“ติ๊ง!”
ทั้งคู่ชนแก้วกันเบาๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มผ่อนคลายโดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ
สวี่หวั่นชิงจิบไวน์แล้ววางแก้วลง จากนั้นเดินไปที่หน้าเปียโน นิ้วเรียวยาวไล่คีย์เปียโน เสียงกังวานใสแ่พลิ้ว
มู่หยิบขวดเจียระไนขนาดนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาเขย่าเบาๆ น้ำยาสีฟ้าข้างในสีชวนเคลิบเคลิ้ม ส่องประกายสวยงามหากแฝงความชั่วร้าย
มันคือน้ำยาสูตรใหม่ สามารถกระตุ้นพลังส่วนลึกที่ซ่อนอยู่ของมนุษย์พิเศษออกมา ยามรีดเค้นพลังทรมานแสนสาหัส หากประสิทธิภาพสูงส่ง
แววตาเขาอ่อนโยน เหมือนกับกำลังชื่นชมอัญมณีล้ำค่า นั่งเล่นพลางรอคอยผลการต่อสู้
“ทุกอย่างกำหนดไว้แล้ว” เขาเอ่ยเบาๆ
ในป่า ท่ามกลางมนุษย์พิเศษทั้งสิบสามคน มีสี่คนล้มลงไปแล้ว ตายคาที่ ทั้งปากทั้งจมูกเต็มไปด้วยเื
สภาพจิตใจของพวกเขาปั่นป่วนั้แ่แรกอยู่แล้ว พอโดนโจมตีซ้ำด้วยเสียงโคกัมปนาท ก็ยิ่งปั่นป่วนจนเกินขีดจำกัด ไม่อาจทนทานได้
“อ๊ากกก...”
มนุษย์พิเศษคนอื่นๆ ต่างร้องครวญคราง เ็ปสุดพรรณนา ใบหน้าบิดเบี้ยวรุนแรง บางคนกุมศีรษะกลิ้งเกลือกอยู่กับพื้นอย่างสุดจะทานทน
มนุษย์พิเศษบางคนถึงกับวิ่งเอาศีรษะชนต้นไม้ ชนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนต้นไม้ใหญ่หนาหักสะบั้น ใบไม้ร่วงหล่นเกลื่อนกลาด
น้ำยาสีฟ้ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง ประสิทธิภาพของมันยอดเยี่ยม ให้พละกำลังอันแข็งแกร่งกับพวกเขา ทว่า ผลที่ออกมาในตอนนี้น่าสยดสยองยิ่งกว่า
มนุษย์พิเศษทั้งสิบสามคนล้วนแล้วแต่เป็ยอดฝีมือ แต่กลับตายไปถึงสี่คนในชั่วพริบตา แค่เพียงการโจมตีจิตใจเพียงครั้งเดียวจากคนที่ไม่ใช่มนุษย์พิเศษ ก็ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงถึงเพียงนี้
“นี่มันหยาดเหงื่อของฉัน ยังปรับปรุงได้อีก ต้องมีทางพัฒนาได้อีกเซ่” ห่างออกไปนักเคมีสูงวัยทรุดลงไปกองกับพื้น ปากเต็มไปด้วยฟองเื เอาแต่พึมพำไม่หยุด
เขาไม่ได้ดื่มน้ำยานั่น สภาพจิตใจปั่นป่วนก็เป็เื่ปรกติ แต่เพราะเขาเป็แค่คนธรรมดา เสียงคำรามจากฉู่เฟิงก็ทำให้เขาาเ็สาหัส
“เฮ้.....” ทันใดนั้น มนุษย์พิเศษคนหนึ่งพุ่งตัวมาข้างหน้า ร่างกายใหญ่โตสูงถึงสามเมตร มุมปากยังมีเืไหลริน แววตาแตกซ่าน
สภาพจิตใจที่ถูกทำลายยับเยินทำให้การรับรู้ของเขามีปัญหา สมองได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง จนสะเปะสะปะไปทั่ว
ปึก!
มนุษย์พิเศษคนนี้ตะกายเข้าหานักเคมี จากนั้นดึงทึ้ง ฉีกกระชากร่างทั้งเป็ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน ภาพตรงหน้าน่าสยดสยอง เืสดๆ ไหลนอง
ฉู่เฟิงไม่หันไปมอง ถึงเมื่อกี้เขาจะลงมืออย่างเืเย็นหากก็ยังไม่ป่าเถื่อนอย่างนี้ มนุษย์พิเศษพวกนี้บ้าคลั่งไปหมดแล้ว เป็ความเหี้ยมโหดน่าหวาดหวั่นที่ทำให้ผู้คนขนพองสยองเกล้า
มนุษย์พิเศษอีกหลายคนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้น ตะคอกใส่กัน จากนั้นเปิดฉากตะลุมบอน หากไร้ซึ่งหลักเกณฑ์ใดๆ มันคือสัญชาตญาณสัตว์ป่าล้วนๆ
ฉู่เฟิงก้าวยาวๆ เข้าหาอย่างไม่ลังเล ในมือถือกระบี่ฟาดฟัน เืสาดกระจาย ณ ตรงนั้นหลายชีวิตปลิดปลิว ซากศพเกลื่อนกลาด
หากมนุษย์พิเศษที่บ้าคลั่งพวกนี้หลุดออกไปจากป่า ย่อมก่อความเดือดร้อนใหญ่หลวง ทำร้ายผู้คนในตัวเมืองอย่างแน่นอน
ในตอนนั้น ฉู่เฟิงเองก็ไม่อยากละเว้นพวกมันด้วย ก็ในเมื่อมาดักฆ่าเขาถึงที่ ก็ไม่ต้องพูดอะไรกันแล้ว ทำสิ่งใดลงไป ย่อมได้สิ่งนั้นตอบแทน
นอกจากนี้ ในฐานะที่เป็มนุษย์พิเศษ พวกเขาน่าจะคิดได้ ว่าการคิดร้ายเอาชีวิตผู้คน ย่อมต้องมีสักวันที่มีคนตามมาคิดชีวิตพวกเขาเช่นกัน
ฉึก ฉึก ฉึก...
ฉู่เฟิงลงกระบี่อย่างไม่ออมมือ กระบี่สั้นสีดำคมกริบดุจสายฟ้า วาดไปถึงที่ใด ศีรษะก็หลุดร่วงที่นั่น
ชั่วพริบตา มนุษย์พิเศษหกเจ็ดคนก็กลายเป็ซากศพ
ถึงแม้โทสะจะคลายลงจากการสังหารมนุษย์พิเศษไปหลายคนแล้ว เขายังคงเดินหน้าปาดกระบี่ต่อ ในเมื่อลงมือแล้วก็ต้องขุดรากถอนโคน อย่าได้ทิ้งอะไรไว้ให้เกิดปัญหาในภายหลัง
“แกมันเหี้ยมโหด!”
มนุษย์พิเศษคนหนึ่งเบิกตากว้าง ถึงแม้แววตายังเลื่อนลอย หากยังพอมีสติกลับคืนมาอยู่บ้าง เขาแตกตื่น หวาดกลัวสุดขีด
“แล้วโหดเกินหน้าเกินตาแกไหมล่ะ? เรียกคนมาเป็ฝูงเพื่อจะฆ่าฉัน ไหนจะอาวุธปืนพวกนี้อีก หากเป็คนอื่นคงตายไปนานแล้ว” ฉู่เฟิงตอบอย่างเ็า
“แกตาย!”
มนุษย์พิเศษคนนั้นกู่ร้อง แม้แววตาจะยังเลื่อนลอย หากเบิกกว้าง อารมณ์ะเิ พุ่งทะยานเข้าหาฉู่เฟิง หมายเอาชีวิตเขา
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักตัวกลัวตาย หากเขารู้ว่า ถ้าไม่ตอบโต้ ก็ต้องตายอยู่ดี จึงได้แต่เสี่ยงชีวิตเข้าสู้ แลกกับโอกาสอันน้อยนิด
วินาทีนั้น ร่างทั้งร่างของเขาเปลี่ยนเป็หิน หากการเคลื่อนไหวกลับไม่เชื่องช้าแม้แต่นิดเดียว เสียงตึงดังขึ้น ทุกย่างก้าวทำให้แผ่นดินสั่นะเื น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง หมอกสีน้ำตาลทองห่อหุ้มหมัดที่เหวี่ยงทุ่มเข้าใส่
ทุกแห่งที่เขาเดินผ่าน สรรพสิ่งล้วนกลายเป็ก้อนหิน
ฉู่เฟิงลอบใ เขาเฝ้าระวังมนุษย์พิเศษผู้นี้อยู่แล้ว ในตอนแรกร่างกายเขาเปลี่ยนไปแค่ครึ่งกายเนื้อครึ่งก้อนหิน แต่ตอนนี้ผิวกายทั่วร่างเปลี่ยนเป็ก้อนหินหมดแล้ว
ชิ้ง!
ฉู่เฟิงชักกระบี่สั้นออกมา เป็เพราะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดี จึงไม่คิดใช้เงาหมัดด้วยเกรงว่าจะถูกทำให้กลายเป็มนุษย์หินติดแหงกอยู่ตรงนั้น
เงากระบี่สีดำตวัดผ่านฝ่ามือของมนุษย์หิน เืสดๆ ไหลริน ทว่าเกิดหมอกสีเหลืองพุ่งมาทางฉู่เฟิง
สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย รวมพลังทั้งหมด ใช้หมัดปีศาจวัว ร่างกายเปลี่ยนเป็ขาวใสในพริบตา เมื่อปะทะกับหมอกสีเหลือง เขาแค่รู้สึกแขนชา แต่เมื่อเขาออกแรงสะบัด ิัก็ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด
การทำให้กลายเป็หิน ถูกเขาป้องกันได้ในที่สุด
เขารู้สึกได้ว่า ตอนที่สะบัดหมัดปีศาจวัว มีพลังลึกลับสายหนึ่งเคลือบคลุมร่างเขาไว้ กางกั้นหมอกสีเหลืองไม่ให้ทำร้ายเขาได้
ในใจฉู่เฟิงคิดไว้แต่แรกแล้ว ต่อให้ไม่ได้เคืองแค้นอะไร ก็ต้องกำจัดให้สิ้นซาก
ตึง!
ฉู่เฟิงปล่อยหมัดอีกชุด กระแทกรัวๆ ใส่กลางอกของมนุษย์พิเศษคนนั้นจนตัวลอย ในกลางอากาศเสียงบางอย่างแตกหักพลันดังขึ้น
กึก!
มนุษย์หินร่างกายแตกสลาย กระจัดกระจายกลางอากาศแล้วร่วงลงยังพื้นดิน บางชิ้นเป็ก้อนหิน บางชิ้นเป็เืเนื้อ
ช่างแปลกประหลาดอย่างยิ่ง
กระนั้น มนุษย์หินก็สิ้นชีพไปแล้ว!
“แม่งเอ๊ย หมัดเดียวก็จบ!” ฉู่เฟิงเอ่ยเรียบๆ
ยังเหลือคนสุดท้ายอีกคน ซึ่งเป็คนที่ฉู่เฟิงรู้สึกว่าอันตรายอย่างมาก มนุษย์พิเศษที่ยืนอยู่บนลาวา ตอนนี้ เขากุมศีรษะ นั่งพิงต้นไม้ใหญ่อยู่
คนผู้นี้แข็งแกร่งเป็พิเศษ ถึงแม้จะถูกเสียงสะท้อนเข้าไป จนสภาพจิตใจแทบพังทลายยับเยิน หากยังคุมสติรับรู้ได้อยู่ ดวงตาแดงฉาน จ้องเขม็งที่ฉู่เฟิง
“ตายหมดแล้ว มือเปื้อนเื เหยียบย่ำบนซากศพของเหล่ามนุษย์พิเศษ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนธรรมดาที่คิดไว้ ก็คือยอดฝีมือคนนั้นนั่นเอง”
เขารู้จักฉู่เฟิง ความที่เขาเป็หัวหน้าของทีมมนุษย์พิเศษ จึงเคยเห็นรูปฉู่เฟิงมาก่อน รู้ถึงเงื่อนงำที่ซ่อนเร้นไว้ด้วยซ้ำ
“เข้ามาเลย” ฉู่เฟิงบอก น้ำเสียงไม่ดังนักหากทรงพลัง
โครม!
มนุษย์พิเศษคนนั้นปลดปล่อยเปลวไฟร้อนแรงทั่วร่าง แสงไฟแดงเดือด พวยพุ่งสูงขึ้นไปสิบกว่าเมตร ไม้ใหญ่โดยรอบถูกเผาไหม้เป็เถ้าถ่าน
เขาไม่อยากงอมืองอเท้ารอความตาย แหงนหน้ากู่ร้องก้องฟ้า กระตุ้นพลังครั้งสุดท้าย แล้วทะยานเข้าหาฉู่เฟิง หมัดพุ่งออกไปพร้อมลาวาร้อนแรง
ดินหินบนพื้นถูกเขาหลอมละลายทันทีที่กำปั้นะเิออกไป เป็ภาพอันน่าหวาดกลัว
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง เป็ยอดฝีมือของยอดฝีมือ ในสถานการณ์ปรกติ ย่อมไม่มีผู้ใดต้านทาน
ทว่า ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพทุลักทุเลอย่างยิ่ง ปวดศีรษะรุนแรง อีกอย่าง หลังจากที่พลังเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า กลับลดลงอย่างฮวบฮาบ ไม่ส่งผลอะไรเลยแม้แต่น้อย
ฉู่เฟิงผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง จึงเริ่มมีประสบการณ์ เงาหมัดพุ่งออกไปด้วยพละกำลังมหาศาล วัวั์สีดำปรากฏขึ้น ทะยานออกไปพร้อมกับหมัดของเขา
โครม!
ป่าถูกทลายจนราบเป็หน้ากลอง พวกต้นไม้โบราณหักโค่น พื้นที่ตรงนี้เหมือนกับะเิลง!
ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะการปะทะของคนทั้งสอง
“อั่ก!”
ในเปลวเพลิง กลางบ่อลาวา มนุษย์พิเศษคนนั้นกระอักเื กุมศีรษะ เขาปวดหัวสุดประมาณ เสียงร้องคำรามของวัวั์ แทรกะเืจนเืทะลักออกมาจากทวารทั้งเจ็ด
หมัดของฉู่เฟิงเมื่อรวมพลังจนสร้างวัวั์ร่างเทพสูงสุดแล้ว พละกำลังมหาศาล ทะลุทะลวงผ่านเปลวเพลิงและลาวา พุ่งเข้าซัดใส่กลางอกของมนุษย์พิเศษ
“เพราะน้ำยาสูตรใหม่นั่นทีเดียว!” มนุษย์พิเศษคร่ำครวญ สองตาแดงดั่งเื ใบหน้าบิดเบี้ยว ความรู้สึกไม่ยอมแพ้รุนแรง แม้แต่พลังธรรมดาเขายังไม่สามารถดึงออกมาใช้ได้
ที่จริงเขาแลดูบึกบึนกำยำ หากนั่นเป็เพียงโครงร่างอันว่างเปล่า!
ทันใดนั้น ฉู่เฟิงรู้สึกถึงอันตราย พลันแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธบินวนกลับมาแล้ว
เขาหลบซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้ นักบินเองก็โดนผลกระทบจากการโจมตีของคลื่นเสียงอันน่ากลัวนั้น จึงรีบผละออกห่าง สติสัมปชัญญะกระเจิดกระเจิงจนเครื่องเกือบร่วงตก
เขาบังคับเครื่องบินออกห่าง เป็นานจึงวนกลับมา เพียงเพื่อจะโดนโจมตีอีกรอบ
โครม!
เสียงะเิดังสนั่นป่า ะุปืนอาร์พีจีร่วงใส่พื้นที่บริเวณนั้น
หัวหน้าทีมมนุษย์พิเศษเองก็ถูกแรงะเิและเศษหินกระแทกใส่จนตัวลอย ตอนนั้นเอง เขารู้สึกลำคอเย็นวาบ จากนั้นเห็นมือคู่หนึ่ง
ฉู่เฟิงยกกระบี่สั้นขึ้น แล้วฟันลง เงาดำสายหนึ่งวาดผ่านอากาศ เสียงฉึกดังขึ้นตรงศีรษะของมนุษย์พิเศษ แล้วลอยหวือไปไกล
ั์ตาหัวหน้าทีมมนุษย์พิเศษฉายแววสิ้นหวังและพรั่นพรึงไปพร้อมกัน คู่มือคนนี้น่ากลัวเกินไป กลางแรงะเิ ยังกล้าแฝงตัวเข้าใกล้เพื่อจะเก็บชีวิตเขา
ฉู่เฟิงฉากตัวออกห่างรวดเร็ว หลบเข้าป่าลึก ท่าทางสบายๆ สงบเยือกเย็น
ไม่นานนัก เขาก็พบฐานบัญชาการ ข้างในมีอยู่ไม่กี่คน ล้วนแล้วแต่พกอาวุธปืนทุกรูปแบบ ฉู่เฟิงแฝงตัวเข้าไป เขาลงมืออย่างเืเย็น ท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของคนพวกนั้น
นาทีต่อมา เขาได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธ จึงแบกอาร์พีจีกระบอกหนึ่ง เดินออกไปโต้งๆ แล้วยิงขึ้นฟ้า
ตูม!
กลางอากาศ แสงไฟพุ่งเข้าหา เฮลิคอปเตอร์ะเิรุนแรงไม่มีชิ้นดี
อำเภอเมือง ในคฤหาสน์
เสียงเปียโนเรื่อยไหลดั่งสายน้ำ พลิ้วไหวดุจผีเสื้อ จังหวะดนตรีเปี่ยมไปด้วยจิติญญา ตัวโน้ตทุกตัวมีชีวิตชีวา เป็เสียงที่ออกมาจากนิ้วเรียวขาวที่ดีดพลิ้วบนคีย์
เสียงนี้แสดงถึงอารมณ์ของสวี่หวั่นชิง เธออารมณ์ดีอย่างถึงที่สุด
เมื่อเสียงเปียโนหยุดลง เธอลุกขึ้นแล้วหันไปทางมู่ ยิ้มพลางถาม “รู้ผลหรือยัง?”
“ใกล้แล้ว ไม่น่าจะมีภาคต่อนะ” มู่ยิ้มน้อยๆ เขารู้ดีว่าผลลัพธ์มันถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
ตอนนี้เอง เสียงเครื่องมือสื่อสารดังขึ้น คนในห้องทั้งสองคนยิ้มให้กัน
“ตายแล้วครับ... ทุกคน... ตายเกลี้ยงเลย!” เสียงหอบหายใจหนักๆ ดังมาจากอีกฟากของเครื่องมือสื่อสาร น้ำเสียงของคนผู้นั้นกระหืดกระหอบ หวาดกลัวสุดชีวิต
“แกว่าไงนะ?” มู่กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันควัน
“มนุษย์พิเศษทั้งหมดถูกฆ่าไม่เหลือ มัน...เหมือนกับ...ปีศาจ!” อีกฟากพูดด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น เขารอดชีวิตมาได้ แต่ก็ใแทบตาย
“พูดให้ชัดซิ เื่มันยังไง?!” มูหน้าเปลี่ยนสี ตะคอกใส่คนผู้นั้น บอกให้เขาเล่าเื่โดยละเอียด
“อย่า...อ๊าก!” นั่นเป็เสียงสุดท้ายที่ได้ยิน แสดงถึงความหวาดกลัว คำพูดตัดจบลงแค่นั้น จากนั้นก็ไม่ได้ยินอะไรอีก
ในป่า ฉู่เฟิงหยิบเครื่องมือสื่อสารของคนผู้นั้นขึ้นมาฟัง ทว่าปลายสายก็ไม่มีเสียงอะไร เป็ความเงียบอย่างยิ่ง เป็การเผชิญหน้าอย่างไร้คำพูด
เขาไม่พูดอะไร ก็ยืนฟังมันอยู่อย่างนี้แหละ
สุดท้าย อีกฝ่ายก็วางสายไป
ฉู่เฟิงมุดเข้าป่าลึกอีกครั้ง ขุดคุ้ยไม่หยุด แล้วจัดการเก็บพวกที่ถืออาวุธหนักไปอีกหลายชุด เป็การจัดการลบร่องรอยของตัวเองที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ป่าก็เงียบสงบลงเสียที
ฉู่เฟิงเช็ดคราบเืบนกระบี่สั้นสีดำ เสียบกลับเข้าไปในรองเท้าบูต เดินย่ำใบไม้ร่วง เดินผ่านป่าเขา เข้าสู่ตัวเมือง!