เฉินเนี้ยนหรานเงียบไม่พูดอะไร ปิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น นางก็เ็ปกับชะตาชีวิตของโจวอ้าวเสวียน
หากเป็คนปกติ จากความสามารถของเขาเกรงว่าคงจะยกเลิกงานแต่งนี้ไปนานแล้ว แต่งานแต่งที่เกี่ยวข้องกับญาติราชวงศ์ แม้เขาจะมีความสามารถเทียมฟ้าเท่าใดก็ปฏิเสธไม่ได้
หรือจะพูดว่า การแต่งงานนี้ โจวอ้าวเสวียนไม่อยากสู่ขอก็ต้องสู่ขอ
สตรีป่วยนางหนึ่ง ทั้งยังถูกหมอวินิจฉัยว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสิบหกปี คนเช่นนี้ถูกแต่งเข้ามาก็เป็เหมือนของประดับเรือน
“แต่ก่อนได้ยินมาว่าคุณชายห้าไม่เคยเดินทางไปที่เรือนสกุลหลัวเลย มีเพียงครั้งนี้ คาดไม่ถึงว่าเขา...ยังให้ความร่วมมือในการไปรับนางมา บางทีอาจจะเพราะเขายอมรับชะตาชีวิตแล้วก็เป็ได้” หลังจากกวนซูเยวียนถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก็วางเื่นี้ลง
“ท่านป้า เื่นี้ ความจริงแล้วก็เป็เื่ดีสำหรับคุณชายห้านะเ้าคะ หัวใจของเขา...ไม่ได้อยู่ในโลกนี้ แม้ข้าจะไม่ได้เข้าใจคุณชายห้ามากนัก แต่ก็สามารถมองออกว่า เขาเป็คนไร้หัวใจ ให้ความสำคัญแต่กับธุรกิจ ไม่พูดไม่ได้เลยว่า ในยุคของการทำไร่นา การค้านี้ คุณชายห้าให้ความสนใจแค่ธุรกิจเท่านั้น เป็คนที่อยู่อีกโลกจริงๆ”
“แต่ว่า จากที่เขาเห็นการต่อสู้แย่งชิงของครอบครัวใหญ่ๆ จนเคยชิน จะมีความคิดเช่นนี้ก็สมเหตุสมผล เขาอยากทำเื่ใหญ่ อยากทำธุรกิจให้ไปไกลถึงเมืองหลวง การแต่งงานกับสกุลหลัวถือเป็เื่เหมาะสมที่สุด โลกของคุณชายห้าเป็ที่ที่พวกเราไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องได้ ดังนั้นท่านป้า ท่านจะต้องทำใจปล่อยวาง อย่าเอาเขามาข้องเกี่ยวกับข้านักเลยเ้าค่ะ”
แม้กวนซูเยวียนจะรู้ถึงเหตุผลนี้ แต่ในใจของนาง ให้พูดว่าจะปล่อยวางก็วางได้เลยหรือ นางมองหน้าหลานสาวแล้วส่ายหน้าเบาๆ “อืม ป้าปวดใจแทนเ้า แต่เป็เช่นนี้ก็ดี ตัดความคิดของพวกเราไปเลยก็ดี ข้าเพียงเสียดายคุณชายห้า ผู้ชายดีๆ คนหนึ่ง แต่กลับต้องมาเกี่ยวข้องกับภรรยาที่ป่วยเช่นนี้”
เฉินเนี้ยนหรานค่อยๆจิบชาเก๊กฮวย มุมปากยกยิ้มเหยียดเล็กน้อย จากมุมมองบุรุษ แต่งงานกับสตรีอ่อนแออมโรคคนหนึ่งจะน่าเศร้าสักเพียงใดกัน เพียงแบ่งพื้นที่ในเรือนในการวางป้ายหลุมศพเท่านั้น แค่ให้สตรีมีสถานที่ตายที่ดีเท่านั้น อีกอย่างก็รับชื่อภรรยาเสียไป หลังจากฝ่ายหญิงเสียไปสามปี เขาอยากจะแต่งสตรีเข้าเรือนอีกสักกี่คน ก็เป็เื่ที่สามารถทำได้ตามสบาย
เพราะเหตุนี้ คนในเรือนสกุลโจวจึงคิดหาสาวใช้หรือสตรีเข้าไปอยู่ในเรือนเขาอยู่ตลอด อย่างไรสกุลหลัวคนนี้ก็ควบคุมเขาไม่ได้ และไม่สามารถคลอดลูกให้เขาได้ ที่สามารถตั้งความหวังไว้ได้ก็ต้องเป็สตรีอื่น
เื่แต่งงานเช่นนี้เป็เพียงธุรกิจเท่านั้น
ความเสียหายที่แท้จริงไม่มีทางมี
เพียงแต่ เข้าใจก็คือเข้าใจ แต่ในใจยังรู้สึกหงุดหงิด
เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศในรถหนักเกินไป เฉินเนี้ยนหรานก็หาหัวข้อสนทนาเรียบง่ายออกมาพูด
“เฮ้อ ครั้งนี้พวกเราทำธุรกิจขนมไหว้พระจันทร์แล้ว ต่อไปจะทำอะไรดีเล่า?” เฉินเนี้ยนหรานพูดกับตัวเองเบาๆ
กวนซูเยวียนเองก็เลิกคิ้ว ลูบคางครุ่นคิดอย่างจริงจัง “นั่นสิ พวกเราจะทำอะไรดี? ต้าหลางจะออกจากเรือนไปไกลแล้วด้วย เอ้อร์หลางตอนนี้ก็ยังเรียนดี จึงไม่ให้เขาดูร้าน เฉินจื่อิบอกว่าตอนนี้ในมือของเราก็มีเงินแล้ว จะให้พวกเขาเรียนหนังสือมากหน่อย ส่วนซานหลาง เด็กคนนี้ไม่ค่อยจะได้เื่ได้ราวเท่าไร เรียนหนังสือก็ไม่ค่อยดี พ่อเขาจึงจะให้ทำงานที่ร้าน ให้เขาดูธุรกิจเล็กน้อย ส่วนเสี่ยวซื่อ เ้าเด็กนี่ดื้อไปเสียหน่อย แต่เขายังเด็ก มองไม่ออกเลย เสี่ยวอู่อย่างเปาจื่อก็ดื้อนัก แต่มีพร์เื่การเรียนมาก”
เฉินเนี้ยนหรานมองท่านป้าสะใภ้ที่กำลังนับลูกชายอยู่ มือของนางค่อยๆ วางไปที่เอวตนเองเบาๆ ต่อไปนางจะเหมือนกับป้าสะใภ้ มานับคำนวณอนาคตของลูกๆ วันเวลาเช่นนั้น คิดไปแล้วก็น่าสนใจ
“ข้าว่าเปาจื่อมีอนาคตในเส้นทางการเรียน เช่นนั้นจะต้องสอนเขาดีๆ โถงการเรียนปีนี้ยังเป็สกุลหลัวที่เป็คนเก่งกาจหรือเ้าคะ? ตอนนี้เปาจื่อเหมาะสมกับการเริ่มเรียน ไม่ควรรั้งรอจนนานไปนัก เกรงว่าเปาจื่อจะต้องรีบหาอาจารย์ดีๆ เสียแล้วสิ”
การเรียนไม่เพียงแต่จะต้องมีพร์ดีเท่านั้น แต่จะต้องมีอาจารย์ที่ไม่เลวด้วย จุดนี้เฉินเนี้ยนหรานพบประสบการณ์นี้มากับตัว โดยเฉพาะในยุคสมัยที่ข่าวสารถูกปกปิด จะต้องหาอาจารย์ที่เก่งกาจมาสอน
“ใช่ ส่วนอาจารย์ก็หาได้ยากนัก เดิมทีการเรียนหนังสือเป็สิ่งที่ราคาสูงมาก หนึ่งปีจะต้องจ่ายสี่ตำลึง หากไปสอบเป็ขุนนางรับฉายา ถึงตอนนั้น ยังต้องมีค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอีก คนทั่วไปคงรับผิดชอบไม่ไหวหรอก และเพราะเหตุนี้ แม่ของเ้า...” เมื่อพูดถึงน้องสะใภ้ กวนซูเยวียนก็พบว่าสีหน้าของเฉินเนี้ยนหรานเปลี่ยนไป
เดิมทีนางอยากจะพูดคำพูดดีๆ ให้กับน้องสะใภ้ที่ไม่ได้เื่บ้าง แต่พอคิดถึงการกระทำทั้งหมดของน้องสะใภ้แล้ว คำพูดดีๆ พวกนั้นนางก็พูดไม่ออก
“ท่านป้า แม้ท่านจะยากจนเพียงใด จะเอาลูกสาวไปขายเพื่อขอเกียรติยศหรือไม่?” เฉินเนี้ยนหรานรินน้ำให้เต็มแก้วพร้อมเอ่ยถามออกมาเสียงเบา
“เื่นี้...ไม่มีทาง ไม่ว่าจะเป็ลูกชาย หรือลูกสาว ถึงแม้ลูกชายจะสามารถสืบทอดกิจการได้ แต่ลูกสาวก็เป็เืเนื้อที่ออกมาจากตัว” กวนซูเยวียนตอบนางด้วยความจริง
เฉินเนี้ยนหรานหลุบตาลงแล้วยิ้มเศร้า “ดังนั้น ไม่ต้องช่วยพูดอะไรให้เขาแล้วเ้าค่ะ”
คำพูดที่ออกมาเพียงแ่เบาแต่กลับทำให้ใจของกวนซูเยวียนซึ่งเป็คนฟังสั่นไหว
บางที หลานสาวที่นางเห็นว่าเป็คนแข็งแกร่ง แต่ในใจ เกรงว่าคงจะรู้สึกเ็ป คิดไปแล้วก็ใช่ ไม่ว่าอย่างไร นั่นก็เป็มารดาของนาง
นึกถึงตรงนี้ ความสงสารของนางที่มีต่อเฉินเนี้ยนหรานจึงยิ่งเพิ่มพูนขึ้น
“ใช่แล้ว เมื่อครู่พวกเราเพิ่งพูดว่าจะทำอะไร แล้วก็ออกนอกเื่ไปไกลเสียได้ แม่หนู เ้าคิดว่าต่อไปพวกเราทำอะไรกันดี? หวานเย็นคงไม่สามารถทำได้อีก ขนมไหว้พระจันทร์ก็ทำไปแล้ว อีกทั้งฤดูเก็บเกี่ยวตอน่ใบไม้ร่วงก็เสร็จหมดแล้ว เทศกาลครั้งหน้าดูเหมือนจะอีกนาน แล้วตอนนี้จะทำสิ่งใดดี?”
เื่นี้เป็เื่ที่ทำให้กังวลจริงๆ คนที่เคยชินกับการทำงานหาเงินทุกวัน จู่ๆ ไม่สามารถหาเงินได้ จึงรู้สึกแปลกพิกล
เฉินเนี้ยนหรานขมวดคิ้วครุ่นคิด ความจริงแล้ว หลายวันที่กลับไปอยู่ที่เรือน นางก็คิดอยู่ตลอดว่าจะทำเช่นไรดี
เงินที่ได้จากการขายขนมไหว้พระจันทร์ไป จะต้องได้กลับมาเป็จำนวนมาก ถึงตอนนั้นจะต้องหาคนไปดูแลที่นา พร้อมหาซื้อที่นาเพิ่มสักหน่อยก็เป็เื่ที่จำเป็ ซึ่งหากเพิ่มที่นาไปแล้วในมือจะต้องมีเงินเหลือ
ตอนนี้นางไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว แต่เป็สตรีที่ต้องดูแลครอบครัว อีกทั้งกำลังจะกลายเป็แม่คนแล้วด้วย เื่ที่จำเป็ต้องใช้เงินจึงมีมากขึ้น
ค่าใช้จ่ายของลูก ค่ากิน ค่าเสื้อผ้า คนงานในเรือน ค่าสินสอดแต่งงาน...
พอคำนวณเช่นนี้แล้ว เฉินเนี้ยนหรานจึงพบเื่น่าเศร้า ในสองปีนี้ หากนางไม่หาเงินให้มาก จะทำให้การเงินหมุนเวียนในเรือนไม่พอ
“ท่านป้า ครึ่งปีหลังพวกเราจะต้องทำธุรกิจแน่นอนเ้าค่ะ ที่ร้านยังสามารถทำช่องหน้าต่างขายอาหารตักได้หรือไม่เ้าคะ?”
“ทำช่องหน้าต่าง?” ตาของกวนซูเยวียนเปล่งประกาย “แม่หนูความหมายของเ้าก็คือจะขายอาหารตักแล้วหรือ?”
“อืม ข้าอยากทำอาหารตุ๋นออกมาขายเ้าค่ะ อย่างไรที่เรือนก็มีรถม้าแล้ว ทุกวันข้าจะทำอาหารที่เรือน แล้วให้พี่หวงบรรทุกมา พร้อมกับซื้อวัตถุดิบที่ข้า้ากลับมาด้วย ส่วนอาหารที่เอาออกไปขายข้าเองเคยคิดเอาไว้แล้ว พวกเราสามารถทำอาหารตักได้หลายอย่าง ทั้งถั่วลิสงตุ๋น ไข่พะโล้ เนื้อพะโล้ หางหมูพะโล้ ถั่วตุ๋นน้ำพะโล้ เต้าหู้พะโล้ พวกนี้”
“อา ล้วนแต่เป็พวกอาหารตุ๋นพะโล้หรือ!” ในเขตก็มีขายอาหารพวกนี้ ธุรกิจของร้านนั้นยังพอไปไหว หากร้านของพวกเขาก็ขายของพวกนี้ กวนซูเยวียนกังวลว่ามันจะล้นตลาดไปสักหน่อย
“ตอนนี้จะเป็อาหารตุ๋นพะโล้ทั้งหมด อย่าดูถูกอาหารพวกนี้นะเ้าคะ ธุรกิจเล็กๆ ก็สามารถหาเงินได้มากมายเ้าค่ะ” เฉินเนี้ยนหรานคิดถึงยุคปัจจุบัน ในชาติก่อน เพื่อนบ้านของนางเปิดธุรกิจทำของตุ๋นพะโล้ พวกเขาอดทนทำงานถึงสิบปี แค่บ้านก็มีถึงสองหลัง ร้านก็ยังมีถึงสองร้าน ธุรกิจเล็กๆ ยังหาเงินได้มากมายขนาดนั้น หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ใครจะเชื่อ?
“ข้ารู้ว่ามันจะต้องหาเงินได้แน่นอน ข้าแค่กังวลว่ามันจะล้นตลาดน่ะ” กวนซูเยวียนบอกเหตุผลของตัวเองออกมาอย่างอ้ำอึ้ง
“เื่ของล้นตลาด มันเป็เื่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เ้าค่ะ ท่านป้า ร้านของท่านขายอาหารที่เกษตรกรทุกคน้า ของเบ็ดเตล็ด นั่นก็มีคนอื่นขายเหมือนกัน พวกเราไม่สามารถพูดว่าพวกเราเปิดขึ้นมาอีกร้าน ทำธุรกิจแบบคนอื่นเขาแล้วจะล้มเลิกไม่ทำมันเลย คนอื่นเองก็ไม่มีทางล้มเลิกความคิดเปิดร้านของพวกเขาเพียงเพราะพวกเรากำลังเปิดร้านธุรกิจประเภทเดียวกัน หลักการของตลาดน่ะ มีเพียงแค่ผู้ที่เหมาะสมจะอยู่รอด ท่านป้าที่วิเคราะห์เื่อย่างชาญฉลาดของข้าเป็คนที่ลังเลั้แ่เมื่อใดกัน นี่ไม่ใช่ตัวท่านเลยนะเ้าคะ” เฉินเนี้ยนหรานมองนางยิ้มๆ ในแววตาเต็มไปด้วยความหยอกล้อ
“เื่นี้...” กวนซูเยวียนหน้าแดง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน “ความจริงแล้ว ไม่ใช่ข้าเปลี่ยนไปหรอก คือคนที่ทำธุรกิจอาหารตุ๋นน่ะ เป็...เป็ผู้มีพระคุณของข้ากับลุงเ้า”
อ๋อ ที่แท้ก็เหตุผลนี้เอง นางคงกลัวว่าเขาจะมาบอกว่านางลืมบุญคุณสินะ
“ท่านป้า เื่นี้ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ท่านก็บอกกับคนอื่นว่าแค่ช่วยขาย โดยข้าเป็คนส่งมาขายที่ร้านท่าน หากสกุลหลัวเป็คนเปิดธุรกิจนี้ เช่นนั้นเขาจะคิดว่า เื่นี้เป็สิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากเขาทะเลาะกับท่านด้วยเื่นี้ พวกเราแค่เลิกไปมาหาสู่กับพวกเขาเท่านั้นเองเ้าค่ะ ในโลกธุรกิจมันโหดร้ายเช่นนี้ เป็เหมือนสนามรบ”
กวนซูเยวียนเงียบลง เหตุผลพวกนี้นางเข้าใจ เพียงรู้สึกกลัวเท่านั้น
“ได้ เื่นี้เอาตามที่เ้าว่า ความจริงแล้วตามเหตุผลที่เ้าพูดมา เ้ากับพวกน้องห้ายังต้องใช้ชีวิต เงินก็ต้องหา อ๊ะ จริงสิ ครั้งก่อนมัวแต่ยุ่งวุ่นวายไม่ได้เรียกหมอมาตรวจเ้าเลย ข้าว่าเข้าเมืองครานี้จะต้องหาหมอมาตรวจเ้าเสียหน่อย” ความจริงเื่นี้ทำให้กวนซูเยวียนจำได้มาตลอด แต่เพราะมันเกี่ยวข้องกับหน้าตาของหลานสาว นางถึงไม่กล้าถามออกไปตรงๆ จึงยื้อเวลามานาน ถึงได้เริ่มถามเื่นี้ขึ้นมา
เฉินเนี้ยนหรานเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดความจริง “ความจริงแล้ว ข้า...ท้องจริงๆ เ้าค่ะ”
“หา...” แก้วในมือของกวนซูเยวียนร่วงหล่นลงในรถ จนเปรอะกระโปรงของนาง ทว่าในเวลานี้นางไม่สนใจที่จะเช็ด “ท้อง...ท้องจริงหรือ! เป็ไปได้อย่างไร จะทำเช่นไรดี? ไอ๊หยา คุณชายห้าต้องแต่งงาน แม่หนูเ้าจะทำเช่นไร?”
เมื่อได้ยินข่าวนี้ สติของกวนซูเยวียนก็ล่องลอย จับมือเฉินเนี้ยนหรานแน่น