คุณปู่จ้าวเอ่ยพร้อมกับยิ้มซาบซึ้ง “ได้ พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน หลังจากนี้มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน ฉันจะช่วยดูแลสั่งสอนเด็กทั้งสองคนจนเติบใหญ่เอง ใช่แล้ว หลังจากนี้เวลาโม่โม่ขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร เดี๋ยวฉันคอยดูแลเฉินเฟิงให้เอง เฉินเฟิงจะได้ไม่ต้องอยู่บ้านคนเดียว จะได้ไม่ถูกคนไม่ดีเข้ามาทำร้ายอีก”
เื่ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนในบ้านต่างหวาดระแวงและอกสั่นขวัญแขวนกันไม่น้อย
สิ่งของสามารถหาซื้อใหม่ได้ แต่ชีวิตคนไม่สามารถซื้อหาได้
ตอนแรกเซี่ยโม่ยังลังเลอยู่ว่าพรุ่งนี้ควรขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรดีหรือไม่ แต่พอได้ยินอาจารย์พูดเช่นนี้ ในใจเธอพลันรู้สึกอบอุ่น
“ดีค่ะ งั้นก็ต้องรบกวนอาจารย์ด้วยนะคะ”
“ไม่รบกวนๆ”
หลังจากนี้เธอคิดว่าจะขึ้นเขาไปไกลหน่อย เธออยากเก็บสมุนไพรที่มีราคาแพงให้ได้ ไม่ต้องถึงขั้นเจอโสมคน เป็สมุนไพรอย่างอื่นก็ได้ ขอแค่นำไปขายแล้วมีเงินไว้ซื้อจักรยานก็พอ
มีคนเคยพูดว่า ชีวิตนี้สิ่งที่เ็ปที่สุดคือ ตายแล้วแต่ยังใช้เงินไม่หมด
แต่เธอคิดว่าชีวิตนี้สิ่งที่เ็ปที่สุดคือ การมีโกดังสินค้าซึ่งมีของทุกสิ่งอย่างครบครัน แต่กลับไม่อาจเอาออกมาใช้ได้ ต้องพยายามคิดหาวิธีว่าจะซื้อจักรยานธรรมดาๆ คันหนึ่งได้อย่างไร
ทุกคนเดินออกไปส่งคุณปู่จ้าว พร้อมกับกำชับว่าตอนเย็นอย่าลืมมากินข้าวที่นี่ จากนั้นก็ช่วยกันจัดเก็บของ
คุณตาคุณยายมองอาหารและธัญพืชรวมถึงผ้าที่ได้คืนกลับมา ไม่เพียงได้ของเดิมคืนมาทั้งหมด ยังได้เพิ่มมาอีกตั้งหาก
“โม่โม่ ทำไมอาหารกับพวกธัญพืชถึงเยอะขึ้นล่ะ”
“เป็ของชดใช้น่ะค่ะก็เลยเยอะหน่อย” เซี่ยโม่ยิ้มก่อนจะเอ่ยต่อ “อ้อ จริงด้วย พวกหวางหมาจื่อถูกตัดสินแล้วนะคะ ถูกตัดสินจำคุกสิบปี ส่วนแม่เลี้ยงใจดำคนนั้นถูกส่งไปทำงานที่ค่ายแรงงานสำหรับนักโทษสามเดือน ต่อให้ถูกปล่อยตัวออกมา พวกเขาก็คงไม่มีหน้าไปเจอใครอีกแน่”
สองสามีภรรยาทราบดีว่า คนที่เคยติดคุกหลังจากออกมาไม่เพียงไม่เป็ที่ยอมรับของสังคม ลูกหลานก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
เธอเองก็รู้ดีเช่นกัน ซึ่งมันจะเป็แบบนี้ต่อไปอีกสิบปี
ชีวิตนี้เซี่ยอวิ๋นอย่าหวังเลยว่าจะได้เรียนมหาวิทยาลัย
ส่วนเซี่ยเฉินซี รอจนโตรู้ความ รอบตัวก็จะมีแต่เด็กมหาวิทยาลัยหมด ชาติที่แล้วเ้าตัวมีนิสัยรักสบาย ไม่ชอบทำงานหนัก คนแบบนี้อย่าหวังเลยว่าจะมีอนาคตที่ดี
เธอดึงความคิดกลับ ยิ้มก่อนจะกล่าวว่า “โบราณกล่าวไว้ว่า ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว พูดได้ถูกต้องจริงๆ ใครใช้ให้พวกเขาทำเื่ไม่ดีแบบนั้นลงไป ตอนนี้ถูกกรรมตามสนองแล้ว”
สองสามีภรรยาเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “มนุษย์ทำอะไร ์เห็นทั้งสิ้น นี่คือบทลงโทษจาก์”
เธอคิดในใจ หากไม่มีพี่ซ่ง เื่คงไม่ราบรื่นเช่นนี้แน่ ทั้งหมดเป็เพราะพี่ซ่งต่างหาก
เธอนึกถึงเื่หนึ่งขึ้นมาได้ “คุณตาคุณยายคะ ตอนนี้พวกเรามีเงินแล้ว พวกเขาชดใช้ค่าเสียหายให้พวกเราเป็เงินสองร้อยหยวน ในนั้นรวมค่ารักษาเฉินเฟิง ค่าบำรุงร่างกาย แล้วก็ค่าเสียหายของข้าวของภายในบ้าน ค่ารักษากับค่ายาของเฉินเฟิง หนูใช้ไปทั้งหมดยี่สิบกว่าหยวน”
“รู้แล้ว”
“คุณยาย งั้นเงินที่เหลือหนูให้คุณยายเก็บเอาไว้นะคะ”
คุณยายรีบโบกมือปฏิเสธ “ยายคิดถึงเื่นี้ทีไรยังกลัวอยู่เลย หลานเก็บเงินไว้เองดีกว่า หากที่บ้าน้าใช้เงินค่อยบอก เก็บไว้ในตู้มันไม่ปลอดภัย”
เธอลองคิดตาม ่กลางวันอาจารย์พาเฉินเฟิงไปโรงตรวจด้วย ในบ้านไม่มีใครอยู่ มันไม่ปลอดภัยตามที่คุณยายว่าจริงๆ
หากมีคนในหมู่บ้านรู้ว่าบ้านของเธอได้พวกอาหาร ธัญพืช และพวกผ้ากลับคืนมาทั้งหมด อาจจะมีคนเกิดความคิดไม่ดีก็ได้
“ก็ได้ค่ะ หนูเก็บเงินเอาไว้ก็ได้ หากที่บ้าน้าใช้เงินต้องบอกหนูนะคะ ใช่แล้ว อย่าเอาเื่ที่เราได้ของกลับคืนมาทั้งหมดไปบอกใครนะคะ แล้วก็เื่ที่ได้ของเป็ค่าชดใช้มากมายด้วย หนูกลัวว่าถ้าคนไม่ดีรู้เข้าจะมาจ้องเล่นงานบ้านเรา”
“หลานคิดได้รอบคอบ” สองสามีภรรยาพยักหน้าพร้อมกับกล่าวชม
เธอปรึกษากับคุณตาคุณยายอีกเื่ “ผ้าที่เราได้กลับมาใช้ตัดเสื้อผ้าได้หลายชุด พอสำหรับทำเสื้อหนาวด้วย แล้วหนูก็อยากตัดชุดให้อาจารย์ด้วยค่ะ ตาของคุณยายเริ่มไม่ดี หนูว่าไปจ้างคนอื่นตัดดีไหมคะ ในหมู่บ้านเรามีใครฝีมือดีๆ บ้างคะ”
“จ้างคนตัดชุดให้เหรอ”
“ค่ะ ต้องตัดตั้งหลายชุด คุณยายจะไหวเหรอคะ” เซี่ยโม่พยักหน้า
คุณยายถอนหายใจ เธอทำไม่ไหวจริงๆ นั่นแหละ
คุณยายทำท่าคิดอยู่สักครู่ถึงค่อยเอ่ยออกมา “คนที่ฝีมือดีๆ ก็ต้องเมียของผู้ใหญ่บ้าน”
“งั้นรบกวนคุณยายถามเธอให้หน่อยได้ไหมคะว่า ถ้าจะจ้างทำเสื้อตัวละสามหยวน กางเกงตัวละสองหยวน เสื้อกันหนาวตัวละห้าหยวน กางเกงกันหนาวตัวละสามหยวน เธอจะตกลงไหม หนูจำได้ว่าค่าจ้างตัดชุดในตำบลก็ราคาประมาณนี้ หากเธอตกลงก็ให้เธอทำ”
“ยายคิดว่าราคานี้เธอน่าจะตกลงนะ”
“งั้นก็ให้เธอทำ หากมีผ้าเหลือก็ยกให้เธอไป จะได้เป็การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันด้วยค่ะ”
“ได้”
ปรึกษาเสร็จเรียบร้อยคุณตาคุณยายก็ไปพักผ่อน
ส่วนเซี่ยโม่ นอนไม่กี่ชั่วโมงก็ตื่นขึ้นมาออกกำลังกายอย่างง่ายๆ จากนั้นถึงค่อยไปเก็บหญ้าแห้วหมู
หลายวันที่ผ่านมาต้องอยู่เป็เพื่อนน้องชายในโรงพยาบาล เซี่ยโม่รู้สึกว่าตัวเองี้เีขึ้นไม่น้อย
เธอตั้งมั่นว่า จากนี้ต้องเร่งสะสมแต้มการทำงาน ปลายปีจะได้นำไปแลกอาหารกับพวกธัญพืชได้ ไม่เพียงได้แต้มการทำงานเท่านั้น ยังถือว่าเป็การออกกำลังกายไปในตัวด้วย
เด็กสาวเดินขึ้นเขาอย่างกระปรี้กระเปร่า อีกราวครึ่งชั่วโมงกว่า เธอสะพายตะกร้าที่เต็มไปด้วยหญ้าแห้วหมูกลับลงมา
พอได้แต้มการทำงานสามแต้ม เธอก็กลับบ้านไปทำอาหาร
ไปถึงบ้าน คุณปู่จ้าวเพิ่งจะมาถึงพอดี
“โม่โม่ เพิ่งจะกลับมาก็ขึ้นเขาไปเก็บหญ้าแห้วหมูเลยเหรอ ทำไมถึงไม่พักสักหน่อยล่ะ”
“อาจารย์มาแล้วเหรอคะ ฉันเคยวางแผนเอาไว้ว่าจะเก็บหญ้าแห้วหมูเพื่อให้ได้แต้มการทำงานสามแต้มทุกวัน ฉันก็ต้องทำตามนั้น เดี๋ยวพอถึงฤดูหนาวก็จะไม่มีให้เก็บแล้ว”
“เธอนี่ไม่เพียงขยัน ยังพูดเก่งอีกต่างหาก”
“อาจารย์นั่งลงดื่มน้ำก่อนเถอะค่ะ ฉันขอตัวเข้าครัวไปทำอาหารเย็นก่อน”
เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยที่นั่งเล่นอยู่นึกถึงเื่หนึ่งขึ้นมาได้ เอ่ยขึ้นมาว่า “พี่ครับ พี่สัญญากับผมว่าจะทำหมูน้ำแดงกับลูกชิ้นความสุขสี่ประการให้ เมื่อไรจะทำให้ผมครับ”
“พี่กำลังจะไปทำให้เดี๋ยวนี้แหละ เนื้อหมูเก็บเอาไว้หลายวันเดี๋ยวจะเสีย เย็นนี้รับรองว่าเราได้กินแน่ ส่วนพรุ่งนี้พี่จะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ตอนเที่ยงคงจะไม่กลับลงมา แต่พี่จะต้มไข่เอาไว้ให้ เรากับอาจารย์จะได้มีอะไรกินตอนเที่ยง” เธอตอบ
เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยพยักหน้า “ครับ”
เธอเดินเข้าไปในห้องครัว มองเนื้อหมูที่ซื้อมาเมื่อเช้า ซึ่งตอนนี้เหลืออยู่แค่นิดหน่อย เพราะนำไปทำมื้อเที่ยงแล้ว หากทำหมูน้ำแดงกับลูกชิ้นความสุขสี่ประการไม่น่าจะพอ
เธอปิดประตูห้องครัว หยิบเอาเนื้อหมูชิ้นใหญ่จากในโกดังสินค้าออกมา
พอคิดถึงว่าพรุ่งนี้จะต้มไข่ให้น้องชาย แต่เธอดันลืมซื้อไข่ไปเสียสนิท
เธอเลยหยิบไข่ออกมาจากในโกดังสินค้าด้วยหนึ่งตะกร้า เอาออกมาวางไว้บนชั้นวางถ้วยชาม
เซี่ยโม่หุงข้าวก่อนเป็อันดับแรก ก่อนจะตั้งหม้อเพื่อทำหมูน้ำแดง ในบ้านไม่มีน้ำตาล เธอเลยหยิบน้ำตาลทรายแดงกับน้ำตาลทรายขาวออกมาจากในโกดังสินค้า
ระหว่างรอหมูน้ำแดงตุ๋นได้ที่ เธอเอาเนื้อหมูมาสับเพื่อทำลูกชิ้นความสุขสี่ประการ
เวลานี้เองที่คุณยายเดินเข้ามาในห้องครัว เดินไปล้างมือเพื่อช่วยจะมาเธอทำอาหารอีกแรง
เธอกลับยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “คุณยาย นั่งเฉยๆ เถอะค่ะ หนูทำเกือบจะเสร็จแล้ว”
“หลานเอาเนื้อหมูมาทำอาหารเหรอ หอมจริงๆ” คุณยายถาม
“เฉินเฟิงอยากกินหมูน้ำแดงกับลูกชิ้นความสุขสี่ประการน่ะค่ะ หนูก็เลยจะทำให้กิน”
“หมูที่เหลือเมื่อตอนเที่ยงเหลืออยู่ไม่เยอะ จะพอเหรอ” คุณยายถามต่อด้วยความสงสัย
เธอลนลาน คุณยายต้องเคยเห็นเนื้อหมูที่เหลืออยู่แล้วแน่เลย
เธอพยายามทำใจให้สงบ แล้วตอบเสียงเรียบนิ่ง “พอค่ะ ยังมีส่วนที่หนูเก็บเอาไว้ในไห หนูเลยไปเอาออกมาทำ”
คุณยายพยักหน้ารับรู้ เชื่อที่หลานสาวพูดหมดใจ
เซี่ยโม่ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ความลับเกือบแตกแล้วไหมล่ะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้