หลินเมิ้งหยาเดินนำหน้าเด็กหนุ่มและหรูเยว่ด้านหลังมีองครักษ์อีกสี่คน สุดท้ายคือชายร่างกำยำโฉดชั่วทั้งสาม
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในโรงน้ำชาแล้ว ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ จึงแยกย้ายกันกลับไป
“แม่นางน้อยตกลงเ้าเรียกพวกข้าเข้ามายังโรงน้ำชาแห่งนี้เพื่อคุยอะไรกันแน่?” เขาส่งยิ้มเ้าเล่ห์สายตาโลมเลีย แม้แต่น้ำเสียงยังเจือไว้ซึ่งความหยาบคาย
พวกเขาเป็กลุ่มอันธพาลขึ้นชื่อในละแวกนี้ชั่วยามนี้พวกเขามองคนตรงหน้าเป็เพียงคนธรรมดา
หลินเมิ้งหยานั่งอยู่อีกฝั่งและปล่อยให้เสี่ยวเอ้อ1เสิร์ฟน้ำชาหอมกรุ่นอย่างไม่รีบร้อนจากนั้นนางดันผลไม้อีกสามจานไว้ตรงหน้าเด็กหนุ่ม
“กินสิ กินเสร็จแล้วข้าจะไปส่งเ้ากลับบ้าน”เด็กหนุ่มมองหน้าพี่สาวเทพธิดาตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง นี่นาง...ไม่กลัวจริงๆ หรือ?
“นังเด็กบ้า ข้าถามเ้าอยู่นะ!”ชายร่างกำยำคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะไม่แยแสตนเอง ความโกรธปะทุขึ้น คำพูดคำจาจึงเริ่มหยาบคาย
สายตาเ็าริมฝีปากหยักยิ้มแข็งทื่อประดับอยู่บนใบหน้าของหลินเมิ้งหยา
“ตีพวกเขา ตีให้เ็ปปางตายแล้วโยนออกนอกหน้าต่างจัดการฟาดคางให้หัก ข้าได้ยินคำพูดของพวกเขาแล้วปวดหัวจริง”องครักษ์ทั้งสี่เตรียมพร้อมไว้อยู่นานแล้ว เมื่อได้รับคำสั่งจากพระชายา พวกเขาจึงเข้าไปต่อยตีกับพวกคนชั่วทั้งสามจนปางตาย
หลินเมิ้งหยานั่งจิบชาบนโต๊ะด้วยท่าทางผ่อนคลายเสียงร้องอู้อี้ดังขึ้นที่ด้านข้างเหตุที่เสียงร้องเป็เช่นนั้นก็เพราะทหารองครักษ์ได้ทำการตีคางของพวกเขาจนแตกหักเรียบร้อยแล้ว
หลังจากถูกตีไปได้สักพัก ใบหน้าของคนทั้งสามบวมปูดสายตาเจ็บแค้นจับจ้องมองทางนังวายร้ายตรงหน้าทว่าหลินเมิ้งหยากลับแค่นหัวเราะเสียงเย็นจากนั้นจับมือของเด็กหนุ่มแล้วพาเดินมาหยุดยืนที่ด้านหน้าพวกเขา
“ไม่ต้องกลัว พี่สาวคนนี้ขอถามเ้าหน่อยว่าในบรรดาชายสามคนนี้ผู้ใดเป็คนทำให้แขนเ้าเคลื่อนเช่นนั้น?” น้ำเสียงอ่อนโยนแต่หวานใสทว่าในขณะเดียวกันมันกลับเสมือนเสียงที่ดังขึ้นมาจากขุมนรก
เด็กหนุ่มผงะ สุดท้ายนิ้วมือชี้ไปทางชายร่างกำยำที่มีเครารกรุงรัง
ชายคนนั้นคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มจะมีความกล้าเช่นนี้เ้านั่นกล้าชี้มาที่เขา เหตุเพราะคางของเขาแตกไปแล้วเรียบร้อยดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงจ้องตาเขม็ง
“ดี เ้าคอยดูให้ดีว่าจุดจบของคนผู้นี้จะเป็เช่นไร” หลินเมิ้งหยากระตุกยิ้มมือบอบบางกดลงบนบ่าของชายผู้นั้น
เสียง “แกร๊ก” ดังขึ้นสี่ครั้งชายร่างกำยำจ้องมองใบหน้ายิ้มแย้มของหลินเมิ้งหยาด้วยความหวาดกลัว แขนทั้งสองข้างอีกทั้งยังท่อนขาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามบิดเบี้ยวโค้งงอจนผิดรูป
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะถามเ้าอีกครั้งใครเป็ผู้ผลักเ้าออกมาจนชนรถม้า?”คำพูดของหลินเมิ้งหยามิต่างอะไรจากฝันร้ายของชายที่เหลืออีกสองคน
ราวกับว่าเด็กหนุ่มถูกการกระทำของหลินเมิ้งหยาทำให้ตื่นตระหนกดวงตากะพริบขึ้นลง ก่อนจะชี้นิ้วไปทางชายอีกคน
“พวกเ้าสองคนโยนเขาออกไปเป็คนแรก อีกเดี๋ยวจงทำให้เขาพิกลพิการาเ็ปางตาย” องครักษ์ทั้งสองรีบฉุดร่างของชายคนนั้นขึ้น “พลั่ก ตุ้บ”เสียงดังขึ้น ชายร่างกำยำคนนั้นถูกโยนลงไปบนพื้นถนน ประกายในดวงตาส่องแสงริบหรี่
หลินเมิ้งหยาหันหน้ากลับมาทางชายร่างกำยำที่ปากเต็มไปด้วยคำพูดหยาบคายนางกระตุกยิ้มเย็นะเื ก่อนจะขอเข็มเย็บรองเท้าจากร้าน
เล็งจุดฝังเข็ม ก่อนจะแทงเข้าไปที่ท้องน้อยสีหน้าของชายผู้นั้นขาวซีดยิ่งกว่ากระดาษ ั์ตาเผยให้เห็นความหวาดกลัว
“เข็มนี้ถือเสียว่าเป็การสั่งสอนข้าจะรอดูว่าเ้าจะยังกล้าข่มเหงรังแกอิสตรีอีกหรือไม่”
ขณะเดียวกัน ทุกคนภายในห้องต่างพากันสูดลมหายใจเย็นะเืเข้าปอด
พระชายาพระองค์นี้เืเย็นยิ่งนัก!
“หากมีใครกล้านำเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปป่าวประกาศแล้วละก็เตรียมตัวไปรับโทษได้!”สายตาเยือกเย็นกวาดมององครักษ์ทั้งสี่แม้นพวกเขาจะเคยออกรบและต้องเจอกับคมหอกคมดาบมามากมายทว่าแผ่นหลังก็อดไม่ได้ที่จะเย็นวาบ
์โปรด แม้จะเคยพบกับผู้นำทัพที่รักการทรมานในกองทัพมามากมายแต่มิมีผู้ใดเหมือนกับพระชายาที่สามารถทรมานคนจนปางตายทั้งที่ใบหน้ายังกระตุกยิ้มและเอื้อนเอ่ยอยู่
“พ่ะย่ะค่ะ!” ล้อเล่นหรืออย่างไรต่อจากนี้ไปหากพบเห็นพระชายาที่ใดคงต้องหลีกเลี่ยงเสียแล้วกระมังใครจะกล้าเข้าไปฟ้องเอาความผิดกันล่ะ!
“เอาล่ะ โยนออกไปให้หมด วางใจเถอะ ไม่ตายง่ายๆ หรอก”องครักษ์ทั้งสี่ทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวบนถนนหน้าโรงน้ำชาก็ปรากฏร่างกึ่งเป็กึ่งตายของชายเ่าั้
“ฮูหยิน...ท่าน...เมื่อครู่พวกเขาตามคนมาช่วยแล้วท่านรีบกลับไปเถิด หากพวกเขาจับตัวท่านได้ ท่านจบเห่แน่!”เด็กหนุ่มร้องะโพลางกระตุกชายเสื้อของหลินเมิ้งหยาใบหน้าเผยให้เห็นอาการหมดหวัง
เป็เพราะเขา พี่สาวเทพธิดาคนนี้จึงต้องถูกคนชั่วช้าเ่าั้รังควานอีกเดี๋ยวหากคนกลุ่มนั้นมาถึง แม้จะต้องสละชีวิตเขาก็จะต้องช่วยพี่สาวเอาไว้ให้ได้!
“ตามคนมา?ไม่เป็ไรหรอก มีเท่าไรก็ขนมาให้หมด ข้าไม่กลัว นั่งลงเถิด ดื่มชาแล้วค่อยๆ กินขนม”หลินเมิ้งหยากลับหัวเราะ จากนั้นใช้ผ้าเช็ดปากแล้วดื่มชาต่อ
เวลาเพียงธูปครึ่งดอกเหล่าอันธพาลโฉดชั่วสวมเสื้อผ้าหลากสีสันราวยี่สิบกว่าคนเข้ามาปิดล้อมโรงน้ำชาเอาไว้
ดูพี่น้องของเรานั่นสิ าเ็ปางตายแต่กลับถูกโยนทิ้งไว้ข้างถนนพี่ใหญ่ของกลุ่มอันธพาลโกรธจนขบฟันแน่น
เขาควบคุมพื้นที่นี้อยู่มานานนับสิบปี ไม่เคยมีใครกล้าหือกล้าอือคิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะถูกผู้หญิงคนหนึ่งแหย่จมูก!
“พี่น้องทั้งหลาย ช่วยกันพังโรงน้ำชาแห่งนี้เสียจับตัวนังผู้หญิงพวกนั้นมาให้ได้ พวกเราจะแก้แค้นแทนพี่น้องของเรา!” ชายคนนั้นถือมีดไว้ในมือดวงตาจับจ้องมองทางโรงน้ำชาและคิดจะพุ่งตัวเข้ามา ทว่าอีกหนึ่งวินาทีต่อมาลูกธนูหนึ่งดอกพุ่งตกลงมาด้านหน้าฝีเท้า
อีกเพียงนิดเดียวธนูดอกนี้ก็เกือบจะพุ่งทะลุร่างกายของเขาแล้วขณะเดียวกันแผ่นหลังของพี่ใหญ่มีเหงื่อผุดจนเปียก
“พระชายาอวี้ประทับอยู่ที่นี่ ใครกล้าเข้ามา ตาย!”
ลำไส้ของพี่ใหญ่เริ่มบิดมวน
หาเื่ใครไม่หาเื่ ดันไปหาเื่พระชายาของท่านอ๋องอวี้อย่าว่าแต่ความโเี้อำมหิตของท่านอ๋องอวี้เลยแต่ใครที่กล้าสร้างปัญหากับราชวงศ์ คนเ่าั้จะต้องโทษตายสถานเดียว!
แต่เหตุใดพระชายาจึงมายังที่แห่งนี้เล่า
“ขอให้พระชายาอายุยืนหมื่นปี ข้าน้อยมาช้าทำให้พระชายาต้องตื่นตระหนก พระชายาได้โปรดลงโทษข้าน้อยด้วยเถิด!”แม่ทัพทหารม้าที่ทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของเมืองหลวงปาดเหงื่อเพื่อรอรับคำสั่งลงทัณฑ์
“ลุกขึ้นเถิดท่านแม่ทัพ เมื่อครู่เป็เพียงเื่เข้าใจผิดเท่านั้นเปิ่นเฟย2ไม่คิดเอาผิดกับท่านหรอกแต่ไม่รู้ว่าท่านอ๋อง...” หลินเมิ้งหยาก้าวเท้าเดินออกจากโรงน้ำชาใบหน้าแสดงให้เห็นถึงความอึดอัดใจ
แม่ทัพทหารม้ารีบสั่งให้คนจับตัวอันธพาลทั้งสามก่อนจะเอ่ยตอบด้วยความเคารพ “เ้าสามคนนั้นบังอาจล่วงเกินพระองค์ ตอนนี้ถูกทหารองครักษ์จัดการเรียบร้อยแล้วลำดับต่อไปข้าน้อยจะนำคนเหล่านี้ไปไต่สวนและแจ้งให้พระชายาทรงทราบพ่ะย่ะค่ะ!”
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลงเล็กน้อย นางมิได้เผยแววตาแห่งความพึงพอใจออกมาให้เห็นอีกทั้งยังไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดเพิ่มเติม
แม่ทัพทหารม้าปาดเหงื่อทว่าในใจกำลังก่นด่าพวกอันธพาลที่มีตาหามีแววไม่เหล่านี้
ท่านอ๋องอวี้เป็ผู้ที่ไม่ควรเข้าไปข้องแวะด้วยอย่างยิ่งโชคดีที่ตัวเองมาทันจึงไม่เกิดเื่อันใดขึ้นกับพระชายามิเช่นนั้นเกรงว่าต่อให้เขาจะมีหัวสักกี่หัวก็คงไม่พอให้หลุดจากบ่า!
ภายในรถม้า หรูเยว่และเด็กหนุ่มต่างพากันมองทางหลินเมิ้งหยาด้วยแววตาชื่นชม
************************
1เสี่ยวเอ้อร์ คือเด็กเสิร์ฟในโรงน้ำชา
2 เปิ่นเฟยคือคำเรียกแทนตัวเองของพระชายา