“มันอยู่ที่ไหน?” นักเลงที่ถือปืนดาวดำในมือคนหนึ่งะโกดดันถามคู่หูข้างๆ
“ใครจะไปรู้? เอ็งลดปืนลงหน่อย อย่าหันมาทางข้า! ระวังจะลั่นเอา!” นักเลงสูงอายุเตือนด้วยความกังวล
“อา! ออกมาสิไอ้หน้าโง่! ทำเป็เต่าหดหัวอยู่ในกระดองไปได้! โผล่หัวออกมาซะ ไม่กล้าหรือยังไง?” นักเลงคนหนึ่งะโแผดเสียงขึ้น แต่โรงงานตั้งกว้างใหญ่มีเพียงมันคนเดียวเท่านั้นที่ส่งเสียงด่าโหวกเหวกโวยวาย สภาพแวดล้อมด้านข้างเงียบฉี่จนขนหัวแทบลุก
ไม่มีทางเลือก ฝูงชนได้แต่แยกย้ายกันไปค้นหาตามซอกซอยระหว่างเครื่องจักร นักเลงทั้ง 40 คนแยกย้ายกันไปหาเป็ 40 สาย ทุกทิศทุกทางล้อมวงกันเข้าด้านใน
พวกเขาเป็กลุ่มแนวหน้ากลุ่มแรก ภายนอกโรงงานนั้นยังมีมือปืนในจำนวนเท่ากันเฝ้าอยู่ที่ด้านหน้าและหลังประตู ในมือของคนเ่าั้มีปืนกลหนึ่งถึงสองกระบอกพร้อมอยู่แล้ว
เกมซ่อนแอบยังคงดำเนินต่อไปภายในโรงงาน นักเลงคนหนึ่งกำปืนแน่นในขณะที่เดินข้ามสายพานยาว ไม่มีสัญญาณใดๆ จู่ๆ มีดทำครัวเล่มหนึ่งก็โผล่ขึ้นจากใต้สายพาน ตัดเอ็นร้อยหวายได้อย่างแม่นยำราวกับหมอผ่าตัด
สหายสองคนซึ่งอยู่ข้างๆ รีบวิ่งเข้ามาดู พวกเขาเห็นแค่เพียงนักเลงคนนั้นร่ำไห้อยู่บนพื้น แต่กลับมองไม่เห็นวี่แววของเสิ่นิ
เืสีแดงสดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ นักเลงที่ทำผมทรงลานบินตบเพื่อนข้างๆ ด้วยสายตาอันแหลมคมของมัน มันเห็นรอยเท้าชุ่มเืมุ่งหน้าเข้าไปยังห้องควบคุมเครื่องจักรซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ฆ่ามัน!” เ้าหัวทรงลานบินเรียกเพื่อนให้เล็งไปที่ประตูห้องควบคุม ปัง! ปัง! ปัง! เ้านั่นลั่นไกอย่างคลุ้มคลั่ง ะุพุ่งไปทุกทิศทุกทางจนเกิดเป็รูทุกหนแห่ง ะุหมดแม็กทั้งสองคน
ประตูห้องเครื่องแข็งแกร่งจนกระทั่งยิงไม่ทะลุ แต่เมื่อทั้งสองคนนึกขึ้นได้ว่าต้องเปลี่ยนะุ ประตูห้องเครื่องก็ถูกเปิดออก เสิ่นิโบกค้อนสองด้ามตอกใส่หน้าผากของพวกมัน อันธพาลทั้งสองคนซึ่งกำลังบรรจุลูกะุปืนอยู่ถึงล้มตึงไปกับพื้น
เ้าพวกนักเลงโง่ท่าจะดูหนังแอคชั่นมากเกินไปเลยคิดว่าะุจะยิงทะลุได้ทุกอย่าง จะดูว่ายิงเข้าหรือไม่ต้องพิจารณาถึงความหนาของวัตถุด้วย
สงสัยคงจะลืมเื่พลังงานหัวะุ พลังงานจลน์ของปืนไปแล้ว การปะทะกับแผ่นเหล็กโดยตรงนั้นไร้ประสิทธิภาพ ต่อให้แผ่นเหล็กหนาไม่เกิน 3 มม. ก็ยังใช้การไม่ได้
เสิ่นิเปิดสวิตช์จ่ายไฟที่ด้านหลังเขา เครื่องจักรภายในโรงงานเริ่มเดินเครื่อง ครู่หนึ่งเขาก็ได้ยินเสียงผิดปกติดังขึ้น นักเลงหลายคนพากันหวาดกลัวกระทั่งทำปืนลั่น
หลังจากที่เสิ่นิสร้างเสียงะเิตูมตามจากภายในห้องเครื่องแล้ว เขาก็ลูบแผ่นหลังของมือปืนอย่างเงียบๆ ก่อนจะหยิบมีดเชฟออกมาแล่เนื้อให้เป็แผ่นบางๆ ราวกับบ่าวผู้ซึ่งกำลังเชือดโคในห้องครัว
เสิ่นิตัดเส้นเอ็นของพวกมันได้อย่างแม่นยำโดยลงมีดแค่ 4 ครั้ง นักเลงหัวไม้ทรุดลงกับพื้นและไม่สามารถขยับไปไหนได้ ชายหนุ่มยังคงจัดการทุกอย่างอย่างเป็ธรรมชาติ พวกมันแค่ส่งเสียงออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองหน้ากัน สุดท้ายแล้ว เสิ่นิก็ยังคงสงสัยอยู่ว่าเ้าพวกนี้เป็เพียงเนื้อหมูที่ถือปืนได้หรือเปล่า?
เสียงเครื่องจักร เสียงปืน ในโรงงานแปรรูปขนาดใหญ่ เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาอย่างไม่ขาดหู เป็เช่นนั้นอยู่นาน 10 นาที เสียงกรีดร้องจึงกลายเป็เสียงร่ำไห้ เสียงปืนเองก็หยุดลงเช่นกัน มีเพียงเสียงของเครื่องจักรเท่านั้นที่ยังดำเนินต่อไป
เสิ่นิยืนอยู่กลางโรงงาน ทั้งตัวเขาเปียกชุ่มไปด้วยเืของคนอื่น เสื้อเกราะที่อยู่บนอกเขาโดนยิงเข้าไปสามนัด ซีเมนต์แตกเป็ดาวกระจาย แต่ตัวคนก็ไม่ได้รับาเ็
มือปืนอีกสี่สิบคนแห่กันเข้ามาผสมโรง มีทั้งเด็กใหม่และพวกเก๋าเกม พวกมันตั้งใจจัดระเบียบกองกำลังให้ดูยุ่งเหยิง แต่นั่นก็ไม่มีผลกับเสิ่นิ สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจะเด็กใหม่หรือพวกเก๋าเกมก็นับเป็แค่ของว่างเท่านั้น
พวกมาเฟียส่วนมากเวลาฝึกยิงปืนก็เรียนรู้แค่เทคนิค เพราะพวกมันต้องรับมือกับศัตรู กลยุทธ์ หรือวิธีการเป็อย่างไร ความร่วมมือในการทำงานเป็ทีมเท่ากับศูนย์ เ้าพวกนี้ยังไม่ตาย หากกลับมาหายเป็ปกติ ฝีมือก็คงรุดหน้าไปไม่น้อย ความผิดพลาดบนร่างกายทำให้จดจำและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“เฮ้! ยังมีใครรอดชีวิตอยู่ไหม? ตอบฉันหน่อยซิ!” เสียงคำรามของหวังจงดังลอดผ่านวิทยุสื่อสารมา
“รอดกันเป็กองเลย แต่ที่ยังเดินไหวก็มีแค่ฉันคนเดียว ว่าไง? อยากออกมาเล่นกันหน่อยไหม?” เสิ่นิตอบพลางรวบรวมะุปืนจากเหล่ามือปืน ก่อนจะใช้เทปมัดพวกมันรวมกันไว้
“ไอ้แสบ แกเสร็จแน่ กล้าโผล่มาที่ถิ่นเราโดยลำพัง ถ้าวันนี้ไม่ได้อัดแกให้ตาย! ก็อย่ามาเรียกข้าว่าหวังจงเลย!” เสียงหวังจงสั่นสะท้าน
“แกเปลี่ยนชื่อเป็หวังลมๆ แล้งๆ ก็ท่าจะดีนะ จริงสิ เพื่อนๆ ของแกที่ถือปืนอยู่ข้างนอก ในระยะ 10 เมตรนี่วิ่งได้เร็วแค่ไหนกัน?” เสิ่นิพันะุหลายร้อยนัดเข้ากับแบตเตอรี่สำรองเสียวหมี่
“แกหมายความว่ายังไง?” หวังจงสับสน
“ฉันรับปากกับผู้ช่วยว่าฉันจะไม่ฆ่าคน แต่ถ้าพวกมันทำตัวโง่ซุ่มซ่ามจนเกิดตายขึ้นมาเองล่ะก็ อย่ามาโทษฉันนะ” เสิ่นิกล่าวพลางยกปืนตะปูชี้ไปทางหน้าต่างระบายอากาศด้านหน้า บานเกล็ดถูกยิงแตกเสียหมด
“มันอยู่ที่ประตูหน้า!” มือปืนด้านนอกกรูกันไปในทิศทางนั้น พวกเขาปลดเซฟปืนและเตรียมตัวยิง ระหว่างนั้น ลูกโลหะขนาดเท่าลูกฟุตบอลก็หล่นลงมาในแนวดิ่ง ตกลงมาตรงกลางวงของกลุ่มมือปืน
“แย่แล้ว! มันคือะเิ!” มือปืนท่าทางมีความรู้คนหนึ่งร้องขึ้น ทั้ง 20 คนนั้นวิ่งแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง ะเิถ่วงเวลาประมาณ 5 วินาที เ้าตัวที่วิ่งเร็วที่สุดวิ่งไปได้ 20 เมตร
พวกเก๋าเกมก็ยังคงเป็พวกเก๋าเกมอยู่วันยังค่ำ เวลาจะหลบก็ยังรู้จักหาที่กำบังที่มั่นคง มีเ้าอ้วนคนหนึ่งซึ่งวิ่งไปได้ 10 เมตรก็ล้มตัวหมอบลงกับพื้น เสียงตูมดังขึ้น ความร้อนจากะเิทำให้ลูกะุพุ่งออก พื้นดินในระยะนั้นถูกะเิจนพรุน
ในขณะที่เกิดเสียงะเิ เสิ่นิก็ฉวยโอกาสคว้าปืนตะปูขึ้นมาแล้ววิ่งฝ่าเข้าไปกลางฝูงชน
“ปุ! ปุ! ปุ!” เขายิงตะปูออกไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้มือปืนพากันใหมอบราบลงกับพื้น ราวกับว่าเป็การขู่ให้วัวกลัว
มือปืนที่ประตูหลังเร่งรุดเข้ามา แต่พวกมันก็เห็นว่าไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว และในขณะที่เสิ่นิกวาดสายตามองหาสิ่งที่มีประโยชน์ที่พอจะใช้งานได้ ปัง เสียงปืนก็ดังขึ้น ะุเจาะเข้ามาในคอนกรีตบริเวณหน้าขาของเขา
เมื่อไล่สายตามองไปตามวิถีของะุ บนตู้คอนเทนเนอร์ในระยะ 200 เมตร มีสไนเปอร์ซึ่งกำลังนอนราบเปลี่ยนะุนัดใหม่อยู่ ปืนที่เขาใช้คือ Karabiner 98k ปืนซุ่มยิงที่ทหารเยอรมันใช้กันสมัยาโลกครั้งที่สอง
“ปืนไรเฟิลที่แม่นยำที่สุดในสมัยาโลกครั้งที่สอง พวกแกยิงในระยะ 200 เมตรแต่กลับไม่เข้าเป้าเนี่ยนะ...ฮิตเลอร์รู้เข้าคงจะโกรธสุดๆ” เสิ่นิถอนหายใจพลางหยิบปืนกลซึ่งผลิตในประเทศรุ่น 05 ขึ้นมาจากพื้น เขาเปิดโหมดยิงนัดเดียวและเล็งไปยังเ้าสไนเปอร์ที่อยู่บนตู้คอนเทนเนอร์
ลูกะุเฉี่ยวปืนไรเฟิลไปโดนอุปกรณ์การเล็งเป้า สไนเปอร์คนนั้นหัวเราะเยาะตัวเอง
“ฝีมือกระจอก ผีเน่า” เสิ่นิถอนหายใจก่อนจะเริ่มเหนี่ยวไก
ประสิทธิภาพของปืนกลรุ่น 05 ตามสถิติจะยิงได้ในระยะ 150 ถึง 200 เมตร แต่หากใช้ะุ 5.8 มม. ในระยะ 150 เมตรนั้นจะยิ่งทวีระดับความยากขึ้นไปอีก เปรียบเสมือนกับหน้าปัดของรถสปอร์ตที่โชว์ความเร็วสูงสุดบนหน้าปัดไว้ที่ 300 กม. แต่คุณกลับขับได้แค่ 270 กม.
แต่ในขณะที่เสิ่นิเหนี่ยวไก แรงสะท้อนจากทางด้านหลังของลำปืนก็ไหลผ่านไหล่ไปยังกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เส้นเื กระทั่งถึงเอ็นร้อยหวายที่ขา แรงสะท้อนกระจายลงสู่พื้นโลก แรงตกค้างในร่างแทบจะเป็ศูนย์
ตัวปืนในมือของเขาได้รับผลเพียงน้อยนิดจากแรงสะท้อน
ะุพุ่งใส่นิ้วมือของสไนเปอร์ซึ่งกำลังจะเหนี่ยวไกในระยะห่าง 200 เมตร เขาร้องโหยหวนและกลิ้งตกลงมาจากตู้คอนเทนเนอร์
นี่มิใช่ทักษะที่นิรวานมอบให้เขา มันเป็ความเทพของเสิ่นิ...ร่างที่ให้แรงสะท้อนเท่ากับศูนย์!
เมื่อสิบปีก่อน ตอนที่พันเอกคาร์ลพาเสิ่นิกลับไปที่ค่ายนิรวาน ทุกทุกคนต่างก็พากันดูถูกเขา
พ่อหนุ่มเอเชียคนนี้ไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่ง ยกปืนใหญ่วัลแคนก็ไม่ได้ ไม่ได้มีกล้ามโต ไม่อาจสังหารคนระยะประชิดได้ ไม่ได้มีสมองอัจฉริยะ ถอดรหัสอันซับซ้อนก็ไม่ได้ แค่มีฝีมือในการแม่นปืนอย่างเดียวคงไม่เพียงพอที่จะให้ลงหลักปักฐานในค่ายนิรวานได้ ทุกคนที่นี่ล้วนเป็สไนเปอร์มือดีกันทั้งนั้น
ส่วนที่ว่าสังหารมาหลายชีวิตล่ะ? นักเลง 104 คน พอทุกคนได้ฟังแล้วก็ราวกับได้ยินเื่ขำขัน...
แต่เมื่อถึงเวลาที่เสิ่นิต้องเข้าร่วมการฝึกยิงด้วยกันครั้งแรก ทุกคนในนิรวานต่างก็พากันตกตะลึง
พวกเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน แรงสะท้อนกลับสู่ร่างของเสิ่นินั้นเหมือนกับ “ธาตุโซเดียม” ที่ตกลงไปในน้ำ มันสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้เขายิงได้แม่นเกือบจะ 100% วิถีของะุนั้นแทบจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ
ทุกคนตื่นเต้นราวกับได้พบของเล่นชิ้นใหม่ พวกนั้นพยายามทดสอบขีดจำกัดทางร่างกายของเขาไม่หยุด ไม่ว่าจะปืนพก ปืนกลมือ ปืนไรเฟิลจู่โจม หรือปืนยิงรถถังสารพัดอาวุธปืน แค่เพียงนัดเดียว ร่างของเขาก็สะท้อนแรงปืนได้โดยไร้ข้อจำกัด
อาวุธปืนชนิดเดียวที่สามารถส่งผลต่อความแม่นยำในการยิงของเขาได้ในท่ายืนก็คือ NTW-20 ซึ่งเป็ปืนไรเฟิลต่อต้านยุทธภัณฑ์ของแอฟริกาใต้ แต่เดิมเ้าปืนนี้ไม่มีฐานตั้ง ต้องใช้การพาดโดยตรงไปบนไหล่ของนักแม่นปืน
แต่เมื่อเสิ่นิใช้มัน นอกจากความแม่นยำที่ลดลงเพียงน้อยนิด มันก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่อข้อกระดูกของเขาเลยแม้แต่น้อย
ทุกคนต่างพากันเรียกทักษะราวกับตัวประหลาดนี้ว่า “ร่างกายซึ่งรับแรงะเืเป็ศูนย์” ต่อมาเมื่อรู้สึกว่ามันยาวไปจึงเรียกกันสั้นๆ ว่า กายล่องหน
“อาวุธที่ผลิตในประเทศก็ไม่เลวนะ ใช้งานสะดวกมาก” เสิ่นิพูดพลางเล็งปืนกลับไปยังมุมมุมหนึ่งของโรงงาน มือปืนที่เพิ่งจะโผล่หัวออกมาถูกยิงหนีไปหมด
“เฮ้ มือด้วน พวกแกอยู่ที่ไหน? ถ้าแกไม่มาหาฉัน ฉันก็จะไปหาแกเอง” เสิ่นิกล่าวทักทายผ่านวิทยุสื่อสาร
“ไอ้ตัวแสบ แกคิดว่าตัวเองอยู่ยงคงกระพันอย่างนั้นหรือ?” คนที่ตอบเสิ่นิหาใช่หวังจงไม่ แต่กลับเป็เสียงทุ้มต่ำอีกเสียงหนึ่ง
“ตงชวน?” เสิ่นิคาดเดา
“กลางโรงอาหารคนงาน ถ้ากล้าก็ฉายเดี่ยวมา” ตงชวนหัวเราะเยาะ
“รอ 5 นาที” เสิ่นิทิ้งปืนกลในมือ เขาชะโงกหน้าและวิ่งไปยังโรงอาหาร เขาก้าวย่างอย่างมั่นคง
ในโรงอาหารของพนักงานโรงงานผลิตสารเคมี ณ ขณะนี้ ตงชวนให้หลินฝานลากกรงไปทางห้องครัว “ตรงนี้เป็หน้าที่ของพวกแกแล้ว อย่าทำให้ฉันขายหน้าล่ะ ฉันไม่ได้ตามให้ไอ้ฟางซื่อเฉวียนมันมาหัวเราะเยาะสมน้ำหน้านะ!”
“รับทราบ!” โล้นซ่าและหวังจงโค้งคำนับรับคำพร้อมกัน มีนักเลงมืออาชีพอีกร่วมร้อยคนชุมนุมอยู่ที่ด้านหลังของพวกเขา
ในห้องครัว ตงชวนกดปุ่มบนนาฬิกา ตู้แช่แข็งขนาดใหญ่ถูกเคลื่อนมาที่ด้านหน้า เผยให้เห็นช่องลับซึ่งนำไปสู่ทางเดินใต้ดิน ด้านล่างคือฐานทัพการผลิตยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดของซินเหลียนเซิ่ง
“หัวจงเอ๋ย มือแกด้วนไปแล้ว ครั้งนี้ให้ฉันลงมือเถอะ” โล้นซ่ายิ้มเยาะพร้อมสวมนวมไทเทเนียม
“หัวแกยังมีผ้าพันแผลอยู่เลย ดูก็รู้แล้วว่าอาการหนัก ให้ฉันเองดีกว่า” หวังจงยื่นมือข้างที่ด้วนซึ่งได้กลายเป็โลหะออกมา ลูกน้องของเขาสองคนเดินเข้ามาติดตั้งปืนกล M60 ตรงบริเวณมือที่ด้วนไป
“ไอ้ด้วนเอ๊ย M60 มันตั้ง 5 แสนนะ แกเอาออกมาใช้เหรอ!” โล้นซ่ารู้สึกว่าไอ้บ้าข้างกายนี่ช่างเป็าาแห่งความสุรุ่ยสุร่ายจริงๆ
“ปืนก็เหมือนผู้หญิง ถ้าไม่ใช้จะรู้ได้ยังไงว่าดีหรือไม่ดี? วางใจเถอะ ไอ้พวกนี้เดี๋ยวฉันเอากลับไปบำรุงรักษาเอง เอาไว้ฆ่าไอ้บ้านั่นให้ได้ก่อน!” หวังจงดึงสลักปืนเพื่อบรรจุะุ