ในตอนที่หลินเมิงหยายังสติฟั่นเฟือน นางไม่มีเื่อื่นใดให้ทำแต่ถึงกระนั้นนางกลับยังไม่ลืมเนื้อหาในหน้าหนังสือ ดังนั้นข้อมูลต่างๆ จึงยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
“โอ้! ที่แท้ก็เป็เช่นนี้นี่เอง!แต่คุณหนูเ้าคะ คุณหนูมอบแหวนหยกให้กับเถ้าแก่ร้านไปแล้วท่านไม่กลัวเขาจะไม่นำมันมาคืนหรือเ้าคะ?”
เพียงได้เห็นแหวนหยกวงนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็ของมีราคาปกติแล้วคุณหนูของนางไม่มีเครื่องประดับอันใด หากเ้าของร้านเกิดละโมบขึ้นมาคุณหนูของนางไม่ขาดทุนหรอกหรือ?
“เขาไม่กล้าหรอก” เสียงสงบนิ่งแต่เจือไว้ซึ่งความมั่นใจหลินเมิ้งหยาไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับเครื่องประดับเ่าั้อีกตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของนางอยู่ที่หนังสือ
เนื้อหาส่วนใหญ่ของคัมภีร์หลินอันมักจะเกี่ยวกับงานบ้านงานเรือนของราชวงศ์ก่อนหน้าและวัฒนธรรมประเพณีนางคิดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องอวี้จะมีงานอดิเรกเช่นนี้
คนเราไม่อาจตัดสินกันด้วยหน้าตาจริงๆ
จู่ๆ รถม้าที่แล่นด้วยความเร็วก็หยุดลงกะทันหันขณะเดียวกันเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นรอบๆ บริเวณคิ้วของหลินเมิ้งหยาขมวดเข้าหากัน
หรูเยว่รีบแหวกผ้าม่านออกเพื่อสอบถามองครักษ์อารักขาด้านนอก
“ไม่รู้ว่าเป็เด็กวัยรุ่นมีตาหามีแววจากที่ใดกัน อยู่ๆ ก็พุ่งตัวออกมาร้านค้าจนชนเข้ากับรถม้าของพวกเราคุณหนูรอสักครู่นะเ้าคะองครักษ์หลินบอกว่าใกล้จะจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วเ้าค่ะ”
โอ้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอกับพวกมิจฉาชีพวิ่งชนรถชาวบ้านที่นี่
หลินเมิ้งหยารู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย ชาติก่อนตอนที่นางขับรถนางเคยพบกับเหตุการณ์เช่นนี้สองครั้ง
ทุกครั้งนางมักจะโทรแจ้งตำรวจด้วยความใจเย็นสุดท้ายฝ่ายตรงข้ามก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทว่าเหตุการณ์ในเวลากำลังเกิดขึ้นในยุคสมัยโบราณที่ไม่เคยปรากฏมิจฉาชีพเช่นนี้มาก่อนถ้าเช่นนั้นคนผู้นั้นเป็คนเช่นไรกันนะ?
“ไปกันเถอะ พวกเราลงไปดูกัน” ไม่รอให้หรูเยว่ส่งเสียงห้าม หลินเมิ้งหยารีบผลุนผลันออกจากรถม้าไป
ชาวบ้านที่อยู่ด้านนอกได้เห็นหญิงสาวหน้าตางดงามเดินลงมาจากรถม้าพวกเขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชม
แน่นอนว่าชาวบ้านเ่าั้ล้วนมาเพียงเพราะอยากเห็นเื่สนุกเท่านั้น
หลินเมิ้งหยาเยื้องย่างออกไป นางเหลือบมองไปทางตำแหน่งที่ห่างจากรถม้าราวสามเมตรวัยรุ่นคนหนึ่งนอนกอดแขนอยู่บนพื้น
ชายร่างกำยำที่ยืนอยู่ข้างกายราวสองสามคนกำลังเผชิญหน้ากับองครักษ์อารักขาและคนคุมบังเหียนของตนเองนางไม่สนใจพวกมิจฉาชีพที่กำลังรอปอกลอกผู้อื่นเ่าั้เลยแม้แต่น้อย
ทว่าเด็กวัยรุ่นที่กำลังนอนดตัวอยู่บนพื้นกลับมีใบหน้าขาวซีดดั่งกระดาษแขนซ้ายโค้งงอผิดรูป เกรงว่ากระดูกคงหักเสียแล้ว
“ยื่นแขนของเ้ามาให้ข้าดู” หลินเมิ้งหยาเดินไปหยุดอยู่ข้างกายเด็กวัยรุ่นเด็กวัยรุ่นผู้นี้น่าจะได้รับาเ็สาหัสทว่าเขากลับทำเพียงกอดแขนของตัวเองเอาไว้พลางมองภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาเ็าแม้แต่เสียงร้องก็ไม่ส่งออกมา
“ดูแล้วจะทำอะไรได้เล่า? หากรู้สึกผิดก็เอาเงินมาแล้วรีบไปซะ”แม้วัยรุ่นคนนั้นจะเ็ปจนต้องกัดฟันทว่าเสียงที่ส่งออกมากลับเ็าเกินกว่าที่นางคาดเดาเอาไว้
โอ้?หลินเมิ้งหยาเหลือบมองภาพความวุ่นวายตรงหน้า ก่อนจะหันกลับมามองเด็กวัยรุ่นราวกับว่า...จะไม่ใช่!
ตอนแรกเด็กวัยรุ่นคิดว่าหลินเมิ้งหยาเป็เพียงฮูหยินร่ำรวยธรรมดาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าฮูหยินอายุยังน้อยผู้นี้จะรีบเข้ามาจับบ่าของตนเองเอาไว้
เด็กวัยรุ่นที่เ็ปจนแทบจะทนไม่ไหวเป็ทุนเดิมอยู่แล้วหันไปมองฮูหยินตรงหน้าด้วยความโกรธแต่เขาต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่าฮูหยินคนนี้ยังดูเด็กมากเหลือเกิน!
“ไม่เป็ไรหรอก กระดูกเคลื่อนเท่านั้น หรูเยว่ช่วยข้าจับเขาเอาไว้ที ข้าจะดันกลับเข้าที่ให้เอง” หลินเมิ้งหยารู้สึกสนใจเด็กวัยรุ่นผู้นี้ไม่น้อยสายตาของวัยรุ่นผู้นี้คล้ายกับหมาป่าไม่มีผิด
สายตาโเี้ดั่งหมาป่ามิควรทำตัวเป็รองต่อพวกมิจฉาชีพข้างถนน
ตอนแรกหรูเยว่คิดว่าคุณหนู้าจัดการเด็กวัยรุ่นคนนี้ดังนั้นนางจึงรีบจับตัวของเขาเอาไว้
ฝ่ามือนุ่มนิ่มของหลินเมิ้งหยาจับๆ ดันๆ อยู่หลายครั้งก่อนจะออกแรงจากนั้น “แกร๊ก” เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น แขนของเด็กวัยรุ่นจึงกลับมาเป็เหมือนเดิม
“โอ๊ย...” เด็กวัยรุ่นกัดริมฝีปากแน่นราวกับว่า้าจะกัดริมฝีปากบางซีดให้ขาดออกจากกัน ทว่าหลังจากที่ความเ็ปผ่านพ้นไปแล้วในที่สุดแขนของเขาก็กลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง
“ขยับหน่อย ต่อจากนี้ไปเ้าต้องระวัง หากกระดูกเคลื่อนอีกจะแย่เอาได้หรูเยว่ ไปหาแผ่นไม้มาให้ข้า ข้าจะทำเฝือกง่ายๆ ให้กับเขา”
หลินเมิ้งหยารักษาเด็กหนุ่มอย่างเป็ขั้นเป็ตอน นางเหลือบมองดวงตาเหม่อลอยของเขาก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้
“เ้า...เป็หมออย่างนั้นหรือ?”เด็กหนุ่มจ้องมองหญิงสาวอายุน้อยที่มีใบหน้างดงามตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ข้าไม่ใช่หมอ อีกทั้งยังทำเพียงปฐมพยาบาลเบื้องต้นเท่านั้น” หรูเยว่หาแผ่นไม้สองสามแผ่นมาให้หลินเมิ้งหยาไม่ลังเลเลยที่จะฉีกชายกระโปรงของตนเองเสียงผ้าไหมที่ฉีกขาดออกจากกันทำให้หรูเยว่เ็ปเหลือเกิน
คุณหนูจะรู้หรือไม่ว่ากระโปรงตัวนี้เป็เครื่องบรรณาการ ราคาตัวหนึ่งสูงถึงหนึ่งร้อยชั่ง!
ฮือ ฮือ ฮือ คุณหนูทำให้มันเสียราคาหมดแล้ว!
หลินเมิ้งหยาทำเฝือกอย่างง่ายให้กับเด็กหนุ่ม นางไม่รู้สึกเ็ปเลยแม้แต่น้อย
เด็กหนุ่มจ้องมองหลินเมิ้งหยา แม้นางจะใส่เฝือกให้เขาเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่าสายตากลับยังคงตกอยู่บนใบหน้าของนาง
“จ้องข้าทำไมกัน? มีอะไรติดหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?” เมื่อลองมองใกล้ๆเด็กคนนี้อายุราวๆ สิบสองสิบสามปีเท่านั้น ทว่าใบหน้ามีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ
เมื่อเด็กหนุ่มได้ยินเช่นนั้นจึงรีบตวัดสายตากลับไปทว่าใบหน้าของเขากลับแดงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
แม้จะสกปรกเล็กน้อย บนหน้าผากมีคราบเื ใบหน้าซูบตอบทว่าดวงตาของเขากลับเจือไว้ซึ่งร่องรอยของความอำมหิต
หล่อเหลาราวกับปีศาจอีกคนแล้วหรือนี่ หลินเมิ้งหยาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแต่เพราะเหตุใดเด็กหนุ่มคนนี้จึงเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกมิจฉาชีพเ่าั้กันนะ?
“ฮูหยิน ท่านให้เงินพวกเขาแล้วรีบไปเถอะไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ปล่อยพวกท่านไป” เหตุเพราะหลินเมิ้งหยาช่วยรักษาอาการที่แขนให้กับตนเองความรู้สึกที่หนุ่มน้อยมีต่อนางจึงดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
“เงิน?ข้าไม่ให้เงินพวกเขาหรอก ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็แจ้งเ้าหน้าที่เถิด”หลินเมิ้งหยาเลิกคิ้ว การที่คนกลุ่มนี้กล้ากระทำการอย่างอุกอาจเช่นนี้แสดงว่าทางการจะต้องมีส่วนเกี่ยวพันด้วยอย่างแน่นอน
แต่ถ้าเป็เช่นนั้นก็ดีเหมือนกันตัวนางถือเป็ชนชั้นที่มีอภิสิทธิ์ เมื่อเทียบกับชาวบ้านแถวนี้แล้วนางมีอภิสิทธิ์พิเศษกว่ามาก
“ฮูหยิน ท่านเป็คนดี แต่คนเหล่านี้คือกลุ่มอันธพาลหลิวเย่ที่โด่งดังในเมืองหลวงหากท่านทำให้พวกเขาไม่พอใจ พวกเขาอาจจะแสดงท่าทีสงบเสงี่ยมต่อหน้าแต่เมื่ออยู่ลับหลังพวกเขาจะคอยจับตามองคนในสกุลของท่านเพื่อสร้างความวุ่นวายเมื่อถึงเวลานั้นพวกท่านจะพบแต่เพียงความโชคร้าย!”
เด็กหนุ่มส่งเสียงกระซิบ น้ำเสียงเจือไว้ซึ่งความเป็ห่วง
กลุ่มอันธพาลหลิวเย่เป็ผู้ใดกัน? หลินเมิ้งหยาค้นหาคำเหล่านี้ในความทรงจำของตนเองแต่นางกลับไม่พบอะไร ทว่านางไม่นึกแปลกใจหรอกหลินเมิ้งหยาเป็คุณหนูใหญ่แห่งสกุลหลิน แล้วนางจะรู้เื่เหล่านี้ได้อย่างไรกัน
“ข้าไม่กลัว หากพวกเขาแน่จริงก็รีบไปสร้างความวุ่นวายให้บ้านข้าเถิด”หากเดาจากลักษณะนิสัยของหลงเทียนอวี้ พวกเขาคงได้ไป แต่คงไม่ได้กลับออกมา
คิดจะไปสร้างความวุ่นวายในพระตำหนักขององค์ชาย จุดจบคงไม่ต่างอะไรจากการเอาชีวิตไปทิ้ง
“เ้า...ทำไมเ้าจึงไม่รู้ความเช่นนี้!” เด็กหนุ่มเริ่มร้อนใจเขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับคนดื้อรั้นเช่นนี้
“เอาล่ะ เ้าวางใจเถอะ แม้จะต้องขึ้นโรงขึ้นศาลข้าก็ไม่หวั่นเกรงต่อพวกเขาหรอก เ้ายังลุกขึ้นได้หรือไม่?” เด็กหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีเทาเหตุเพราะการกระทำของเขาเมื่อครู่ ดังนั้นเสื้อผ้าสกปรกขาดวิ่นที่อยู่ภายในจึงเผยออกมาให้เห็น
้ายังปรากฏรอยคราบเืสีแดงเข้มให้เห็น หลินเมิ้งหยาลองััก่อนจะพบว่ารอยเืเ่าั้แข็งทื่อไปแล้ว
“พวกเขาทำร้ายเ้า!” นางคิ้วขมวดเข้าหากันแน่นชาติก่อนตอนที่นางยังอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า นางมักจะได้เห็นเด็กๆ ที่เคยถูกลักพาตัวและช่วยเหลือกลับมาได้มากมาย
บางพวกถูกขายให้กับคนธรรมดายังนับว่าดีเพราะอย่างน้อยพวกเขาจะไม่ขาดแคลนอาหาร
แต่ถ้าหากถูกขายให้กับแก๊งขอทานการปล่อยให้เด็กหิวโหยยังนับว่าเป็เื่ที่ไม่แย่ เหตุเพราะเด็กบางคนถึงขั้นถูกตัดแขนขา ทำลายใบหน้า จนสุดท้ายกลายเป็ตัวประหลาด
สายตาของเด็กหนุ่มเผยให้เห็นถึงความเ็ปชั่วครู่แต่ถึงกระนั้นเขากลับแสดงท่าทีไม่แยแส
จุดที่อ่อนโยนที่สุดในก้นบึ้งของหัวใจเสมือนถูกทำให้สั่นไหวราวกับว่านางกำลังได้เห็นเหล่าน้องชายน้องสาวที่ถูกดูแลและต้องทนต่อความโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
“ไปเถอะ เ้าไปกับข้า” นางดึงมือที่ผอมกะหร่องราวกับเหลือแต่เพียงกระดูกของเด็กหนุ่มนี่เป็ครั้งแรกที่ไฟในตัวของหลินเมิ้งหยาลุกโชน
เ้าพวกคนไร้ยางอายนี่พวกเ้ากล้าทำเื่ชั่วร้ายเช่นนี้ได้เยี่ยงไร!
เดาว่าแม้แต่แขนที่ผิดรูปของเด็กหนุ่มคนนี้ก็เป็พวกเขาที่ทำมันหากกระดูกต้องเคลื่อนเช่นนั้นไปตลอดชีวิตเกรงว่าวันนั้นจะเป็วันที่เด็กหนุ่มคนนี้ต้องถูกตัดแขนตัดขา!
“ไอ้หยา คุณหนูเ้าคะ คุณหนูจะพาเ้าขอทานคนนี้ไปด้วยทำไม!” ต่อให้หรูเยว่โง่ขนาดไหนแต่นางก็ยังรู้ได้ว่าคุณหนูของนาง้าจะทำอะไร
แต่เมื่อคิดจะร้องห้าม นางกลับได้รับสายตาเ็าจากคุณหนูของตนเอง
ฮือ ฮือ อาการของคุณหนูดีขึ้นมากจริงๆแต่...คุณหนูกลับดุดันขึ้นด้วยนี่สิ!
“พวกเ้าดูสิน้องชายของพวกเราถูกรถของพวกเ้าชนจนกลายเป็อัมพาตไปแล้วหากพวกเ้าไม่ชดเชยให้สมน้ำสมเนื้อ วันนี้พวกเราจะไปเรียกร้องที่ศาลาว่าการ!” ด้านนอกรถม้าชายร่างกำยำสวมใส่ชุดธรรมดาสามคนยืนขวางหน้ารถม้าเอาไว้
สองคนกำลังจ้องมองคนที่อยู่บริเวณรอบๆ ส่วนคนชั่วอีกคนกำลังยืนโพนทะนาต่อหน้าฝูงชน
แม้ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ จะรู้ว่าคนเหล่านี้แสร้งชนรถม้าเพื่อหวังเรียกค่าเสียหายแต่พวกเขาถูกชายร่างกำยำเหล่านี้ข่มขู่เอาไว้ องครักษ์อารักขาหลายคนเริ่มทนไม่ไหวขณะที่กำลังจะเข้าเอาผิดคนเ่าั้ พวกเขาได้เห็นพระชายาดึงตัวเด็กหนุ่มที่ได้รับาเ็เข้ามา
หากไม่ได้รับคำสั่งจากเ้านายองครักษ์อารักขาเช่นพวกเขาคงมิกล้าลงมือ
ส่วนใบหน้าของหลินเมิ้งหยาในเวลานี้มีเพียงความเ็าแม้แต่เหล่าองครักษ์ยังรู้สึกหวั่นเกรง
“พวกเ้าอยากเรียกร้องความเป็ธรรมใช่หรือไม่? ไปเถอะ เข้าไปร้านน้ำชาด้วยกันจะได้หาห้องส่วนตัวเพื่อจิบชาและพูดคุยกันให้เข้าใจ”ชายร่างกำยำทั้งสามได้ยินเสียงหวานใสดังขึ้นที่ด้านหลัง
เมื่อหมุนตัว ทว่าพวกเขากลับได้เห็นหญิงสาวหน้าตางดงามกำลังจับมือเดินนำหน้าไอ้เด็กสวะเข้ามา
ทั้งสามส่งสายตามองกัน ในเมืองหลวงมีหญิงสาวหน้าตางดงามมากมายแต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ค่อยได้เห็น
ทว่าวันนี้พวกเขาลองสุ่มหากินที่ข้างทาง แต่กลับได้พบกับหญิงสาวหน้าตาสวยงามราวเทพธิดาดูท่าแล้วพวกเขาคงมีบุญหนักพอควร
หลินเมิ้งหยาััได้ถึงความคิดต่ำทรามของชายสามคนตรงหน้า
คิดจะทำให้นางเสื่อมเสียนั่นแสดงให้เห็นว่าเ้าพวกอันธพาลเหล่านี้ผงาดขึ้นมาอย่างง่ายดาย
เมื่อหรูเยว่เข้าไปพูดคุยกับองครักษ์หลินเรียบร้อยแล้วสายตาที่จ้องมองทางชายร่างกำยำทั้งสามจึงเปี่ยมไปด้วยการดูถูก
“ในเมื่อคนสวยพูดอย่างนี้ถ้าเช่นนั้นพวกพี่ชายจะอยู่เป็เพื่อนเล่นให้แล้วกัน!”ชายที่พูดเก่งที่สุดหันไปสบตากับใครบางคนในกลุ่มฝูงชน
พวกเขาทั้งสามจ้องมองสาวน้อยท่าทางอ้อนแอ้นตรงหน้าด้วยความหลงใหลั์ตาแฝงไว้ซึ่งความหื่นกระหาย ราวกับว่า้าจะพุ่งตัวเข้าไปหานาง