวกเ้าจะต้องทำในเวลานี้ก็คือการทำภารกิจ แล้วหลังจากจบภารกิจ งานประลองจวินอิงที่จะจัดขึ้น พวกเ้าแต่ละคนจะต้องฝึกฝนเป็ตัวแทนของสายเลี่ยนเหยียนของเราทำคะแนนให้ดีที่สุดก็พอ”
เดิมซ่งหยวนหยวนนั้นให้ความสำคัญกับฉินฟ่านมากที่สุดในบรรดาสามคน อันตรายของสายเลี่ยนเหยียนใกล้เข้ามาแล้ว หัวหน้าสายเองก็ให้ความสำคัญกับงานประลองจวินอิงในครั้งนี้มาก
ในเวลานี้ ศิษย์ชั้นยอดขั้นสูงในมือของผู้าุโใหญ่สายเลี่ยนเหยียนแต่ละคนจะเข้าร่วมงานประลองจวินอิงทั้งหมดเก้าสิบคน
ครั้งนี้ ในเก้าสิบคนจะแพ้ราบคาบทั้งหมดในงานประลองจวินอิงไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอีกสองสายจะฉวยโอกาสอวดอ้างอำนาจบารมีทันที!
เมื่อวานนี้ หัวหน้าสายเลี่ยนเหยียนได้ออกคำสั่งให้ผู้าุโใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดสิบคนแล้วว่า ในเวลาครึ่งปีที่เหลือนี้จะต้องฝึกศิษย์อย่างเข้มงวด ให้พวกเขาได้คะแนนที่ดีในงานประลองจวินอิงที่กำลังจะมีขึ้นในอีกครึ่งปี!
เมื่อมีคำเตือนมาจากหัวหน้าสาย ผู้าุโใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดทุกคนก็ตั้งสติเต็มที่ และเริ่มเตรียมการรับมือ
เดิมทีซ่งหยวนหยวนก็แค่อยากให้พวกฉินฟ่านเข้าร่วมเพื่อฝึกฝน แต่หลังจากที่ิอวี่เตือนสติ นางก็ยิ่งหวังว่าการช่วยหญิงสาวเผ่าิญญาแล้วได้หัวใจเทวะิญญามา จะสามารถช่วยให้พวกเขาเพิ่มขีดความสามารถได้ในเวลาสั้นๆ
ส่วนผู้าุโใหญ่คนอื่นนั้นก็ล้วนแต่มีแผนการในใจแล้ว ว่าจะเพิ่มพลังฝีมือของศิษย์ของพวกเขาอย่างไร เพื่อที่จะสามารถแสดงฝีมือออกมาในงานประลองจวินอิงในอีกครึ่งปี
“ก็ได้”
ลู่เจี้ยนพยักหน้า ถึงแม้ในใจยังไม่ยอมรับ แต่อยู่ต่อหน้าอาจารย์ เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“ถ้าอย่างนั้นศิษย์น้องคนไหนหรือที่จะไปเข้าร่วมภารกิจของเราในครั้งนี้?”
ฉินฟ่านมองไปที่กลุ่มศิษย์ชั้นยอดขอบเขตอมฤตขั้นที่สามทางด้านขวามือ แล้วมองไปที่ตัวของพวกเขา
หลิวฉี่หลิงที่เอาผ้าพันจมูกเอาไว้รีบหลบไปอยู่ด้านหลัง เอามือปิดหน้า กลัวว่าฉินฟ่านจะมองมาเห็นเขาในสภาพที่น่าอายแบบนี้ ในใจของเขานั้นรู้สึกแย่อย่างมาก ...
ยังดีที่ซ่งหยวนหยวนพูดขึ้นมาพอดี “ฉินฟ่าน เ้าดูผิดฝั่งแล้ว คนที่เข้าร่วมภารกิจในครั้งนี้ อยู่ทางนี้”
ระหว่างที่พูด ซ่งหยวนหยวนก็ชี้ไปยังิอวี่ที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ
ฉินฟ่านมองไป หลังจากััพลังฝีมือของิอวี่แล้วก็ขมวดคิ้วหนัก
เพิ่งจะมีขอบเขตอมฤตขั้นที่สองเองหรือ?
เสียงนี้ดังขึ้นในใจของพวกฉินฟ่าน ลู่เจี้ยนเห็นแล้วก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก กำลังจะพูดอะไร แต่ฉินฟ่านกลับหันหน้ามาส่งสายตาให้เขาหยุดลง
ฉินฟ่านเป็ศิษย์พี่ใหญ่ เขาเป็คนใจเย็นสุขุม ต่อให้ิอวี่จะมีพลังฝีมือต่ำแค่ไหน ก็จะทำให้เสียบรรยากาศและความสามัคคีไม่ได้
