คืนนี้ จ้าวอิ้งเสวี่ยมีสติตลอดตื่นทั้งคืน และมิรู้ว่าเหนียนเฉิงหยุดเคลื่อนไหวั้แ่เมื่อใด
จ้าวอิ้งเสวี่ยลืมตาขึ้นอย่างซึมกระทือ เหม่อลอยและว่างเปล่า ร่างกายราวกับจะแตกสลาย บนร่างกายนอกจากรอยแผลเป็จากไฟไหม้ รอยฟกช้ำอื่นๆ ล้วนเป็ร่องรอยที่เหลือทิ้งไว้ของบุรุษ ทุกส่วนราวกับรอยประทับตราที่ทำให้นางรู้สึกอัปยศอย่างยิ่ง
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากเหนียนเฉิงออกไป หญิงสาวผู้ซึ่งปกปิดใบหน้าได้เข้ามาอีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับเมื่อวาน นางถือชามและกรอกปากของจ้าวอิ้งเสวี่ย ไม่นานนัก จ้าวอิ้งเสวี่ยซึ่งตกอยู่ภายใต้ของฤทธิ์ยา จึงสูญเสียสติสัมปชัญญะไปอีกครั้ง
ยามที่รอนางได้สติตื่นขึ้นมา เวลาได้ล่วงเข้าค่ำคืน นางต้องมาเผชิญหน้ากับเหนียนเฉิงที่ถูกกรอกยาอีกครั้ง เป็เช่นนี้ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานกี่วัน ดวงตาของจ้าวอิ้งเสวี่ยเต็มไปด้วยความอ้างว้าง ราวกับสูญเสียจิติญญา
อีกด้านของจวนเหนียน จวนจิ้นอ๋องและจวนหนานกง ผ่านมาหลายวันแล้วยังไม่พบคนทั้งสองที่หายตัวไป แทบทุกคนต่างรู้สึกตื่นตระหนก
และเป็เช่นที่ชิวตี๋กล่าวมาทั้งหมดในวันนั้นอย่างแท้จริง แทบทุกวัน หนานกงเยวี่ยจะพาผู้คนมาโวยวายที่หอชิงยวี่ บีบคั้นให้เหนียนยวี่ส่งตัวคนออกมา ราวกับว่าการหายตัวของพวกเขาสองคน เป็แผนการของเหนียนยวี่จริงๆ ก็ไม่ปาน
วันนี้ทั้งวัน หนานกงเยวี่ยมาหาที่เรือนอีกครั้ง ทว่าเื่ราวกลับเปลี่ยนไป
วันนี้ หนานกงเยวี่ย จิ้นหวังเฟยและฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนมานั่งอยู่ในหอชิงยวี่เฉกเช่นปกติ ใบหน้ามืดมน คิดอยากจะสร้างปัญหา ทว่าเพราะฉู่ชิงอยู่ด้วย พวกนางจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวอันใด
บนห้องชั้นสอง เหนียนยวี่นั่งอยู่ด้านหน้าของหน้าต่าง ทอดสายตามองออกไป ทุกอย่างในลานบ้าน เป็ภาพมุมมองกว้างใหญ่ บางครั้งสายตาของพวกนางและหนานกงเยวี่ยก็มองขึ้นมาอย่างกังวลและดุร้าย ราวกับว่าแทบอยากจะขึ้นมาชั้นสองเพื่อจับตัวเหนียนยวี่นางไปสอบปากคำ
“คุณหนู คุณหนูดูพวกนางสิเ้าคะ การหายตัวไปของท่านหญิงอิ้งเสวี่ยไม่เกี่ยวอะไรกับคุณหนูแม้แต่น้อยเลย พวกนางทำเยี่ยงนี้ ก็เป็การยืนยันชัดเจนว่าเื่นี้ คุณหนูเป็ทำทั้งหมด ช่างน่ารังเกียจเสียจริง!” ชิวตี๋ยกขนมของว่างเข้ามา จิตใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจ วันนี้หากท่านแม่ทัพหลวงไม่มา เกรงว่าพวกนางจะต้องขึ้นมาเอะอะเป็แน่
เหนียนยวี่เลิกคิ้ว ทว่ากลับไม่กล่าวอันใด
เวลานานเยี่ยงนี้แล้ว ยังไม่เจอตัวท่านหญิงอิ้งเสวี่ยอีก ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วสถานการณ์จะเป็เช่นไรกันแน่
“ฮูหยิน... ฮูหยิน เจอแล้ว... เจอแล้วเ้าค่ะ...”
ระหว่างที่เหนียนยวี่กำลังครุ่นคิด มีเสียงร้องะโของดังเข้ามาจากนอกลาน ในไม่ช้า สาวใช้คนหนึ่งก็รีบเร่งเข้ามา บุคคลที่นั่งอยู่ในลาน เมื่อได้ยินคำว่า ‘“เจอแล้ว’” พลันลุกพรวดออกไปรับสาวใช้คนนั้น
“เจออันใด? เจอคุณชายใหญ่แล้วหรือ?” หนานกงเยวี่ยเอ่ยถามเป็คนแรก ดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง
“เ้าค่ะ เจอตัวคุณชายใหญ่แล้วเ้าค่ะ...” สาวใช้หายใจหอบ ทันทีที่เอ่ยจบ จิ้นหวังเฟยพลันพุ่งเข้ามาและคว้ามือของสาวใช้ “อิ้งเสวี่ยเล่า?”
สาวใช้เหลือบมองจิ้นหวังเฟย ทว่าสายตากลับฉายแววซับซ้อนเล็กน้อย “ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยเองก็เจอตัวแล้วเช่นกันเ้าค่ะ”
แต่สภาพของท่านหญิงอิ้งเสวี่ย... สาวใช้กลับไม่กล้าพูดออกมา
จิ้นหวังเฟยจมอยู่ในความปีิติยินดีจากข่าวนี้ จึงไม่ได้สำรวจอันใดมากนัก หัวใจที่แบกรับค้างเติ่งมาหลายวัน ในที่สุดจึงปล่อยวางลงมาเล็กน้อย “ดี เจอตัวแล้วก็ดี อิ้งเสวี่ยของแม่... ไม่เป็อันใดก็ดี ไม่เป็อันใดก็ดีแล้ว”
ไม่เป็อันใดหรือ?
หนานกงเยวี่ยซึ่งอยู่ด้านข้าง ดวงตาโหดร้ายพาดผ่านประกายเย็นเยียบ และเลือนหายไปในชั่วพริบตา
"ตัวคนเล่า? พวกเขาเล่า?" ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเอ่ยปากถาม คำถามนี้ของนาง หนานกงเยวี่ยกับจิ้นหวังเฟยดูเหมือนจะได้สติรู้ตัวขึ้นมาพร้อมกัน
“"ใช่ คนเล่า?” จิตใจของจิ้นหวังเฟยเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น นางแทบทนรอไม่ไหว อยากจะเห็นจ้าวอิ้งเสวี่ย เพื่อให้แน่ใจว่านางปลอดภัยดี
“รายงานฮูหยินผู้เฒ่าและจิ้นหวังเฟยเ้าค่ะ มีคนเจอคุณชายใหญ่กับท่านหญิงอิ้งเสวี่ยอยู่ด้านนอกวัดร้างเ้าค่ะ พ่อบ้านให้คนไปรับตัวพวกเขากลับมาแล้ว สาวใช้ผิงเอ๋อร์เองก็อยู่ด้วยเช่นกัน บ่าว... บ่าวแค่กลับมารายงานให้นายหญิงให้รู้ก่อนเ้าค่ะ พ่อบ้านบอกว่า นายหญิงทุกท่านมิจำเป็ต้องกังวล โปรดขอจงรออยู่ที่จวน ไม่ช้าคุณชายใหญ่กับท่านหญิงก็มาถึงแล้วเ้าค่ะ” สาวใช้รีบตอบ เพื่อปลอบประโลมเหล่านายหญิง
“"ดี ดี...” จิ้นหวังเฟยพึมพำ ดวงตาเป็ประกาย ให้รองั้นหรือ?
ในใจของจิ้นหวังเฟยมีแต่เื่ของจ้าวอิ้งเสวี่ย หัวใจเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ข้าจะรอได้ที่ไหนเล่า?
นางไม่สนผู้คนรอบข้าง รีบเร่งออกไปจากหอชิงยวี่โดยไม่ถามผู้ใด
จิ้นหวังเฟยจากไป หนานกงเยวี่ยและฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเองก็ไม่ได้รั้งรออยู่นาน ชั่วขณะหนึ่ง ผู้คนซึ่งเดิมทีมาเยือนหอชิงยวี่ พลันรีบเร่งออกไป ทว่าเหนียนยวี่กลับขมวดคิ้วแน่น เมื่อได้ยินข่าวว่าเจอตัวเหนียนเฉิงกับจ้าวอิ้งเสวี่ยแล้ว
“เช่นนี้ก็ดี เจอตัวคนแล้ว พวกเขาคงจะไม่มาปัดความผิดให้พวกเราอีก” ชิวตี๋ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ยามนี้ รอให้ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยกลับมา ถามดูก็รู้เื่ราวแล้วว่าเกิดอันใดขึ้น เช่นนี้ ความสงสัยในตัวพวกเราก็จะมลายหายไป”
ฉู่ชิงซึ่งอยู่ด้านข้าง กลับเหลือบมองเหนียนยวี่ เห็นคิ้วที่ขมวดคิ้วมุ่นของนาง มือที่ถือถ้วยชาจคงชะงักเล็กน้อย “ยวี่เอ๋อร์กำลังคิดอันใดอยู่หรือ?”
ดูเหมือนเหนียนยวี่ไม่คิดว่า ฉู่ชิงจะเอ่ยถามตรงไปตรงมาเยี่ยงนี้ เหนียนยวี่อึ้งไปชั่วขณะ สบตาฉู่ชิงอย่างไม่ปิดบัง “ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดถึงมักจะรู้สึกว่าเื่นี้ดูแปลกๆ เหมือน... มีบางอย่างที่คิดไม่ออก”
ไม่เพียงแค่นั้น จิตใจเองก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
คิ้วเข้มหนาของฉู่ชิงขมวดมุ่นเล็กน้อย แม้แต่นางเองก็คิดไม่ออกหรือ?
“จะไม่มีผู้ใดทำร้ายเ้าได้”
ผ่านไปครู่ใหญ่ ฉู่ชิงเอ่ยปาก ความหมายไม่ชัดเจน ราวกับกำลังสัญญากับเหนียนยวี่ ทั้งยังดูเหมือนกำลังพึมพำกับตัวเอง
เหนียนยวี่ซึ่งกำลังฟัง ในใจพลันใไปครู่หนึ่ง นางหวนนึกถึงต่างหูหยกขาวที่ฉู่ชิงมอบให้เมื่อวันนั้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว หัวใจพลันเต้นผิดจังหวะอย่างอธิบายไม่ถูก ทว่าเหนียนยวี่กลับระงับความคิดนั้นอย่างรวดเร็ว “่นี้ต้อง รบกวนท่านแม่ทัพหลวงนัก หอชิงยวี่ของข้าถึงได้สงบสุขเยี่ยงนี้ วันนี้ บางทีเื่ราวน่าจะเรียบร้อยไประดับเปลาะหนึ่งแล้ว คงก็ไม่ต้องรบกวนเวลาของท่านแม่ทัพหลวง...”
"นี่เ้า... กำลังไล่แขกหรือ?" ฉู่ชิงเลิกคิ้ว หันไปมองเหนียนยวี่
“ฮ่า ฮ่าๆ เหนียนยวี่ไม่กล้า” เหนียนยวี่ฉีกยิ้มมุมปาก ต่อหน้าท่านแม่ทัพหลวง การเอ่ยไล่แขกของนางดูจะชัดเจนเกินไปหน่อย
ไม่กล้าหรือ?
ฉู่ชิงจ้องมองเหนียนยวี่ ราวกับเห็นดอกไม้ขึ้นมาบนใบหน้าของเหนียนยวี่
เหนียนยวี่ถูกจ้องมองด้วยสายตานั้น แม้แต่นางเองก็รู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม สายตาเป็ประกาย เผยความอึดอัดเล็กน้อย ฉู่ชิงซึ่งกำลังจ้องมอง บนใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หน้ากากสีเงิน มุมปากค่อยๆ ผุดรอยยิ้มเล็กน้อย
“ใส่ใจความปลอดภัยของตัวเองด้วย มีเื่อันใดก็ส่งคนให้มาหาข้าโดยตรง”
ฉู่ชิงไม่ทำให้นางลำบากใจอีกต่อไป เขาลุกขึ้น เสียงกล่าวชัดเจนดังก้องทั่วห้องอย่างนุ่มนวลและเสนาะหู พลางเหลือบมองเหนียนยวี่อย่างลึกซึ้ง จากนั้นจึงค่อยออกจากห้องไป
ฉู่ชิงจากไป ความคิดของเหนียนยวี่ประเดี๋ยวเดียวจึงถูกข่าวที่สาวใช้คนนั้นนำกลับมารายงานเข้า
เื่ราวน่าจะเรียบร้อยไประดับเปลาะหนึ่งแล้วงั้นหรือ?
มิรู้เพราะเหตุใด เหนียนยวี่กลับรู้สึกว่า เื่นี้ดูเหมือนจะเป็เพียงจุดเริ่มต้น
ณ จวนเหนียน
หลังจากได้ยินข่าวการเจอตัวคุณชายใหญ่กับท่านหญิงอิ้งเสวี่ยแล้ว หลายคนผู้คนจึงรีบติดตามจิ้นหวังเฟยกับหนานกงเยวี่ยออกจากจวน
นอกประตูจวน รถม้าหลายคันเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว จิ้นหวังเฟย หนานกงเยวี่ย และแม้แต่จิ้นอ๋องรวมถึงเหนียนเย่าที่เพิ่งมาถึง ต่างก็เตรียมมารับพวกเขาสองคนกลับจวน
ทว่ายังไม่ทันได้ขึ้นรถม้า กลับเกิดความโกลาหลตรงหัวมุมถนนข้างหน้า ในไม่ช้า รถม้าสองคันปรากฏออกมาท่ามกลางสายตาของผู้คน บนรถม้ามีคำว่า ‘“เหนียน’” สะดุดสายตาออกมาอย่างน่าประหลาดใจ
“นั่นมันรถม้าจวนของเรา กลับมาแล้ว... กลับมาแล้ว จะต้องเป็พวกเขาที่พาคุณชายใหญ่กับท่านหญิงอิ้งเสวี่ยกลับมาแน่” ที่ณ ประตูจวนเหนียน ครั้นเห็นรถม้าเคลื่อนเข้ามา หนึ่งในนั้นจึงกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น