เยว่ชิงเฉิงยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นพร้อมกับดอกท้อที่ปักอยู่บนศีรษะ ดวงตาส่องแสงเป็ประกาย มุมปากเผยอขึ้นปรากฏยิ้มบางๆ ออกมา จากนั้นนางวางพิณน้อยลงบนพื้นนิ้วมือหยกทั้งห้าดีดบรรเลงท่วงทำนองเสียง์ออกมา กระบี่ในมือซ้ายเริ่มร่ายรำ สองมือประสานทั้งดีดทั้งร่ายรำขึ้น บทเพลงที่บรรเลงมีทั้งรุกเร้า ผ่อนคลายและรวดเร็ว เพลงกระบี่ร่ายรำได้ไม่เลวบางครั้งก็ดุดันบางครั้งก็อ่อนโยน ไม่เพียงไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกขาดจังหวะไป แต่กลับให้ความรู้สึกจังหวะดนตรีบรรเลงขึ้นลงหนักเบาที่แตกต่างกันไพเราะน่าฟัง
กระบี่คืออาวุธสังหาร เป็อาวุธที่มีความแข็งแกร่งทรงอานุภาพอยู่ในตัว ส่วนหญิงสาวคือความงามที่อ่อนโยน แต่วันนี้สาวงามกับกระบี่อ่อนแข็งประกอบเข้าด้วยกันกลับทำให้รู้สึกงดงามได้ขนาดนี้ เสียงของพิณที่บรรเลงทำให้ผู้ฟังรู้สึกราวกับมองเห็นสนามรบที่เต็มไปด้วยซากศพ หญิงสาวนางหนึ่งที่เ็ปเศร้าเสียใจจากการสูญเสียคนรักกำลังร่ายรำกระบี่ที่อยู่ในมือเข่นฆ่าข้าศึก ท่วงท่าที่ร่ายรำสังหารทั้งงดงามทั้งสั่นะเืจิตใจ
กระบี่ร่ายรำจบ บทเพลงบรรเลงจบ...
เพียงแต่เหล่าคุณชายทั้งหลายยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพที่งดงามตราตรึงใจเมื่อสักครู่ จนกระทั่งเยว่ชิงเฉิงโค้งตัวลงคำนับหมุนตัวเดินไปนั่งอยู่ข้างๆ เยว่จี ทุกคนถึงค่อยได้สติตื่นขึ้นแล้วปรบมือออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“แม่นางชิงเฉิงงดงามสมคำร่ำลือ เชียนจวินมาไม่เสียเที่ยวจริงๆ” ดวงตาถูเชียนจวินเปล่งประกายแสงขึ้น จากนั้นยกแก้วเหล้าบนโต๊ะหันไปทางเยว่ชิงเฉิงแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด ท่วงท่าและน้ำเสียงสง่างามอย่างหาที่ติมิได้
เยว่ชิงเฉิงไม่ได้กล่าวสิ่งใดพยักหน้ายิ้มออกมาเล็กน้อย
“รำกระบี่ของแม่นางชิงเฉิงเป็เอกเลิศล้ำธรณีไม่มีสอง ฝีมือทั้งการบรรเลงทั้งการ่ายรำคิดว่าในใต้หล้านี้คงไม่มีผู้ใดเปรียบได้” เฟิงจื่อรีบลุกขึ้นพูดในทันทีอย่างไม่น้อยหน้า พูดจบยกเหล้าไหใหญ่ขึ้นมาดื่มจนหมดในคราเดียวโดยไม่มีการหยุดพัก
ฮวาเฉ่าและหลงสุ่ยหลิวที่กำลังเตรียมตัวจะยกแก้วเหล้าต่างพากันอึ้งไปในทันที ไอ้บ้านี่เล่นแบบนี้แล้วพวกข้ามิต้องกระดกเหล้าคนละสองไหเลยรึ? สุดท้ายทั้งสองก็ไม่ได้ยกแก้วเหล้าขึ้นมาแต่หันไปยกแก้วน้ำชาแทน จากนั้นจึงพูดประโยคชื่นชมต่างๆ ออกมา
ต่อมาก็ถึงคิวของคุณชายทั้งหลายที่สลับสับเปลี่ยนกันกล่าวคำชื่นชมออกมา ความหมายล้วนไม่ต่างกันมากเท่าใดนัก ชมชอบแม่นางเป็อย่างมาก สนใจแม่นางอย่างที่สุด ยินดีสู่ขอแม่นางกลับไปยังตระกูล จะประคบประหงมเ้าอย่างดียิ่งกว่าสมบัติล้ำค่า หวังว่าเ้าจะสนใจข้า หวังว่าเ้าจะให้โอกาสข้า...
เยว่ชิงเฉิงพยักหน้ายิ้มตอบแก่ทุกๆ คน สุดท้ายสายตาไปหยุดอยู่ที่เย่ชิงหานที่กำลังนั่งกินลูกหมูย่างบนกองไฟอย่างเอร็ดอร่อยเพียงคนเดียว สายตาปรากฏแวว...เป็ดั่งที่ข้าคาดคิดไว้ไม่มีผิดวาบผ่าน นางนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้น “คุณชายหาน ทำไมไม่เห็นท่านแสดงความเห็นใดๆ ออกมาเลย? หรือว่าการแสดงของชิงเฉิงไม่เอาไหนจนไม่คู่ควรพอที่จะให้คุณชายเอ่ยปากพูดจาสิ่งใดๆ ออกมาได้เลย?”
เยว่ชิงเฉิงรูปร่างงดงาม ร่ายรำก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เย่ชิงหานแม้อยากจะกล่าวชื่นชมแต่ในเมื่อรับปากพวกเฟิงจื่อไว้แล้วจึงต้องปฏิบัติตามคำที่ให้สัญญาไว้ มิเช่นนั้นก็จะกลายเป็คนไม่รักษาคำพูดไป หากตอนนี้ตนเองไม่รักษาคำพูดก็เกรงว่าในงานประลองาระหว่างเขตปกครองพวกเฟิงจื่อก็จะไม่รักษาคำพูด ทำการก่อกวนหรือขัดขวางจนทำให้เกิดเื่ยุ่งยากขึ้นได้ ในใจของเขาน้องสาวสำคัญที่สุด ดังนั้นเมื่อตอนที่เยว่ชิงเฉิงทำการแสดงเขาจึงมุ่งความสนใจไปที่ลูกหมูย่างบนกองไฟเพียงอย่างเดียว ครั้นเมื่อทุกคนเริ่มกล่าวชื่นชมเขาจึงไม่ได้เข้าร่วมด้วย แม้การกล่าวชื่นชมจะมีความจริงอยู่ไม่น้อยบ้างก็ตาม
“อืม...ไม่เลว!”
ััได้ถึงสายตาที่เ็าของเยว่ชิงเฉิงรวมทั้งสายตาของพวกเฟิงจื่อฮวาเฉ่าที่จ้องเขม็งมายังเขา เย่ชิงหานเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับพูดออกมาประโยคหนึ่ง จากนั้นมุ่งความสนใจไปที่ลูกหมูย่างบนกองไฟดังเดิมทำราวกับว่าลูกหมูย่างที่อยู่บนกองไฟมีความงดงามกว่าเยว่ชิงเฉิงอยู่หน่อย
อืม...ไม่เลว! ตอบออกมาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?
เหล่าคุณชายทั้งหลายต่างมองไปยังเย่ชิงหานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดใจ วันนี้เยว่ชิงเฉิงเปิดปากพูดขึ้นครั้งแรกและพูดกับเขาเสียด้วย แต่เ้าคุณชายน้อยคนนี้ไม่เพียงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือดีอกดีใจที่ได้รับความโปรดปราน มิหนำซ้ำยังตอบกลับมาอย่างขอไปทีว่า...ไม่เลว? พูดจบยังหันกลับไปกินต่อไม่ได้แม้แต่สนใจที่จะมองเยว่ชิงเฉิงแม้เพียงหางตา
ไม่ต้องพูดว่าเยว่ชิงเฉิงรูปร่างหน้าตางดงามเพียงใด แม้แต่การร่ายรำที่แสดงในวันนี้ล้วนทำได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยฐานะของเยว่ชิงเฉิงที่เป็ถึงธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงศักดิ์ของตระกูลเยว่ อาศัยเพียงแค่นี้แม้จะต้องกล่าวชมเชยแบบพอให้ผ่านไปทีพวกเขาก็ต้องกล่าวออกมาอย่างดีที่สุด วันนี้พวกคุณชายตงฟางเตา หนานกงเชียงต่างพากันฝากตัวเป็ข้ารับใช้ผู้ติดตามเขา พวกเขาต่างคิดว่าคุณชายน้อยคนนี้ช่างดุดันน่ายำเกรงอย่างยิ่ง แต่กลับไม่คิดว่าจะดุดันและเหี้ยมหาญได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเยว่ยังไม่สนใจ
พวกตงฟางเตามองหน้ากันจากนั้นหัวเราะแหะๆ ออกมา ทั้งหมดล้วนชูนิ้วโป้งออกมาให้เย่ชิงหานอยู่ทางด้านหลัง ส่วนพวกเฟิงจื่อ ฮวาเฉ่าต่างหน้าตายิ้มแย้มยกแก้วขึ้นพร้อมกัน พวกเขารู้ว่าทำไมเย่ชิงหานถึงทำแบบนี้ ดูท่าเ้าเด็กน้อยคนนี้เป็คนจริงที่รักษาคำพูด...เป็พี่น้องที่ประเสริฐ!
ถูเชียนจวินก็หันมามองด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ดวงตาปรากฏความสนใจขึ้นเล็กน้อย หันไปพูดคุยกับเสว่อู๋เหินที่อยู่ข้างๆ หลายประโยคแล้วหันมามองเย่ชิงหานอยู่หลายครา จากนั้นหันไปมองเยว่ชิงเฉิงและนั่งดูเงียบๆ ไม่ได้พูดสิ่งใดต่อ
เย่ชิงหานไม่ได้สนใจต่อสายตาของทุกคนและไม่ได้สนใจต่อสายตาตักเตือนของเย่ชิงหนิวที่มองมา ทำเพียงเอียงหน้าไปพูดกับเฟิงจื่อที่อยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแ่เบา “ยิ้มแหยๆ อยู่ตรงนี้ทำไม ยังไม่รีบขึ้นไปแสดงฝีมืออีก ไม่เคยได้ยินรึที่เขาว่า ใช้อานุภาพข่มขวัญก่อนได้เปรียบ?”
“ขอบคุณเ้ามากพี่น้องที่ประเสริฐของข้า!” เฟิงจื่อเอามือตบหน้าผากอย่างเพิ่งนึกได้แล้วลุกขึ้นในทันที กระแอมออกมาเบาๆ เพื่อดึงความสนใจของทุกคน จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างเต็มเสียง “วันนี้เป็วันที่แม่นางชิงเฉิงกลายเป็ผู้ใหญ่พอดี เฟิงจื่อมีความสามารถไม่มาก จึงขอแสดงการร่ายรำกระบี่เพื่อเป็การอวยพรให้แก่แม่นางชิงเฉิง!”
แม้จะพูดว่ารำกระบี่แต่เฟิงจื่อไม่ได้ยื่นมือออกไปจับกระบี่แต่อย่างใด แต่มือกลับทำท่าทางประหลาดขึ้น หมัดที่ประกบเข้าหากันของเขายื่นนิ้วชี้และนิ้วกลางออกมาแล้วสะบัดไปข้างหน้า จากนั้นเสียงกระบี่ดังขึ้นกระบี่เล่มใหญ่ที่อยู่ด้านหลังพลันพุ่งออกจากฝักกลายเป็ลำแสงสีขาวสายหนึ่งเหาะบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ต่อจากนั้นนิ้วมือของเขาเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง กระบี่ใหญ่หมุนอยู่กลางอากาศสักพักก่อนที่จะหันหัวบินลอยตรงไปยังกองไฟ เมื่อตัวกระบี่จะััถูกกับกองไฟเฟิงจื่อเปลี่ยนท่ามืออีกครั้งหนึ่ง กระบี่บินวนรอบกองไฟอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะแทงเอาลูกแกะที่ย่างอยู่้าบินตรงไปยังทิศทางที่เยว่ชิงเฉิงนั่งอยู่ เมื่อบินไปถึงยัง้าของโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าของเยว่ชิงเฉิง กระบี่ใหญ่หยุดลงและขยับไปมาอยู่หลายครั้ง ลูกแกะย่างพลันถูกหั่นออกเป็เจ็ดแปดส่วนร่วงลงสู่จานหยกที่วางอยู่บนโต๊ะ
หลังจากแสดงเสร็จเฟิงจื่อเก็บท่ามือกลับ กระบี่ใหญ่บินกลับเข้าฝัก จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยความพอใจ “ขออภัยที่แสดงฝีมือที่ต่ำต้อยออกมา แม่นางชิงเฉิง ลูกแกะย่างจานนี้ถือว่าเป็การแสดงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากข้า”
“ขอบคุณในน้ำใจของคุณชายเฟิง” เยว่ชิงเฉิงพยักหน้ายิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวขอบคุณ
เหล่าคุณชายคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ ต่างพร้อมใจกันชูนิ้วกลางขึ้นมาภายในใจในทันที เริ่มแรกเ้าก็เล่นใหญ่ซะขนาดนี้ แสดงวิชาบังคับกระบี่ประจำตระกูลเฟิงออกมาเช่นนี้ แล้วคนที่อยู่ข้างหลังเขาจะเอาอะไรมาสู้? ก็เข้าใจว่าอยากจะเอาใจเยว่ชิงเฉิงแต่ก็ไม่จำเป็ต้องเอาอาวุธฆ่าคนของเ้ามาหั่นเนื้อให้คนกินก็ได้กระมัง?
“ตาแก่เฟิง ไม่เลวเลยนี่! วิชาบังคับกระบี่ที่เ้าหนูตระกูลเ้าแสดงออกมาเมื่อสักครู่คงฝึกถึงขั้นที่หกแล้วสินะ?” โต๊ะแถวที่อยู่้า เย่ชิงหนิวหันมาพูดกับผู้าุโสูงสุดแห่งตระกูลเฟิง
เยว่จีพยักหน้าพูดออกมาอย่างพอใจ “สามารถบังคับได้ภายในขอบเขตเท่านี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ตอนนี้พลังฝีมือระดับขั้นที่สามขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ คาดว่าแม้แต่ผู้มีพลังฝีมือในระดับขั้นแรกขอบเขตนักรบก็ยังไม่สามารถจะเอาชนะเขาได้ น่าจะเป็ผู้ที่มีพร์สูงสุดในรอบร้อยปีของตระกูลเฟิง อนาคตไกลอย่างหาขอบเขตมิได้อย่างแน่นอน”
“หามิได้...หามิได้ เทียบกับลูกหลานตระกูลของพวกท่านแล้วยังต้องฝึกฝนอีกมาก” ผู้าุโสูงสุดจากตระกูลเฟิงพูดออกมาอย่างถ่อมตัว แต่ใบหน้านั้นเบิกบานเป็ที่สุด
“เหอะๆ! เ้าหนูตระกูลข้าจะขึ้นไปแสดงฝีมือแล้ว คอยดูว่าเขาจะมีอะไรพิเศษแสดงออกมาให้ชมกัน” ผู้าุโสูงสุดจากตระกูลฮวาหัวเราะออกมา ดึงความสนใจของทุกคนไปยังสนามหญ้าตรงกลาง
ฮวาเฉ่าเห็นเฟิงจื่อขึ้นแสดงดึงดูดความสนใจไปก่อนรู้สึกขัดเคืองรีบลุกขึ้นหันไปทางเยว่ชิงเฉิงโค้งตัวลงเล็กน้อยแล้วกล่าวขึ้น “ข้าก็ขอเข้าร่วมสนุกด้วย ขอมอบของขวัญลึกลับให้แม่นางชิงเฉิงด้วยเช่นกัน”
พูดจบ ฮวาเฉ่าเริ่มออกเดินอย่างช้าๆ ไปยังกลางเวที จังหวะก้าวเดินสุภาพเรียบร้อยและแ่เบา เพียงแต่ว่าในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นร่างกายของเขาเริ่มค่อยๆ เลือนรางขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เลือนหายไปต่อหน้าทุกๆ คน
“อำพรางกาย?”
ทุกคนล้วนใใบหน้าเปลี่ยนสี สำหรับวิชาอำพรางกายของตระกูลนักฆ่าอย่างตระกูลฮวา พวกเขาล้วนเคยได้ยินได้ฟังกันมาบ้าง เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าฮวาเฉ่าจะสามารถล่องหนหายไปต่อหน้าต่อตาของผู้คนมากมายที่จ้องมองดูอยู่เช่นนี้ ถ้าหากเขาอำพรางกายมาข้างๆ ตนเองแล้วแทงมาครั้งหนึ่งจะไม่ตายเลยรึ? ผู้คนภายในงานที่หน้าไม่เปลี่ยนสีมีเพียงคุณชายจากตระกูลใหญ่ทั้งสี่และถูเชียนจวินเท่านั้น หลงสุ่ยหลิวเคยเห็นมาก่อนจึงไม่รู้สึกตื่นตระหนกแต่อย่างใด ส่วนถูเชียนจวินใบหน้าไม่มีอารมณ์ใดๆ เพียงแต่สายตาปรากฏแววของความดูถูก คล้ายกับว่าไม่ได้ยี่หระต่อการแสดงกลเด็กๆ ของฮวาเฉ่าแต่อย่างใด
เหล่าผู้าุโที่นั่งอยู่้าแน่นอนว่าไม่ใและสีหน้าไม่มีอาการใดๆ ฮวาเฉ่าแม้จะใช้วิชาอำพรางกายได้ดี แต่ต่อหน้าพวกเขาที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว อำพรางกายก็เหมือนไม่ได้อำพรางกาย
ฮวาเฉ่าไปเร็วมาเร็ว ในขณะที่ทุกคนเบิกตากว้างจ้องมองหาเขาอยู่นั้น ในที่สุดเขาก็ปรากฏกายขึ้น แต่เขาเดินมาจากนอกเวทีตรงเข้าไปยังเยว่ชิงเฉิง ในมือถือดอกกุหลาบสีม่วงช่อหนึ่ง เดินเข้ามาด้วยจังหวะก้าวเท้าที่แปลกประหลาด ระดับความเร็วมองดูเชื่องช้าแต่ด้านหลังกลับปรากฏเงาร่างเลือนรางหลายสายหนึ่งขึ้น กลางเวทีราวกลับมีฮวาเฉ่าสามคนที่ใบหน้ายิ้มแย้มในมือถือช่อดอกกุหลาบเดินเรียงหน้ากันเข้ามา
สุดท้ายเงาเลือนรางเ่าั้หายไปเหลือแค่ฮวาเฉ่าที่ยืนอยู่ด้านหน้าเยว่ชิงเฉิง เขาโค้งตัวลงพูดออกมาอย่างจริงใจ “แม่นางชิงเฉิง ขอให้ความงามของแม่นางเหมือนกับกุหลาบงามช่อนี้ที่ไม่มีวันร่วงโรย!”
“ขอบคุณ คุณชายฮวา!” เยว่ชิงเฉิงยังคงมีสีหน้าราบเรียบดังเดิม ยื่นมือที่เรียวงามออกไปรับช่อกุหลาบสีม่วง
เอ่ออ...!
เพื่อที่จะจีบสาวเ้ากะเทยนี่ถึงขนาดใช้วิชาอำพรางกายที่เอาไว้ใช้ลอบสังหารและเอาไว้ใช้หนีตายได้อย่างดีออกมาแสดง! ทุกคนต่างส่ายหัวไปตามๆ กัน ตัดสินใจว่าคงไม่ต้องออกไปขายหน้าจะดีกว่า เพราะอย่างไรที่นี่มีทั้งคุณชายจากสี่ตระกูลใหญ่และหลงสุ่ยหลิว บวกกับถูเชียนจวินที่มาจากนครแห่งเทพอีก พวกตนเองแค่คิดก็ไม่ต้องคิดแล้ว หันกลับมาคิดทางนี้ดีกว่าว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้ศิษย์สายในของตระกูลเยว่สิบสองนางเมื่อสักครู่มาสักคน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้