"เหลียนเซวียน หลังจากข้าหลับแล้ว ข้ากลิ้งเข้าหากองไฟใช่หรือไม่"
แม้ว่าเมื่อก่อนเธอจะไม่เคยเป็แบบนี้ แต่อากาศหนาวๆ ใครจะนอนไม่ห่มผ้าได้ อาจเป็เพราะร่างกายโหยหาความอบอุ่นก็เลยกลิ้งเข้าหาแหล่งกำเนิดความร้อนด้วยสัญชาตญาณ
เหลียนเซวียนไม่ทั้งพยักหน้าและส่ายหน้า เพียงแค่ขยับไปด้านข้าง เมื่อนางตื่นแล้ว ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะกลิ้งเข้าหากองไฟอีก
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเช่นนั้นก็เกาหัวแกรกๆ เขาทั้งไม่ปฏิเสธและไม่ยอมรับ ความหมายคือยอมรับโดยปริยายกระมัง
ตอนนี้เธอเข้าใจความนัยที่ซ่อนเร้นในความเงียบของเขาแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกกระดากอยู่บ้าง "ข้าหลับไม่รู้เื่อะไรเลย ขอบคุณนะเหลียนเซวียน แต่ที่จริงท่านน่าจะปลุกข้า เลยทำให้ท่านพลอยไม่ได้หลับทั้งคืน"
เหลียนเซวียนสั่นศีรษะ เขาเป็คนนอนน้อย คืนหนึ่งหลับเพียงสามชั่วยามก็เพียงพอแล้ว
แต่นางกลับไม่เหมือนกัน กลางวันตะลอนไปทั่ว กลางคืนจึงหลับลึกมาก นอกจากละเมอเข้าหากองไฟ อย่างอื่นก็ไม่มีสิ่งใดผิดปรกติ
เซวียเสี่ยวหรั่นลุกขึ้นมาจากพื้น ก้นกับบั้นเอวไม่ค่อยเจ็บเท่าไรแล้ว แต่ขาทั้งสองข้างกลับเหมือนถูกกรอกตะกั่ว [1]
"โอย... ขาเหมือนถูกถ่วงด้วยน้ำหนักพันชั่ง ต้องเป็เพราะเมื่อวานวิ่งขึ้นเขามากไปแน่ๆ เลย"
เซวียเสี่ยวหรั่นนวดต้นขาพลางทำหน้าเบ้
มือใหญ่ยื่นมาตรงหน้านาง กลางฝ่ามือมีกรรไกรตัดเล็บอันเล็กวางอยู่
"อ้อ ตัดเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ ไหนขอข้าดูหน่อย"
เซวียเสี่ยวหรั่นรับกรรไกรตัดเล็บ พลางเพ่งพิศมือของเขาที่ยื่นเข้ามาใกล้ เล็บหลังตัดสะอาดสะอ้านเป็ระเบียบเรียบร้อยดี เธอยิ้มตาหยีกล่าวชมเชย "ตัดได้เรียบร้อยดีนี่ ไม่เลวๆ หลังตัดเล็บแล้ว ดัชนีความงามของมือของท่านสูงขึ้นมากเลย ดูดีขึ้นตั้งเยอะ"
เธอเข้ามาค่อนข้างใกล้ เหลียนเซวียนรั้งมือกลับเงียบๆ
ดัชนีความงามของมือ? คำพูดแปลกใหม่จากปากของนางมีไม่น้อยจริงๆ
"เล็บเท้าล่ะ ตัดเรียบร้อยหรือยัง" เซวียเสี่ยวหรั่นเหลือบมองเบื้องล่าง เขานั่งขัดสมาธิอยู่จึงมองไม่เห็นปลายเท้า
เหลียนเซวียนรีบพยักหน้า ด้วยเกรงว่าหากช้ากว่านี้ หญิงสาวจะเข้ามาเลิกชายอาภรณ์ของตนเอง
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกลายเป็ตัวแทนของหญิงสาวก๋ากั่นในใจของเหลียนเซวียนไปเสียแล้ว
เธอเก็บกรรไกรตัดเล็บ ก่อนหันไปมองหม้อที่ตากมาทั้งคืนจนเย็นแล้ว ดวงตาพลันสว่างวาบ "ข้าจะเอาหม้อไปล้างที่แม่น้ำ"
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มหน้าบาน มือหิ้วหม้อดินข้างละใบ เดินออกไปข้างนอก
"หนักใช้ได้เลย แต่อย่ารั่วก็แล้วกัน"
แม้ว่าขาจะหนักอึ้งเหมือนถูกกรอกตะกั่ว แต่ไม่อาจหยุดยั้งฝีเท้าอันเริงร่าของเธอได้
อากาศเย็นะเืยามเช้าตรู่โชยมาปะทะใบหน้า ยิ่งกระตุ้นให้โสตประสาทตื่นตัว พอมาถึงริมน้ำก็วักน้ำซู่ๆ ล้างหม้อดินทั้งนอกและใน หลังจากนั้นก็ตวงน้ำใส่จนเต็ม แล้ววางไว้ริมตลิ่ง
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินวนรอบหม้อทั้งสองใบเพ่งมองอยู่นาน ในที่สุดก็แน่ใจว่าน้ำไม่รั่ว
"ฮ่าๆ สำเร็จ"
เธอยกหม้อหนึ่งในนั้นขึ้นมาแล้ววิ่งกลับถ้ำอย่างตื่นเต้น
"เหลียนเซวียน สำเร็จแล้ว น้ำไม่รั่วเลย"
ในถ้ำไม่มีคนอยู่ กองไฟยังคงลุกโชน เซวียเสี่ยวหรั่นมิได้ใส่ใจนัก คนส่วนมากเช้าขึ้นมาเื่แรกที่ต้องทำหากไม่ใช่ล้างหน้าแปรงฟัน ก็ต้องไปปล่อยน้ำที่กักเก็บไว้เต็มกระเพาะปัสสาวะมาทั้งคืน
เซวียเสี่ยวหรั่นวางหม้อดินที่มีน้ำเต็มลง ก่อนไปหยิบไก่ป่าที่ถอนขนแล้วในช่องหินข้างกำแพง หลังจากนั้นก็หยิบเห็ดโคนมาหนึ่งกำมือแล้ววิ่งกลับไปที่ริมแม่น้ำ
รีบล้างหน้ากลั้วคอ แวะปลดทุกข์ หลังจากนั้นถึงเริ่มทำงาน
ยังมีหม้ออีกใบอยู่ริมแม่น้ำ มีมันก็ทำงานง่ายขึ้น เอาไก่ป่าล้างให้สะอาดใส่ลงไปในหม้อ จากนั้นก็ล้างเห็ดโคนแล้วใส่เข้าไปเช่นกัน สุดท้ายค่อยเติมน้ำใส่ลงไปครึ่งหม้อ แล้วยกทั้งหมดกลับถ้ำ
"เหลียนเซวียน"
เห็นชุดขาวๆ ของเขามาแต่ไกล เงาร่างสูงใหญ่ผึ่งผายยืนอยู่หน้าปากถ้ำ เรือนผมสีดำสนิททิ้งตัวยาวลงมาถึงบั้นเอว หากไม่มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยาแเหวอะหวะ ก็แลดูสง่างามโดดเด่นเหนือสามัญอย่างแท้จริง
แน่นอนว่านั่นเป็เพราะสายตาของเซวียเสี่ยวหรั่นเห็นภาพไม่ชัด แต่แค่มองในระยะใกล้ อาภรณ์สีขาวตัวนั้นก็กลายเป็ชุดสกปรกมอมแมมกระดำกระด่าง
"หม้อสองใบไม่มีใบไหนรั่วเลย ผลงานของพวกเราสำเร็จอย่างงดงามเชียวล่ะ ฮ่าๆ ข้าล้างไก่กับเห็ดมาแล้ว พวกเราจะตุ๋นน้ำแกงไก่ใส่เห็ดกัน"
เธอวิ่งฉิวเข้าไปในถ้ำราวกับพายุ
ไหนบอกว่าขาเหมือนถูกถ่วงด้วยน้ำหนักพันชั่ง พันชั่งไม่น่าจะวิ่งตัวปลิวขนาดนี้ เหลียนเซวียนมุมปากกระตุกน้อยๆ ก่อนลากไม้เท้าค่อยๆ เดินเข้าไปข้างไหน
เซวียเสี่ยวหรั่นไหนเลยจะสนใจว่าใจเขาคิดอย่างไร อาหารเลิศรสอยู่ตรงหน้า ต่อให้ขาหนักเป็พันชั่งเธอก็ยกมันขึ้น
หลังจากเอาหินมาทำเป็ขาตั้งเตาเรียบร้อยก็ยกหม้อขึ้นไป นำเห็ดออกมาจากหม้อก่อน เนื้อไก่ต้องตุ๋นนานหน่อย เห็ดเอาไว้ค่อยใส่ทีหลัง
"เมื่อวานลืมทำฝาหม้อ เมื่อไม่มีฝาหม้อ ก็ต้องระวังขี้เถ้าจะปลิวลงไป"
เธอเติมฟืนใส่ไปพอสมควร เหลียนเซวียนนั่งลงข้างกองไฟอย่างช้าๆ
"เหลียนเซวียน ท่านช่วยดูไฟสักครู่ ข้าจะออกไปขุดดินเหนียวกลับมาอีกหน่อย พวกเรามีของที่ต้องทำอีกหลายอย่าง ทั้งฝาหม้อ ชาม แก้วน้ำ ช้อนตักน้ำแกง กระทะ โอ่งน้ำ..."
เธอนับจำนวนสิ่งของที่ต้องทำแล้วก็วิ่งออกไปข้างนอก แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุด
"ไม่ใช่สิ ต้องทำตะกร้าหวายสักใบก่อนเอาไว้ใส่ดินเหนียว จะให้เสื้อของฉันต้องมารับภาระอีกไม่ได้"
เธอหันไปหยิบมีดพับที่วางไว้ข้างเตาไฟก่อนวิ่งปรู๊ดออกไปข้างนอก
เหลียนเซวียนเงยหน้ามองไปที่ปากถ้ำ สิ่งที่แม่นางผู้นี้ทำเป็มีไม่น้อยเลย
เซวียเสี่ยวหรั่นได้ว่าตรงเชิงเขาที่เหลียนเซวียนพบไก่ป่ามีเถาวัลย์แห้งอยู่มากมาย เพียงแค่หาเส้นหวายที่มีความเหนียวสักหน่อยมาสานเป็ตะกร้าก็ไม่ยาก ผู้สูงอายุที่ทำเครื่องสานเป็ในหมู่บ้านมีไม่น้อย ตอนเด็กๆ ยามว่างเธอก็เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ คือออกไปหาความสนุกสนานครึกครื้น เรียนรู้วิธีการสานกระด้ง หรือตะกร้าใบเล็กอะไรทำนองนั้น
เพียงแต่ไม่ได้ทำนานแล้ว ไม่รู้ว่ายังจำรายละเอียดขั้นตอนการสานได้อยู่หรือเปล่า
ช่างมันเถอะ ตัดเถาวัลย์กลับไปก่อนค่อยว่ากัน
เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งมาถึงเนินดิน ก็หาไม้ท่อนหนึ่ง ตีกวาดไปรอบๆ ก่อน ถึงกล้าย่างเท้าเดินไปที่เชิงเขา อย่างเธอเรียกว่าถูกงูกัดครั้งเดียว กลัวเชือกไปสิบปี
เธอลงมือตัดเถาวัลย์เครือหนึ่งอย่างคล่องแคล่ว แล้วลากกลับถ้ำ
หลังจากนั้นก็หย่อนก้นลงที่ปากถ้ำ เริ่มลงมือตัดเอาส่วนใบออกก่อน
"เหลียนเซวียน หลังจากน้ำในหม้อเริ่มเดือด อย่าปล่อยให้ไฟแรงเกินไป ตุ๋นต้องใช้ไฟอ่อนถึงจะออกมาดี"
เธอเจียดเวลามองเข้าไปในถ้ำ พลางะโกำชับ
แน่นอนว่าไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่ตอนที่เธอมองเข้าไป ก็เห็นความแรงของไฟใต้หม้อดินอ่อนลงแล้ว
"เนื้อไก่ป่าค่อนข้างเหนียว ต้องตุ๋นนานหน่อยถึงจะหอม"
เซวียเสี่ยวหรั่นตัดใบไม้ไม่หยุดมือ ปากก็บ่นพึมพำ "ตื่นแต่เช้า ข้าวสักเม็ดยังไม่ตกถึงท้อง ก็ต้องทำงานไม่หยุด ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน"
"อีกประเดี๋ยวน้ำแกงไก่ตุ๋นได้ที่ ต้องดื่มให้หนำใจสักถ้วยใหญ่ๆ เลย"
เมื่อก่อนตอนกินข้าวที่บ้านตุ๋นน้ำแกงไก่ เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไม่ค่อยได้กินเท่าไร เพราะกลัวว่าจะบำรุงเกินไป เดี๋ยวจะยิ่งเ้าเนื้อไปมากกว่านี้
แต่นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ความคิดก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ราวกับคนสองโลก
"เอ๋? ไม่ถูกต้องสิ ไม่มีชาม ไม่มีช้อน แล้วจะใช้อะไรมาดื่มน้ำแกง ยกหม้อซดหรือ?"
มือของเซวียเสี่ยวหรั่นชะงักค้าง นึกถึงตนเองต้องทำเื่โง่ๆ เช่นการยกหม้อซด มุมปากพลันกระตุก
"รีบทำชามกับช้อนก่อนดีกว่า"
เซวียเสี่ยวหรั่นเร่งมือให้เร็วกว่าเดิม
เหลียนเซวียนซึ่งอยู่ในถ้ำได้ยินถ้อยคำที่นางพร่ำบ่นกับตัวเองก็มุมปากกระตุกเช่นกัน
...
[1] กรอกตะกั่ว เป็การลงทัณฑ์รูปแบบหนึ่ง คือกรอกตะกั่วร้อนๆ ใส่ปากนักโทษ ทำให้ถูกลวกจนตาย แต่หลังจากตะกั่วเย็นลงก็จะแข็งตัว ดังนั้นจึงสามารถใช้เป็ความเปรียบว่าแข็งจนขยับไม่ได้