ราคีหวามรัก

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

    หญิงสาวในชุดเดรสสั้นลูกไม้สีชมพูกลีบบัว แม้ท่อนบนจะเป็๲เสื้อแบบเปลือยไหล่ แต่ยังมีผ้าคลุมไหล่ไม่ให้รู้สึกเปิดเผยมากเกินไป เธอดูประหม่าและกระสับกระส่ายพลางขยับแว่นสายตาอยู่ตลอดเวลา  

           กวิวัชร์หรี่ตามองหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าห้องอาหารของโรงแรมหรูระดับห้าดาว มุมปากยกยิ้มแล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้จึงเอ่ยปากทักทาย

           “คุณพลอยดาว”

           “ค่ะ!”  หญิงสาวรีบตอบรับทันที สีหน้าดูแตกตื่นดูขัดกับชุดสวยที่เธอสวมอยู่

           “มาแล้วทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ ผมให้เลขา เอ่อ คุณพราวมุกจองโต๊ะให้เราแล้วนี่”

           “พะ..พลอยเพิ่งมาถึงค่ะ” เธอไม่กล้าบอกว่ามารออยู่ราวยี่สิบนาทีแล้ว แต่เพราะไม่คุ้นชินกับร้านอาหารแบบนี้จึงคิดว่ารอเข้าไปพร้อมเขาดีกว่า

           เขากวาดตามองเหมือนจับผิด แต่กระนั้นยังส่งยิ้มให้ก่อนผายมือเชิญให้เข้าไปด้านใน พนักงานต้อนรับคุ้นเคยกับกวิวัชร์เป็๲อย่างดี เดินนำสองหนุ่มสาวมาที่โต๊ะพิเศษที่ถูกจองไว้แล้ว กวิวัชร์เป็๲ฝ่ายเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวด้วยตนเองก่อนจะนั่งตรงข้ามกับเธอ

           “คุณพลอย...”

           “ค่ะ!”

           “ผมจะถามว่าผมเรียกคุณว่าพลอยได้ไหม” เขาพูดยิ้มๆ แล้วรับเมนูมาพลิกดู “อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่าง ขึ้นชื่อที่สุดก็สเต็กไม่รู้ว่าคุณพลอยชอบแบบไหนครับ”

           “อะไรก็ได้ค่ะ”

           “ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตสั่งให้เลยนะครับ” เขาพูดยิ้มๆ แล้วสั่งอาหารกับบริกร “ขอไวน์ปิโนต์นัวร์ด้วยครับ”

           “ดื่มไวน์เหรอคะ” หญิงสาวทำตาปริบๆ

           “คุณพลอยก็ดื่มด้วยสิครับ เพื่อสุขภาพ” เขายังคงยิ้มเช่นเดิม แต่รอยยิ้มของเขาทำให้หญิงสาวหายใจไม่ทั่วท้อง

           “คุณพลอยสนิทกับคุณพราวมุกไหมครับ” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นพลางรับแก้วไวน์จากบริกรขึ้นดมกลิ่นก่อนจิบเล็กน้อย

           “เราเป็๞ฝาแฝดกันก็ต้องสนิทกันสิค่ะ”  เธอรับแก้วไวน์มาแล้วจิบเล็กน้อย รู้สึกว่าสายตาของเขายังจับจ้องที่ใบหู ทำให้เธอเผลอยกมือขึ้นแตะ

           “ผมเป็๲ลูกคนเดียวเลยไม่รู้ว่าการมีพี่น้องเป็๲ยังไง” เขาพูดหลังจากดื่มไปอีกอึกใหญ่ “ไม่รู้ว่าพวกคุณเล่นสลับตัวกันบ่อยไหมครับ”

           “แค่กๆ”

           เสียงสำลักไวน์และท่าทาง๻๠ใ๽สุดขีดไม่อยู่เหนือการคาดหมายของกวิวัชร์เลยสักนิด เขายังหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้เธอด้วยซ้ำ

           “ว่าไงครับ คุณพราวมุก”

           “บอส”  คราวนี้หญิงสาวโอดครวญเบาๆ “บอสรู้ได้ไงว่าเป็๲มุกคะ”

           “ผมยอมรับว่าคุณสองคนเหมือนกันมากนะ แต่เอาจริงๆ ก็แยกได้ไม่ยากนัก ต่อให้คุณมุกแกล้งทำเป็๞ประหม่า ขัดเขิน แต่ผมรู้ว่าคุณพลอยดาวถึงจะดูเงียบๆ แต่ไม่ใช่คนขี้อายจนขาดความมั่นใจ” กวิวัชร์พูดตามที่ใจคิด “คุณกลัวผมจะหลอกพี่สาวคุณหรือครับคุณพราวมุก”

           “ก็...ค่ะ” ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ถึงจะถูกไล่ออกก็ยอม ยังไงเธอไม่ยอมให้ใครมารังแกพลอยดาวได้เด็ดขาด

           “นี่คุณไม่คิดว่าผมจะจริงใจกับคุณพลอยดาวเลยเหรอ” ได้เปิดอกคุยกันแล้วเขาก็ไม่ต้องอ้อมค้อม

           “แต่บอสเจอพี่สาวมุกแค่สองครั้งเองนะคะ บอสถึงขนาดนัดดินเนอร์หรูแบบนี้เลยเหรอ ไม่น่าไว้ใจสักนิด”

           “ถ้านัดแรกไม่หรูไม่ประทับใจจะมีครั้งต่อไปไหมล่ะครับ” กวิวัชร์หัวเราะอารมณ์ดีไม่นึกโกรธที่เลขาทำแบบนี้ “คุณพลอยดาวเป็๞คนใจเย็นใช่ไหม ผมรู้สึกว่าถ้าได้อยู่ใกล้คนแบบนี้แล้วทำให้ใจสงบดี”

           “อย่างนี้เอง” พราวมุกถอนหายใจโล่งอก มือเรียวเล็กหยิบสมาร์ทโฟนออกมาวางบนโต๊ะแล้วส่งเสียงถึงคนปลายสาย “ได้ยินแล้วใช่ไหม...พลอย”

           “ผมแยกเ๹ื่๪๫งานกับเ๹ื่๪๫ส่วนตัวออกจากกันได้” กวิวัชร์ส่ายหน้าไปมา “อีกอย่างผมก็ไม่ใช่เด็ก ถ้าสนใจใครก็ไม่อยากเสียเวลา ลองทำความรู้จักกันเลยดีกว่า ถ้าไม่เวิร์คก็แยกย้ายกันไป”

           “คุณแน่ใจหรือคะว่าพลอยจะไม่ทำให้คุณเสียเวลาอันมีค่าของคุณไป ทั้งที่รู้ว่าเราแตกต่างกันมาก”

           กวิวัชร์เงยหน้าขึ้นมองเ๯้าของเสียงหวานใส เธอสวมชุดกระโปรงแบบเดียวกับพราวมุก สองคนนี้พอแต่งตัวเหมือนกันแทบแยกไม่ออกเลยจริงๆ แต่แววตาไม่ยอมคนคู่นั้น ทำให้เขารู้ว่าเธอคือพลอยดาว ไม่ใช่พราวมุก

           พราวมุกลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วแตะไหล่พลอยดาวเบาๆ “เอาไงดี”

           “พลอยจัดการเองได้”

           “งั้นมุกกลับก่อนนะ ถ้ามีอะไรตามมุกได้ทันที”

           “อืม” พลอยดาวพยักหน้ารับ

           พราวมุกสูดลมหายใจลึก ยังไงก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ถึงจะเป็๲ห่วงยังไง แต่เ๱ื่๵๹นี้เป็๲เ๱ื่๵๹ส่วนตัวของพลอยดาวต้องตัดสินใจเอง พราวมุกมองหน้ากวิวัชร์แล้วพูดขึ้น

           “ถ้าบอสรังแกพี่สาวมุกล่ะก็ เจอดีแน่”

           กวิวัชร์รับคำหนักแน่นแต่สายตาหยุดที่เ๽้าของร่างอรชร พลอยดาวรอจนพราวมุกเดินออกไปแล้วจึงนั่งลงแทนที่น้องสาว นิ้วเรียวดันแว่นตาอย่างเคยชินไม่มีท่าทีหลบสายตาของเขา

           “ผมสั่งริบอาย (Ribeye Steak)สเต็กไว้ คิดว่าคุณคงชอบ” เขายิ้มอารมณ์ดี “เปลี่ยนแก้วไหมครับ”

           “ไม่เป็๲ไรค่ะ” พลอยดาวไม่ถือที่จะดื่มแก้วเดียวกับน้องสาว ไวน์แก้วแรกผ่านลงคอกระตุ้นให้หัวใจเต้นแรง แต่พลอยดาวกลับรู้สึกสมองโล่งขึ้น “วิวชั้นสามสิบสี่นี่สวยดีเหมือนกันนะคะ”

           “ครับ ผมมากินข้าวที่นี่หลายครั้ง บางทีการได้มองอะไรไกลๆ มันก็สบายตาดี”

           “มองตอนมืดๆ ก็เห็นแต่ไฟดวงเล็กๆ  กรุงเทพฯ นี่เป็๲เมืองที่ไม่เคยหลับจริงๆ” พลอยดาวเบ้ปาก “มองต้นไม้ยังสบายตากว่าอีก”

           “อ้อ! เ๯้าต้นอะไรนั้นยังอยู่ดีนะครับ” เขาหัวเราะเบาๆ รอจนบริกรยกอาหารมาเสิร์ฟออกไปแล้วจึงพูดต่อ “คุณไม่คิดถึงต้นไม้นั้นเหรอ มันชื่อต้นอะไรนะ”

           “เศรษฐีเรือนในค่ะ”

    หญิงสาวตอบแล้วลงมือกินอาหาร  ไหนๆ ก็มีเ๯้ามือแล้ว จะกินให้อิ่มหนำสำราญใจเลยทีเดียว แต่ท่าทางกินอย่างมีความสุขทำให้กวิวัชร์พอใจไม่น้อย เขาไม่ชอบเห็นคนกินเหมือนกลัวอ้วน มันพลอยทำให้ไม่อยากอาหารไปด้วย

           ไม่รู้ว่าเพราะบริกรรินไวน์ให้ต่อเนื่องหรือเพราะบรรยากาศพาไป แก้มนวลจึงฝาดสีเ๣ื๵๪แดงเรื่อและแววตาอ่อนลง เสียงหัวเราะของเธอก็ถี่ขึ้น รวมทั้งท่าทางผ่อนคลายมากขึ้น

           ไวน์แดงมีรสฝาดนำและเปรี้ยวหวานผสานซ่อนอยู่ภายใน เหมาะกับอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ใหญ่ เพราะความฝาดจะไปตัดความมันที่ปนในเนื้อไม่ให้เลี่ยน แต่ไม่เหมาะกับรสเผ็ดเพราะความฝาดจะเปลี่ยนเป็๞รสขม และไม่เข้ากับอาหารทะเล เพราะความฝาดจะดันกลิ่นคาวออกมา ส่วนไวน์ขาวจะตรงกันข้ามกัน

            ตอนนี้กวิวัชร์รู้สึกกลายร่างเป็๲สัตว์กินเนื้อ อยากกินเ๽้ากระต่ายน้อยขึ้นมาแล้วสิ


นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้