ยิ่งเป็สมุนชั้นต่ำ ยิ่งทนต่อการทรมานได้น้อย แค่ดึงห่วงวงที่สองออกจากปากของมัน เ้า “หัวหย็อง” ก็ยอมพูดออกมาจนหมด
รังผาสุกตั้งอยู่ที่ชั้น 18 ห้อง A5 เป็ห้องขนาดใหญ่ประกอบด้วยสามห้องนอนซึ่งตีทะลุกัน หน้าต่างทั้งหมดถูกปิดตาย มีทางเข้าออกหลักแค่ทางเดียว มุมบนขวาของหน้าประตูมีกล้องแอบซ่อนเอาไว้ และเป็กล้องที่แยกออกมาจากของตัวอาคาร จึงไม่มีทางถูกสัญญาณรบกวน
ในรังผาสุกมีคนอยู่ราวๆ 30 คนได้ ใน 30 คนนั้นมี 6 คนที่เป็เ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พวกเขาพกปืนดาวดำติดตัว (Norinco 213b) ส่วนที่ว่ามีเด็กผู้หญิงถูกลักพาตัวมาที่นี่หรือไม่นั้น เ้าหัวหย็องเองก็ตอบไม่ได้
ช่างบังเอิญเสียเหลือเกินที่เ้าหัวหย็องดันมีกุญแจห้องรังผาสุกอยู่พอดี เซี่ยวอี๋จึงเอาปืนทุบมันจนสลบก่อนจะคว้ากุญแจและก้าวขึ้นบันไดต่อไป
หญิงสาวไม่กล้าขึ้นลิฟต์ ระหว่างทางเธอพบพวกลาดตระเวน 6 คน หากเทียบกับเสิ่นิแล้ว เ้าพวกนี้ต่างหากที่เป็อาชญากรซึ่งควรได้รับบทลงโทษ เธอจัดการกับพวกมันได้โดยที่ไม่ต้องลังเล
ระหว่างทางเธอผ่านร้านขายวิกผม เซี่ยวอี๋จึงหยิบคว้าเอาวิกผมสีทองแบบนักเลงติดมือมาด้วย ก่อนจะเดินอย่างสบายใจเฉิบเพื่อไปยังประตูนิรภัยของห้อง A5
จากกล้องสามารถมองเห็นได้แค่เพียงหัวสีทองของเธอเท่านั้น หญิงสาวหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนจะทุบประตู
ไม่นานนัก ชายท่าทางดุร้ายคนหนึ่งก็เดินมาเปิดหน้าต่างเล็กๆ ตรงประตู “ไอ้โง่เอ๊ย! ลืมกุญแจอีกแล้ว บอกไม่รู้ตั้งกี่หน ยุ่งอยู่แล้วยังจะเคาะหา...” ชายคนนั้นยังไม่ทันได้พูดจบ เซี่ยวอี๋ก็ยกสเปรย์พริกไทยในมือขึ้นมาพ่นใส่ตามัน
“อ้า!!!” ชายคนนั้นกรีดร้องพร้อมกับล้มตัวลงไปบนพื้น ลูกตาของเขาเหมือนกับโดนเผาไหม้
ผ่านช่องหน้าต่างเล็กๆ นั้น หญิงสาวโยนกระป๋องโลหะบูดเบี้ยวสองกระป๋องเข้าไปในห้อง เสียงปังดังขึ้น ะเิควันแป้งและพริกไทยคละคลุ้งไปทั่ว เสียงไอดังขึ้นทั่วห้อง เซี่ยวอี๋แนบตัวชิดกับกำแพง เธอเปิดไฟฉายที่ด้านหน้าของปืนพก นี่ก็เป็อุปกรณ์ที่เสิ่นิผลิตขึ้นมาอีกเช่นกัน
ผ่านไป 8 วินาที กระทั่งควันะเิพุ่งขึ้นถึงขีดสูงสุด เซี่ยวอี๋ก็สวมหน้ากากและแว่นตา ก่อนจะไขกุญแจเปิดประตูและวิ่งเข้าไปในห้อง ภายในห้องมีแสงสลัวสีแดง คนล้มกองกันระนาว บางคนก็ร้องไห้อยู่
“อย่าขยับ...ฉันคือ...” คำตอบของเซี่ยวอี๋ก็คือปลายกระบอกปืน ลูกะุพุ่งเข้าที่ไหล่เธอ กระดูกไหปลาร้าปวดอย่างรุนแรง ราวกับว่ามันแตกหัก
“ฉิบหาย!” เซี่ยวอี๋ไม่มัวพล่ามอีกแล้ว หญิงสาวฟาดหลังมือไปทางตำแหน่งที่ยิงมา ลิ่วล้อคนนั้นล้มลงกับพื้น
เ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเริ่มสู้กลับ เห็นได้ชัดว่าแก๊สพริกไทยไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าแก๊สน้ำตาของตำรวจ ไฟฉายในมือเริ่มสำแดงประสิทธิผล ณ นาทีนี้เอง ควันในห้องคละคลุ้งไปทั่ว ปืนในมือเซี่ยวอี๋ส่องไปโดยสัญชาตญาณ ต่อให้ยิงแม่นขนาดไหนก็ต้องสุ่มยิง ในทางตรงกันข้าม เซี่ยวอี๋กลับยิงเข้าทุกนัด ลูกกะจ๊อก 5 คนลงไปกองกับพื้น ะุหมดแล้ว เธอบรรจุะุเข้าไปใหม่ เซี่ยวอี๋เฝ้ามองดูบรรดาพวกที่นอนกองอยู่บนพื้นอย่างระแวดระวัง พวกมันร้องโหยหวน หญิงสาวใช้ขาเตะปืนของพวกมันไปให้ไกล
กระทั่งมั่นใจแล้วว่าไม่มีภัยคุกคาม เธอถึงได้เอียงศีรษะมองไปยังไหล่ บริเวณไหล่ของชุดเกราะที่แตกออก ะุยังฝังอยู่ในแผ่นเซรามิก ไหล่ของเธอบวมแดง
“บ้าเอ๊ย ฉันใแทบแย่” ถึงเซี่ยวอี๋จะเคยฝึกจู่โจมมาก่อน แต่นี่เป็ครั้งแรกที่เธอบุกเข้ามาในดงนักเลงของจริง เธอประมือกับนักเลง 6 คนซึ่งพกอาวุธปืน ถึงแม้ว่าจะชนะ ตอนนี้ก็เพิ่งจะตระหนักได้ถึงความน่ากลัว
เธอเกร็งและประหม่าแต่ยังก็คงเดินตรงเข้าในห้อง หญิงสาวเตะประตูให้เปิดด้วยเท้าเดียว ตรงหน้ามีชายประมาณ 20 กว่าคนรวมกันอยู่ เธอแทบจะทนดูไม่ได้
ตรงนั้นมีแส้หนัง เครื่องทรมาน และไม้เรียวแทบจะทุกชนิด ครึ่งหนึ่งของคนตรงนั้นล้วนเป็ชายกล้ามโต พวกเขาสวมผ้าเตี่ยว นอกนั้นก็ไม่ได้สวมอะไรอีก พวกนั้นยืนอยู่นิ่งๆ ก่อนจะ หันหน้ามามองเซี่ยวอี๋ซึ่งมีเรียวขายาว 105 เิเ พวกมันยกแขนขึ้นทั้งสองข้างพร้อมกับขาอีกข้างหนึ่ง
ผู้กำกับร่างอ้วนซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังกล้องหลับตาปี๋พลางะโร้องว่า “สหายตำรวจ ผมเป็ผู้บริสุทธิ์! พวกเขาบังคับผมให้ถ่ายหนัง GV (หนังโป๊เกย์) ! ความจริงแล้วผมเป็ผู้กำกับหนังสารคดีเชิงวรรณกรรม! เคยถ่ายหนังเื่ Wrong Is Right! อย่ายิงผมนะ!”
“เชี่ย ‘รังผาสุก’ มันเป็แบบนี้เองเหรอ?!” เซี่ยวอี๋รู้สึกเหมือนถูกหลอก เธอรีบโทร.ติดต่อเสิ่นิ แต่หมอนั่นก็ปิดเครื่อง ไม่สามารถติดต่อได้
เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างเสิ่นิจงใจให้เป็เช่นนี้ ไอ้หมอนั่นต้องรู้อยู่ก่อนแล้วว่าฟางหยวนไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้าอยากจะรู้ความจริงของเื่นี้นั้นมันไม่ใช่เื่ยากเลย ก็แค่ตรวจสอบตารางงานของโรงงานผลิตสารเคมีจากในอินเทอร์เน็ต ในนั้นแจ้งว่าพอดีวันนี้ “เ้านายสุขใจ ให้พักได้หนึ่งวัน”
ที่ส่งเซี่ยวอี๋มาถึงรังผาสุกนี่เป็แค่เพียงข้ออ้าง เสิ่นิวางแผนที่จะไปช่วยฟางหยวนเพียงลำพังั้แ่แรกแล้ว
“ไอ้ชั่ว! ให้ฉันเจอนายก่อนเถอะ จะอัดให้น่วมเลย!” เซี่ยวอี๋คำรามด้วยความโมโห ก่อนจะหันตัวเดินออกไปจากรังผาสุกอย่างไม่คิดชีวิต หวังว่าก่อนที่เธอจะไปถึง ไอ้บ้านั่นจะไม่ตายไปซะก่อน
“พี่ชาย มองเห็นทางไหม? พี่ผ่าไฟแดงมา 2 แยกแล้วนะ” ก่อนหน้าที่เซี่ยวอี๋จะออกมาจากรังผาสุก บนรถแท็กซี่ เสิ่นิก็เอ่ยเตือนคนขับไปพลางสวมชุดเกราะกันะุของเขาไป
“น้องชาย...น้องเป็ตำรวจหรือเปล่า?” ชายชราผู้ซึ่งเป็คนขับแท็็กซี่ถามขึ้นเมื่อเห็นเสื้อกันะุบนตัวของเสิ่นิ มือของชายชราคนนั้นสั่นสะท้านในขณะที่กำลังถาม
“เปล่า” เสิ่นิเอามีดเสียบเข้าไปในฝักที่เขาทำขึ้นมาเองอย่างง่ายๆ ทีละเล่ม
“แล้วทำไมน้องชายถึงใส่ชุดอย่างนี้ล่ะ...เป็โจรหรือเปล่า?” ชายชราถามในขณะที่ยังสั่นสะท้าน
“ไม่ใช่ แค่ไปช่วยเพื่อนน่ะ” เสิ่นิบรรจุะุใส่ปืนยิงตะปู
“น้องชาย จากท่าทางของน้องแล้ว ดูไม่ใช่คนเลว สนใจฟังคำแนะนำของลุงหน่อยนะ ด้านหลังของโรงงานผลิตสารเคมีอันดับหนึ่งคือฐานที่ตั้งของซินเหลียนเซิ่ง ที่นั่นมีกลุ่มแก๊งอันธพาลเต็มไปหมด ถ้าเพื่อนของน้องชายถูกลักพาตัวมาไว้ที่นั่น ทางที่ดีน้องชายควรแจ้งตำรวจดีกว่า คนพวกนั้นมันกล้าฆ่าคนจริงๆ นะ” ชายชราเตือนด้วยความหวังดี
“คุณลุงวางใจเถอะ วันนี้ที่นั่นจะเป็...ฐานที่มั่นของผม” เสิ่นิยิ้มพลางสวมถุงมือเดินป่าแบบที่นิ้วสามารถโผล่ออกมาได้
คนขับรถแท็กซี่จอดรถที่หน้าประตูใหญ่ของโรงงานผลิตสารเคมีอันดับหนึ่ง ฉากการลงจากรถอันแสนเท่ของเสิ่นหมินั้นถูกบันทึกไว้ด้วยกล้องวงจรปิด
คนขับเร่งเครื่องกลับไปโดยไม่หยุด เสิ่นิสะพายเป้ขึ้นหลังราวกับนักท่องเที่ยว
“เด็กเวร ทำอะไรน่ะ?!” นักเลงสองคนซึ่งสวมสูทสีดำและมีรอยสักบนลำคอเดินมองซ้ายมองขวาถึงหน้าประตูเหล็ก ในมือพวกเขาถือท่อน้ำไว้
“พวกนักเลงเฝ้าประตูนี่เกรดต่ำจริงๆ” เสิ่นิยกมือขึ้นยิง ดินปืนะเิเกิดเป็ควันดำ ตะปูเหล็กขนาด 5 มม. พุ่งลอดประตูรั้วปักเข้าไปที่ไหล่ของมัน แรงกระแทกนั้นทำให้เ้านั่นล้มลงกับพื้น
อีกมือหนึ่งของเขาหมุนกลับไปคว้ามีดปอกผลไม้เพื่อปาไปอีกทาง มันปักเข้ากับมือของเ้างั่งอีกตัวซึ่งกำลังวิ่งหนีไปที่ตู้ยาม
“ฮัลโหล! ฮัลโหล! มีผู้บุกรุก!” นักเลงที่ล้มลงหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาป่าวประกาศ
เสิ่นินำะเิซึ่งดัดแปลงจากแบตเตอรี่สำรองเสียวหมี่ 4 ลูกติดเข้ากับประตูเหล็ก หลังจากถอดแผงลดแรงดันออกแล้ว ก็รอให้ไฟฟ้าลัดวงจรจนเกิดะเิขึ้น โดยปกติจะใช้เวลา 2 ถึง 3 นาทีเพื่อรอให้แบตเตอรี่สำรองสะสมความร้อนได้เสียก่อน กระทั่งเกิดะเิแบบหน่วงเวลา
อุณหภูมิของแบตเตอรี่สำรองเสียวหมี่ถึงที่จุดวิกฤติในเวลา 10 วินาที แบตเตอรี่สำรองความจุ 10,000 mAh ใช้งานได้จริงเพียง 7,000 mAh เท่านั้น ทว่าแรงะเิของมันกลับมีพลังทำลายล้างเทียบเท่าได้กับ 20,000 mAh ราวกับะเิมือ
“ฮัลโหล! พวกมันมากันกี่คน?” ไอ้โล้นซ่าซึ่งอยู่ในห้องน้ำร้องถาม
“แค่...” ลิ่วล้อคนนั้นยังไม่ทันได้ตอบ ก็มีเสียงโครมครามดังขึ้น ประตูเหล็กกว้าง 5 เมตรถูกะเิพังลงกับพื้น เสิ่นิเหยียบประตูแล้วย่างเท้าเข้าสู่เขตหวงห้ามของซินเหลียนเซิ่งอย่างเป็ทางการ
“คนเดียวเรอะ?”
“คนเดียวเรอะ? เมื่อกี๊เสียงอะไร? ใช่ะเิหรือเปล่า?” โล้นซ่ายังไม่ทันได้เช็ดก้นด้วยซ้ำ มันรีบดึงกางเกงขึ้นและพุ่งตัวออกมาจากห้องน้ำ ลูกน้องหลายคนรีบตามหลังเขาไปทันที
“หัวโล้น อย่ากระโตกกระตากไป ฉันเห็นแล้ว...มันคือไอ้บอดี้การ์ดที่ทำมือฉันเดี้ยง มันเป็ของฉัน ห้ามยุ่ง!” หวังจงแสยะยิ้มในขณะที่จ้องจอมอนิเตอร์
ขณะนี้เขายืนอยู่ในห้องกล้องวงจรปิด มองดูใบหน้าอันคุ้นตาของเสิ่นิผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ แผลซึ่งตอนนี้ถูกเหล็กดามไว้ของหวังจงเกิดปวดแปลบขึ้นมา
“พลปืนพร้อม!” หวังจงออกคำสั่ง หัวหน้าในโรงงานต่างพากันถือปืนคนละกระบอก นักเลงที่คล้องโซ่ทอง ใบหน้ามีแผลเป็ วิ่งออกมาจากทุกทิศทุกทางมุ่งหน้าไปยังประตูทางเข้าโรงงาน
ศึกนี้ตงชวนตัดสินใจทุบหม้อข้าวจมเรือ เขารวมพลนักเลงทั้งหมดที่มีของซินเหลียนเซิ่ง สิริรวมแล้วเหยียบถึง 200 คน เดิมทีเขาคิดว่าต่อให้ฟางซื่อเฉวียนแจ้งความ ต่อให้ถูกตำรวจวิสามัญเขาก็จะต้องฆ่าฟางหยวนให้จงได้
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าการรวมพลมามากมายขนาดนี้ สิ่งที่ต้องจัดการเป็อันดับแรกกลับเป็แค่ไอ้บอดี้การ์ดตัวหนึ่ง...
“เกิดอะไรขึ้น?” ตงชวนได้ยินเสียงะเิเขาจึงกรอกเสียงถามลงไปในวิทยุสื่อสาร
“ว่าไง?” หลินฝานลุกขึ้นด้วยความกังวล สภาพจิตใจของเขายังไม่อาจยอมรับสถานะอาชญากรได้
“หวังจงบอกว่าบอดี้การ์ดคนหนึ่งของแม่นี่บุกเข้ามา ตอนที่นายลักพาตัวเธอมา ไม่ได้เช็ดก้นให้สะอาดหรอกเรอะ?” ตงชวนกล่าวถาม
“เป็ไปได้ยังไง? ไอ้นั่นมันตกเฮลิคอปเตอร์ลงทะเลไปแล้ว! ความสูงตั้ง 50 เมตร มันรอดมาได้ยังไง?” หลินฝานตกตะลึง
“เสิ่นิ?” ฟางหยวนเองก็ใจนอึ้ง
เสิ่นิทำลายกล้องวงจรปิดระหว่างทางไปเรื่อยๆ จนเป็นิสัย ปืนตะปูตอนนี้เขาใช้จนหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อเดินผ่านลานกว้างที่ด้านหน้าของโรงงานไป ชายหนุ่มก็รุดเข้าไปยังตัวโรงงานแปรรูปวัตถุดิบขนาดใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยท่อน้ำยาวเป็สาย ราวกับถนนซอย 8
“โรงงานนี่ไม่เลว เริ่มกันได้” เสิ่นิดึงมีดเชฟออกมากำไว้ในมือ รอยยิ้มของเขาสะท้อนอยู่บนใบมีด
ประตูใหญ่ด้านหน้าถูกเปิดออก นักเลงหลายสิบคนถือปืนดาวดำ ปืนกล็อค .38 ปืนโคลท์ ทุกรุ่นทุกประเภท ระดมมาเพื่อปฏิบัติการนี้โดยเฉพาะ ตงชวนสั่งระงับการค้าอาวุธทั้งหมดภายในแก๊งชั่วคราว เพื่อแจกจ่ายอาวุธให้ทั่วถึง ทั้งยังให้ฝึกพลแม่นปืนโดยเร่งด่วนอีก แต่เห็นได้ชัดว่ายังฝึกมาดีไม่พอ
ท่าทางที่พวกมันใช้ปืนกวักเรียกคู่หูอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ยกปืนสะบัดตูดโก้งโค้งแบบนั้น บางคนถึงขนาดทำเท่ถือปืนด้วยมือเดียวนั่งเต๊ะจุ๊ย นี่พวกมันเรียนยิงปืนมาจากเกม CF กันหรืออย่างไร? พวกมันจะรู้ตัวไหมว่าตายแล้วไม่อาจฟื้นขึ้นมาใหม่ได้เหมือนในเกม?
“ทุกคนฟังทางนี้ อย่าฆ่ามัน...ะุนัดสุดท้ายต้องให้ฉันเป็คนยิง” หวังจงกล่าวเตือนผ่านวิทยุสื่อสาร
“ยังไม่รู้จักจำอีกหรือไง? เดี๋ยวจะจัดให้มืออีกข้างด้วนไปด้วยเลย” เสิ่นิถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย หลังจากที่ได้ยินเ้านั่นพูดผ่านวิทยุในตู้ยาม เ้าพวกนักเลงในตู้ยามก็ไม่รู้จักเปลี่ยนช่องการสื่อสารอีก ทหารมืออาชีพเตะต่อยนักเลง ก็คงไม่ต่างอะไรกับผู้ใหญ่ทุบตีเด็ก