ขณะนั้นเอง เซียนพิษพลันบุกเข้ามา เขาลูบเคราแพะพลางเอ่ยด้วยสีหน้าลำพองใจ
“ฮ่าๆๆ แม่นางน้อย ตาเฒ่าได้ขับพิษส่วนหนึ่งให้พวกเขาแล้ว ใช้เวลาอย่างมากแค่สามวันพวกเขาก็จะหายดี เป็อย่างไร เก่งกาจกว่าเ้าอีกใช่หรือไม่ ตาหมอเฒ่า?”
หมอเทวะพลันกระเด้งกายลุกขึ้นยืน “ทางฝั่งของข้าใช้เวลาเพียงสองวันก็หายดี เก่งกาจกว่าเ้าตั้งมากโข”
เซียนพิษเอ่ยพลางเผยสีหน้าไม่ยินยอม “แต่ข้าถอนพิษให้คนตั้งสองคน ส่วนเ้าเล่า? จิ๊ๆ แค่คนเดียวเองหรือ?”
หมอเทวะพลันดึงเคอโยวหรานเข้าหา “เ้ามิได้บอกว่ามีคนป่วยสองคนหรือ? เช่นนั้นแล้วอีกผู้หนึ่งอยู่ที่ใด?”
เคอโยวหรานเอ่ยพลางชี้ออกไปข้างนอก “อยู่ที่จวนเก่าสกุลเคอเ้าค่ะ”
“ไป พาอาจารย์ไป” ขณะกล่าวก็คว้าคอเสื้อของเคอโยวหราน จากนั้นพุ่งตัวออกไปข้างนอกราวกับนั่งบนลูกธนูไฟก็มิปาน
พริบตาเดียว เคอโยวหรานก็มายืนอยู่หน้าจวนเก่าสกุลเคอ
ครั้นผู้ใหญ่บ้านเฉินเห็นนางมาพร้อมกับผู้เฒ่าร่างกายแข็งแรงผู้หนึ่งจึงเดินเข้ามาหาด้วยความประหลาดใจ ขณะกำลังจะเปิดปากเอ่ยถาม หมอเทวะพลันวิ่งเข้าไปในห้องที่มีแต่ช่องลมลอดทั่วทั้งสี่ทิศและซ่อมแซมยังไม่ทันเสร็จด้วยความเร็วดั่งสายลม
“นี่คือ?...” ผู้ใหญ่บ้านเฉินถึงกับหาเสียงของตนเองไม่พบอยู่ค่อนวัน
เคอโยวหรานยกยิ้มเอ่ยด้วยความกระดากอายเล็กน้อย “ท่านผู้าุโโปรดอย่าถือสาเลยเ้าค่ะ คนผู้นั้นคือปรมาจารย์เทพเซียนที่ข้าเพิ่งกราบเป็อาจารย์บนเขาต้าชิง
ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดเขาถึงมักตามหาตัวคนป่วยที่อยากรักษาได้อย่างแม่นยำ
ข้าเชิญเขามาตรวจอาการสมองให้บิดาของข้า ยังไม่รู้ว่าจะรักษาได้หรือไม่เ้าค่ะ”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างระแวดระวังว่า “โยวหราน เหตุใดอาจารย์ของเ้าจึงสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งถึงเพียงนี้?”
เคอโยวหรานคลี่ยิ้มเอ่ย “นั่นเป็เพราะถูกฉีกดึงตอนเขาต่อสู้กับอาจารย์อีกคนของข้าเ้าค่ะ ยามนี้อาจารย์ทั้งสองของข้าจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านสักระยะ หากท่านคุ้นชินก็นับเป็การดีเ้าค่ะ”
ผู้ใหญ่บ้านเฉิน “...”
หญิงสาวกวาดตามองโดยรอบ จวนเก่าสกุลเคอทรุดโทรมยิ่งกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก ทุกหนแห่งล้วนเป็ซากปรักหักพัง เห็นทีคงต้องใช้เวลาซ่อมแซมไม่น้อย
ผู้ใหญ่บ้านเฉินเห็นนางมองจวนเก่าแล้วเหม่อลอย จึงถอนหายใจและเอ่ยออกมาว่า “จวนหลังนี้คงมิอาจซ่อมเสร็จภายในวันนี้ ข้าทำได้เพียงบอกให้คนไปสร้างกำแพงสูงเสียก่อน มิเช่นนั้นหากรอจนกระทั่งฝูงหมาป่าหรือพวกสัตว์ดุร้ายลงเขา คงไม่มีแม้แต่โอกาสจะวิ่งหนี
คืนนี้จะจัดการเื่สถานที่หลับนอนของพ่อแม่และน้องสาวเ้าเช่นไร ก็ยังต้องคิดหาแผนการที่รอบคอบสักทางแล้ว”
เคอโยวหรานกวาดมองโดยรอบ เห็นผู้คนกำลังล้อมกำแพงรั้วให้แข็งแรง ครั้นทอดสายตามองออกไป ล้วนแต่เป็คนหนุ่มแข็งแรงของสกุลเฉินทั้งสิ้น
ใช่แล้ว! มีแค่คนสกุลเฉิน นึกไม่ถึงว่าจะไม่มีคนสกุลเคอเลยสักคนเดียว
เหอะ! ช่างน่าเย้ยหยันเสียจริง คนสกุลเคอรื้อถอนปลูกสร้างจวน ทว่าไม่มีคนในสกุลของตนเลยสักคน กลับเป็คนต่างสกุลที่ช่วยเหลือด้วยความกระตือรือร้นยิ่งนัก
คนสกุลเคอช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! เื่ในวันนี้ ข้าเคอโยวหรานจดจำเอาไว้แล้ว...
นางเป็คนประเภทมีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ ผู้อื่นดีต่อนางเพียงน้อย นางกลับเต็มใจจะทำดีต่อผู้อื่นคืนเป็ร้อยเท่า
แต่หากผู้อื่นดูถูกเหยียดหยามนาง เช่นนั้นก็จงรอการแก้แค้นของนางเถิด!
ครั้นเห็นนางเหม่อลอย ผู้ใหญ่บ้านเฉินจึงเอ่ยเตือนอีกครั้ง “โยวหราน คิดออกแล้วหรือยัง? คืนนี้จะทำอย่างไรกับสถานที่ค้างแรมของบิดามารดาและน้องๆ ของเ้าเล่า?”
เคอโยวหรานเอ่ยพลางใคร่ครวญ “ข้าจะกลับไปหารือกับแม่สามีสักหน่อยเ้าค่ะ ดูว่าจะให้พวกเขาทั้งหมดพักอยู่ที่จวนสกุลต้วนเป็การชั่วคราวได้หรือไม่”
เอ่ยจบก็วิ่งย้อนกลับไปทางเดิม เมื่อเข้ามาในจวนสกุลต้วนก็พบว่าแม่สามีกำลังเก็บกวาดห้องให้อาจารย์ทั้งสองอยู่ นางจึงเดินเข้าไปหาและเอ่ยว่า “ข้าอยากหารือกับท่านสักเื่ได้หรือไม่เ้าคะ?”
มารดาสกุลต้วนอารมณ์ดียิ่งนัก ยกยิ้มพลางถามว่า “เ้ามีเื่อันใดก็พูดออกมาตามตรงเป็พอ”
เคอโยวหรานชำเลืองมองบ้านเรือนของสกุลต้วนก่อนเอ่ย “จวนเก่าสกุลเคอทรุดโทรมเกินไป หากอยากจะรื้อสร้างใหม่จำต้องใช้เวลาหลายวัน ข้าขอพาบิดามารดาและน้องสาวมาพักในจวนสกุลต้วนสักไม่กี่วันได้หรือไม่เ้าคะ? รอจนกระทั่งการซ่อมแซมเสร็จสิ้น ค่อยให้พวกเขาย้ายกลับไปเ้าค่ะ”
มารดาสกุลต้วนยังไม่ทันเอ่ยสิ่งใด ฉับพลันนั้นก็มีเสียงสตรีผู้หนึ่งพูดแทรกเข้ามาว่า “ภรรยาซานหลาง พี่สะใภ้ใหญ่รู้ว่าเ้าเป็ห่วงบ้านมารดา แต่มีสุภาษิตกล่าวว่า บุตรสาวที่ออกเรือนแล้วไม่ต่างกับน้ำที่ถูกสาดออกไป
ยามนี้เ้ากลายเป็คนสกุลต้วนแล้ว หากยุ่งเื่ในบ้านมารดาให้น้อยย่อมเป็การดี จะได้ไม่ถูกผู้คนครหาเอาได้”
ใบหน้าของเคอโยวหรานที่เดิมทีกำลังแย้มยิ้มแปรเปลี่ยนเป็สำรวม เพียงเอ่ยอย่างเอ้อระเหยว่า “ในเมื่อเป็เยี่ยงนี้ เช่นนั้นขอสกุลต้วนโปรดมอบใบหย่าร้างหรือใบหย่าภรรยาให้ข้าสักใบ ให้ข้าจากไปเป็พอเ้าค่ะ”
รอยยิ้มของมารดาสกุลต้วนหุบลงในเสี้ยววินาที นางเอ่ยตำหนิว่า “หยวนซื่อ ต่อหน้าแม่ เ้ามีสิทธิ์อันใดมาสอดปาก ยังไม่รีบออกไปอีก?”
หยวนซื่อผู้เป็ภรรยาต้วนต้าหลางถลึงตามองเคอโยวหรานด้วยความไม่พอใจ หลังทำความเคารพเสร็จก็ถอยไปยืนด้านข้าง ภายในใจนึกหยามเหยียดยิ่งนัก
ก็แค่คนบ้านนอกจากชนบท ได้รู้จักหมอเทวะกับเซียนพิษก็นับว่าเก่งกาจแล้วหรือ รอจนกระทั่งหมอเทวะกับเซียนพิษจากไป คนบ้านนอกผู้นี้ยังจะเหลือสิ่งใดได้อีก?
ไม่แน่ว่าเซียนพิษอาจรู้ว่าฐานะสกุลต้วนไม่ธรรมดาจึงได้ลอบช่วยเหลือพวกเขา เพียงใช้คนบ้านนอกผู้นี้มาอ้างเพื่อปรากฏตัวเท่านั้น
เมื่อไม่มีการรบกวนจากหยวนซื่อ มารดาสกุลต้วนพลันเอ่ยว่า “โยวหราน วาจาผู้คนน่าหวาดกลัว หากชาวบ้านรู้ว่าสกุลเคอของพวกเ้าย้ายเข้ามาอาศัยในจวนสกุลต้วน จะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของเ้า ทั้งยังส่งผลกระทบไม่น้อยต่อสกุลเคอ เ้าจำต้องใคร่ครวญให้รอบคอบ
แต่หากเ้าไม่แยแสคำนินทาเ่าั้ เช่นนั้นก็นับว่าไม่เป็อันใด เรือนฝั่งตะวันตกยังมีห้องว่างสองห้อง ล้วนแต่เก็บกวาดเอาไว้เรียบร้อย แค่ปูฟูกนอนก็เข้าอาศัยได้แล้ว”
กระแสความอบอุ่นระลอกหนึ่งวูบผ่านก้นบึ้งหัวใจของเคอโยวหราน นึกไม่ถึงว่ามารดาสกุลต้วนจะคำนึงถึงชื่อเสียงของตนเป็อันดับแรก มิได้บอกว่าหากรับสกุลเคอเอาไว้ สกุลต้วนจะถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะ
นางย่อมไม่กลัวคำนินทา ขอเพียงคนในครอบครัวตนมีชีวิตที่ดี ไยต้องสนใจผู้อื่นด้วยเล่า?
ครั้นหยวนซื่อได้ยินว่ามารดาสกุลต้วนตกปากรับคำก็รีบเอ่ยด้วยความร้อนใจ “ท่านแม่เ้าคะ ไม่เพียงแต่สกุลเคอจะถูกนินทา ทว่าสกุลต้วนก็จะถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เช่นกันนะเ้าคะ
การทำเยี่ยงนี้ไม่เหมาะสม มีเ้าสาวที่ใดพาคนทั้งครอบครัวแต่งเข้ามาด้วยเ้าคะ?”
เพิ่งจะสิ้นคำของหยวนซื่อ เสียงเปี่ยมพลังของต้วนซานหลางพลันดังออกมาจากในห้อง
“เหตุใดพี่สะใภ้ใหญ่จึงกล่าววาจาเช่นนี้? สกุลเคอแค่จะมาขอพักอาศัยชั่วคราวเพราะพบเจอความยากลำบาก รอจนกระทั่งซ่อมแซมบ้านเรือนเสร็จก็จะย้ายกลับไป
มีครอบครัวใดไม่เคยพบเจอความยากลำบากบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นข้าแต่งงานกับเคอโยวหรานแล้ว บิดามารดาของนางก็คือบิดามารดาของข้า น้องสาวของนางก็คือน้องสาวของข้า พวกเรากลายเป็ครอบครัวเดียวกัน การปกป้องพวกเขาถือเป็หน้าที่ผู้เป็สามีของเคอโยวหรานเช่นข้า
แล้วเหตุใดพี่สะใภ้ใหญ่จึงคิดผลักไสคนในครอบครัวเดียวกันออกไปเล่า?”
มุมปากของเคอโยวหรานหยักยก เมื่อพบเจอเื่ราวเช่นนี้ บุรุษส่วนมากมักนิ่งเงียบดูสถานการณ์และปล่อยให้สตรีเผชิญหน้าเพียงลำพัง
ไม่ว่าบุรุษผู้นี้จะทำเพราะหน้าที่หรือสมัครใจ ขอเพียงยินดีออกหน้าแทนตน เช่นนั้นก็เท่ากับเป็บุรุษที่ดีมิใช่หรือ?
มารดาสกุลต้วนเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วยเช่นกัน “หยวนซื่อ เ้าอย่าได้ลืมเลือนไป โยวหรานคือผู้ที่เชิญท่านเซียนพิษมา พวกเราจึงสามารถถอนพิษให้ต้าหลางได้
ยามนี้ครอบครัวของนางเผชิญความยากลำบาก พวกเราควรจะออกแรงช่วยสักหน่อย หากเ้ามีเวลาว่างก็จงกลับไปดูแลต้าหลางให้ดีเถิด!”
หยวนซื่อทำความเคารพด้วยความอัดอั้นตันใจ นางถอยออกไปพลางกระทืบเท้าเบาๆ ทว่าภายในใจกลับลอบคิดว่า :
ตกปากรับคำไปเถิด หากถูกผู้คนในหมู่บ้านครหาขึ้นมาก็อย่าได้หาว่าข้าไม่เตือนพวกท่าน ถึงยามนั้นต้องจมฟองน้ำลายตายก็เป็เพราะพวกท่านรนหาที่เอง
หลังหยวนซื่อจากไป มารดาสกุลต้วนก็เอ่ยว่า “โยวหราน ฟ้าเริ่มมืดแล้ว รีบไปรับบิดามารดาของเ้ามาเถิด เชิงเขาต้าชิงไม่ปลอดภัย เดินเหินยามกลางคืนจะอันตราย”
“เ้าค่ะ” เคอโยวหรานพยักหน้า จากนั้นหันหลังมุ่งหน้ากลับไปยังจวนเก่าสกุลเคอ
ผู้ใหญ่บ้านเฉินเห็นนางมาแต่ไกล จึงเดินเข้าไปรับแล้วเอ่ยถามว่า “โยวหราน เป็อย่างไรบ้าง? หารือกันได้แล้วหรือไม่?”
เคอโยวหรานตอบกลับ “หารือเรียบร้อยแล้วเ้าค่ะ ข้าจะรับพวกเขาไปประเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินรู้สึกยินดีด้วยเช่นกัน ครั้นเห็นท้องฟ้าเริ่มโพล้เพล้ก็เอ่ยว่า
“ในเมื่อระยะนี้บิดามารดาของเ้ามีที่พักพิงแล้ว ทางฝั่งพวกเราก็ไม่ต้องเร่งงานมากนัก วันนี้ข้าจะพาคนกลับไปก่อน วันพรุ่งค่อยให้บุตรชายคนโตมาช่วยดูแลหน้างานแทนเ้า จะต้องช่วยพวกเ้าซ่อมแซมบ้านเรือนให้เหมาะสมอย่างแน่นอน”
เคอโยวหรานเอ่ยด้วยความซาบซึ้งใจ “เช่นนั้นต้องขอขอบพระคุณท่านผู้าุโแล้วเ้าค่ะ”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินเอ่ยพลางโบกมือไปมา “รีบพาบิดามารดาของเ้าไปเถิด ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว หนทางตรงเชิงเขาต้าชิงไม่ค่อยปลอดภัยนัก”
“เ้าค่ะ ท่านผู้าุโเดินทางกลับดีๆ นะเ้าคะ”
เคอโยวหรานส่งผู้ใหญ่บ้านเฉินกลับไปอย่างนอบน้อม ครั้นก้าวเข้าไปในห้องที่เหลือเพียงซากปรักหักพังก็ถึงกับตะลึงงันทันใด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้