ความร้อนใจที่แสดงออกมาจากใจทำให้ในใจของเฉินเนี้ยนหรานรู้สึกดี ท่านป้าดีกับข้าจริงๆ
นางตบมือของป้าสะใภ้ตนเองอย่างปลอบใจ“ท่านป้า ข้าคือข้า โจวอ้าวเสวียนก็คือโจวอ้าวเสวียนข้ากับเขาไม่มีทางมาเกี่ยวข้องกันเพราะลูก อีกทั้งเื่นี้ก็รบกวนท่านป้าอย่าเปิดเผยออกไปข้าไม่อยาก...ให้คนในจวนสกุลโจวรู้ถึงการมีอยู่ของเด็กคนนี้ ท่านคงจะเข้าใจ หากตัวตนของเด็กคนนี้ถูกคนในจวนสกุลโจวรู้เข้าเกรงว่าข้าคงปกป้องเขาเอาไว้ไม่ได้ หากสูญเสียลูกไป ความเ็ปของข้าท่านป้าคงจะเข้าใจได้!”
กวนซูเยวียนตัวสั่นพูดไม่ออกนางยังดังสติกลับมาจากข่าวใหญ่ไม่ได้ หลังจากความว้าวุ่นผ่านไปแล้วหญิงวัยกลางคนที่ทำงานเก่งคนนี้ก็ร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจ “เ้าพูดสิพูดสิว่าเื่ดีๆ เหตุใดถึงกลายมาเป็เช่นนี้ได้? หากไม่มีเด็กคนนี้แม่หนูยังสามารถหาคนที่จริงใจได้ ป้าคิดหาวิธีแล้วว่ายังสามารถลบเื่ราวเก่าๆของเ้าออกไปได้ แต่ตอนนี้เ้ามีเด็กคนนี้ แม่หนูชีวิตของเ้าคงทำได้แค่อยู่กันสองคนแม่ลูกแล้ว”
สตรีคนหนึ่งไม่สามารถแต่งงานใหม่เป็ครั้งที่สองในความคิดของกวนซูเยวียน เื่นี้ช่างน่าเศร้านัก นางเสียใจกับชะตาชีวิตที่แสนขมขื่นของหลานสาวตนเองจนน้ำตาไหลออกมาเด็กสาวที่ฉลาดเพียงนี้เหตุใดโชคชะตาถึงได้ไม่ยุติธรรมกับนางเลย
“ท่านป้าท่านไม่ต้องเสียใจหรอกเ้าค่ะ เื่นี้ ข้าคิดว่าดีเสียออก ความจริงแล้วหลังจากออกมาจากจวนสกุลโจว ข้าก็ไม่คิดเื่แต่งงานอีก ยามนี้มีเด็กคนนี้เพิ่มเข้ามาข้ากลับรู้สึกว่าช่างดียิ่งนัก ไม่ว่าอย่างไร ชีวิตที่เหลือของข้าก็มีคนอยู่ด้วยแล้วลูกคือความหวังของข้า เขาไม่มีทางเป็ภาระของข้า”
มือวางอยู่บนหน้าท้องเฉินเนี้ยนหรานลูบเป็วงกลม หลังจากยอมรับได้แล้วว่ามีเด็กอยู่ในท้องนางก็ยิ่งรอคอยการเกิดมาของเด็กคนนี้
กวนซูเยวียนมองนางอย่างระมัดระวังสุดท้ายก็ค่อยๆ เช็ดน้ำตา “ป้าจะช่วยเ้าเก็บไว้เป็ความลับ ท่านหมอว่าอย่างไรบ้างเล่าให้ข้าฟังสักหน่อย”
เด็กคนนี้ไม่มีมารดาแท้ๆมาเป็ห่วง เช่นนั้นนางที่เป็ป้าจะกังวลแทนเอง
“ใกล้จะสามเดือนแล้วท่านหมอบอกว่าเด็กแข็งแรงดีมาก” เฉินเนี้ยนหรานหลีกเลี่ยงพูดเื่หนักอึ้งมาพูดเื่ดีๆแทน ไม่กล้าพูดว่าเพราะก่อนหน้านี้งานยุ่งจนเกินไปพร้อมทั้งอารมณ์พุ่งขึ้นจนเกือบจะแท้งลูก เื่พวกนี้พูดไปก็ไม่เป็ผลดีเมื่อคิดดีแล้วปิดไว้คงดีกว่า
“เช่นนั้นก็ดีจะปกปิดก็ต้องปกปิดให้ดี เพียงแต่ลำบากเ้าแล้ว เฮ้อ เด็กคนนี้...เ้าวางแผนไว้ดีแล้วใช่หรือไม่? เ้าจะเลี้ยงเขาอย่างเปิดเผยไม่ได้ หากเลี้ยงด้วยตนเองจากอำนาจของสกุลโจวแล้ว หากรู้ถึงการมีอยู่ของเด็กคนนี้ เ้าอยากขวางก็คงขวางไม่ได้อีกอย่าง หากเลี้ยงดูด้วยชื่อของเ้า เกรงว่าชื่อเสียงของเด็กคงจะไม่ดีอนาคตของเขาอาจจะมีอุปสรรค” ...ไม่ว่าเด็กจะเป็ข้าราชการก็ดี เป็พ่อค้าก็ดีหรือเป็เกษตรกรก็ตาม
หากถูกคนลือกันไปว่าเป็ลูกนอกสมรสเช่นนั้นชาตินี้ทั้งชาติชีวิตของเด็กคนนี้ก็ไม่มีทางดีขึ้นมาได้
ถูกผู้ใหญ่ทำร้ายครั้งเดียวกลับเสียหายไปทั้งชีวิต เื่นี้หากตัดสินใจไปแล้ว จะแก้ไขคงไม่ได้ ตัวเด็กก็จะถูกเื่นี้ทำร้ายไปด้วยเช่นนั้น...ไม่ว่าใครก็รู้สึกไม่ดี
“ลูก...ข้าทำได้แค่บอกว่าเด็กคนนี้เป็เด็กที่ถูกรับเลี้ยงมาเื่นี้ข้าได้วางแผนไว้แล้วเ้าค่ะ”
กวนซูเยวียนจับมือของนางเอาไว้แน่นพยักหน้าให้อย่างเ็ป “เป็เช่นนี้ก็ดี เช่นนั้น่นี้เ้าก็ระวังตัวสักหน่อยอย่าทำให้ตัวเองาเ็ ไม่ว่าอย่างไร เ้ายังมีเขาอยู่”
“เ้าค่ะข้าจะระวัง หวังว่าท่านป้าจะช่วยดูร้านของตุ๋นนี้ เื่นี้ พวกเราต้องเริ่มทำกันได้แล้วผ่านมานานเช่นนี้ ข้าจะนั่งว่างๆ ไม่ได้ หลังจากนี้อีกสามเดือนเด็กก็ถือว่าแข็งแรงแล้ว สามารถทำงานเบาๆ ได้แล้ว ข้ายังพอทำงานไหว ท่านป้าไม่คุยเื่นี้แล้ว พวกเราไปคุยเื่ที่ทำให้อารมณ์ดีกันหน่อยเถิดเข้าอำเภอครั้งนี้ พวกเราไปซื้อของ...”
ตลอดทางพูดถึงเื่แผนการในอนาคตในที่สุดรถม้าก็เดินทางมาถึงอำเภอในตอนพลบค่ำ
เนื่องจากจะต้องซื้อของกันในเขตทั้งสามคนจึงต้องจองห้องพักสองห้องเพื่อเตรียมตัวหลังจากคิดบัญชีค่าขนมไหว้พระจันทร์แล้วจะเข้าไปซื้อของภายในอำเภอต่อ ตอนเย็นกลับเรือนก็ไม่ถือว่าดึกมากนัก
ครั้งนี้เฉินเนี้ยนหรานกับกวนซูเยวียนพักด้วยกันเฉินจื่อิคิดแล้วว่าหาก้าห้องเพิ่มอีกห้อง เช่นนั้นตนจะไปพักที่ห้องพักรวมสักคืน
ว่าไปแล้วห้องพักรวมนั้นราคาถูก จ่ายแค่ห้าอีแปะก็สามารถนอนได้หนึ่งคืนอย่างโรงเตี้ยมห้องสองคนแบบที่พวกเฉินเนี้ยนหรานพักจะต้องจ่ายหกสิบอีแปะ
หากไม่ได้คำนึงถึงเฉินเนี้ยนหรานที่กำลังตั้งครรภ์เกรงว่ากวนซูเยวียนคงไปนอนที่ห้องพักรวมราคาถูกนั้นเช่นกัน
เฉินเนี้ยนหรานก็จนปัญญาสองคนนี้ไม่ว่าจะหาเงินมาได้เท่าใด พวกเขาก็ประหยัดกันมาก
เพราะเวลาค่อนข้างดึกพวกนางจึงไม่ได้ไปหาเ้าของร้านจือเว้ยไจ๋
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้วทั้งสามคนก็เดินเล่นจนไปถึงร้านขนมหวานที่ชอบ พวกนางจึงวางแผนซื้อของสักหน่อย
อำเภอสิงหยางมีเขตตลาดนัดกลางคืนไม่เพียงมีตลาดนัดกลางคืน ถึงจะเป็ร้านค้าตามถนนก็ไม่เคยปิดร้านกันเลย
หลังจากทานอาหารมื้อเย็นเสร็จคนมากมายออกจากเรือนมาเดินเล่น ดูว่ามีของใช้อะไรเหมาะๆ ควรแก่การเลือกซื้อก่อนกลับหรือไม่ค่ำคืนในอำเภอสิงหยางนั้นไม่ได้เงียบสงบเลย กลับกัน เพราะคนส่วนมากจะว่างงานตอนกลางคืนพอมืดค่ำก็จะออกมาเดินเล่นจนทำให้บรรยากาศคึกคักเป็อย่างยิ่ง
กวนซูเยวียนดึงผ้าฝ้ายมาหลายนิ้วยังมีผ้าดอกไม้ บนใบหน้ามีรอยยิ้มสนุกสนานประดับอยู่
เฉินเนี้ยนหรานทนมองต่อไปไม่ไหวจึงยิ้มหยอกเย้านาง“ท่านป้า แค่ถูกกว่าที่เขตของเราไม่เท่าไรเอง เหตุใดท่านดูมีความสุขเช่นนี้เล่าเ้าคะ”
กวนซูเยวียนหัวเราะฮ่าๆ“จะไม่มีความสุขได้อย่างไร นี่สามชุ่น [1] ก็ประหยัดได้ถึงสามหลี่หมี่[2] ข้าให้คนที่เรือนหนึ่งคนหนึ่งขนาดเช่นนั้นก็ประหยัดไปแล้วยี่สิบหลี่หมี่ ยี่สิบหลี่หมี่นี้ยังสามารถเอาไปทำชุดหลานได้อีกหนึ่งชุดนะ”
เฉินเนี้ยนหรานเงียบไปคิดอยู่นาน ว่าเหตุใดท่านป้าถึงประหยัดเงินนัก ที่แท้ก็เพื่อลูกในครรภ์ของนางนั่นเองบัญชีการเงินนี้ นางคำนวณเงินเก่งจริง
เฉินเนี้ยนหรานจึงจับมือของนางเบาๆก่อนที่พวกนางจะไปเดินซื้อของกันต่อ
ของจิปาถะในมือมากขึ้นเรื่อยๆคิดไปแล้ว กวนซูเยวียนเอาของทั้งหมดยัดเข้าไปในอ้อมกอดของเฉินจื่อินางที่ซื้อของอย่างบ้าคลั่ง จนตอนนี้ของที่ซื้อมารวมกันเป็กองใหญ่
มองไปทางเฉินจื่อิที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ด้านหลังเฉินเนี้ยนหรานก็ส่ายหน้าถอนหายใจ เพราะท่านลุงเป็บุรุษที่แสนดีถึงได้ยอมตามใจท่านป้าเช่นนี้
หากเป็คนทั่วไปในยุคสมัยนี้มีบุรุษไม่กี่คนหรอกที่จะยินดีมาถือของใช้ให้ภรรยา
สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกนับถือก็คือขอแค่กวนซูเยวียนหันไปมองท่านลุง คนถูกมองจะทำยิ้มซื่อทันทีให้ดูเหมือนว่าเขาที่ถือของเยอะเช่นนี้แต่ไม่เหนื่อยเลยจริงๆ
ในความเป็จริงแล้วจากที่เฉินเนียนหรานเห็น ขอแค่ท่านป้าหันหน้าไปทางอื่น หรือหันไปเลือกของใหม่ๆคิ้วของท่านลุงก็จะกระตุก ทำหน้าบูดหน้าบึ้ง...
รอจนกระทั่งพวกนางกลับไปหยุดอยู่ที่ร้านขนมหวานอีกร้านหน้าของเฉินจื่อิจวนจะหงิกจนบี้เข้าหากันแล้ว
เฉินเนี้ยนหรานจึงกระตุกแขนของกวนซูเยวียน“ท่านป้า พวกเราไม่ต้องซื้อของแล้วเ้าค่ะ ท่านดูท่านลุงสิของกองสูงจนจะถึงคางของเขาอยู่แล้ว”
กวนซูเยวียนที่ยังเลือกขนมอยู่หันกลับไปมองสามีก็ยิ่งส่งยิ้มอารมณ์ดีไปให้นาง
เพียงแต่รอยยิ้มนี้ในสายตาของเฉินเนี้ยนหรานกลับรู้สึกว่ามันน่าเกลียดกว่าร้องไห้เสียอีก
“สามีเ้าเหนื่อยแล้วหรือ?”
เฉินจื่อิพยายามแย้มยิ้มอารมณ์ดีพลางส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เหนื่อย ไม่เหนื่อย มารดาของลูกข้าอยากซื้ออะไรก็ซื้อเลยข้ายังมีแรงอยู่”
มุมปากของเฉินเนี้ยนหรานกระตุกสองคนนี้นี่...
ท่าทางน่าอนาถของเฉินจื่อิ เมื่ออยู่ในสายตาของท่านป้ากลับทำตัวเหมือนเขาไม่เป็อะไรเลย กวนซูเยวียนจึงตบแขนของเฉินเนี้ยนหรานอย่างภูมิใจ“ไม่ต้องห่วงลุงเ้าหรอก เขาน่ะ มีแรงเหมือนวัว สิ่งของเล็กๆ พวกนี้เขายังแบกไหวจะหนักสักเท่าไรเชียว ก็แค่ผ้านิดๆ หน่อยๆ ของกินของใช้อีกนิดเมื่อเทียบกับแบกของหนักร้อยจิน [3] แล้ว เพียงเท่านี้ถือว่าเบามาก”
เฉินจื่อิได้ยินแล้วก็อยากยื่นฟ้องร้องภรรยา...ของพวกนี้ไม่เยอะแต่มันเปลืองที่ อีกอย่างข้าถือไว้แบบนี้อยู่ตลอดแขนก็ปวดมากเข้าใจหรือไม่อีกทั้งั้แ่ทานข้าวเสร็จก็เดินอยู่ตลอด พวกเ้าเดินกันมาครึ่งชั่วยามแล้วนะหากเดินต่อไปอีก ขาข้าคงปวดเป็แน่!
แต่ภรรยาลำบากมาครึ่งชีวิตแล้วเขาที่เป็สามีไม่เคยเดินซื้อของกับนางดีๆ เลย แน่นอนครั้งนี้ก็ตั้งใจเดินซื้อของกับนางไปก่อน ครั้งหน้าตัดสินใจแน่ชัดแล้วว่าจะไม่มาซื้อของกับนางอีก
กวนซูเยวียนผู้ไม่รู้ว่าสามีตนเองได้ตัดสินใจแล้วว่าครั้งหน้าจะไม่มาเดินซื้อของกับตนอีกก็เลือกของกินเล่นไปอย่างสนุกสนาน ของหายากพวกนี้ แม้แต่ในร้านของนางยังไม่เคยมีขายมาก่อนเลย
เผื่อเอาไปฝากเพื่อนบ้านญาติและมิตรสหาย เด็กๆ พวกนั้นจะต้องชอบมากแน่นอนในตอนนั้นเองที่เฉินเนี้ยนหรานค้นพบความจริงที่น่าใดูเหมือนว่าท่านป้าจะมีความ้าในการจับจ่ายโดยธรรมชาติ พอได้ซื้อของขึ้นมานางไม่เสียดายเงินเลยสักนิด
แม้กระทั่งขนมผลไม้แห้งหรือพวกขนมเปี๊ยะใส่ไส้ของชิ้นเล็กชิ้นน้อยพวกนี้ที่มีราคาสูง แต่ท่านป้าในตอนนี้ก็ไม่ได้เสียดายเงิน ทั้งยังเลือกซื้อของทุกอย่างอีก
“ไอ๊หยาครั้งนี้จือเว้ยไจ๋ได้เงินไปเยอะจริงๆ ั้แ่ได้กินขนมไหว้พระจันทร์ของร้านพวกเขาข้าที่กินขนมไหว้พระจันทร์อื่นก็รู้สึกจืดชืดไปเสียหมด”สตรีวัยกลางคนสองคนที่ยืนเลือกขนมอยู่ด้านข้างพูดออกมาเบาๆ
อีกคนที่กำลังเลือกขนมเปี๊ยะใส่ไส้อยู่รับคำขึ้นมา“แน่นอน หลังจากกินขนมไหว้พระจันทร์นั่นข้าเองก็ไม่สนใจจะกินอย่างอื่นเลย ของพวกนี้น่ะแค่ซื้อกลับไปให้พวกหลานๆ ในเรือนกิน หากเป็ข้าเอง จะไม่ยอมกินอีกแน่ เฮ้อขนมไหว้พระจันทร์นั้นอร่อยก็อร่อยอยู่หรอก น่าเสียดายที่แพงไปเสียหน่อย”
“ถูกต้องขนมไหว้พระจันทร์สามห่อ ก็ราคาหนึ่งตำลึงไปแล้ว เฮ้อ ตอนนี้ข้าคิดๆไปแล้วก็รู้สึกเ็ปไม่น้อย แต่ตำลึงที่จ่ายไปก็คุ้มค่าอย่างไรกล่องที่บรรจุก็สวยงาม รสชาติยังดีมาก ชาตินี้ทั้งชาติของข้าไม่เคยกินขนมไหว้พระจันทร์ที่อร่อยเช่นนี้มาก่อน”
กวนซูเยวียนที่ยืนเลือกขนมอยู่ได้ยินคำพูดพวกนี้มือที่ถือขนมอยู่ก็โยนทิ้ง พุ่งไปตรงหน้าสตรีสองคนนั้น “พี่สาวทั้งสองเมื่อครู่พวกท่านพูดว่า...ขนมไหว้พระจันทร์สามห่อราคาเท่าไรนะเ้าคะ?” ์ นางไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่ ขนมไหว้พระจันทร์สามห่อก็ขายได้ราคาถึงหนึ่งตำลึง?
จะต้องรู้ว่าพวกนางขายขนมไหว้พระจันทร์ให้กับโจวอ้าวเสวียนหนึ่งห่อราคาเพียงหนึ่งร้อยยี่สิบอีแปะพอคำนวณดูแล้ว ขนมไหว้พระจันทร์สามห่อ นั่นเท่ากับว่าต้นทุนของโจวอ้าวเสวียนแค่สามร้อยหกสิบอีแปะเท่านั้น
เชิงอรรถ
[1] ชุ่น หมายถึง หน่วยวัดความยาวโดย 1 ชุ่นเท่ากับ 1 นิ้ว
[2] หลี่หมี่ หมายถึงหน่วยวัดความยาว โดย 1 หลี่หมี่เท่ากับ 1 เิเ
[3] จิน หมายถึง หน่วยวัดน้ำหนักโดย 1 จินเท่ากับ 500 กรัม