“ฮู้ฟู่…”
เหยียนชิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วนวดหว่างคิ้วก่อนจะเดินออกไปเปิดประตู
เฉินเซียงเฝ้าอยู่ด้านนอกโค้งคำนับอย่างนอบน้อม “คุณชาย”
เหยียนชิงพยักหน้า “"อิ้งหลีล่ะ?”
เฉิงเซียง : “เขาออกไปสอบถามข้อมูลเ้าค่ะ”
เหยียนชิงครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย “ถ้าเขากลับมาแล้วให้เขามาหาข้าด้วย”
เฉินเซียง “เ้าค่ะ”
หลังจากปิดประตูอีกครั้ง เหยียนชิงก็กลับไปที่ยังห้องนอน เดิมทีเขา้าให้เฉินเซียงอาศัยใช้ความมืดเพื่อไปใช้ไปตรวจสอบภารกิจของจิงโม่ คนที่สามารถเชิญมือสังหารผู้นี้ได้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดา และคนที่ถูกสังหารก็ต้องไม่ธรรมดาเช่นกัน
แต่พอมาคิดๆ ดูอีกที ในเมื่ออิ้งหลีออกไปแล้ว หากมีข้อมูลพิเศษเขาก็ต้องสามารถสืบหาข้อมูลได้ เมืองเทียนซูมีธุรกิจของตระกูลเหยียนอยู่ไม่น้อยมากมาย มีเครือข่ายมากมาย ทรัพยากรคนก็สามารถใช้ได้ นอกจากนี้อิ้งหลียังเป็คนที่มีความสามารถ มีไหวพริบรอบคอบ หากมีความผิดปกติใดๆ ก็สามารถจะรับรู้ได้ทันที
น่าเสียดายเพราะด้วยความไม่รู้ในชาติก่อนของเขา บิดาได้ทิ้งคนที่มีพร์ที่บิดาทิ้งไว้ให้เขา เขนั้นาใช้ได้ไม่เท่าไหร่ อิ้งหลีก็เกิดเหตุก่อนตระกูลเหยียนจะประสบเคราะห์ร้ายเสียอีก พอมาคิดๆ ดูตอนนี้คนนอกยังรู้จักคนที่อยู่ข้างกายเขาได้มากกว่าเขาเสียอีก
นับจากนี้เป็ต้นไป คนรอบข้างรวมทั้งจิงโม่เขาก็อยากจะเข้าใจคนรอบข้างรวมทั้งจิงโม่ให้มากขึ้น เผื่อเวลาฉุกเฉินจะได้รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ ชาติที่แล้วเขากว่าเขาจะรู้ตัวก็เสียเปรียบไปมากโขแล้ว
กว่าอิ้งหลีจะกลับมาจากข้างนอกก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว ยังไม่ทันได้จัดการอะไรเสร็จสรรพก็มาหาเหยียนชิงทันที ตอนที่ผลักประตูเข้ามา เหยียนชิงก็ได้กลิ่นแป้งออกมาจากตัวเขา ปิดหนังสือพลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“คุณชายอิ้งหลีกลับมาแล้ว ไม่ทราบว่าหอนางโลมอันดับหนึ่งในเมืองหลวงเป็อย่างไรบ้าง?”
อิ้งหลีนิ่งไปครู่หนึ่ชั่วครู่ก่อนจะได้สติกลับมา เขาก้มหน้าลงพลางหัวเราะ
“จริงดังชื่อ แม้ว่าคุณชายจะไม่ออกจากเรือนแต่ก็ยังมีความรู้มากมาย”
“กลิ่นแป้งของหอเยียนจือเป็สินค้าชั้นยอด ทั่วทั้งแคว้นเทียนซู นอกจากตระกูลขุนนางแล้วยังมีหญิงคณิกาที่หอเยียนจือมีกำลังทรัพย์มากพอที่จะซื้อใช้ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็ขบวนสินค้าจากตระกูลเหยียนของเราที่สั่งสินค้านั้น ข้าเพียงย่อมรู้จัก”
เหยียนชิงยิ้มพลางรินชาให้เขาถ้วยหนึ่ง
อิ้งหลีนั่งลงตรงข้ามเขา “คุณชายฉลาดมีไหวพริบ ไม่เพียงแต่ตั้งใจเรียนหนังสือ แต่ยังนึกถึงกิจการของตระกูล”
รู้สึกว่าั้แ่หลังจากคุณชายของเขาแต่งงานกับคุณชายเว่ยแล้ว ก็เปลี่ยนไปมาก ความเฉลียวฉลาดที่ซ่อนเร้นอยู่ก็นำออกมาใช้อย่างเปิดเผย
เหยียนชิงเลิกคิ้วขึ้น “บอกมาเถอะ วันนี้เก็บเกี่ยวอะไรได้บ้าง”"
“ขอรับ” อิ้งหลีก้มหน้าจิบชาคำหนึ่ง ก่อนจะพูดเื่ที่เขาได้รับมอบหมายให้ออกไปสืบหาข้อมูลในวันนี้
“ใกล้ถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ ขบวนสินค้าบรรณาการจากทั่วทุกสารทิศก็ทยอยกันมาที่เมืองหลวง แต่พวกเราก็จะมาประจวบเหมาะคลาดกันกับพวกเขาพอดี ว่ากันว่าพวกต่างแคว้น และขบวนสินค้าบรรณาการจากอ๋องที่แต่งตั้งเป็ขุนนางที่ตี้จวินให้เข้าเฝ้าเพิ่งออกจากเมืองหลวงไปเมื่อวาน...”"
อิ้งหลีพูดอย่างระมัดระวัง ระวังคำพูด เหยียนชิงฟังอย่างตั้งใจ หลังจากพูดจบ เขาก็เข้าใจสถานการณ์ในเมืองหลวงคร่าวๆ หลังจากไตร่ตรองแล้วก็กล่าวต่อ
“"นอกเหนือจากนี้เ้าได้สอบถามเื่อื่นที่พิเศษกว่านี้หรือไม่?”
อิ้งหลีมองเขาอยู่นาน
“"เมื่อครึ่งชั่วยามก่อน หญิงคณิกาหอเยียนจือถูกลอบสังหาร และเสียชีวิต ทุกคนที่ยังไม่เมาสติครบถ้วนล้วนถูกสั่งห้ามไม่ให้พูด ดังนั้นตอนนี้ข้างนอกจึงไม่วุ่นวาย อือ ตอนนั้นข้าเมา…”
แน่นอนว่าอาการเมานี้เป็การกระทำที่เสแสร้ง
“"หญิงคณิกาหอเยียนจือ”" เหยียนชิงตะลึงงัน “แม่นางเยว่ฉานคนนั้นหรือ?”
คราวนี้ถึงตาอิ้งหลีที่ประหลาดใจ “คุณชายก็รู้จักด้วยหรือขอรับ?”
"“...”" เหยียนชิงไม่ตอบ สีหน้าเปลี่ยนเป็จริงจัง ไม่ใช่แค่รู้ ชาติที่แล้ว สาวงามแห่งหอนางโลมอันดับหนึ่งของเมืองหลวงผู้นี้ คือสหายรู้ใจของเหยียนิฮ่วน
ตอนแรกนางคือหญิงคณิกา แต่ต่อมาเหยียนิฮ่วนภายใต้การผลักดันของเหยียนิฮ่วน นางก็ให้กลายเป็เถ้าแก่เนี้ยหอเยียนจือ ขณะเดียวกันเหยียนิฮ่วนก็ได้ผูกมิตรกับเหล่าท่านอ๋องหรือชนชั้นสูงมากมายผ่านทางนาง
แม้ว่าสุดท้ายเยว่ฉานจะไม่ได้มีจุดจบที่ดีนัก แต่นางเป็คนแรกในเส้นทางรนหาที่ตายของเหยียนิฮ่วน ทิวทัศน์งดงามไร้ที่สิ้นสุดมาหลายปี ถ้าชาติที่แล้วเยว่ฉานตายในเวลานี้ เช่นนั้นคนที่เหยียนิฮ่วนติดต่อในภายหลังคือใคร?
“แน่ใจนะว่าตายแล้ว?”
เหยียนชิงยืนยันอีกครั้ง ข้อมูลนี้ไม่เพียงพอจะส่งผลกระทบต่อการกระทำในอนาคตของพวกเขา ชาติที่แล้วเขาไม่ได้มา ฮ่องเต้ก็ไม่รู้ว่าเื่นี้จะเกิดขึ้น แต่เหยียนิฮ่วนรู้หรือไม่?
เขาน่าจะไม่รู้หรอก เพราะเขาเป็คนไร้หัวใจ แถมยังมีงานสำคัญด้วย บวกกับที่นี่ยังมีคนของตระกูลเหยียนอยู่ ต่อให้เหยียนิฮ่วนเป็พวกคนเสเพลก็ไม่เคยวิ่งไปสถานที่แบบนั้นั้แ่วันแรก...
อิ้งหลียืนยันคำตอบ “ขอรับ”
อิ้งหลีทำเื่อะไรเขาก็ไว้ใจ ในใจเดาว่าคนที่ลอบสังหารคือจิงโม่ แต่รู้สึกไม่แน่ใจ เมื่อคำนวณเวลาก็ไม่ตรงกัน...
อิ้งหลี : “สตรีสวมหน้ากาก”
“สตรี...”
เหยียนชิงถอนหายใจอย่างโล่งอกแบบที่หาคำมาอธิบายไม่ได้ ไม่ใช่จิงโม่ แล้วใครคือคนที่จิงโม่สังหาร? เกี่ยวกับเื่นี้หรือไม่?
แม้ว่าเยว่ฉานจะเป็สตรีหอคณิกา แต่นอกจากความงดงามของนางแล้ว พร์ของนางยังนับว่าเป็สตรีที่มีพร์อันดับหนึ่งในเมืองหลวง ขุนนางและกับคนชั้นสูงทั่วไปยังไม่อาจเป็แขกของนางได้ นางต่างจากสตรีทั่วไปที่มีฐานะต่ำต้อย
คนเช่นนี้อยู่ในที่เช่นนั้น สิ่งที่นางรู้ย่อมมีมากมายพอๆ กับความคิดอันละเอียดอ่อนของนาง การก่อเหตุฆ่าฟันไม่ใช่เื่แปลก... แต่หากนางตายในเวลานี้จริงๆ แล้วคนที่แสดงละครฉากใหญ่กับเหยียนิฮ่วนในชาติที่แล้วคือใครกัน?
“คุณชาย มีอะไรผิดปกติหรือไม่?”
อิ้งหลีเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเหยียนชิง ก็รู้ว่าต้องมีเื่อะไรผิดปกติแน่ๆ
เหยียนชิงมองเขาแวบหนึ่ง
“จิงโม่ มาทำภารกิจสังหารคนคนหนึ่งในเมืองหลวง ตอนแรกข้าสงสัยว่าเขาไปสังหารเยว่ฉานหรือไม่ แต่เ้ากลับบอกว่าเป็สตรีสวมหน้ากาก...”
อิ้งหลี “เป็สตรีไม่ผิดแน่ อีกทั้งดูจากฝีมือแล้วเหมือนคนนอกด่าน[1] ข้ามั่นใจว่าไม่ได้เข้าใจผิดแน่นอน”
เหยียนชิง : “งั้นเขาก็ไม่ได้ฆ่านาง”
อิ้งหลีเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“คุณชาย ในเมื่อจอมยุทธ์จิงโม่กล้าบอกท่านว่าเขาฆ่าคนอยู่ที่นี่ ก็พิสูจน์ได้ว่าท่านไม่มีทางสืบหาได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่บอกท่านถึงเป้าหมายของภารกิจของเขาเป็แน่ขอรับ”
เหยียนชิงตะลึงงัน “... ใช่แล้ว เ้าพูดถูก...”
เขาจริงจังเกินเหกตุจนมองข้ามจุดนี้ไป แม้ว่าจิงโม่จะจงรักภักดีต่อเขามากเพียงใด แต่ในฐานะนักล่าหัวสุดท้ายก็ยังมีขอบเขตที่ต้องรักษาไว้ นี่ถึงจะเป็จิงโม่
อิ้งหลี “หากคุณชายอยากรู้จริงๆ ข้าจะไปสืบหาข้อมูลต่อให้ดีหรือไม่ขอรับ?”
เหยียนชิงส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก เื่นี้พอเท่านี้เถอะ แต่ก่อนที่พวกเราจะออกจากเมืองเทียนซู เ้าต้องใส่ใจเื่สถานการณ์ในหอเยียนจือให้มาก”
เยว่ฉานตายจริงๆ เช่นนั้นสหายที่รู้ใจของเหยียนิฮ่วนในชาติที่แล้วก็คือตัวปลอม ถึงเวลานั้นให้จิงโม่สืบประวัติของนางก็พอแล้ว
“ขอรับ”
อิ้งหลีน้อมรับคำสั่ง
เหยียนชิงถามคำถามที่ไม่ได้สำคัญอีกเล็กน้อย ในที่สุดก็กล่าวว่า “เอาล่ะ ดึกมากแล้ว เ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ”
“คุณชายก็ควรรีบพักผ่อนนะขอรับ”
อิ้งหลีลุกขึ้นประสานมือแล้วถอยออกไป
ภายในห้องกลับคืนสู่ความเงียบสงบ เหยียนชิงรู้สึกง่วงนอน ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วเดินกลับไปนอนลงที่เตียงด้วยความกังวล ไม่นานก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
ในป่าที่เงียบสงบนอกเมืองเทียนซู มีเงาดำสายหนึ่งพุ่งผ่านยอดไม้อย่างเงียบๆ หลังจาทีกะโเบาๆ ไม่กี่ครั้งก็หยุดลงใต้ต้นไม้ใหญ่ หลังพิงลำต้น แม้มองไม่เห็นใบหน้า แต่ก็พอจะมองออกว่าเรือนร่างภายใต้เสื้อผ้าพรลางตัวยามค่ำคืนนั้นงดงามเพียงใด
“สำเร็จหรือยัง?”
เสียงทุ้มต่ำ และคลุมเครือดังออกมาจากบนต้นไม้
“หลักการล่าของข้า หากศัตรูไม่ตายก็ข้าตาย” คนใต้ต้นไม้ตอบเสียงเ็า จากนั้นก็พลิกมือโยนบางสิ่งบางอย่างไปบนต้นไม้ “มันเป็ของที่แม่นางเยว่ฉานพกติดตัว”
คนบนต้นไม้รับของแล้วส่งเสียงหยอกล้อออกมา หลังจากนั้นไม่นาน ของก็หล่นลงจากต้นไม้ ตามมาด้วยเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่ม
“ข้าได้รับของแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็ของที่ใช้บ่งบอกชาติกำเนิดของเยว่ฉานและ และจะเป็สิ่งที่เ้าต้องใช้ในอนาคต”
คนใต้ต้นไม้รับของไว้และ ก่อนจะเอ่ยอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณมาก”
คนบนต้นไม้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น
“พวกเราทำการค้าอย่างยุติธรรม ของพวกนี้ก็เพียงพอจะทำให้เ้าได้ดูแลหอเยียนจือ ส่วนเื่อื่นข้าจะช่วยเหลือเ้าอีกครั้ง คำขอของข้ายังคงเหมือนเดิม ขอเพียงเ้าเป็หูเป็ตาให้ข้า”
สตรีใต้ต้นไม้:
“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้า้าเป็เ้าของหอเยียนจือ แต่ข้าจะจดจำบุญคุณนี้ไว้ตลอดไป ตราบเท่าที่เ้า้า ข้าจะเป็หูเป็ตาในเมืองเทียนซูให้เ้า”
“ตกลง เวลาพอสมควรแล้ว ข้าจะติดต่อเ้าไปเอง”
เมื่อสิ้นเสียง บนต้นไม้ก็สั่นไหว ใบไม้ค่อยๆ ร่วงหล่นลงมา หลังจากนั้นไม่นานคนที่ยืนอยู่บนต้นไม้อันเงียบสงบก็จากไปแล้ว คนที่ยังคงยืนอยู่ใต้ต้นไม้เงยหน้าขึ้น ได้ยินเสียงร้องของม้าที่ดังออกไปไกลแล้ว ไม่ว่าจะตามอย่างไรก็ตามไม่ทัน
แค่นเสียงเ็า และะโหายไปในความมืด
ค่ำคืนที่สงบสุขผ่านไป เช้าวันถัดมา ราชโองการจากวังหลวงก็มาถึง หลังจากเตรียมการแล้ว เหยียนชิงก็ตรวจนับสิ่งของต่อหน้าขันที และองครักษ์ในวัง ให้รางวัลแก่พวกเขาเ่าั้ไปไม่น้อย จากนั้นก็ตามพวกเขาเข้าวัง
“ข้าได้ยินมาว่าคุณชายรองแห่งตระกูลเหยียนเป็คนอ่อนโยน และฉลาด เข้าใจสถานการณ์โดยรวม ตอนนี้เมื่อดูแล้ว เขาก็มีพร์จริงๆ”
หยางเหิงเบิกบานใจที่ได้รับผลประโยชน์ ก็นั่งรถม้ามากับเหยียนชิง ลูบผมตัวเองพลางชมเหยียนชิงที่อยู่ด้านข้างอย่างไม่ตระหนี่เอ้อมค้อมเลยสักนิด
เหยียนชิงก้มหน้า “หยางกงกงเอ่ยชมกันเกินไปแล้ว กงกงทำงานหนัก ดังนั้นข้าน้อยจึงไม่อาจเสียมารยาทได้”
หากจะพูดถึงความประทับใจที่มีต่อหยางเหิงผู้นี้นับว่าก็ไม่เลว ทุกปีที่ตระกูลเหยียนนำเครื่องบรรณาการเข้าวังหลวง ก็จะให้ประโยชน์แก่เขาไม่น้อยมากมาย ชาติก่อนแม้จวนเหยียนจะถูกตัดสินลงโทษ หยางเหิงที่เป็ถึงหัวหน้าขันทีก็ยังคงเรียกเขาว่าราชครู จะสั่งให้คนในครัวดูแลเื่อาหารการกินของเขาเป็พิเศษ ในวังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ก็ยังนับว่ามีคนที่มีน้ำใจอยู่
เมื่อได้ยินผู้เป็ซื่อจื่อเรียกแทนตัวเองว่าข้าน้อยต่อหน้า หยางเหิงยิ่งดีใจเข้าไปอีก น้ำเสียงยินดีนี้ยิ่งทำให้รู้สึกสนิทสนมมากขึ้น
“คุณชายเหยียนถ่อมตัวเกินไปแล้ว ข้าว่าวันหน้าท่านต้องเจริญรุ่งเรืองเป็แน่”
เหยียนชิงประสานมือคารวะอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
“ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของหยางกงกง”
หยางเหิงทำงานอยู่ในวังหลวง มีไหวพริบ และวางแผนได้เป็อย่างดี แต่เหยียนชิงเป็มนุษย์สองชาติ ชาติที่แล้วก็ติดอยู่ในวังวนประสบการณ์อันโหดร้ายมานับไม่ถ้วน บวกกับความประทับใจที่มีต่อหยางเหิงไม่น้อย ดังนั้นเมื่อถึงตอนต้องรับมือย่อมรับมือได้อย่างดี การเดินทางครึ่งชั่วยามทำให้เหยียนชิงยกยอหยางเหิงจนหน้าบานยิ้มตาหยี ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นนับว่าถูกกำหนดไว้แล้ว
[1]คนนอกด่าน หมายถึง คนที่อยู่นอกเขตสามด่านที่ “ คุมเส้นทางการค้าสำคัญ ” ของประเทศจีนโบราณ