มารอริยะฝีมือร้ายกาจปานไหน? หวังเค่อเองก็ไม่ทราบ แต่หวังเค่อได้เห็นาาอสรพิษผู้ทระนงต้องตัวสั่นเป็ลูกนกต่อหน้ามารอริยะ ไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย
สุดท้ายแล้ว มารอริยะก็เพียงตบาาอสรพิษปลิวไป
พอาาอสรพิษร่วงถึงพื้น มันก็ไม่กล้าเอ่ยปากแก้ตัวอันใด เพียงนำฝูงขุนพลอสรพิษและงูที่เหลือเลื้อยจากไปอย่างสิ้นหวัง
เมื่อมารอริยะเหินกายลงมาจากฟากฟ้า ศิษย์ลัทธิมารทั้งหมดบนเกาะเทพัพลันรู้สึกว่าแรงกดดันที่ถาโถมมาจางหายไป พวกมันต่างลุกขึ้นยืนตรง
ไม่ต้องให้มารอริยะลงมือ คนไฟลุกทั้งแปดนำโดยปราชญ์พนันทักษิณล้วนถูกจับกุมไว้
ก่อนที่พวกมันจะถูกจับนั่งคุกเข่าตัวสั่นอยู่ในห้องโถงใหญ่ตำหนักจูหงอีทีละคน
จูหงอีกับเนี่ยชิงชิงเองก็อยู่ที่ห้องโถง รวมถึงหวังเค่อและคนที่เหลือด้วย
มารอริยะนั่งอยู่ที่นั่งประธานพลางมองจูหงอีที่เพิ่งขับพิษในร่างออกด้วยแววตาเ็า
“จูหงอี งูน้อยนั่นไม่มีทางทำให้เ้าต้องขายหน้าปานนี้ใช่หรือไม่? เ้าเคยคร่ากุมมันได้ด้วยมือเดียวด้วยซ้ำ!” มารอริยะเอ่ยเสียงเย็น
“ข้าประมาทไปเล็กน้อย ขอมารอริยะอภัยด้วย!” จูหงอีรีบลุกขึ้นพลางยิ้มเจื่อน
“ประมาทรึ? เหอะ เป็เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยทำร้ายเ้าสาหัสสิท่า? เ้าาเ็หนักถึงขนาดงูน้อยนั่นก็ยังรับมือไม่ไหว?” มารอริยะเอ่ยเสียงแหบพร่าขณะใช้สายตาเ็ามองเนี่ยชิงชิงที่เพิ่งได้สติ
เนี่ยชิงชิงสีหน้าบูดเบี้ยวอยู่พักหนึ่ง ก่อนนางจะลุกขึ้น “ถูกแล้ว เป็ข้าทำร้ายหงอีเอง ตอนนั้นข้าคิดตกตายตามมัน!”
มารอริยะกระดิกนิ้ว
“เปรี้ยง!”
เนี่ยชิงชิงคล้ายถูกจู่โจมอย่างหนักหน่วง ทรวงอกของนางยุบยวบลงทันที
“พรวด!”
ทรวงอกเนี่ยชิงชิงยุบตัว นางกระอักโลหิตคำหนึ่งก่อนปลิวกระแทกพื้นอย่างแรง คนคล้ายปางตายในพริบตา
“ไม่นะ มารอริยะ ได้โปรดไว้ชีวิตนางด้วย!” จูหงอีก้าวมาขวางหน้าเนี่ยชิงชิงอย่างหวาดผวา
“ไว้ชีวิต? เหอะ! จูหงอี ข้าเห็นแก่หน้าเ้าเลยยอมให้นางเป็เ้าตำหนักห้า แต่นางกลับทำอะไร? กลายเป็มารเลยคิดตกตายร่วมกับมาร? แม้แต่เ้าเองยังเกือบตาย! ศิษย์ลัทธิมารข้าตั้งเท่าไหร่ต้องตายด้วยแผนการของนาง? สมควรตายนัก!” มารอริยะเอ่ยเสียงเย็น
“แค่ก แค่กแค่กแค่ก!” เนี่ยชิงชิงกระอักโลหิตไม่หยุด ไม่อาจขัดขืนได้แม้แต่น้อย
“มารอริยะ ข้าไม่ถือโทษนาง! ได้โปรดไว้ชีวิตนางด้วย! มารอริยะโปรดเมตตา!” จูหงอีคุกเข่าขอความเมตตา
จูหงอีััได้ถึงจิตสังหารของมารอริยะ
“หงอี เ้าไม่เคยคุกเข่าให้ใคร อย่าได้คุกเข่าให้มัน! อย่า…!” เนี่ยชิงชิงส่งเสียงอ่อนระโหย
“ไม่ ข้าจูหงอีไม่เคยคุกเข่าให้ใครเพราะไม่มีผู้ใดคู่ควร ชิงเอ๋อร์ ข้ายินดีคุกเข่าเพื่อเ้า ขอแค่เ้ามีชีวิต ชิงเอ๋อร์!” จูหงอีกอดเนี่ยชิงชิงพลางร่ำไห้
มารอริยะมองทั้งสองอย่างเ็า
“เนี่ยชิงชิงเคยตัดใจลงมือฆ่าเ้ามาครั้งหนึ่ง ก็สามารถลงมือฆ่าเ้าอีกครั้งได้ ข้าจะไม่ยอมปล่อยนางไว้ข้างกายเ้า! ชอกช้ำยาวนานเลวร้ายกว่าหักใจเจ็บ ข้าไม่อยากให้ลัทธิมารต้องเกิดเื่เพราะนางอีก!” มารอริยะก้าวเท้าออก
“ท่านมารอริยะ อย่า อย่าฆ่านางเลย หากนางตาย ข้าก็ไม่ขออยู่!” จูหงอีขอร้องดวงตาแดงก่ำ
“จูหงอี! เ้ารู้หรือเปล่าว่ากำลังทำอะไร?” มารอริยะถามเสียงเย็น
“ข้าทราบดี ข้าทราบดียิ่งกว่าครั้งใด มารอริยะ ท่านลงทัณฑ์ชิงเอ๋อร์ได้ แต่จะฆ่านางไม่ได้!” จูหงอีคุกเข่าขอร้องตรงหน้ามารอริยะ
มารอริยะสวมหน้ากากิญญาร้าย สีหน้าท่าทางดูดุดันถึงขีดสุด คล้ายไม่โอนอ่อนให้จูหงอีแม้แต่น้อย
“มารอริยะ ตอนที่าาอสรพิษบุกมาเมื่อกี้ เนี่ยชิงชิงกับเ้าตำหนักจูต่างออกหน้าช่วยเหลือข้าด้วยกัน ถือว่านางช่วยข้าได้หรือไม่? ถือว่าชดใช้ความผิด หรือไม่ก็…!” เซิ่งจื่อเกลี้ยกล่อม
เป็หวังเค่อส่งสายให้เซิ่งจื่อช่วยออกหน้าขอร้อง
“หือ?” มารอริยะเหลือบมองเซิ่งจื่อ
“มารอริยะ หากท่านฆ่าเนี่ยชิงชิง เ้าตำหนักจูเองก็ต้องปลงใจตายตามไปด้วย ข้าไม่อยากให้เ้าตำหนักจูตาย! ตลอดหลายวันมานี้มันคอยช่วยปกป้องข้า!” เซิ่งจื่อตะล่อม
มารอริยะขบคิดชั่วครู่ก่อนเอ่ยด้วยเสียงเข้ม “เนี่ยชิงชิง? เ้าคิดแข็งข้อต่อลัทธิมาร เช่นนั้นก็ไม่คู่ควรเป็เ้าตำหนักห้า!”
ก่อนที่มารอริยะจะกล่าวจบ จูหงอีก็ตาเป็ประกายขณะกล่าวอย่างยินดี “ขอบคุณท่านมารอริยะที่ประทานอภัย!”
“ข้าไม่ได้อภัย โทษตายละเว้น โทษเป็ยากหลีกเลี่ยง ข้ายังคิดลงทัณฑ์นางอยู่! ส่วนเ้า จูหงอี เ้าอยู่ให้ห่างนางเอาไว้ นางเป็หญิงเสียสติ สามารถทำได้ทุกอย่าง!” มารอริยะเอ่ยเสียงเย็น
“ขอรับ ขอรับ ขอบคุณท่านมารอริยะที่ไว้ชีวิต!” จูหงอีเอ่ยอย่างตื้นตัน
“ฮึ่ม!” มารอริยะแค่นเสียงเย็น
มารอริยะเบนหน้ามามองเซิ่งจื่อ “เซิ่งจื่อ? ่นี้ไม่ใช่เ้าเปลี่ยนไปไม่น้อย?”
“ข้าเหรอ? ข้ากลัวเหลือเกิน มีคนคิดอยากฆ่าข้า มารอริยะ ท่านต้องช่วยข้าหาตัวคนร้าย!” เซิ่งจื่อพลันเอ่ยขึ้นพร้อมแววตาเคืองแค้น
“หาตัวคนร้าย? ข้าคิดว่าข้าพอจะรู้สาเหตุอยู่ เป็ความผิดข้าเองที่มอบหมายให้เ้าดูแลเกาะเทพัจนถูกหมายหัว! ข้าพูดถูกหรือไม่?” มารอริยะมองดูปราชญ์พนันทักษิณและพวกพ้องที่ถูกจับด้วยสายตาเย็นเยือก
“มารอริยะไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย พวกเราต่างทำตามคำสั่งของผู้ดูแล ไม่สิ มันไม่คู่ควรเป็ผู้ดูแลแล้ว เป็ตัวบัดซบถงอันอันสั่งพวกเรา! พวกเราถึงหลงผิดชั่ววูบ!” ปราชญ์พนันทักษิณรีบร้องขอความเมตตา
“สวบ!”
มารอริยะจี้นิ้วมือออกเล็กน้อย กลางหว่างคิ้วของปราชญ์พนันทักษิณก็บังเกิดรูโหว่ขึ้น ก่อนคนจะสิ้นใจล้มลงกองกับพื้น
นักโทษที่เหลืออีกเจ็ดคนล้วนหน้าเปลี่ยนสี
“ยังไม่พูดความจริงอีก?” มารอริยะเอ่ยเสียงเย็น
ขณะเอ่ยปาก มันก็ขยับมือเล็กน้อย
“ปง!”
นักโทษอีกคนพลันมีรูโหว่กลางศีรษะ สิ้นใจตายคาที่
นักโทษที่เหลืออีกหกคนต่างตัวสั่นเทิ้ม
“มารอริยะไว้ชีวิตด้วย!” เหล่านักโทษขอร้องอย่างหวาดผวา
“ยังไม่พูดอีก?” มารอริยะกล่าวเสียงเย็น
“โพละ!”
นักโทษคนที่สามถูกทะลวงศีรษะ สิ้นใจตายทันที!
“สวบ!”
นักโทษคนที่สี่ถูกทะลวงศีรษะ สิ้นใจตายทันที!
“พูดแล้ว พูดแล้ว!” นักโทษที่เหลือรอดกล่าวอย่างหวาดผวา
“อ้อ?” มารอริยะใช้สายตาเ็ามองดูพวกมัน
“ปะ เป็ถงอันอันวางแผนทั้งหมด มันจ่ายส่วยซื้อตัวพวกเรามาหลายปี พวกเราเองก็ติดกับดักมันจนถอยกลับไม่ได้ ไม่นานมานี้ พวกเราเพิ่งทราบว่าเื้ัถงอันอันสมควรมีเ้าตำหนักหนุนหลังอยู่ แต่เป็เ้าตำหนักท่านใดนั้นไม่ทราบ รู้เพียงว่าเ้าตำหนักท่านนั้นไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านมารอริยะกำลังทำ มันคิดว่าการที่ท่านมารอริยะเลี้ยงศิษย์พรรคฝ่ายธรรมะเอาไว้ขัดต่อหลักคำสอนของลัทธิมาร หากจับกุมนักโทษพรรคฝ่ายธรรมะมาได้ก็ควรกินเสียให้ตาย จะเลี้ยงไว้รีดเืไปทำไม? มารก็คือมาร มารเป็เผ่ากินคน การจับนักโทษฝ่ายธรรมะเลี้ยงไว้แบบนี้มีแต่จะทำให้ลัทธิมารสูญเสียสัญชาตญาณความเป็มารไปทีละน้อย ดังนั้นจึงคิดยั่วยุท่านมารอริยะด้วยการสังหารเซิ่งจื่อ บั่นทอนรากฐานและบารมีของท่านมารอริยะ พะ พวกเราล้วนถูกหลอกใช้ พวกเราทำไปโดยไม่รู้ความ ตะ แต่…!” นักโทษคนหนึ่งเอ่ยด้วยความกลัว
“เหอะ ในลัทธิมารนี้ยังมีคนไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าทำอีก? น่าขายหน้านัก มันไม่กล้าเผชิญหน้าข้าโดยตรง แต่กลับคิดลงมือลับหลัง?” มารอริยะเอ่ยเสียงเย็น
“ท่านมารอริยะโปรดไว้ชีวิตด้วย พวกเราเป็เพียงเบี้ยหมาก ขอท่านไว้ชีวิตด้วย!” นักโทษสี่คนที่เหลือต่างวิงวอง
“เบี้ยหมาก? ในเมื่อเ้ารู้ตัวเองว่าเป็เบี้ย เช่นนั้นก็สมควรทราบจุดจบของตัวเบี้ย!” มารอริยะตอบเสียงเย็น
เอ่ยจบ มารอริยะก็จี้นิ้วชี้ขวาออก เงาสายหนึ่งกวาดลากผ่านลำคอนักโทษทั้งสี่ประดุจแสงเลเซอร์ ศีรษะของนักโทษทั้งสี่ร่วงหลุดจากบ่าทันที
“ในลัทธิมาร ใครคล้อยตามข้าอยู่ ใครขวางข้าตาย! หากผู้ใดกล้าวางอุบายลับหลังข้า จะต้องมีจุดจบแบบพวกมัน!” มารอริยะกล่าวเสียงเย็น
“ทราบ!” ศิษย์ลัทธิมารนับไม่ถ้วนที่คุกเข่าอยู่นอกห้องโถงต่างพากันก้มหน้าต่ำไม่กล้าเอ่ยคำ
หวังเค่อที่ยืนอยู่ด้านข้างใบหน้าบิดกระตุก มารอริยะผู้นี้จะชื่นชอบการฆ่าฟันเกินไปแล้ว!
“ถ่ายทอดคำสั่ง ศิษย์ลัทธิมารทุกคนจงทุ่มเทกำลังตามล่าตัวถงอันอัน! ไม่ว่าเป็หรือตาย! ผู้ใดกล้าให้ที่ซ่อนแก่มัน ฆ่าทันทีไม่มีละเว้น! ผู้ใดที่ร่วมมือกับถงอันอันครั้งนี้ ฆ่าทิ้งเหมือนกัน!” มารอริยะสั่งการ
“ทราบ!” ศิษย์ลัทธิมารต่างพากันขานรับจากนอกห้องโถง
จากนั้นมารอริยะค่อยหันมามองหวังเค่อ
“ข้าเห็นเ้าเมื่อกี้ เป็เ้าช่วยเซิ่งจื่อเอาไว้?” มารอริยะถามเสียงเข้ม
ขณะมองดูหน้ากากิญญาร้ายของอีกฝ่าย หวังเค่อย่อมไม่กล้าโป้ปด “ผู้เยาว์เพียงปกป้องตัวเอง ที่ช่วยเซิ่งจื่อเอาไว้ด้วยเป็เพราะโชคช่วยเท่านั้น!”
“เ้าช่วยก็คือช่วย ทำดีได้รางวัล ทำผิดมีโทษทัณฑ์ ในเมื่อช่วยเซิ่งจื่อ ย่อมต้องได้รางวัล!” มารอริยะเอ่ยเสียงเย็น
“ขอรับ!” หวังเค่อพยักหน้ารับ
“มารอริยะ หวังเค่อช่วยข้าไว้เป็ครั้งที่สองแล้ว! มันช่วยชีวิตข้าไว้สองครั้ง!” เซิ่งจื่อรีบเสริมทันที
“โอ้?” มารอริยะมองหวังเค่ออย่างแปลกใจ
“ไม่เพียงเท่านั้น หวังเค่อยังชิง ‘ประกาศิตเทพั’ กลับมาได้เพียงลำพังด้วย ทำให้าาอสรพิษบันดาลโทสะด้วยความอับอาย หวังเค่อทำภารกิจที่มารอริยะมอบหมายไว้ในอดีตสำเร็จ นำประกาศิตเทพักลับมาได้! หวังเค่อ รีบเอาออกมาเร็ว!” เซิ่งจื่อรีบช่วยหวังเค่อทวงความชอบทันที
หวังเค่อได้แต่ยิ้มเจื่อน ตนยินดีไม่ขอรับความชอบใดๆ จะดีกว่า มารอริยะผู้นี้ทั้งเ็าและเหี้ยมโหด อารมณ์ความคิดสุดคาดหยั่ง หวังเค่อไม่กล้าให้อีกฝ่ายจดจำตนได้มากนัก
“เร็วสิ หวังเค่อ!” เซิ่งจื่อเร้า
หวังเค่อไม่มีทางเลือกนอกจากนำประกาศิตเทพัออกมา
เซิ่งจื่อคว้าประกาศิตไป ก่อนจะช่วยส่งต่อให้มารอริยะแทนหวังเค่อ
มารอริยะรับแผ่นป้ายไป หลังพินิจดูอย่างถี่ถ้วนสักพัก มันก็นิ่งเงียบไปนาน
“ประกาศิตเทพัเป็ข้ามอบหมายให้าาอสรพิษคุ้มครองไว้เพื่อเป็เครื่องกระตุ้นแก่ศิษย์ลัทธิมาร แต่น่าเสียดายที่หลายปีมานี้ไม่มีศิษย์ลัทธิมารคนใดทำสำเร็จ จนสุดท้ายแค่จะท้าพิสูจน์ยังไม่กล้า! เ้า? เ้ากลับเป็คนแรกที่ชิงประกาศิตเทพักลับมาได้?” มารอริยะหรี่ตามองหวังเค่อ
แน่นอนว่าระดับพลังฝีมือของหวังเค่อไม่อาจรอดพ้นสายตามารอริยะไปได้
“ผู้เยาว์แค่โชคดี โชคดีเท่านั้น!” หวังเค่อยิ้มแห้ง
เ้าไม่ต้องตบรางวัลอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องจำข้าด้วยยิ่งดี
“โชคก็เป็ส่วนหนึ่งของฝีมือ ข้าไม่สนว่าเ้าได้มันมาอย่างไร ในเมื่อเ้าชิงประกาศิตเทพักลับมาได้ เ้าก็มีคุณสมบัติเป็นายท้ายคนใหม่ สามารถเปิดสำนักสาขา! คัดเลือกศิษย์เข้าพรรค!” มารอริยะเอ่ยเสียงหนัก
“ข้า? เป็นายท้าย คัดเลือกศิษย์พรรค?” หวังเค่ออ้าปากค้าง
“ประกาศิตเทพัถูกสร้างขึ้นที่เกาะเทพั เมื่อครั้งเปิดสาขาย่อยเทพัในอดีต เกาะเทพัมีผู้ดูแลคอยคุ้มครองเบื้องใน ไม่มีอำนาจออกไปโจมตีเบื้องนอก! ส่วนนายท้ายสามารถจู่โจมเบื้องนอก ปกป้องเบื้องใน! เมื่อมีประกาศิตเทพั เ้าก็สามารถเป็นายท้ายเทพัได้!” มารอริยะกล่าว
หวังเค่ออ้าปากค้างอย่างใ กล่าวคือ ผู้ดูแลเกาะเทพัเองก็อยู่ใต้บัญชานายท้ายเทพัอีกที?
“หวังเค่อ ขอบคุณมารอริยะสำหรับรางวัลสิ เร็ว!” เซิ่งจื่อทางด้านข้างส่งเสียงะโ
หวังเค่อ “...!”
ข้ายังสับสนอยู่เลยว่ากำลังจะกลายเป็นายท้ายลัทธิมารได้อย่างไร?
ขณะหวังเค่อกำลังจะเอ่ยปาก พลันมีเสียงะโดังลั่นมาจากนอกห้องโถง “ไม่ได้ หวังเค่อมันจะเป็นายท้ายลัทธิมารไม่ได้!”
หลังเสียงะโดังลั่น ศิษย์ลัทธิมารทุกคนนอกห้องโถงต่างพากันสูดหายใจเย็นเยือก เป็ผู้ใด? ใครมันขวัญกล้าถึงขนาดโต้แย้งวาจามารอริยะ?
จากนั้นทุกคนถึงค่อยเห็นชายผู้หนึ่งหน้าบวมเป่งจมูกช้ำ ใช้ไม้ค้ำเดินกะเผลกเข้ามา
เพราะมารอริยะอยู่ด้วย จึงไม่มีใครกล้าขวางทางอีกฝ่ายไว้โดยไม่มีคำสั่ง พวกมันได้แต่ปล่อยให้คนถ่อไม้ค้ำกระดืบเข้าไปในห้องโถง
“หวังเค่อ มีข้าอยู่ เ้าไม่มีวันได้เป็นายท้ายลัทธิมารหรอก! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ชายผู้นั้นเอ่ยอย่างตื่นเต้นยินดี
“เ้าเป็ใคร? พวกเรารู้จักกันด้วยเหรอ?” หวังเค่อถามอย่างแปลกใจ
ทุกคนพากันหันมามองคนที่เพิ่งปรากฏตัว
“ข้า? ข้าก็จูเยี่ยนไง! เ้าหลอกลวงผู้คนมากเกินไปแล้ว วันนี้ ข้าจะฉีกหน้ากากลวงโลกของเ้าต่อหน้าท่านมารอริยะเอง!” จูเยี่ยนเอ่ยอย่างเคียดแค้น
“จูเยี่ยน?” หวังเค่ออุทานอย่างใ
คนตรงหน้าข้ามีเค้าโครงจูเยี่ยนตรงไหน? เสื้อผ้าบนตัวมันล้วนเละเทะขาดวิ่น จมูกหน้าปากคิ้วบวมเป่ง ทั่วตัวช้ำเขียวช้ำม่วง นี่ก็คือจูเยี่ยน? ขนาดขอทานเกรงว่ายังสภาพไม่น่าอดสูขนาดนี้
“จูเยี่ยน? เ้าทำอะไร?” จูหงอีเกลียดเ้าเหลนไม่รักดีคนนี้เหลือเกิน
ทำไมเหลนทวดข้าถึงยิ่งมายิ่งสติฟั่นเฟือน? เ้ากลายเป็คนแบบนี้ไปได้ยังไง?
จูเยี่ยนกล้ำกลืนความแค้น ไม่ตอบคำจูหงอี แต่คารวะให้มารอริยะอย่างนอบน้อม
“ท่านมารอริยะผู้สูงส่ง ข้ามีเื่อยากรายงานขอรับ!” จูเยี่ยนพลันเอ่ยคำ
“อ้อ?” มารอริยะมองดูจูเยี่ยน
“ไอ้หวังเค่อมันไม่ใช่ศิษย์ลัทธิมารเรา แต่เป็ศิษย์พรรคฝ่ายธรรมะ มันเป็ลูกศิษย์ของเฉินเทียนหยวน ประมุขพรรคเทพหมาป่า์! ขอท่านมารอริยะโปรดสืบสวนด้วย!” จูเยี่ยนรายงาน
“อะไรนะ?” ศิษย์ลัทธิมารด้านนอกห้องโถงพากันเบิกตากว้าง
เ้าจูเยี่ยนผู้นี้เสียสติไปแล้ว ฝ่ายธรรมะ? ศิษย์ฝ่ายธรรมะจะแฝงตัวอยู่ในลัทธิมารเราได้ยังไง?
เนี่ยชิงชิงที่นอนแผ่อยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรงเผยสีหน้าขมขื่น สุดท้ายก็จบเห่แล้ว
“ศิษย์ฝ่ายธรรมะ?” มารอริยะพลันหันมามองหวังเค่อทันที
หวังเค่อขมวดคิ้ว
“หวังเค่อ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เ้าคิดไม่ถึงล่ะสิ สุดท้ายเ้าก็อยู่ในกำมือข้า! เ้าเป็ศิษย์ฝ่ายธรรมะ ในร่างปราศจากไอมาร! วันนี้ไม่มีใครช่วยเ้าได้อีกแล้ว! หวังเค่อ เ้าตายแน่ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” จูเยี่ยนหัวร่ออย่างสาแก่ใจใส่หวังเค่อ
“ถ้าหากมีไอมาร จึงจะถือเป็มารรึ?” หวังเค่อเองก็กังวล
“ใช่แล้ว สัญลักษณ์ของผู้เดินในวิถีมารก็คือไอมาร! ถ้าหากงูฝูงนั้นไม่ได้พังกรงขังข้า ข้าก็คงไม่มีโอกาสหลบหนีมาถึงนี่ หวังเค่อ เ้าไม่รอดแน่ เ้าตายแหง! ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ว่าใครก็ช่วยเ้าไม่ได้!” จูเยี่ยนหัวเราะร่า
“แล้วไอมารหน้าตาเป็ยังไง?” หวังเค่อถามเสียงเข้ม
“ไอมาร? สัจปราณแบบข้านี่อย่างไรถึงเรียกว่าไอมาร! ขอเพียงเ้ากินคน บาปกรรมสั่งสมผสานกับสัจปราณ นั่นก็คือไอมาร จงดู นี่ก็คือสัญลักษณ์ของวิถีมาร ไอมารมีสีดำ เป็สัจปราณที่พวกฝ่ายธรรมะไม่มี เ้ามีไอมารแบบข้าหรือเปล่า? มี…?” จูเยี่ยนเยาะเย้ยไม่ทันจบคำ คนพลันตัวแข็งทื่อไป
เพราะลูกโป่งสัจปราณในฝ่ามือหวังเค่อเป็สีดำสนิท!
ถ้าหากสัจปราณของจูเยี่ยนถูกไอสีดำห่อหุ้มไว้ เช่นนั้นสัจปราณของหวังเค่อก็คือก้อนสีดำสนิทดูเย็นเยียบประดุจหลุมดำ เป็สีดำที่ทำให้จูเยี่ยนต้องสิ้นหวัง
จูเยี่ยนขยี้ตาอย่างไม่อยากเชื่อ มันหอบหายใจพลางมองดูสัจปราณบนฝ่ามือหวังเค่อ
“นี่ใช่ไอมารหรือเปล่า?” หวังเค่อถามหน้าซื่อ
สัจปราณขุ่นของหวังเค่อกลายเป็สีดำสนิทไปแล้ว ดำปี๋ยิ่งกว่าไอมารส่วนใหญ่ทั่วไปเสียอีก! นี่ใช่สัญลักษณ์ของผู้เดินในวิถีมารหรือเปล่า?
ถ้าหากดำสนิทแบบนี้ยังไม่นับเป็ไอมาร แล้วจะเป็อะไรได้อีก?
“เ้า เ้า เ้า…!” จูเยี่ยนอุทานอย่างแตกตื่นขวัญผวา
“ตุบ!”
จูเยี่ยนคุกเข่าลงทันที
“ท่านมารอริยะโปรดไว้ชีวิตด้วย ข้าถูกหวังเค่อมันหลอกเอา ก่อนหน้านี้มันไม่ใช่แบบนี้ มันไม่เคยเป็แบบนี้ ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์เองยังบอกว่ามันเป็ศิษย์พรรคฝ่ายธรรมะ ข้าถูกหลอก ท่านมารอริยะโปรดไว้ชีวิตด้วย!” จูเยี่ยนร่ำร้องอย่างลนลาน
ก่อนหน้านี้จูเยี่ยนก็ได้เห็นมารอริยะฆ่าคนดุจผักปลา มันกล้าหลอกลวงมารอริยะ นี่ใช่จบสิ้นแล้ว? ์ ทำไมถึงเป็เช่นนี้? ช่วยข้าด้วย!
