ภายในห้องพักของหานหมาน หลินเฟิงและจิ้งหยุนต่างขมวดคิ้ว แววตาดูเป็ห่วงหานหมานที่าเ็
“าเ็สาหัส” หลินเฟิงกล่าวขณะที่ตรวจสอบาแของหานหมาน แม้ว่าผู้ฝึกยุทธ์จะมีความสามารถในการฟื้นฟูสูง แต่อาการาเ็ของหานหมานสาหัสเป็อย่างมาก ไม่รู้ว่ากระดูกอกได้หักไปกี่ท่อน ส่วนอวัยวะภายในก็บอบช้ำมาก มันเป็ไปไม่ได้ที่เขาจะฟื้นฟูร่างกายด้วยตัวเอง
“ไม่เป็ไร ข้าลำบากมาแต่เด็ก ไม่ตายง่ายๆ หรอก” หานหมานมองโลกในแง่ดีพลางฉีกยิ้มกว้าง
“แล้วการบ่มเพาะของเ้าล่ะ?” หลินเฟิงจ้องหานหมาน แล้วหานหมานก็หลบตาเขาทันที เขาไม่กล้าสบตากับหลินเฟิง ใช่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ตาย แต่หลังจากนี้เขาก็เป็แค่ขยะคนหนึ่ง เผลอๆ อาจจะแย่ยิ่งกว่าคนธรรมดาด้วยซ้ำ?
“หลินเฟิง พวกเราไปที่หุบเขาเฮยเฟิงกันเถอะ หลังจากล่าสัตว์อสูรเสร็จ พวกเราก็นำแกนอสูรไปแลกเม็ดยาิญญากับนิกาย” จิ้งหยุนมองหลินเฟิง ถึงแม้ว่าหานหมานจะเป็ศิษย์สายนอกของนิกายหยุนไห่ แต่ศิษย์สายนอกจะไม่ได้รับความสนใจ ไม่เหมือนกับศิษย์สายในที่ได้รับการปฏิบัติเป็พิเศษ ทางนิกายจะจัดสรรแค่ทรัพยากรให้คุณ ไม่ว่าจะเป็เทคนิค เคล็ดวิชา และสถานที่ฝึกฝน ซึ่งให้คุณไปเติบโตกันเอง รอจนกว่าจะได้เป็ศิษย์สายใน ถึงจะถือว่าเป็คนของนิกายหยุนไห่อย่างแท้จริง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คาดหวังว่าทางนิกายจะให้ความช่วยเหลือแก่หานหมาน
“ไม่มีประโยชน์ อาการาเ็ของหานหมานสาหัสเกินไป ถึงแม้ว่ายารักษาทั่วไปอาจจะรักษาเขาได้ แต่มันอาจส่งผลข้างเคียงในภายหลัง” หลินเฟิงกล่าวขณะส่ายหัว
“แล้วพวกเราจะทำยังไงดี?”
จู่ๆ หลินเฟิงก็ลุกขึ้นและหันหลังเดินออกไป
“ข้าจะไปที่ผาเทียนเชี้ยน รอข้ากลับมา” น้ำเสียงราบเรียบดังขึ้นก่อนที่ร่างหลินเฟิงจะเดินออกจากห้อง ร่างของจิ้งหยุนสั่นเทา เขากำเสื้อของตัวเองแน่น
ใบหน้าของหานหมานปรากฏรอยยิ้มโง่เขลาออกมา แต่รอยยิ้มนั้นกลับแฝงไปด้วยน้ำตา ผาเทียนเชี้ยน? มีแค่หลินเฟิงเท่านั้นที่กล้าคิดและกล้าทำแบบนี้
ผาเทียนเชี้ยน เป็หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และลึกลับมากที่สุดของนิกายหยุนไห่ ชื่อเสียงของมันเลวร้ายยิ่งกว่าลานประลองเป็ตายของหุบเขาเมฆพายุเสียอีก
ลานประลองเป็ตายของหุบเขาเมฆพายุ ถึงแม้ว่าจะมีคนเข้าไปที่นั่นน้อยมาก แต่อย่างน้อยมันก็มี ผิดกับผาเทียนเชี้ยนที่มีคนไม่กี่คนที่กล้าเข้าไปเหยียบที่นั่น และคนที่กล้าเข้าไปมักจะเป็คนที่หลงใหลในการต่อสู้อย่างแท้จริงหรือไม่ก็เป็อัจฉริยะ ศิษย์จำนวนมากในนิกายหยุนไห่ต่างก็เคยได้ยินชื่อผาเทียนเชี้ยน แต่ไม่มีใครรู้ว่าผาเทียนเชี้ยนมันคืออะไรกันแน่
แต่ทุกคนต่างเคยได้ยินข่าวลือมาว่า ถ้าผ่านการทดสอบของผาเทียนเชี้ยนได้ คนคนนั้นจะได้รับความสนใจจากนิกายและได้รับของล้ำค่า แต่ถ้าการทดสอบล้มเหลว ผลที่ตามมาย่อมร้ายแรงมาก
บนยอดเขาของนิกายหยุนไห่ จะมีถ้ำหินอยู่หนึ่งแห่งซึ่งเป็ทางเข้าไปสู่ผาเทียนเชี้ยน
ตอนนี้เองหลินเฟิงก็มาถึงหน้าปากทางเข้าถ้ำแล้ว
“ข้า หลินเฟิงศิษย์จากนิกายหยุนไห่ ้าไปที่ผาเทียนเชี้ยน” หลินเฟิงยืนะโอยู่ที่หน้าปากทางเข้าถ้ำ
เสียงของเขาลอยเข้าไปในถ้ำ ทำให้เกิดเสียงสะท้อนกลับมา หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงตอบกลับมาว่า
“เข้ามา”
“ขอรับ” หลินเฟิงตอบกลับในทันที และเดินเข้าไปในทางเดิน
ทางเดินค่อนข้างมืด ผนังหินทั้งสองด้านมีลวดลายแกะสลัก หลินเฟิงเดินตามแสงสว่างที่อยู่ด้านหน้า ไม่นานก็เข้ามาถึงในถ้ำ
ภายในถ้ำมีเตียงหินหนึ่งหลัง โต๊ะทำงานและเชิงเทียน มันเป็ห้องที่เรียบง่าย และบนเตียงหินมีชายชราคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีดำนั่งอยู่ เขาหลับตาอย่างเงียบๆ โดยไม่ขยับ
“เ้า้าไปผาเทียนเชี้ยน?” ชายชรากล่าวทั้งๆ ที่ดวงตายังคงปิดอยู่
“ขอรับ” หลินเฟิงกล่าวตอบ
“ทำไมเ้าอยากไปที่นั่น?”
“สหายของข้าได้รับาเ็สาหัส กระดูกแตกหักเป็จำนวนมาก อวัยวะภายในก็บอบช้ำ ข้า้ารักษาอาการาเ็ของเขา และต้องเป็ยาที่ไม่มีผลข้างเคียง” หลินเฟิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ชายชราในชุดคลุมสีดำลืมตาขึ้น สายตาของเขาดูลึกซึ้งราวกับสามารถมองทะลุถึงจิตใจได้ เขาหันไปมองหลินเฟิง
“ยารักษาน่ะมี แต่เ้าอยู่แค่ขอบเขตนักรบปราณขั้นที่ 8 มันยากที่เ้าจะผ่านการทดสอบของผาเทียนเชี้ยนได้ แสดงจิติญญาแห่งนักรบของเ้าให้ข้าดูสิ”
หลินเฟิงพยักหน้า ทันใดนั้นร่างของงูน้อยก็ปรากฏขึ้นมา แต่ทว่าเขาไม่คิดที่จะปล่อยจิติญญาแห่งความมืดออกมา
“หืม?” ชายชราขมวดคิ้ว แม้ว่าความรู้และประสบการณ์ของเขาจะกว้างขวาง แต่เขากลับไม่รู้ว่ามีจิติญญาประเภทนี้อยู่ด้วย งูที่ลอยอยู่กลางอากาศดูผอมแห้งมาก ทั้งยังไม่มีกลิ่นอายของสัตว์ป่าเหมือนจิติญญาแห่งอสูรเลยสักนิด
“เ้าไปทางนั้น” ชายชราในชุดคลุมสีดำกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ทางเดินแห่งหนึ่งที่มีอยู่หลายเส้นทางในห้องของเขา ทางเดินเ่าั้จะนำพาไปยังสถานที่ทดสอบที่แตกต่างกัน
“ขอบคุณท่านผู้าุโ” หลินเฟิงพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปยังทางเดินที่ชายชราบอก
เมื่อผู้าุโเห็นหลินเฟิงเข้าไปในทางเดินก็ส่ายหัวเล็กน้อย ด้วยขอบเขตนักรบปราณขั้นที่ 8 และจิติญญาที่อ่อนแอ มันแทบจะเป็ไปไม่ได้เลยที่จะผ่านการทดสอบของผาเทียนเชี้ยน ทางเดินที่ชายชราชี้คือทางที่จะนำไปสู่หน้าผาจงกู่ ซึ่งเป็บททดสอบที่อ่อนที่สุด และหลินเฟิงสามารถถอนตัวได้ตลอดเวลา แต่ความยากของมันกลับมากที่สุด
หลินเฟิงมาที่นี่เพื่อสหายของเขา ทำให้ชายชราในเสื้อคลุมสีดำไม่้าเห็นหลินเฟิงาเ็สาหัสจากการทดสอบ ดังนั้นจึงเลือกทางเดินที่อ่อนที่สุดให้หลินเฟิงเข้าไป เพื่อให้หลินเฟิงรับรู้ถึงความยากของมันและถอนตัวออกมาได้
หน้าผาจงกู่ ไม่ได้มีเสียงกลองดังออกมานับร้อยปีแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่า ไม่มีผู้ใดสามารถผ่านการทดสอบนี้มาได้หนึ่งร้อยปีแล้ว
ในทางเดินที่หลินเฟิงเข้าไป เป็เส้นทางที่เต็มไปด้วยความมืดและขั้นบันไดที่มีจำนวนนับไม่ถ้วนที่ทอดยาวขึ้นไป้า เมื่อหลินเฟิงเดินใกล้จะถึงพันขั้น ก็จะมาถึงหน้าประตูหิน ทันทีที่หลินเฟิงเดินมาถึงหน้าประตู บานประตูหินทั้งสองข้างก็เปิดออก
“วิเศษมาก” หลินเฟิงกล่าวอย่างแ่เบา ภาพตรงหน้าเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ
อากาศที่สดชื่นลอยเข้ามาในจมูก เมื่อหลินเฟิงก้าวออกจากประตูหินก็พบว่าเป็หน้าผาแห่งหนึ่ง ซึ่งมีหมอกกระจายตัวอยู่เต็มไปหมด นอกจากนี้อากาศที่นี่ยังหนาวเย็นอีกด้วย
บนหน้าผาจะมีกลองอยู่ 8 ใบ กลองเหล่านี้ดูคล้ายกับกลองศึกในสมัยโบราณที่โลกก่อนของหลินเฟิง ซึ่งจะใช้ตีตอนสั่งทหารโจมตี และกลอง 8 ใบนี้ตั้งอยู่ตรงกลางลานกว้างที่เปิดโล่ง
“ปึง!” ประตูหินได้ปิดลงโดยอัตโนมัติ เมื่อหลินเฟิงหันกลับไปมองก็พบว่า บนผนังหินมีการแกะสลักตัวอักษรไว้อย่างชัดเจน
“จงทำให้กลองหนึ่งในแปดใบส่งเสียง จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบ?” หลินเฟิงเข้าใจความหมายทันที จากนั้นก็เดินไปยังตรงกลางลานกว้างที่มีกลองทั้ง 8 ใบอยู่
หลินเฟิงไม่รู้ว่ากลองทั้งแปดใบนี้มีความลึกลับอะไร รู้เเต่เพียงว่าต้องตีกลองหนึ่งในนั้นให้เกิดเสียง ถึงจะผ่านการทดสอบ
“ย้าก” หลินเฟิงก้าวเท้าไปข้างหน้าและใช้หมัดโจมตีไปที่กลอง
“ตูม…!!!” มีเสียงดังออกมาพร้อมกับคลื่นที่มองไม่เห็นถูกปล่อยออกมาจากกลองและกระแทกร่างของหลินเฟิง จนเขาต้องถอยไปหลายก้าว
“หืม?” หลินเฟิงขมวดคิ้วและก้าวไปอีกครั้ง
คราวนี้เขาเพิ่มพลังหมัดถึง 5,000 จิน
“ฟิ้ว ฟิ้ว!” เสียงร้องที่ทรงพลังดังขึ้น คลื่นเสียงที่แพร่กระจายออกมาจากตัวกลอง ได้สะท้อนพลังที่แข็งแกร่งกลับมา
“ตูม!!!” คลื่นพลังที่รุนแรงพุ่งใส่ร่างของหลินเฟิง จนร่างของเขากระเด็นออกไป
“แค่กๆ” หลินเฟิงร่วงลงพื้นก่อนจะไอออกมา ที่มุมปากของเขาก็มีเืไหลออกมา
นี่คือ… คลื่น์เก้ากระแทก?
รูม่านตาของหลินเฟิงหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อครู่พลังที่สะท้อนกลับมาใส่ร่างของเขา ก็คือคลื่น์เก้ากระแทก ทั้งยังทรงพลังกว่าตอนที่โจมตีใส่กลองเสียอีก กลองทั้งแปดใบนี้สามารถสะท้อนการโจมตี และเพิ่มความรุนแรงในการโจมตีได้อีกด้วย
วิเศษนัก กลองพวกนี้มันโจมตีกลับได้อย่างไร
หลินเฟิงไม่รีบร้อนลุกขึ้นแต่อย่างใด ในดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิด
จากการโจมตีทั้งสองครั้งมีเพียงเสียงร้องดังขึ้นมาเท่านั้น แต่ตัวกลองกลับไม่ตอบสนองใดๆ ยิ่งเขาใช้พลังโจมตีที่รุนแรงขึ้น พลังที่สะท้อนกลับมาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น นี่ดูเหมือนเป็ปัญหาที่แก้ไม่ออก
“ไม่สิ ในเมื่อนี่คือการทดสอบ มันจะต้องมีวิธีผ่านการทดสอบอย่างแน่นอน เพียงแค่ข้ายังหามันไม่พบเท่านั้นเอง ยิ่งไปกว่านั้นท่านผู้าุโชุดดำก็รู้ว่าข้าเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่อ่อนแอ มิหนำซ้ำจิติญญาแห่งนักรบก็กระจอกงอกง่อย เขาจะต้องเลือกการทดสอบที่ง่ายที่สุดให้กับข้า ถ้าบททดสอบง่ายๆ แบบนี้ข้ายังผ่านไปไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงเส้นทางแห่งนักรบเลย”
แววตาของหลินเฟิงเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว เขาลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ตอนนี้เขาเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของผู้าุโชุดดำแล้ว นี่ไม่ใช่การทดสอบที่ง่ายที่สุด แต่เป็การทดสอบที่ยากที่สุด ท่านผู้าุโหวังว่า เมื่อหลินเฟิงรับรู้ถึงความยากของมันแล้วก็จะถอนตัวกลับมา แต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่ามันจะไปกระตุ้นความตั้งใจของเขาได้
“จิติญญาแห่งความมืด” หลินเฟิงคิด จิติญญาแห่งความมืดพลันปรากฏตัวขึ้นมา ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็ลึกล้ำ เมื่อเขาใช้จิติญญาแห่งความมืด ความสามารถทั้งหมดจะถูกยกระดับขึ้นและนั่นรวมไปถึงการรับรู้ด้วย!
ดาบยาวของเขาส่งเสียงร้องดุจสายฟ้าฟาดออกมา คลื่นดาบโจมตีไปที่กลองใบหนึ่ง
“ฟิ้ว…”
“ตูม!”
เสียงดาบและสายฟ้าะเิขึ้นพร้อมกัน จากนั้นคลื่นดาบก็สะท้อนกลับมา ดาบของหลินเฟิงสั่นไหว ก่อนที่ลำแสงดาบจะปรากฏขึ้นที่ด้านหน้า เพื่อขวางคลื่นดาบที่สะท้อนกลับมา
“แควก!” เสียงเสื้อขาดดังขึ้น บนร่างกายของหลินเฟิงมีรอยเืเป็ทางยาว และมีเืไหลซึมออกมาจากาแ นี่คือสิ่งที่หลินเฟิงได้คาดการณ์ไว้แล้ว คลื่นดาบที่สะท้อนกลับมาจะรุนแรงกว่าตอนโจมตีถึงสองเท่า ถึงแม้ว่าเขาจะป้องกันอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ยังได้รับาเ็อยู่ดี
“ต้องฝึกทักษะดาบให้ดีกว่านี้” หลินเฟิงยังไม่ยอมแพ้ เขาตวัดดาบโจมตีกลองอีกครั้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้