การจุมพิตนี้กระทำโดยที่ไม่มีทางเลือก จุมพิตนี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาอันขมขื่น เป็จุมพิตที่อ่อนโยนละมุนละไมและปลอบขวัญ
น้ำตาของกูเฟยเยี่ยนไหลรินในขณะที่ลืมตา นางยังคงความเฉยเมยไม่สะทกสะท้าน ทว่าจวินจิ่วเฉินหลับตาลงและจุมพิตแ่เบาด้วยความระมัดระวังอย่างอ่อนโยน ถึงแม้ว่ากูเฟยเยี่ยนจะไม่สะทกสะท้าน แต่อย่างน้อยนางก็หยุดร้องไห้ หยุดะโ และหยุดเคลื่อนไหวดิ้นรน ดูเหมือนว่านางจะสงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อย
ครั้นมั่นใจว่าตนเองปลอบขวัญนางได้ จวินจิ่วเฉินจึงไม่ระมัดระวังอีกต่อไป เขาค่อยๆ จุมพิตดูดดื่มลึกซึ้ง จุมพิตรุมเร้า จุมพิตอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น ยิ่งจุมพิตยิ่งมีความเสน่หา
ชายหนุ่มประคองศีรษะของหญิงสาวเอาไว้พลันค่อยๆ โน้มกายวางนางลงบนพื้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ระมัดระวังอีก แต่เขาก็ยังใจจดใจจ่อราวกับว่าทุ่มเทสุดกำลัง ยิ่งจุมพิตลึกล้ำมากเพียงใดก็จะยิ่งพัวพันไม่เป็ตัวของตัวเอง
ดูเหมือนว่าความเ็ปและความวิตกกังวลของกูเฟยเยี่ยนจะได้รับการเยียวยาด้วยจุมพิตอันลึกซึ้งนี้ หญิงสาวค่อยๆ หลับตาลง มือทั้งสองข้างโอบรอบจวินจิ่วเฉินเพื่อกอดเขาไว้แน่น นางเหมือนกับความว่างเปล่าที่ไขว่คว้าความหวังสุดท้าย และเหมือนกับไขว่คว้าเชือกของตนเองในเหวลึก กูเฟยเยี่ยนกอดแน่นขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังตอบสนองต่อจุมพิตของจวินจิ่วเฉินโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวทั้งเงอะงะทั้งกระตุก คล้ายตอบสนองและคล้ายเรียกร้องการปลอบขวัญที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยที่มากยิ่งขึ้น
ปฏิกิริยาตอบสนองของนางทำให้จวินจิ่วเฉินเกิดความประหลาดใจ ในที่สุดจวินจิ่วเฉินก็ลืมตาขึ้นมา เขาหยุดชะงักพลางมองไปยังใบหน้าเรียวเล็กที่เงียบสงบของนาง ดวงตาที่เ็าเต็มไปด้วยความปวดใจและความเอ็นดู เขาไม่สามารถควบคุมและปกปิดความรักที่มีต่อนางเอาไว้ได้เลย
สำหรับหญิงสาวผู้นี้ เขามีการคาดเดาและระวังตัวนับครั้งไม่ถ้วน แต่บัดนี้หัวสมองของเขากลับมีแต่ความว่างเปล่า ถ้ากล่าวว่าเมื่อครู่นี้คือการปลอบขวัญ เช่นนั้นบัดนี้เขา้า
ทุ่มสุดกำลังเพื่อ!
ชายหนุ่มจุมพิตอีกครั้ง ในคราวนี้ไม่ได้อ่อนหวานละมุนละไมเฉกเช่นเมื่อครู่นี้ ในคราวนี้มีความดุดันและความรุนแรงจนเขามิอาจทราบได้เลยว่ากูเฟยเยี่ยนสูญเสียสติสัมปชัญญะหรือตัวเขาเองที่สูญเสียสติสัมปชัญญะ อีกทั้งเขายังไม่ทราบอีกว่าตนเองกำลังปลอบขวัญกูเฟยเยี่ยน หรือกูเฟยเยี่ยนกำลังปลอบขวัญเขาอยู่ ต้องรู้ไว้ว่าเมื่อเห็นนางควบคุมตนเองไม่ได้ เขาก็แทบจะควบคุมตนเองไม่ได้เช่นกัน เขาคิดว่าชาติที่แล้วจะต้องเคยหลงรักหญิงสาวคนนี้ มิฉะนั้นเขาจะชื่นชอบนางอย่างง่ายดายได้อย่างไร? เขาจะให้นางทำลายกำแพงป้องกันทั้งหมดกับเส้นกั้นทั้งหมดอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
ทั้งสองโอบกอดและจุมพิตกัน ดูเหมือนจะเป็ไฟที่ลุกโชน แต่ก็ดูเหมือนเป็การช่วยเหลือกันในยามลำบาก ช่วยกันคอยดูแลเอาใจใส่ และช่วยกันนำตัวตนของกันและกันกลับมา
หมางจ้งมองดูด้วยความตกตะลึง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเตี้ยนเซี่ยที่มีอุปนิสัยเ็าจะมี่เวลาแปลงกายเป็หมาป่าต่อสตรี ถ้านี่ไม่ใช่การสูญเสียความควบคุมมันจะเป็เื่ใด?
เพียงแต่ว่า…
กูเฟยเยี่ยนเยี่ยนมีจุดที่น่าสงสัยมากมายมาั้แ่แรกแล้ว โดยเฉพาะคำพูดละเมอเมื่อสักครู่นี้ที่พิสูจน์ได้ว่านางไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลกูตัวจริง นางน่าจะมาจากราชวงศ์อื่น ซึ่งมีความเป็ไปได้ว่านางจะเป็สายสืบที่มาขโมยข่าวกรองปิงไห่!
เตี้ยนเซี่ยไม่ควรให้ข้อยกเว้นแก่นางอีกและไม่ควรที่จะเสียการควบคุมเช่นนี้!
หมางจ้งไม่กล้าที่จะรบกวน เขาก็ไม่ทราบด้วยว่าถ้าเตี้ยนเซี่ยยังคงสูญเสียการควบคุมเช่นนี้ พระองค์จะ้านางที่นี่หรือไม่ เขาไม่มีทางเลือกจึงทำได้เพียงปลีกตัวออกมาเริ่มระบบดักซุ่มป้องกันอยู่ด้านนอก
จวินจิ่วเฉินกับกูเฟยเยี่ยนจุมพิตกันอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน จวบจนกระทั่งทั้งสองคนต่างก็ไม่สามารถสูดลมหายใจได้จึงผละออกจากกัน พวกเขาหอบหายใจ โดยเฉพาะจวินจิ่วเฉิน ลมหายใจของเขาไม่เพียงแค่ดังกระชั้นชิดแต่ยังรุนแรงอีกด้วย
เขามองกูเฟยเยี่ยนด้วยั์ตาที่ลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ ใน่เวลานี้กูเฟยเยี่ยนยังคงหลับตากึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่
วินาทีที่จวินจิ่วเฉินจุมพิตนาง ความฝันของนางก็เปลี่ยนแปลงกะทันหัน ทะเลน้ำแข็งปิงไห่กลับมาสงบอีกครั้ง เด็กผู้หญิงยังคงนอนซบอยู่บนแผ่นหลังของเด็กชายร่างใหญ่อย่างมีความสุข เด็กชายร่างใหญ่แบกร่างเล็กไว้บนแผ่นหลังและไม่ได้ไปทางทิศเหนือ แต่ไปทางทิศใต้ เด็กผู้หญิงเอียงศีรษะพูดคุยกับเขาด้วยความลิงโลดเสมือนนกนางแอ่นตัวน้อยที่กลับรังในฤดูใบไม้ผลิ
เด็กชายร่างใหญ่เอ่ยว่า "เยี่ยนเอ๋อร์ หยุดวิ่งเล่นไปทั่วได้แล้ว พวกเรากลับบ้านกันเถอะ"
เด็กหญิงนับนิ้วมือ "เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ท่านพี่ พ่อทูนหัว ไท่ฟู่ ยังมีน้าจิ้ง และคนอื่นๆ ทุกคนกำลังรอเราอยู่"
“อืม ยังมีท่านแม่ข้าด้วย”
“พี่หยิ่ง เมื่อพวกเราถึงบ้านแล้ว ท่านแต่งงานกับข้าดีหรือไม่?”
"เ้าทึ่ม"
“ดีหรือไม่เล่า? ”
เด็กชายร่างใหญ่ยิ้มแย้มโดยที่หยุดเอ่ยวาจา ทว่าจู่ๆ สาวน้อยก็หอมแก้มข้างขวาของเขา เด็กชายร่างใหญ่หยุดชะงักอย่างจริงจัง "เยี่ยนเอ๋อร์! "
เด็กหญิงไม่กลัวเขาเลยแม้แต่น้อย สาวน้อยหัวเราะคิกคักและหันไปหอมแก้มข้างซ้ายของเขาอย่างไร้ยางอาย เด็กชายร่างใหญ่จะปล่อยนางลง นางจึงรีบกอดคอเขาแน่นทันทีโดยที่ต่อให้ตายก็ไม่ปล่อย สาวน้อยหัวเราะคิกคักไม่หยุดพลางเริ่มออดอ้อน “ไม่ได้นะๆ เมื่อหอมแก้มแล้วท่านจะต้องรับผิดชอบ ไม่อย่างนั้นข้าจะไปบอกเสด็จพ่อ! กู้หนานเฉิน ท่านว่าท่านจะแต่งงานกับข้าหรือไม่? ”
กู้หนานเฉิน ที่แท้เด็กชายร่างใหญ่คนนี้ก็คือกู้หนานเฉิน เพียงแต่ว่าเหตุใดสาวน้อยคนนี้ถึงได้เรียกเขาว่าพี่หยิ่งเล่า?
กูเฟยเยี่ยนเหมือนเป็ผู้ชมเหตุการณ์ นางมองดูตนเองในวัยเด็กที่หัวเราะไม่หยุด ตัวนางเองก็ดูเหมือนว่าจะลืมเลือนความฝันก่อนหน้านี้ราวกับได้รับความสุขจากเหตุการณ์นี้ หญิงสาวเผยยิ้มโดยไม่รู้ตัว “พี่หยิ่ง…ท่านพี่หยิ่ง…”
หญิงสาวพึมพำออกมา นางพยายามมองใบหน้าของเด็กชายร่างใหญ่ ทว่าพยายามอย่างไรก็เห็นไม่ชัดเจน
จวินจิ่วเฉินไม่ทราบว่ากูเฟยเยี่ยนยังคงตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เขามองนางที่อยู่ในความเงียบสงบ และในที่สุดสติสัมปชัญญะก็ฟื้นคืนมา เขากำลังจะปล่อยนาง แต่จู่ๆ นางก็เผยยิ้มออกมา
หยาดน้ำตาบนใบหน้าของกูเฟยเยี่ยนยังไม่เหือดแห้ง แต่นางกลับเผยยิ้มให้เห็นถึงเรียวฟัน รอยยิ้มนั้นบริสุทธิ์เหมือนเด็กน้อยที่ปราศจากความกังวล เรียบง่าย และมีความสุข ตกอยู่ในภวังค์ของความฝันและมิตรภาพความสุขในวัยเด็ก ไม่ยิ้มได้หรือ?
นางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำโดยไม่รู้ตัว
ในที่สุดจวินจิ่วเฉินก็ตระหนักได้ว่าหญิงสาวยังคงตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เขามีความสงสัยอย่างแท้จริงว่านางเป็ใคร เมื่อสักครู่นี้ฝันถึงเื่ใดจึงได้ร้องไห้เช่นนี้ และบัดนี้ฝันถึงเื่ใดถึงได้ยิ้มแย้มด้วยน้ำตา
ณ เวลานี้ คำพูดละเมอของกูเฟยเยี่ยนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ
“พี่หยิ่ง…ท่านพี่หยิ่ง…”
“พี่หยิ่ง ท่านห้ามบิดพลิ้วนะ ท่านต้องรับผิดชอบ”
จวินจิ่วเฉินตกตะลึงในทันที พี่หยิ่ง? รับผิดชอบ?
กูเฟยเยี่ยนยังคงกล่าวต่อ "พี่หยิ่ง เมื่อพวกเรากลับบ้านแล้ว... ฮิๆ ท่านก็แต่งงานกับข้า ชาตินี้เยี่ยนเอ๋อร์จะไม่แต่งงานกับผู้ใดยกเว้นท่านคนเดียว"
กูเฟยเยี่ยนพึมพำเบาๆ พลางโอบรัดเอวของจวินจิ่วเฉินให้แน่นมากกว่าเดิม นางหัวเราะออกมาด้วยความดีใจ ทว่าจวินจิ่วเฉินตัวแข็งทื่อ!
เขาไม่ทราบว่านางฝันถึงอะไร แต่ปฏิกิริยาของนางเด่นชัดมาก นางถือว่าเขาเป็ผู้ชายอีกคนเสมอ เป็ผู้ชายอีกคนที่อยากแต่งงาน!
ที่แท้...ที่แท้นางก็มีคนในใจแล้ว และเป็เพียงแค่คนเดียวที่นางจะแต่งงานด้วย!
ชายหนุ่มมองดูรอยยิ้มแห่งความสุขของกูเฟยเยี่ยนในตอนนี้ เขาหวนคิดถึงความเร่าร้อนและความดุเดือดเมื่อสักครู่นี้ ดวงตาเ็าของจวินจิ่วเฉินก็กลายเป็ความเย็นะเืกะทันหัน
ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะ หัวเราะเสียงดังลั่น ส่วนโค้งของริมฝีปากเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยตนเองและการเหน็บแนม
เขาคว้าเข้าที่ฝ่ามือนาง ในขณะที่กำลังจะดึงออกจู่ๆ กูเฟยเยี่ยนก็ลืมตาตื่นขึ้นมา
ความทรงจำของกูเฟยเยี่ยนหยุดอยู่ที่บนหลังม้าเท่านั้น ทุกสิ่งในความฝันเกลื่อนกลาดในสมอง นางพยายามที่จะหวนคิดถึง แต่เมื่อเห็นถึงหน้ากากอันคุ้นเคยบนใบหน้าของจวินจิ่วเฉิน นางก็ตกตะลึงทันที “นายก้อนน้ำแข็งเหม็น…”