ไซพานอันยิ้มพลางกล่าว “ไม่ทำให้แม่นางหนิงเจ็บตัวก็ดีแล้ว พวกสุนัขรับใช้พวกนั้นนี่ช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย บังอาจจับแม่นางหนิงมัดได้อย่างไร!”
หนิงมู่ฉือนวดข้อมือที่ฟกช้ำเนื่องจากถูกมัด พร้อมทั้งส่งเสียงสูดปากไปด้วย ก่อนเบนสายตาไปยังไซพานอันที่ยังคงจ้องมองมาที่นางไม่ละสายตา นางก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยิ้มถามออกไป “ไม่ทราบว่าคุณชายไซมีธุระใดกับข้าหรือ”
ไซพานอันเอามือลูบศีรษะด้านหลังอย่างเก้อเขิน ทว่าจู่ๆ ก็คุกเข่าลงกอดขาหนิงมู่ฉือเอาไว้ พลางร้องไห้ออกมา
หนิงมู่ฉือเห็นดังนั้นมีสีหน้างุนงง ก่อนจะก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ ใช้มือผลักไซพานอันออกไป น้ำเสียงเต็มไปด้วยความร้อนใจ
“คุณชายไซมีเื่อันใดพูดมาก็พอแล้ว ไม่เห็นจำเป็ต้องทำกิริยาไม่สำรวมเช่นนี้เลย!”
ไซพานอันลงไปนั่งกับพื้น เอามือปาดน้ำตา หากน้ำเสียงยังคงเจือแววสะอื้น “แม่นางหนิงคงไม่รู้ นับั้แ่ข้าได้ทานขาหมูเย็นภายในงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของตำหนักอ๋อง ั้แ่วันนั้นข้าก็เอาแต่อยากกินขาหมูเย็นมาตลอด บนถนนวันนี้ข้าบังเอิญเห็นท่าน จึงเกิดความคิดอยากให้ท่านมาทำอาหารให้ข้าหนึ่งอย่าง ด้วยกลัวว่าท่านจะไม่ตกลง ถึงได้สั่งให้คนรับใช้ไปลักพาตัวท่านมา”
หนิงมู่ฉือได้ฟัง มุมปากถึงกับกระตุกคราหนึ่ง พูดไม่ออกไปชั่วขณะ นางมองไซพานอันที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นอย่างน่าสงสาร น้ำเสียงอ่อนลงหลายส่วน “หากท่านอยากทานอาหารพวกนี้ ส่งคนไปหาข้าที่ตำหนักอ๋องก็ได้แล้ว ไม่เห็นต้องใช้วิธีนี้เลย”
ไซพานอันร้องไห้อย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “แม่นางหนิงคงไม่รู้ ซื่อจื่อมักจะพูดให้ข้าฟังอยู่บ่อยครั้งว่า ฝีมือการทำอาหารของท่านล้ำเลิศปานใด ทำให้ข้าอิจฉายิ่งนัก ซื่อจื่อบอกกับพวกเราว่า หากอยากทานอาหารฝีมือท่าน ต้องนำเงินมามอบให้เขาหนึ่งหมื่นตำลึงเงินเสียก่อน!”
ทันทีที่หนิงมู่ฉือได้ยินว่าต้องจ่ายเงินถึงหนึ่งหมื่นตำลึงเงินให้รู้สึกใยิ่ง ในใจกรุ่นโกรธนักที่จ้าวซีเหอเห็นนางเป็เครื่องมือหาเงิน ใบหน้านางฉายแววไม่พอใจ
ไซพานอันเห็นหนิงมู่ฉือไม่พูดไม่จา จับชายเสื้อผ้าเอาไว้แน่น จนเกือบทำให้หนิงมู่ฉือล้มลงไปกับพื้น เขาเอ่ยอย่างสะอึกสะอื้นต่อ “คิดว่าแม่นางหนิงคงจะรู้ว่าเงินหนึ่งหมื่นตำลึงหมายความว่าอันใด ข้าไม่อาจไม่ลักพาตัวท่านได้ เนื่องจากข้ากำลังป่วย หมอบอกว่าข้าป่วยเป็โรคคิดถึง โรคคิดถึงขาหมูเย็น!”
หนิงมู่ฉือเห็นท่าทางจะเป็จะตายของไซพานอันก็ใจอ่อน ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “ก็ได้ ข้าจะช่วยท่านรักษาโรคนี้เอง นำข้าไปยังห้องครัวเถิด”
ไซพานอันได้ฟังดีใจยิ่งนัก เดินตามหลังด้วยสีหน้ายินดีเป็อย่างยิ่ง สั่งให้เด็กรับใช้พาหนิงมู่ฉือไปยังห้องครัว
ครั้นมาถึงห้องครัว หนิงมู่ฉือมองไซพานอันที่ยังคงมีสีหน้าลำพองใจไม่หาย ไม่ว่านางจะเดินไปทางใด เขาก็จะเดินตามไปด้วย นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หันไปกล่าวกับอีกฝ่าย “ข้าอยากทำอาหารอย่างสงบ ข้าคือแม่ครัวที่ฝ่าาพระราชทานฉายาให้ว่าเทพแม่ครัว จึงมีสูตรลับที่พวกท่านไม่อาจรู้ได้!”
ไซพานอันมองหนิงมู่ฉืออย่างไม่ค่อยพอใจครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปสั่งเด็กรับใช้ด้านหลัง “ได้ยินหรือไม่ รีบออกไปสิ อย่ารบกวนแม่นางหนิง!”
เด็กรับใช้เกรงกลัวไซพานอันยิ่งนัก รีบพากันเดินออกไป พร้อมทั้งปิดประตูให้ด้วย
ไซพานอันหันมายิ้มประจบเอาใจหนิงมู่ฉือ ทว่าหนิงมู่ฉือยังคงมีสีหน้าไม่พอใจอยู่ดี “หากข้าทำอาหารให้ท่านเสร็จแล้ว ข้าก็จะสามารถออกไปจากที่นี่ได้ใช่หรือไม่”
ไซพานอันกลอกตาอย่างใช้ความคิด ยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “แน่นอน แม่นางหนิงมีฐานะสูงส่ง ข้าจะกล้าล่วงเกินท่านได้อย่างไร”
หนิงมู่ฉือพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ประตู “ออกไป! ข้าจะลงมือทำอาหารแล้ว!”
ไซพานอันมองหนิงมู่ฉืออย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ใช้นิ้วชี้ชี้ที่ใบหน้าของตัวเอง “ข้าด้วยหรือ”
หนิงมู่ฉือพยักหน้าอีกครั้ง มองไซพานอันที่เดินออกจากห้องครัวไปอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก นางหยิบขาหมูขึ้นมาจัดการทำความสะอาด แล้วนำไปเคี่ยวกับน้ำแกงที่ปรุงรสแล้ว
นางนั่งอยู่ในห้องครัวเงียบๆ เหม่อมองขาหมูที่อยู่ในหม้อ เมื่อได้กลิ่นหอมโชยออกมา นางก็ได้ยินเสียงดังเอะอะจากด้านนอกห้อง
นางมองไปด้านนอก พบว่าไซพานอันผู้ไม่เอาไหนเจาะกระดาษตรงประตูให้เป็รู มองเข้ามาด้านในด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นางเดินเท้าสะเอวตรงไปที่ประตู เปิดประตูออกอย่างแรง กล่าวกับไซพานอันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ท่านมายืนเฝ้าอันใดอยู่ตรงนี้ กลัวข้าหนีไปหรืออย่างไร”
ไซพานอันรีบยิ้มประจบเอาใจ แถออกไปว่า “แหะๆ ข้าแค่กลัวว่าควันในห้องครัวมันจะเยอะเกินไปจนแม่นางหนิงมองไม่ถนัด”
นางมีสีหน้าทะมึน “ขาหมูในหม้อใช้ได้แล้ว ท่านสามารถทานได้แล้ว”
ไซพานอันได้ฟัง รีบวิ่งตรงไปที่หม้อขาหมู ใช้ช้อนตักขึ้นมาจ่อที่ปาก เป่าลมเพื่อให้คลายร้อน
หนิงมู่ฉือเห็นท่าทางเช่นนั้นของไซพานอันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เดินไปนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ตัวหนึ่งตรงมุมห้องครัว มองไซพานอันที่มองมาที่นางอย่างนับถือ นางพลันยิ้มออกมา
ไซพานอันเดินมาคุกเข่าข้างๆ นาง นวดขาให้นางอย่างเอาอกเอาใจ แววตามองมาที่นางอย่างนับถือ ก่อนจะกล่าวประจบว่า “หากแม่นางหนิง้าของสิ่งใดบอกข้าได้เลย ข้าหามาให้ท่านได้แน่นอน!”
“หืม ใจดีถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?” นางมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ไซพานอันพยักหน้ารัว ใช้มือต่างพัดพัดให้หนิงมู่ฉือ “ขอแค่แม่นางหนิงรับปากข้าหนึ่งอย่าง” ไซพานอันชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
หนิงมู่ฉือคิดไว้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีทางใจดีกับนาง จึงถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “รับปากเื่ใด”
“ข้าอยากให้เทพแม่ครัวอย่างท่านมาเป็แม่ครัวของจวนเสนาบดี” ใบหน้าไซพานอันยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มประจบ
หนิงมู่ฉือลุกขึ้นยืนโดยพลัน เอ่ยอย่างมีน้ำโห “เหลวไหล! ข้าเป็แม่ครัวของตำหนักอ๋อง!”
ไซพานอันหัวเราะออกมา สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็เ้าเล่ห์ “เื่นี้ไม่ใช่เื่ที่ท่านจะตัดสินใจเองได้!”
ทันใดนั้นชายรูปร่างกำยำต่างพุ่งเข้ามาในห้องครัว จับหนิงมู่ฉือมัด แล้วอุ้มไปยังห้องที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหราห้องหนึ่ง
หนิงมู่ฉือผมเผ้ายุ่งเหยิงด้วยถูกบังคับจับตัวอีกครา สบถพร้อมกับด่า “เ้าคนไม่ได้ความ!”
ไซพานอันมองหนิงมู่ฉืออย่างน้อยใจ “คุณชายอย่างข้าอุตส่าห์เตรียมห้องให้ท่าน ท่านยังไม่พอใจอีกหรือ ท่านดูผ้าห่มผืนนี้สิ ใช้ด้ายทองทำขึ้นมาเชียวนะ ท่านมีชีวิตที่สุขสบายยิ่งกว่าคุณหนูสกุลใดๆ เสียอีก เหตุใดถึงยังไม่พอใจ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้