บทที่ 64 ผู้คนหลายพันร้องขอความเมตตา
บนกำแพงเมือง มู่หรงเจี๋ยมองลงไปที่ฉู่อวิ๋นจากที่สูง โดยถืออาวุธลึกลับแท่งเหล็กไว้ในมือข้างหนึ่ง อีกมือหนึ่งไพล่อยู่ด้านหลัง ร่างกายของเขาตั้งตรงดูสง่างาม
ในเวลานี้ ผู้คนที่เดินอยู่บนถนนกลุ่มหนึ่งในเมืองไป๋หยางมารวมตัวกันใกล้ประตูเมือง ด้วยถูกดึงดูดจากเหตุการณ์บุกประตูเมืองเมื่อครู่
“อ๊ะ เกิดอะไรขึ้น? มีเื่ที่ต้องลำบากท่านเ้าเมืองให้มาจัดการเองเลยหรือ?”
“ได้ยินว่าเ้าหนูจากตระกูลฉู่คนนั้นฟื้นแล้ว เขาไม่สนต่อคำสั่งห้ามของเ้าเมืองแล้วบุกประตูเมือง!”
“อ๋า? ไม่ธรรมดาเลยนะ! ฉู่อวิ๋นเพิ่งได้รางวัลชนะเลิศในการประลองเซี่ยหยาง พริบตาเดียวก็ต้องมาประลองกับท่านเ้าเมือง? ช่างกล้าหาญจริงๆ!”
ทุกคนกระซิบและชี้ไม้ชี้มือ พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมฉู่อวิ๋นถึงเนรคุณถึงขั้นท้าทายอำนาจของมู่หรงเจี๋ยเช่นนี้
“ฉู่อวิ๋น! เ้าหลบหนีออกจากจวนเ้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้าจะไม่ติดใจตามต่อก็ได้ แต่ตอนนี้เ้าถึงกับ้าหนีออกจากเมือง? หยุดการกระทำเช่นนั้นไว้ซะ!” มู่หรงเจี๋ยะโ เสียงของเขาก็ดังลั่นไปทั่วประตูทางใต้
“เ้าเมืองมู่หรง! เจ็ดวันมานี้ ท่านให้ข้าพักรักษาตัวอยู่ที่จวนของท่าน ฉู่อวิ๋นซาบซึ้งอย่างยิ่ง! แต่ข้ายังมีเื่สำคัญที่ต้องทำ จำเป็ต้องออกจากเมืองไป๋หยาง หวังว่าท่านจะปล่อยข้าไป!” ฉู่อวิ๋นหยิบกระบี่ชื่อยวนกลับมาและประสานมือโค้งคำนับโดยทั้งไม่ถ่อมตัวและไม่หยิ่งผยอง
แม้ว่าฉู่อวิ๋น้าจากไปโดยเร็วที่สุด แต่ประการแรก มู่หรงเจี๋ยมีบุญคุณในการให้ที่พักรักษาตัวสำหรับเขา และประการที่สอง มู่หรงเจี๋ยมีพลังมาก เขาเป็นักรบขั้นมหาสุมทรระดับสูง ไม่อาจเอาชนะได้ง่าย
ดังนั้น ฉู่อวิ๋นจึงละทิ้งจิติญญาแห่งการต่อสู้อันดุเดือดของเขา และโน้มน้าวมู่หรงเจี๋ย
“เฮ้อ เ้าหนูฉู่ เ้าหยุดทำเื่โง่ๆ เสียที! ไม่ว่าเ้าจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ก่อนที่ตระกูลฉู่จะสอบสวนเ้าเสร็จ เ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากเมืองไป๋หยาง นี่เป็ข้อตกลงระหว่างข้ากับผู้าุโตระกูลฉู่” มู่หรงเจี๋ยถอนหายใจและยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง
“ให้พวกเขาสอบสวน? เกรงว่าข้าคงตายสถานเดียว!”
ฉู่อวิ๋นไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่อตระกูลหลักเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะผู้นำตระกูลฉู่เจิ้นหนานและผู้าุโหกฉู่เจิ้นหยวน หนึ่งในนั้นทรยศต่อตระกูลเพื่อชื่อเสียงจอมปลอม ในขณะที่อีกคนสังหารสมาชิกในตระกูลเพื่ออำนาจบารมี พวกเขาทั้งสองต่างก็น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง
ขืนมอบตัวก็ไม่ต่างอะไรกับการส่งแกะเข้าปากเสือ
ยามนี้ เมื่อเห็นว่าฉู่อวิ๋นไม่คิดจะเชื่อฟัง มู่หรงเจี๋ยจึงพูดอย่างจริงใจ "วางใจเถอะ ข้ามู่หรงเจี๋ย ในฐานะเ้าเมืองไป๋หยาง สัญญาว่าเ้าจะไม่มีวันถูกตระกูลฉู่กดขี่ข่มเหง ขอเพียงการสอบสวนจบลง เ้าก็จะได้รับอิสรภาพกลับคืน เมื่อถึงตอนนั้น ฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่ แล้วแต่เ้าจะเดินทาง”
“เป็ไปไม่ได้!” ฉู่อวิ๋นก้าวไปข้างหน้าด้วยสายตาที่แน่วแน่และพูดเสียงดัง "แม้ว่าท่านเ้าเมืองมู่หรงจะรับรองความปลอดภัยของข้าได้ แต่ใครสามารถรับประกันได้ว่าการสอบสวนจะดำเนินไปนานแค่ไหน!?”
“หนึ่งวัน? หนึ่งสัปดาห์? หนึ่งเดือน? หรือหนึ่งปี? หากเวลาการสอบสวนไม่มีที่สิ้นสุด ข้าก็จะกลายเป็นกในกรง! เมื่อถึงตอนนั้น…” เมื่อถึงจุดนี้ ฉู่อวิ๋นก็กัดฟัน “เมื่อถึงตอนนั้น ทุกอย่างก็ไม่อาจย้อนคืนมาได้อีก!”
ฉู่อวิ๋นรู้ดีว่าเหลือเวลาอีกเพียงสามสัปดาห์ก่อนที่ฉู่ซินเหยาจะถูกบังคับให้แต่งงาน หากเขาไม่สามารถไปช่วยเหลือนางที่เมืองชุยเสวี่ยได้ ผลที่ตามมาจะกลายเป็หายนะอย่างยิ่ง
เป็ไปได้ว่าฉู่ซินเหยาจะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่นางไม่ได้รัก
และเป็ไปได้ว่านางไม่อาจทนต่อความอัปยศอดสูและฆ่าตัวตายเสีย
ทุกวินาทีที่ผ่านไป ฉู่ซินเหยาจะตกอยู่ในอันตรายมากยิ่งขึ้น
“ข้าเ้าเมืองเพิ่งได้รับข่าวเมื่อครู่ ผู้นำตระกูลฉู่มีคำสั่ง เ้าไม่ยอมรับการสอบสวนก็ย่อมได้ แต่...เ้าต้องมอบกระบี่ในมือมา ไม่ใช่นั้นก็ไม่อาจก้าวออกไปจากเมืองไป๋หยางได้” มู่หรงเจี๋ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“อะไรนะ!?” ฉู่อวิ๋นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะเยาะแล้วพูดว่า "นี่เป็ไปไม่ได้กว่าเดิมอีก!"
ต้องรู้ว่ากระบี่ชื่อยวนเป็อาวุธิญญาที่สามารถสร้างความกดดันทางจิติญญาต่อคนในตระกูลฉู่เชื้อสายไป๋หยางได้
ถ้าฉู่อวิ๋นมอบกระบี่ชื่อยวนให้ไปส่งๆ เท่ากับเป็การมอบสมบัติช่วยชีวิตให้กับศัตรู ถึงตอนนั้น ไม่เพียงแต่ฉู่ซินเหยาจะถูกบังคับให้แต่งงานเท่านั้น แม้แต่ตัวเขาเองก็อาจจะกลายเป็นักโทษของตระกูลหลัก ไร้ปีกยากจะบิน!
ยิ่งไปกว่านั้น หาก้าจัดการกับฉู่เจิ้นหนาน กระบี่ชื่อยวนไม่อาจขาดไปได้ มิฉะนั้นด้วยความแข็งแกร่งของฉู่อวิ๋นในตอนนี้ แม้แต่การรีบไปเมืองชุยเสวี่ยก็ไม่อาจทำได้
ท้ายที่สุดแล้ว ระดับขั้นพลังยุทธ์อันยิ่งใหญ่ หนึ่งขั้นครองหนึ่งชั้นฟ้า ไม่อาจเทียบเทียมกันได้
แม้ว่าตอนนี้ฉู่อวิ๋นจะสามารถเอาชนะนักรบที่จุดสูงสุดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณได้ แต่เขาก็ยังตามหลังนักรบในขั้นมหาสมุทรอีกมาก ท้าทายพวกเขาด้วยมือเปล่าหรือ? นั่นเป็เพียงฝันกลางวันของคนโง่
“เ้าเด็กดื้อรั้นไร้ทางแก้ เ้าทำให้เ้าเมืองเช่นข้าโกรธแล้วนะ!” เมื่อเห็นว่าฉู่อวิ๋นไม่มีท่าทีเจรจา มู่หรงเจี๋ยที่ไม่ว่าจะใจเย็นแค่ไหนก็อดไม่ได้ที่จะผรุสวาทออกมา
เขาไม่รู้ความลับของกระบี่ชื่อยวน จึงย่อมรู้สึกว่าฉู่อวิ๋นนั้นไร้เหตุผล
“อย่างไรเสีย ถ้าเ้าไม่มอบกระบี่หนึ่งวัน ข้าก็จะให้ทหารมาคอยป้องกันประตูเมืองหนึ่งวัน! เ้าก็อยู่ที่นี่ตลอดไปเถอะ!” มู่หรงเจี๋ยพูดอย่างไร้ความอดทน
หลังจากได้ยินคำพูดของมู่หรงเจี๋ย ทุกคนต่างตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าเขาจะตัดสินใจเด็ดขาดขนาดนี้
“ท่านเ้าเมือง ยกโทษที่ข้าอวดดีด้วย แต่ข้าคิดว่านายน้อยฉู่กำลังรีบจริงๆ เห็นแก่ที่เขาทำลายสถิติการประลองเซี่ยหยางได้ เรายอมลงให้หน่อยไม่ได้หรือขอรับ?” คนแรกที่พูดให้ฉู่อวิ๋น คือ มู่ไฉ หัวหน้าผู้พิทักษ์ที่ประตูทิศใต้
หินหนึ่งก้อนทำให้เกิดระลอกคลื่นนับพัน และแน่นอนว่าผู้คนที่ยังมึนงงอยู่ก็เริ่มตั้งคำถามกันขึ้นมา
“นั่นสิ! ท่านเ้าเมือง ท่านเข้าใจความรู้สึกของชาวบ้านมาโดยตลอด ทั้งยังมีความยุติธรรมอยู่เสมอ เหตุใดตอนนี้จึงต้องบังคับผู้อื่นให้ทรมานด้วยเล่า?”
“พวกเราในเมืองไป๋หยางเคยเข้าใจผิดว่าฉู่อวิ๋นคือสิ่งที่เรียกว่าดาวหายนะ ตอนนี้ก็ย่อมเป็เื่สมควรที่จะชดเชยให้เขา!”
“ใช่ จะกักขังฉู่อวิ๋นไว้ที่นี่ก็น่าสับสนเกินไปแล้ว! ท่านเ้าเมือง หวังว่าท่านจะนำเมืองเรากลับมา!”
"ใช่แล้ว ขอให้ท่านเ้าเมืองนำเมืองเรากลับมา!"
“นำเมืองเรากลับมา!”
“นำเมืองเรากลับมา!”
ชั่วขณะหนึ่ง ผู้คนที่สังเกตการณ์พากันมารวมตัวรอบๆ ฉู่อวิ๋นราวกับดาวลอมเดือน และร่วมกันประท้วงมู่หรงเจี๋ย
เสียงดังสนั่นไร้ที่สิ้นสุด แม้ว่าจะดังมาก แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็คำพูดสนับสนุนฉู่อวิ๋น
“พวกเ้า...” เมื่อมองไปรอบๆ ผู้คนที่สนับสนุนเขา ฉู่อวิ๋นก็ขบกัดริมฝีปาก หยดน้ำไหลออกมาจากหางตาของเขา
เมื่อเจ็ดวันก่อน เขายังเป็ดาวหายนะของเมืองไป๋หยางที่ใครๆ ดูถูก ต้องทนทุกข์กับความอยุติธรรมและความเ็าทุกรูปแบบ
บัดนี้ ด้วยเจตจำนงอันแน่วแน่ หลังจากประสบกับการต่อสู้เป็ตาย ในที่สุดเขาก็ได้รับความยุติธรรมสำหรับตัวเขาเอง และได้รับความเข้าใจและการสนับสนุนจากทุกคนแล้ว
ควรรู้ว่า มู่หรงเจี๋ยเป็เ้าเมืองที่มีสถานะโดดเด่นและมีพลังแข็งแกร่ง เห็นได้ชัดว่าทุกคนที่ยืนเคียงข้างฉู่อวิ๋นต่างใช้ความกล้าหาญพูดแทนเขาไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
ยามนี้ ดวงตาของฉู่อวิ๋นหรี่ลง เขาพูดว่า "เ้าเมืองมู่หรง! ข้าฉู่อวิ๋นขอสัญญาว่า ทันทีที่เื่ของข้าคลี่คลาย ข้าจะกลับมาให้คำอธิบายแก่ท่านแน่นอน! หวังว่าท่านจะ... สนับสนุน ข้าซาบซึ้งอย่างยิ่ง!”
“สนับสนุนฉู่อวิ๋นด้วย ท่านเ้าเมือง!”
“สนับสนุนฉู่อวิ๋นด้วย ท่านเ้าเมือง!”
เมื่อคำพูดของฉู่อวิ๋นดังขึ้น ผู้คนที่เดินผ่านไปมานับไม่ถ้วนก็เริ่มขอร้องแทนเขา เสียงนั้นดังกึกก้อง พลังแข็งแกร่งจนน่าประหลาดใจ ทุกคน้าเกลี้ยกล่อมมู่หรงเจี๋ยให้ปล่อยเขาไป
แม้แต่หัวหน้าผู้พิทักษ์มู่ไฉก็ยืนอยู่ใกล้ๆ ฉู่อวิ๋น และก้มศีรษะให้มู่หรงเจี๋ยเพื่อรับคำสั่งของเขา
เมื่อมองดูฝูงชนหนาแน่นใกล้ประตูทิศใต้ เสียงร้องขออย่างท่วมท้นที่ดังเข้าโสตประสาท คิ้วของมู่หรงเจี๋ยก็ขมวดแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ เขาถอนหายใจและส่ายหัว
ในที่สุด ดวงตาของเขาก็หรี่ลง พูดเสียงดัง “พวกเ้าไม่จำเป็ต้องขอร้องแทนฉู่อวิ๋นหรอก ให้ข้าเ้าเมืองพูดกับเขาดีๆ เถอะ!”
หลังจากพูดเช่นนั้น มู่หรงเจี๋ยก็พลิกตัวะโลงจากกำแพงเมืองทันที ด้วยท่าทางที่สง่างามและแ่เบา เขาเดินเข้าไปหาฉู่อวิ๋นช้าๆ
“เ้าเมืองมู่หรง!” ฉู่อวิ๋นยืนตัวตรง กุมมือที่สั่นเล็กน้อยเอาไว้ ดูไม่ย่อท้อ “ข้ามีเื่สำคัญที่ต้องทำจริงๆ และต้องรีบไปยังที่แห่งหนึ่ง หวังว่าท่านจะปล่อยข้าไป!”
"เฮ้อ! เ้าคิดว่าข้าไม่อยากปล่อยเ้าไปหรือ?” มู่หรงเจี๋ยตบไหล่ฉู่อวิ๋น แสดงสีหน้าสิ้นหวังและพูดว่า "เด็กน้อยเอ๋ย พูดกันตามตรง ศักยภาพพลังยุทธ์ของเ้าสูงมาก และเ้าเองก็มีมิตรภาพที่ดีกับซินเอ๋อร์ ข้าเองก็ชอบเ้ามาก”
“แล้วทำไม…” ฉู่อวิ๋นสับสน ถ้ามู่หรงเจี๋ยเห็นคุณค่าของเขา ทำไมถึงหยุดยั้งเขาครั้งแล้วครั้งเล่า?
“เ้าหนู เ้ารู้หรือไม่ว่าถ้าเ้าก้าวออกจากประตูเมืองนี้ไปจริงๆ สิ่งที่รอเ้าอยู่ไม่ใช่แค่การแก้แค้นของตระกูลหลักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนที่จะยั่วยุเชื้อสายหลักของตระกูลฉู่ด้วย” มู่หรงเจี๋ยถอนหายใจยาวพร้อมแสดงแววตาไม่เต็มใจ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็สะดุ้งเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่ในเมืองไป๋หยางมาั้แ่เด็ก แต่เขาก็เคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อเสียงของเชื้อสายหลักตระกูลฉู่อยู่บ้าง
เชื้อสายหลักตระกูลฉู่ คือเชื้อสายที่ทรงพลังและบริสุทธิ์ที่สุดของตระกูลฉู่ นอกจากนี้ ตระกูลนี้ยังรวมกับเป็กลุ่มก้อนเดียวกัน เป็กำลังสำคัญในราชวงศ์เซี่ยตะวันออก ด้วยการสนับสนุนของกษัตริย์แห่งราชวงศ์เซี่ยตะวันออก พวกเขาย่อมมีทรัพย์สมบัติและอำนาจมากมาย
ยิ่งไปกว่านั้น ว่ากันว่าผู้คนในเชื้อสายหลักตระกูลฉู่ ต่างก็เป็นักรบิญญาที่แข็งแกร่งเป็พิเศษโดยไม่มีข้อยกเว้น มีแม้กระทั่งสมาชิกตระกูลที่เข้าร่วมสนามรบั้แ่อายุยังน้อย ทั้งยังประสบความสำเร็จอย่างมากในการต่อสู้
สิ่งสำคัญที่สุดคือคนของเชื้อสายหลักให้ความสำคัญกับประเพณีอย่างยิ่ง หากรู้ว่าคนในตระกูลย่อยทำผิด ก็จะไล่ตามให้ถึงที่สุดและใช้วิธีโหดร้ายทารุณอย่างแน่นอน
“แม้ว่าเชื้อสายหลักจะมาติดตามการสืบสวน ข้าก็ไม่มีอะไรต้องกลัว! เพราะมีคนที่สำคัญมากสำหรับข้ากำลังรอข้าอยู่... หวังว่าท่านเ้าเมืองจะเข้าใจ!” ฉู่อวิ๋นดูเคร่งขรึม ร่างกายของเขาเหยียดตรงราวกับกระบี่ ท่าทางสง่างดงาม หนักแน่นเฉียบคมและก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ
“ข้าเชื่อว่าเ้ารู้ว่าคนในตระกูลฉู่ของเ้าน่ากลัวแค่ไหน!” มู่หรงเจี๋ยดูเคร่งเครียด ละสายตาที่อ่อนโยนออกไปแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "และข้าจะไม่มองดูเ้าตาย! ดังนั้น เ้าต้องอยู่ที่นี่!"
“ตึง--”
ทันทีที่เขาพูดจบ พลังจากร่างกายของมู่หรงเจี๋ยก็เพิ่มขึ้นทันที พลังปราณอันดุเดือดและไม่มีใครเทียบได้สาดซัดไปทุกทิศทาง ทำให้ทุกคนรอบๆ โงนเงนไปมาและล้มลงกับพื้น
ในทางกลับกัน ฉู่อวิ๋นเองก็ถูกระงับด้วยพลังปราณที่พลุ่งพล่านนี้และถูกพัดห่างออกไปสิบหมี่ เขาทำได้เพียงดึงกระบี่ชื่อยวนออกมาแล้วปักมันลงกับพื้นเพื่อพยุงกายไว้
“น่าตายนัก! ท่านเ้าเมือง ท่าน…” ฉู่อวิ๋นหรี่ตาปิดลงเล็กน้อย ปิดกั้นคลื่นลมแรงที่พัดโหม และกัดฟัน “ในเมื่อท่านเ้าเมืองมู่หรงยืนกรานในทางของท่านเอง เช่นนั้น ข้า.. .ก็จะสู้ตายเช่นกัน...”
“ทำไมถึงได้สู้ตายเล่า? ถนอมชีวิตไว้เถิด น้องชาย…”
"ฟุ่บ!"
ในขณะที่ฉู่อวิ๋นกำลังดิ้นรนเพื่อรักษาสมดุลร่างกาย เสียงที่ฟังดูมีอายุก็ดังมาจากด้านหลัง จากนั้น เงาหมัดทั้งหกก็วาบผ่านความว่างเปล่า และด้วยการกระแทกเพียงไม่กี่ครั้ง พวกมันก็ทำลายพลังปราณที่พลุ่งพล่านได้จนหมดสิ้น
“หือ? นี่คือ...”
ฉู่อวิ๋นยืนขึ้น เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะมองเห็นชายชราสามคนเดินมาจากความว่างเปล่า ะโมาตรงหน้าเขา จากนั้นก็แยกกันล้อมรอบมู่หรงเจี๋ย
ทั้งสามคนนี้คือผู้เฒ่าเหยา ผู้เฒ่าเฟิง และคนที่เคยเรียกฉู่อวิ๋นว่าท่านปู่ ผู้เฒ่ากุ่ย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้