จางเฉียวตายแล้ว
เหนื่อยตายตอนกลางดึก
เธอไม่รู้หรอกว่า คนอื่นตายแล้วเป็อย่างไร แต่ในขณะที่ิญญาของเธอกลับสู่แดนประจิม เหมือนว่าจะมีวังน้ำวนขนาดใหญ่ดูดกลืนเธอเข้าไปในนั้น หนีก็ไม่พ้น ดิ้นก็ไม่หลุด
เพียงชั่วพริบตาเดียว เธอก็มาถึงสถานที่อีกแห่งหนึ่งแล้ว
ที่นี่ไม่ใช่ยมโลก แต่เป็สถานที่ที่มีหญิงรับใช้าุโและสาวใช้แต่งชุดโบราณอยู่ยั้วเยี้ยไปหมด
และมีคนกำลังจะคลอดบุตร
จางเฉียวยังเป็นักศึกษา เธอไม่เคยพบเห็นสถานการณ์เช่นนี้กับตามาก่อน จึงรู้สึกกลัวอยู่บ้างเล็กน้อย ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครสามารถมองเห็นตนเองได้ แต่เธอก็ยังคงเลือกยืนในจุดที่ไกลที่สุดของห้อง แล้วมองผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงจากระยะไกล
สตรีคนนั้นอายุยังไม่มาก เรือนผมของนางยุ่งเหยิง เส้นผมชุ่มเหงื่อแนบลู่ลงมาติดกับดวงหน้า สีหน้าขาวซีดแลดูหมองคล้ำ สายตาที่เลื่อนลอยกับริมฝีปากไร้สีเืของนางแสดงให้เห็นว่านางอาการไม่ดีแล้ว
อุณหภูมิภายในห้องค่อนข้างสูง ไม่เพียงแต่หญิงที่ใกล้คลอด คนอื่นๆ ต่างก็เหงื่อโซมกาย จางเฉียวเห็นเืกะละมังแล้วกะละมังเล่า ก็คล้ายว่าได้กลิ่นคาวเืไปด้วย
สติสัมปชัญญะของสตรีใกล้คลอดรางเลือนไม่แจ่มชัด ร่างกายก็อ่อนแรงทรุดโทรมอย่างหนัก
หญิงรับใช้าุโที่ปรนนิบัติข้างกายคอยะโกรอกหูนางตลอดเวลา "ไท่ไท่สาม [1] แข็งใจไว้นะเ้าคะ หากท่านไม่สู้ แล้วเด็กจะทำอย่างไร ท่านลืมไปแล้วหรือ ครรภ์นี้ของท่านเป็แฝดัหงส์ นี่เป็เื่ที่น่ายินดีมากนะเ้าคะ"
ส่วนหญิงรับใช้าุโอีกคนซึ่งคอยเช็ดเหงื่อให้นางไม่ขาดกลับหวั่นวิตกยิ่งกว่า นางพูดต่อทันที "ไท่ไท่ นายท่านสามยังรออยู่ข้างนอก ท่านจะเป็อะไรไม่ได้เป็อันขาด นึกถึงนายท่านสาม นึกถึงคุณหนูห้าเข้าไว้นะเ้าคะ"
หญิงรับใช้ทั้งสองต่างพะว้าพะวัง ก่อนหน้านี้สุขภาพของนายหญิงสามแข็งแรงดีมาโดยตลอด จะด้วยเหตุใดก็สุดรู้ ั้แ่เริ่มตั้งครรภ์นางกลับกลายเป็คนอ่อนแอ ไร้กำลังวังชา ซ้ำร้ายครรภ์ของนางยังเป็ครรภ์แฝด มีเด็กสองคนยิ่งคลอดลำบาก หากทารกติดอยู่ในครรภ์นานเกินไป ก็อาจขาดใจตายได้ง่ายๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ไท่ไท่สามเองจะรอดหรือไม่ก็ยังบอกได้ยาก
"หมอหญิงหวัง ท่านคิดเห็นว่าควรจะทำอย่างไรกันดี? ไท่ไท่สามของพวกเราตอนนี้สติรางเลือน ทั่วร่างไร้กำลังวังชา ท่านคิดหาวิธีหน่อยสิเ้าคะ" หญิงรับใช้าุโมองหมอหญิงหวังอย่างกระวนกระวายใจ ้าให้นางคิดหาวิธี
ตอนนี้พวกนางจนปัญญา ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีแล้ว สถานการณ์ถึงขั้นวิกฤติ ได้แต่พึ่งพาความช่วยเหลือจากหมอ
หมอหญิงหวังที่นั่งอยู่ด้านข้างเป็สตรีวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบถึงสี่สิบปี ในขณะที่ทุกคนต่างร้อนรนกระวนกระวายอย่างมาก นางกลับยังคงสงบนิ่ง นวดกดจุดให้หญิงที่กำลังจะคลอดเบาๆ ฝังเข็ม และเฝ้าสังเกตอย่างผิดปรกติ
นางหยุดมือแล้วมุ่นคิ้วขมวด "ตอนนี้ข้าฝังเข็มกระตุ้นให้ไท่ไท่สามแล้ว หวังว่าการคลอดจะราบรื่นขึ้น เพียงแต่จะได้ผลมากหรือน้อยนั้นยังบอกได้ยาก พวกเ้าก็เห็น อาการของนางย่ำแย่จริงๆ"
สตรีคลอดบุตรที่ไม่มีแรงเบ่งด้วยตนเอง สิ่งที่ผู้อื่นสามารถช่วยได้ก็มีจำกัด คำพูดของหมอหญิงหวังฟังดูสมเหตุสมผล
"หมอหญิง แล้วจะทำอย่างไร แล้วจะทำอย่างไร?" หญิงรับใช้าุโร่ำไห้ออกมา ร้อนใจจนไม่ไหวแล้ว
หมอหญิงหวังเองก็ดูวิตกกังวลมาก นางกล่าวอย่างจริงใจ "ข้าจะพยายามสุดความสามารถแล้วกัน เพียงแต่ไม่อาจผลีผลามเกินไป หากเด็กไม่รอด ผู้ใหญ่ก็..."
คำพูดของนางหยุดอยู่เพียงเท่านี้ แต่คนในห้องไหนเลยจะไม่เข้าใจความหมาย จึงไม่กล้าพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว
หมอหญิงหวังก้มหน้าฝังเข็มอีกครา
แม้จางเฉียวจะไม่รู้จักกับหญิงที่กำลังจะคลอดบุตรผู้นี้ แต่ก็ปรารถนาให้ทั้งแม่และลูกปลอดภัย เธอเดินเข้าไปจนกระทั่งถึงเบื้องหน้าของหญิงที่กำลังจะคลอด แล้วกุมมือของนางเอาไว้พร้อมกับกระซิบว่า "คุณต้องเข้มแข็งนะ ออกแรงหน่อยดีไหม? ต้องออกแรงถึงจะคลอดเด็กออกมาได้ คุณกับลูกถึงจะปลอดภัย สู้ๆ! คุณจะไม่เป็อะไรแน่นอน"
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายััเธอได้หรืออย่างไร จู่ๆ หญิงคลอดบุตรคนนั้นก็เงยหน้ามองมาทางเธอ จางเฉียวใ รีบหลบอย่างรวดเร็ว แต่แล้วการหลบครั้งนี้กลับทำให้เธอต้องประหลาดใจ เพราะได้เห็นสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องที่วาบผ่านหน้ากากนักบุญจอมปลอมของหมอหญิงหวัง
จางเฉียวตกตะลึง
หมอหญิงหวังคนนี้มีปัญหา
จางเฉียวอยากบอกพวกนาง แต่ก็รู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้ยินคำพูดของตน
"ยาล่ะ? ทำไมยังไม่ยกเข้ามาอีก หากไม่รีบเร่งตอนนี้ แล้วไท่ไท่จะทำอย่างไร?"
หมอหญิงหวังร้อนใจขึ้นหลายส่วน แต่ดูจากตอนนี้ ไม่น่าจะใช่ร้อนใจเพราะอยากช่วยคน แต่รีบเร่งอยากเอาชีวิตคนมากกว่า
พอสิ้นคำพูดของหมอหญิงหวัง ก็เห็นสาวใช้รุ่นเยาว์ยกถ้วยต้มยาร้อนๆ ก้าวเข้าประตูมาอย่างรวดเร็ว "ท่านหมอหญิง มาแล้ว มาแล้วเ้าค่ะ"
หมอหญิงหวังแทบซ่อนเร้นความพึงพอใจของตนเองไม่มิด นางรีบเข้าไปรับถ้วยยา แล้วสั่งว่า "พวกเ้ารีบประคองนายหญิงขึ้นมา ข้าจะป้อนยาเร่งคลอดให้ฮูหยินอีกชาม เมื่อผสานกับการฝังเข็ม จะต้องช่วยให้ไท่ไท่สามคลอดบุตรอย่างปลอดภัยได้แน่"
จางเฉียววิ่งเข้าไป แต่ร่างของเธอทะลุผ่านร่างของหมอหญิงหวัง ทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย
"อย่าดื่มนะ อย่าดื่มยาของเธอ เธอจะทำร้ายคุณ" จางเฉียววิ่งเข้าไปอีกครั้ง แต่ก็ยังไร้ผลเช่นเดิม
ไท่ไท่สามนอนอยู่บนเตียงแลดูอ่อนแรงอย่างมาก เพียงแต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้ยินจางเฉียวหรืออย่างไร จึงกัดฟันแน่นไม่ยอมอ้าปาก หมอหญิงพยายามอยู่สองสามคราก็ไม่สามารถป้อนยาเข้าปากของนางได้
หมอหญิงพยายามซ้ำๆ กลับไปกลับมาเช่นนี้ จนยาหกไปไม่น้อย
สีหน้าของหมอหญิงยิ่งฉายแววร้อนใจอย่างหนัก "ไท่ไท่ไม่ดื่มไม่ได้ พวกเ้ามากดนางไว้ ข้าจะบีบกรามของนาง พวกเ้าก็กรอกยาเข้าไป"
หมอหญิงมุ่งมั่นที่จะจบภารกิจอย่างเร่งด่วน ดูเหมือนจะไม่สนใจแล้วว่าตนเองจะถูกสอบสวนหรือค้นพบความจริงภายหลังหรือไม่
หมอตำแยท่าทางลังเลใจ เอ่ยขึ้นว่า "ไท่ไท่ดื่มยาเร่งคลอดไปชามหนึ่งแล้ว หากกรอกชามนี้ไม่ลงจริงๆ พวกเราก็ไม่จำเป็..."
หมอหญิงหวังหัวเราะเยาะ "หมอตำแยอย่างเ้าจะรู้ดีกว่าข้าหรือ? ข้าว่า…เ้าคงไม่อยากให้ไท่ไท่คลอดบุตรได้อย่างปลอดภัยมากกว่า พูดมา มีแผนร้ายอะไรในใจ เ้าจะปล่อยให้ไท่ไท่เ็ปทรมานอยู่เช่นนี้หรือ?"
แม้ในใจหมอตำแยจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่กล้าโต้เถียงหมอหญิงที่ในวังส่งมา ดังนั้นจึงไม่พูดอะไรอีก
จางเฉียวเห็นนางดึงดันจนได้ ก็วิตกจนเหงื่อท่วมศีรษะ เธอรู้สึกว่าหญิงที่กำลังจะคลอดคนนี้สามารถได้ยินเสียงของเธอ จึงะโต่อไปไม่หยุด "เธอจะฆ่าคุณ เธอจะฆ่าคุณ หากไม่แข็งใจสู้ คุณกับลูกจะต้องตายกันหมด คุณเองก็ต้องตาย"
ไท่ไท่สามฉีอิ่งซินมักจะมีอาการวิงเวียนศีรษะสมองตื้ออยู่เสมอ แต่นางรู้ว่าตนเองกำลังจะคลอดบุตร จึงพยายามดึงสติของตนเองตลอดเวลา ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ทั่วทั้งร่างกายั้แ่หัวจรดเท้ากลับไม่สามารถออกแรงได้แม้แต่น้อย ราวกับว่า... ราวกับว่ากินของประเภทผงกระดูกอ่อนเข้าไป
"เธอจะฆ่าคุณ..."
เสียงกรีดร้องของสตรีที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายดังมาระลอกหนึ่ง
ไท่ไท่สามไม่เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน นางลืมตาขึ้นอย่างงุนงง
ไม่มีสตรีที่เธอไม่รู้จัก มีแต่หมอหญิงหวัง...
นางนึกว่าตนเองตาฝาด แม้ว่าสีหน้าของหมอหญิงจะดูเหมือนเป็ห่วงเป็ใย แต่ดวงตากลับฉายแววมาดร้าย
มือหนึ่งถือถ้วยยา อีกมือบีบกรามของนาง คิดจะกรอกยาเข้าไป ไท่ไท่สามกลืนเข้าไปอึกหนึ่ง แต่ก็ได้ยินเสียงร้องเตือนดังขึ้นอีกหน "เธอจะฆ่าคุณ"
น้ำเสียงร้อนรนเต็มไปด้วยความห่วงใย ทำให้ไท่ไท่สามอยากจะลองเชื่อดู เชื่อโดยไม่มีเหตุผล
"ไสหัวไป..." จู่ๆ ไท่ไท่สามก็ออกแรงสุดตัว ปัดถ้วยยาจนคว่ำไป
หมอหญิงหวังอึ้งงัน
ดูเหมือนว่าเสียงร้องะโของจางเฉียวจะได้ผล เธอพรูลมหายใจออกมา แล้วหันไปมองไท่ไท่สามอีกครั้ง
อีกฝ่ายคล้ายจะมองไม่เห็นเธอ
แต่เหมือนจะได้ยินสิ่งที่เธอพูด
"ให้นาง... อะ... ออกไป"
หมอหญิงหวังตะลึงพรึงเพริด ไม่รู้ว่าตนเองเผยพิรุธออกไปตอนไหน "ไท่ไท่ ตอนนี้เป็เวลาสำคัญ ท่านจะเอาแต่ใจไม่ได้เป็อันขาด ท่านทำเช่นนี้..."
ไม่รอให้พูดจบ นางก็ล้วงเอาเข็มออกมาอีกหน "ข้าจะช่วยท่าน ไท่ไท่สาม..."
เมื่อเห็นว่ากำลังจะมีการฝังเข็มไท่ไท่สามอีกหน ครานี้หญิงรับใช้าุโคนสนิทก็รู้สึกถึงความผิดปรกติได้ในที่สุด
นางผลักหมอหญิงออกไปอย่างแรงด้วยความโมโห "เ้าจะทำอะไร!"
"อ๊า...."
ไท่ไท่สามกรีดร้องสุดเสียง นางสั่นสะท้านไปทั้งร่าง สองมือจิกกำผ้าห่มจนเส้นเืเขียวปูดโปนออกมา "บุตร... บุตรของข้า..."
หมอหญิงหวังเห็นไท่ไท่สามไม่เชื่อถือนางอีกต่อไป ก็รู้ว่าภารกิจของตนเองไม่อาจสำเร็จได้แล้ว จึงไม่คิดอย่างอื่น คลำหามีดแล้ววิ่งเข้าไปอาละวาด "นางแพศยาชั้นต่ำ ข้าจะส่งเ้าลงนรกไปซะ"
จางเฉียวไม่มีเวลาไตร่ตรองใดๆ ทั้งสิ้น วิ่งผลุนผลันเข้าไปด้วยสัญชาตญาณ แต่ก็ไร้ผล หมอหญิงทะลุผ่านร่างของเธอไป จางเฉียงเอี้ยวศีรษะกลับไปมอง เห็นหญิงรับใช้ของไท่ไท่สามพุ่งเข้าใส่หมอหญิงหวังอย่างแรง มีดเล่มนั้นจึงเสียบเข้าร่างของนาง แล้วนางก็ล้มลง
ยามนี้หมอหญิงหวังฟั่นเฟือนไปแล้ว เมื่อเห็นทุกคนที่ตกตะลึงกันเมื่อครู่เริ่มกรีดร้อง ก็ไม่รู้ว่าเอาแรงฮึดมาจากไหน ดึงมีดออกจากร่างของหญิงรับใช้อย่างแรง ั์ตาทั้งคู่แดงก่ำ เงื้อมีดวิ่งเข้าไปอีกหน
จางเฉียวคิดจะเอาร่างโปร่งแสงของตนเองกำบังหญิงที่กำลังจะคลอดบุตรเอาไว้ โอ๊ะ แต่คราวนี้มีดกลับเสียบเข้าร่างของเธอ จางเฉียวค่อยๆ ก้มลงมองอย่างไม่อยากเชื่อ ััเย็นวาบเข้ามาที่ท้องน้อยของเธอ หลังจากนั้นความเ็ปก็เริ่มแผ่กระจายออกไปช้าๆ นี่คือสิ่งที่จริงแท้ ความรู้สึกเป็แบบนี้จริงๆ
เธอ... คนที่ตายแล้วครั้งหนึ่ง ได้ัักับความตายอีกเป็ครั้งที่สอง
จางเฉียวเบิกตามองร่างกายของตนเองที่ค่อยๆ เลือนหายไปทีละน้อยๆ
มีดของหมอหญิงตกลงพื้นทั้งแบบนั้น ซูซานหลาง [2] ซึ่งบุกเข้าประตูมา ถีบนางกระเด็นออกไป หลังจากนั้นก็วิ่งไปที่เตียง "อาอิ่ง"
"น้ำคร่ำแตกแล้วเ้าค่ะ ฮูหยิน หัวเด็กโผล่ออกมาแล้ว ออกแรงอีกนิดนะเ้าคะ คุณชายน้อยจะต้องปลอดภัยแน่นอน" หมอตำแยคนนั้นะโขึ้นมา
บุตร... บุตรของนาง
ไท่ไท่สามไม่รู้สักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จู่ๆ พละกำลังส่วนหนึ่งก็พลุ่งพล่านออกมา
นางข่มความเ็ป กัดริมฝีปากจนเืซึม แต่ถึงจะเป็เช่นนี้ ก็ยังคงออกแรงอย่างสุดชีวิต อยากให้บุตรของตนเองคลอดออกมาอย่างปลอดภัย บุตรของนาง นี่คือบุตรของนาง...
"อ๊าาาาา" ไท่ไท่สามกรีดร้องอีกครา
"ฮูหยิน ออกแรง ออกแรงอีกเ้าค่ะ คุณชายน้อยหัวโผล่ออกมาแล้ว ฮูหยิน..." หมอตำแยไม่เคยพบเคยเจอสถานการณ์เช่นนี้ระหว่างทำคลอดมาก่อน แต่ก็รู้ดีว่า หากไท่ไท่สามเป็อะไรไป ชีวิตของพวกนางก็คงไม่รอดเช่นกัน
บัดนี้หมอหญิงหวังถูกควบคุมตัวไปแล้ว รายละเอียดเป็เช่นไร ก็ไม่อาจรู้ได้ พวกนางกลัวว่าจะถูกดึงเข้าไปพัวพัน จึงยิ่งพยายามนวดกระตุ้นไท่ไท่สามไม่หยุดหย่อน "ไท่ไท่ ออกแรงเบ่งอีก เบ่งอีกเ้าค่ะ"
ด้วยเกรงว่าไท่ไท่จะถูกกระตุ้นจนกัดปากตนเองาเ็ จึงยัดผ้าเข้าไปในปากของนาง
ไท่ไท่สามรู้สึกเหมือนว่าตนเองเป็ปลาที่ถูกช้อนขึ้นจากน้ำ แต่ถึงจะเป็อย่างนั้น นางกลับพบว่าตนเองมีพละกำลังขึ้นมาจริงๆ
"ฮึ้บ..."
ทันใดนั้นไท่ไท่สามก็รู้สึกปลอดโปร่งเบาสบายไปทั้งตัว
"คลอดแล้ว คลอดแล้ว คลอดแล้ว เป็คุณหนูเ้าค่ะ" น้ำเสียงตื่นเต้นยินดีของหมอตำแยผ่านเข้ามาในหูของไท่ไท่สาม ทว่าชั่วขณะนั้นนางยังคงมึนงงเหมือนตกอยู่ในภวังค์
"ไท่ไท่ ยังหลับไม่ได้ ยังหลับไม่ได้นะเ้าคะ ท่านยังมีบุตรอีกคน ยังมีคุณชายน้อยอีกคน ไท่ไท่สาม..."
พอเห็นไท่ไท่สามอาการไม่ดี หมอตำแยก็ะโเรียกเสียงดัง พลางเขย่าตัวของไท่ไท่สามไปด้วย
"ไท่ไท่ ไท่ไท่..."
หลังจากหมอตำแยอีกคนใช้มีดคมตัดสายรกเรียบร้อยแล้ว ก็อุ้มเด็กขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว แล้วตีก้นน้อยๆ ของนาง
"อุแว้..." เสียงของทารกน้อยดังกังวานจนะเืแก้วหู
ไท่ไท่สามได้ยินเสียงนี้แล้ว พลันฉุกคิดถึงเสียงที่ดังก้องเข้ามาในหูยามที่ตนเองยังไม่ได้สติ นั่นเป็เสียงใสๆ ของสตรีที่ะโร้องบอกไม่หยุดว่ามีคนจะฆ่าตนเอง
เป็นาง เป็บุตรสาวที่ช่วยชีวิตนาง?
เมื่อตระหนักได้เช่นนี้ ไท่ไท่สามก็ราวกับมีกำลังวังชาขึ้นมาอย่างไร้ขีดจำกัด
นางแทบจะกัดผ้าในปากให้ขาด เค้นกำลังออกมาสุดตัว
"คลอดแล้ว ไท่ไท่คลอดอีกแล้ว เป็คุณชายน้อย..." น้ำเสียงเปี่ยมล้นไปด้วยความยินดี
การคลอดครานี้ชวนให้อกสั่นขวัญแขวนจริงๆ
พอได้ยินเสียงร้องของบุตรชาย แม้ว่าจะอ่อนแรงเต็มทน แต่มุมปากของไท่ไท่สามยังคงโค้งขึ้น ในที่สุดบุตรของเธอก็ปลอดภัย
บุตรของเธอปลอดภัยแล้ว...
ครานี้ เธอก็สามารถหลับอย่างสบายใจได้เสียที
แฝดัหงส์คือเื่ที่น่ายินดีเป็ที่สุด
เมื่อเปรียบเทียบกับเสียงร้องไห้จ้าแสบแก้วหูของพี่สาว เสียงร้องของน้องชายจึงคล้ายกับแมวน้อยตัวหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็ทารกที่แข็งแรงทั้งคู่
เมื่อเด็กน้อยทั้งสองถูกจับอาบน้ำจนสะอาดสะอ้าน แล้วอุ้มมาถึงหน้าซูซานหลางผู้เป็บิดา เขาก็ลูบเ้าตัวจ้อยสองคนเบาๆ หัวใจแทบละลาย หลังจากนั้นก็ถามว่า "ไท่ไท่หลับแล้วหรือ?"
หมอตำแยตอบทันควัน "หลับแล้ว หลับแล้ว ปลอดภัยดี นายท่านสามวางใจได้เ้าค่ะ"
"รีบอุ้มเ้าตัวน้อยทั้งสองไปที่เรือนหลักของท่านพ่อท่านแม่ ข้าจะไปดูอาอิ่ง" ซูซานหลางเอ่ยบอก
"เ้าค่ะ" หมอตำแยตอบอย่างสุภาพ
อาจเป็เพราะเหตุการณ์ลอบสังหารที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ซูซานหลางจึงส่งคนอีกสองคนติดตามไปพร้อมกัน ในใจของหมอตำแยสวดภาวนาอมิตตาพุทธๆ ไม่หยุด พระพุทธองค์คุ้มครองแท้ๆ!
จะว่าไปแล้ว แฝดัหงส์คู่นี้ช่างมีบุญบารมีเหลือล้น
หากกลายเป็หนึ่งร่างสามศพขึ้นมาจริงๆ พวกนางไหนเลยจะได้ออกไปจากที่นี่?
นางก้มมองทารกน้อย เห็นคนพี่ดวงตากลมโตใสแจ๋ว ปากร้องอ้อแอ้ๆ น่าเอ็นดูยิ่งนัก
นางก้มลงไปจุมพิตหน้าผากของทารกน้อยฟอดหนึ่ง "เด็กดี"
แต่ทารกน้อยที่ได้รับคำชมกลับมีสีหน้างุนงง เด็กดี?
ทำไมรู้สึก... ทะแม่งๆ ชอบกลนะ?
เด็กทารกคนนี้หาใช่ใครอื่น แต่เป็จางเฉียวที่เพิ่งตายไปถึงสองหน
มีดเล่มนั้นทำให้ร่างของเธอหายวับไป รู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนถูกตีก้น
นี่เธอ... กลับชาติมาเกิดใหม่หรือข้ามเวลามาเป็คนอื่น?
"โอ๋..."
...
ในห้องขังที่ทั้งหนาวเย็นและมืดมิด บรรยากาศอึมครึมน่าสะพรึงกลัว
ห้องขังแห่งนี้ล้อมด้วยกำแพงหินสี่ด้าน อาจเป็เพราะไม่ได้เจอแสงตะวันมานาน กำแพงหินจึงมีตะไคร่น้ำเขียวครึ้ม แม้มีรูระบายอากาศเล็กๆ บนเพดานแต่แสงแดดสักเสี้ยวก็ยังส่องเข้ามาไม่ถึง
ภายในห้องขังมืดมิดไม่มีคบเพลิง มีเพียงตะเกียงน้ำมันดวงหนึ่งที่มุมห้อง แสงตะเกียงสลัวเลือนรางราวกับมาจากแดนนรก
และคนที่ถูกตรึงอยู่ในท่ายืนบนโครงเหล็กกลางห้องยามนี้หาใช่ใครอื่น แต่เป็หมอหญิงหวัง
หมอหญิงหวังถูกพันธนาการไว้ตรงกลาง สองมือถูกมัดอย่างแ่า แค่ขยับยังไม่ได้ เท้าทั้งสองห้อยสูงจากพื้นประมาณหนึ่ง บนขาเต็มไปด้วยคราบเืราวกับถูกทำให้พิการไปแล้ว
ร่างกายของนางเต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกเฆี่ยน ตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถยิ่งนัก
ด้วยเกรงว่านางจะฆ่าตัวตาย จึงยัดเศษผ้าหนาๆ เข้าไปในปาก และอาจเป็เพราะนานเกินไป รอบปากจึงกลายเป็สีดำแล้ว
"ครืด..." มีคนผลักประตูหินเข้ามา
เสียงฝีเท้านั้นเบามาก บุรุษสวมอาภรณ์สีขาวทั้งตัว ในมือถือโคมแดง ดวงหน้าหล่อเหลาราวกับหยกสลัก ทั้งสง่างามและดูสูงศักดิ์
คนผู้นี้หาใช่ใครอื่น เขาคือซูซานหลางนี่เอง
และด้านหลังของเขายังมีคนชุดดำติดตามมาอีกสองคน ซูซานหลางมาถึงข้างตัวนาง ใบหน้าไม่เปลี่ยนสี ยืนเอามือไพล่หลังอย่างสงบนิ่ง
เศษผ้าในปากของหมอหญิงหวังถูกดึงออกมา
เขายิ้มอย่างเ็า แล้วเอ่ยถามว่า "อยากพูดหรือยัง?"
ริอ่านมาทำร้ายภรรยาของเขา แม้ว่าเขาจะเป็เพียงบัณฑิตคนหนึ่ง แต่ไม่มีทางปล่อยให้เื่จบไปง่ายๆ แน่
หมอหญิงหวังประคับประคองร่างของตนเองฝืนเงยหน้าขึ้น "ทะ... ท่าน ข้าชื่นชมเลื่อมใสในตัวท่าน ข้าชิงชังที่นางได้ตัวท่านไป"
รอยยิ้มเหยียดผุดบนมุมปากของซูซานหลาง พวกเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ใครเล่าจะสังหารผู้อื่นเพียงเพื่อคนแปลกหน้า ข้ออ้างเช่นนี้ เห็นเขาโง่เง่านักหรือไร
เขาเอ่ยเสียงเบา "ดูท่า เ้ายังคงไม่ยอมพูด"
หมอหญิงหวังกัดฟัน "ข้าพูดไปแล้ว ข้าพูดไปแล้ว ข้าเพียงอิจฉาริษยานาง ท่านฆ่าข้าสิ ฆ่าข้าเลย ข้าไม่ถือสาสักนิด ได้ตายด้วยน้ำมือท่าน ข้าก็มีความสุขแล้ว"
ซูซานหลางหัวเราะออกมา "ข้าจำได้ว่าเ้ามีบิดามารดาแก่ชรา อ้อ จริงสิ ยังมีบุตรชายอีกคน..."
หมอหญิงหวังพลันตื่นตระหนก "ไม่ ไม่ได้นะ..."
ซูซานหลางเอ่ยเสียงเบา "อะไรไม่ได้หรือ? เ้าควรตรึกตรองให้ดี ใครกันแน่ที่สำคัญกว่า แทนที่จะดันทุรังกับเื่นี้ต่อ สู้ก้มหน้าสารภาพมาตามตรงไม่ดีกว่าหรือ บุตรชายของเ้ากำลังน่ารักเสียด้วย"
"ไม่... อึ้ก พรวด" หมอหญิงหวังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นนางก็หน้าถอดสี กระอักโลหิตพ่นออกมาจากปาก
ซูซานหลางตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าจะเป็เช่นนี้ "ใครก็ได้..."
ผู้ติดตามก้าวเข้าไปทันที แต่ยังไม่ทันเข้าไปใกล้ ก็เห็นนางกระอักโลหิตสีดำออกมาอีก
หมอหญิงหวังขาดใจตายไปทั้งอย่างนั้น ไม่มีเวลาแม้แต่จะดิ้นรนด้วยซ้ำ เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกคาดไม่ถึงบนใบหน้า
เร็วอย่างเหลือเชื่อ
ผู้ติดตามของซูซานหลางเข้าไปตรวจสอบทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างเคร่งเครียด "นายท่านสาม นางเสียชีวิตเพราะต้องพิษขอรับ"
ซูซานหลางหน้าดำทะมึน ผ่านไปครู่ใหญ่จึงถามว่า "มีใครเข้ามาที่นี่บ้าง?"
ผู้ติดตามกล่าวอย่างจริงจัง "ไม่มีคนนอก มีเพียงนายท่านสองคน แล้วก็คนสนิทไม่กี่คนในจวน ท่านมีคำสั่งห้ามคนนอกเข้าใกล้นาง พวกเราจึงเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดขอรับ"
ทั้งที่ให้คนคุ้มกันแ่าแต่กลับไม่รอด ซ้ำยังมาตายต่อหน้าเขาอีก สีหน้าของซูซานหลางย่ำแย่ยิ่งนัก มือกำหมัดแน่น
"ดูท่าคงจะพุ่งเป้ามาที่พวกเราสามีภรรยา"
หลังจากนิ่งงันไปครู่ใหญ่ เขาก็เอ่ยปากอย่างจริงจัง "จำไว้ ห้ามแพร่งพรายเื่นี้ออกไปเด็ดขาด"
...
[1] ไท่ไท่ เป็คำยกย่องใช้เรียกภรรยา หรือหญิงที่แต่งงานแล้ว ความหมายเหมือนกับคำว่า ฮูหยิน บ้างก็ใช้เรียกแทนกัน
[2] ซูซานหลาง หมายถึงบุตรชายคนที่สามของสกุลซู ลำดับการเรียกจะเป็ ซูต้าหลาง-บุตรชายคนโตของสกุลซู ซูเอ้อหลาง-บุตรชายคนรองของสกุลซู และซูซานหลาง-บุตรชายคนที่สามของสกุลซู