เมื่อถูกสายตาสองคู่จับจ้องไม่ไหวติงหลินเมิ้งหยาจึงทำได้เพียงวางหนังสือในมือลง ก่อนจะลืมตาโตจ้องมองทั้งสองกลับไป
ไม่นาน หรูเยว่ที่ถูกหลินเมิ้งหยาจ้องเขม็งไม่อาจอดรนทนไหว
“คุณหนูเ้าคะ คุณหนูไปร่ำเรียนสิ่งเหล่านี้มาจากที่ใดกัน! เหตุใดไม่สอนข้าบ้างล่ะเ้าคะ!”
หรูเยว์บ่นอุบ ทว่าหลินเมิ้งหยากลับไม่สนใจนาง
นางเบือนหน้า สายตาจับจ้องไปทางเด็กหนุ่มร่างกายซูบผอม
“เ้าชื่อว่าอะไร?” เด็กหนุ่มมีสติกว่าหรูเยว่ ใบหน้าแดงก่ำ ทว่ากลับเปี่ยมไปด้วยความกล้า
“พวกเขา...พวกเขาเรียกข้าน้อยว่าสือโถวขอรับ”เสียงของเด็กหนุ่มเบาจนแทบจะไม่ได้ยินทว่ากลับดังมากเพียงพอที่จะทำให้หัวใจของหลินเมิ้งหยาสั่นไหว
“บ้านของเ้าอยู่ที่ไหน? ยังมีครอบครัวอยู่หรือไม่?” หลินเมิ้หงยาเป็คนที่ช่วยใครก็มักจะช่วยให้ถึงที่สุดนางอยากส่งเด็กคนนี้กลับไปหาครอบครัวของเขา
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะส่ายหน้าราวกับว่านึกเื่บางอย่างที่น่าสลดใจขึ้นมาได้
“นับั้แ่ที่ข้าน้อยจำความได้ ข้าน้อยก็เร่ร่อนอยู่กับขอทานเฒ่าต่อมาคนกลุ่มนี้บังเอิญเจอข้าน้อยเข้าพวกเขาจึงทำร้ายขอทานเฒ่าจนตายแล้วแย่งข้าน้อยไปข้าน้อยได้ยินเหมาซานเล่าว่าพวกเขาจะขายข้าน้อยให้กับครอบครัวเศรษฐีเพื่อนำไปเป็หลวนถ่ง1 เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงใช้ข้าน้อยทำเื่เพียงเล็กๆ น้อยๆเหล่านี้และไม่ได้รับาเ็สาหัส”
หัวใจของหลินเมิ้งหยารู้สึกหนักอึ้ง
ใบหน้าเ็ายิ่งกว่าเกล็ดหิมะ เป็ไปตามที่นางคาดเอาไว้ เพียงแต่...ขายเขาให้กับเศรษฐีเพื่อนำไปเป็หลวนถ่งการทำเช่นนี้ต่างอะไรจากการส่งไปตายกัน?
ั์ตาเผยให้เห็นการตัดสินใจบางอย่าง
“ชื่อสือโถวไม่น่าฟังเอาเสียเลย ต่อจากนี้ไปข้าจะเรียกเ้าว่าหลินจงอวี้ข้าชื่อหลินเมิ้งหยา พวกเราจะกลายเป็พี่น้องกัน เ้าจำได้แล้วหรือไม่?”
สือโถว ไม่สิตอนนี้ต้องเรียกว่าหลินจงอวี้จ้องมองหลินเมิ้งหยาด้วยท่าทางงุนงง
มือหยิกเข้าที่ท่อนขา ก่อนจะพบว่าตนเองมิได้ฝันไป
“ได้หรือ...ขอรับ?”หลินจงอวี้แทบไม่อยากจะเชื่อว่าเื่ดีเช่นนี้จะตกลงมาจากฟ้าแล้วร่วงหล่นบนร่างของตนเอง
“แน่นอนว่าได้ วางใจเถิด ต่อจากนี้ไปหากมีข้าอยู่จะไม่มีใครกล้ารังแกเ้าอย่างแน่นอน!” หลินเมิ้งหยาไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหตุใดนางจึงรู้สึกกระตือรือร้นที่จะรับเด็กคนนี้มาอุปการะเหลือเกิน
แต่นางไม่นึกเสียใจ หากนางปล่อยเขาไปตามทางของเขาคนเ่าั้จะต้องเข้ามาหาเื่เขาอีกแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้น คนที่ทำร้ายเขาจะกลายเป็นางเสียเอง
สู้เก็บเขาไว้คอยปกป้องข้างกายยังจะดีเสียกว่าอีกอย่างพระตำหนักของท่านอ๋องใหญ่โตมโหราฬ ไม่มีทางขาดแคลนเพียงเพราะให้ข้าวเขากินหรอก
ผ่านเื่ราวน่าตื่นตระหนกตลอดทั้งเช้า ขณะที่หลินเมิ้งหยาพาหรูเยว่และหลินจงอวี้เข้าไปในพระตำหนักน้าจิ่นเยว่คนสนิทของพระสนมเต๋อเฟยเหนียงเหนียงก็มารอที่หน้าประตูใหญ่แล้ว
พระสนมเต๋อเฟยเหนียงเหนียงมีเพ่ยเจี้ยถึงสองคนด้วยกัน
น้าจิ่นเยว่มีอุปนิสัยอ่อนโยนปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพและมีมารยาท ดังนั้นนางจึงมักออกมาเดินด้านนอก
อีกคนคือน้าจิ้งเยว่ เป็คนระมัดระวังและละเอียดรอบคอบ ไม่พูดไม่จาปกติมักจะอยู่ถวายรับใช้พระสนมเต๋อเฟย
“ถวายคำนับพระชายา...” จิ่นเยว่ถวายคำนับแม้จะอยู่ในตำหนักของท่านอ๋องอวี้ แต่นางก็ยังปฏิบัติตามธรรมเนียมอย่างเคร่งครัด
หลินเมิ้งหยาโค้งคำนับอย่างไม่ถือตนสายตาของจิ่นเยว่เผยให้เห็นความอ่อนโยนและนับถือพระชายาพระองค์นี้ทั้งฉลาดและงดงาม ฐานะทางบ้านเองก็ไม่เลวช่างเป็ลูกสะใภ้ที่ดีมากเลยจริงๆ
“ท่านน้ามาหาข้าหรือ หรือพระสนมเต๋อเฟยเหนียงเหนียงอยากถามอะไรข้า?” นางเอ่ยถามด้วยความระมัดระวังพูดตามความจริง แม้นางจะทำให้พระสนมเต๋อเฟยเหนียงเหนียงใจอ่อนกับนางแล้วแต่ถึงกระนั้นนางก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านความสัมพันธ์ของแม่สามีและลูกสะใภ้
“ควรจะเรียกว่าหมู่เฟยได้แล้วเพคะเหนียงเหนียงมีเื่จะรับสั่งกับพระองค์ เชิญพระชายาตามหม่อมฉันมาเถิดเพคะ”รีบจัดแจงงานให้กับหรูเยว่และหลินจงอวี้หลินเมิ้งหยาเดินตามหลังจิ่นเยว่มุ่งหน้าไปยังตำหนักหยาเสวียน
ภายในพระตำหนัก พระสนมเต๋อเฟยเหนียงเหนียงนั่งอยู่บนพระที่นั่งเหตุเพราะไม่ได้อยู่ในพระราชวัง ดังนั้นนางจึงใส่เพียงชุดธรรมดาลายดอกไม้สีเทาอ่อนเส้นผมบนศีรษะถูกเกล้ารวบเป็มวย อีกทั้งยังทัดเพียงดอกโบตั๋นเอาไว้้า
แม้จะไร้ซึ่งความหรูหราดั่งในวังหลวงทว่าผู้คนกลับมีความรู้สึกสนิทชิดเชื้อกันมากกว่า
หลินเมิ้งหยาคุกเข่าลงตามประเพณีเพื่อถวายคำนับพระสนมเต๋อเฟยเหนียงเหนียง
“เอ๋อร์ซี2ถวายคำนับแก่หมู่เฟย” ั์ตาคมกริบดั่งนกฟีนิกส์ของพระสนมเต๋อเฟยเหนียงเหนียงเจือไว้ซึ่งความโศกเศร้าแต่เมื่อได้เห็นลูกสะใภ้ ความโศกเศร้าจึงจางหายไปเล็กน้อย
“เด็กดี ลุกขึ้นเถิด มานี่สิ หมู่เฟยมีเื่จะคุยและกำชับเ้าเล็กน้อย”พระสนมเต๋อเฟยต้องทนทุกข์ระทมในพระราชวังมานานหลายปีกว่าจะทำให้หลงเทียนอวี้อยู่อย่างผาสุกในเมื่อหลินเมิ้งหยาก้าวขึ้นมาเป็พระชายาอวี้แล้วนางจะต้องอบรมดูแลหลินเมิ้งหยาให้ดี
“เปิ่นกงได้ยินมาว่าวันนี้มีคนมาหาเื่เ้าบนถนนเช่นนั้นหรือ?”คำพูดของพระสนมเต๋อเฟยทำให้ใบหน้าของหลินเมิ้งหยาแดงก่ำ
เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ค่อนข้างใหญ่พอสมควรแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าพระสนมเต๋อเฟยที่อยู่แต่ภายในพระตำหนักจะได้รับข่าวสารว่องไวเช่นนี้
“เปิ่นกงรู้ว่าเ้าเป็เด็กที่รู้เื่แต่เมื่อเ้าถวายตัวเข้ามาแล้ว ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรจะต้องนึกถึงอวี้เอ๋อร์เป็อันดับแรกอย่างเช่นเื่ในวันนี้เ้าก็น่าจะรู้ว่าการที่พวกอันธพาลเ่าั้ยังสามารถก่อความวุ่นวายได้ก็เพราะพวกเขามีคนหนุนหลังแล้วเ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่คอยหนุนหลังของพวกเขาเป็ใคร?”
คำพูดของพระสนมเต๋อเฟยทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าตนเองรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ั้แ่เด็กจนโต นางมักจะต่อสู้เพียงคนเดียวมาโดยตลอดดังนั้นนางจึงมักตัดสินใจอะไรตามใจตนเอง เพราะเหตุนี้นางจึงยังคิดได้ไม่รอบคอบ
อีกทั้งคำพูดของพระสนมเต๋อเฟยยังแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ
ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงพยักหน้าลงหัวใจพลันนึกเคารพนับถือแม่สามีผู้นี้มาก
เมื่อเห็นลูกสะใภ้ยอมรับคำสั่งสอนแต่โดยดีรอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้าของพระสนมเต๋อเฟย
“นับั้แ่วันพรุ่งนี้เป็ต้นไปจิ่นเยว่จะเข้าไปรับใช้ที่ตำหนักชิงหลานหากเ้ามีเื่อะไร้าให้ช่วยหรือมีสิ่งไหนไม่เข้าใจก็ไถ่ถามเอาจากนางได้เปิ่นกงไม่พูดให้มากความแล้ว เ้ากลับไปพักผ่อนเถิด”
“เพคะ หยาเอ๋อร์ทูลลา”
“เพคะ หม่อมฉันน้อมรับคำสั่ง”
เมื่อออกจากประตูตำหนักหยาเสวียนแล้วจิ่นเยว่เดินตามหลังหลินเมิ้งหยา แม้จิ่นเยว่จะเป็ผู้าุโกว่าแต่นางยังคงปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเอง
ระหว่างทาง ทุกคนล้วนโค้งคำนับถวายความเคารพแก่หลินเมิ้งหยาตอนนี้เองที่หลินเมิ้งหยาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าภายในพระตำหนักของท่านอ๋องอวี้แห่งนี้มีข้าทาสบริวารมากมายหลายชีวิตคอยรับใช้
ภายในตำหนักชิงหลาน หลินเมิ้งหยานั่งลงบนตั่งที่นุ่มนิ่มฝ่ามือกุมหน้าผาก พลางครุ่นคิดถึงเื่เมื่อเช้า
“พระชายากำลังวุ่นวายพระทัยเพราะเื่เมื่อเช้าหรือเพคะ?”น้าจิ่นเยว่ที่มีจิตใจดียกผลไม้สดที่คัดสรรมาเป็อย่างดีด้วยตนเองเข้ามาวางไว้
หลินเมิ้งหยามิได้สนใจสิ่งรอบข้าง นางกำลังจมอยู่กับความคิดของตนเองดังนั้นจึงลืมนึกถึงคนอื่นไปเสียสนิท
“น้าจิ่นเยว่ ข้า...ข้าทำผิดไปใช่หรือไม่?” จิ่นเยว่กลับหัวเราะพลางส่ายหน้าก่อนจะกระซิบเสียงเบา “พระชายาไม่ได้ทำอันใดผิด เพียงแค่ไม่ได้คิดให้รอบคอบพระองค์ยังอายุน้อย ต่อจากนี้ไปเวลาจะทำอะไรต้องไตร่ตรองให้ดีเพคะ”
ตอนที่พระสนมเต๋อเฟยยังมีอายุเท่านี้พระนางยังเป็เด็กมิรู้ความที่เพิ่งจะเข้าถวายตัวในวังหลวงเช่นเดียวกัน
ทว่าพระชายามีพระสนมเต๋อเฟยที่ผ่านประสบการณ์อันโหดร้ายและขมขื่นในวังหลวงกว่ายี่สิบปีคอยชี้แนะดังนั้นพระชายาจะต้องยืนในวังหลวงได้อย่างมั่นคงอย่างแน่นอน
‘คิดให้รอบคอบ’ คำพูดสี่พยางค์นี้ทำให้หลินเมิ้งหยาฉุกคิดขึ้นมาได้
ดูท่าแล้วต่อจากนี้ไปนางจะต้องนึกถึงคำพูดสี่พยางค์นี้ให้ดี
“ขอบใจน้าจิ่นเยว่มากที่ชี้แนะข้า หยาเอ๋อร์ซึ้งใจมากจริงๆ”หลินเมิ้งหยารู้สึกเคารพนับถือน้าจิ่นเยว่ผู้แสนอ่อนโยนคนนี้มากนางรู้ได้ทันทีว่ายังมีเื่ให้ต้องเรียนรู้ในวังหลวงแห่งนี้อีกมากมาย!
“คุณหนู คุณหนู ท่านรีบไปดูหน่อยเ้าค่ะ คุณชายน้อยอวี้เขา...เขา...”หรูเยว่ที่พาหลินจงอวี้ไปอาบน้ำวิ่งพรวดพราดเข้ามาพลางร้องะโ
ใบหน้ากลมเล็กแดงระเรื่อ ดวงตาเปล่งประกายเผยให้เห็นความเขินอายริมฝีปากร้องคำว่าเขา...ของเขา...ทว่านางกลับพูดไม่จบประโยค
“โวยวายอะไรกัน! หากท่านอ๋องประทับอยู่ที่นี่จะมิเป็การเสียมายาทอย่างนั้นหรือ!” เมื่อเทียบกับความอ่อนโยนที่มีให้กับหลินเมิ้งหยาแล้วจิ่นเยว่ค่อนข้างเข้มงวดกับหรูเยว่ที่ไม่รู้เื่รู้ราว
การควบคุมข้าทาสบริวารนับเป็อีกเื่ที่พระชายาจะต้องเรียนรู้หลินเมิ้งหยาไม่พูดแทรกและทำเพียงมองดูเงียบๆ
นางพาหรูเยว่มาด้วย ฉะนั้นหรูเยว่จำเป็ต้องเรียนรู้ธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์ให้ลึกซึ้งหากนางยังคงไร้เดียงสาเหมือนก่อน เกรงว่าอีกไม่นานคงถูกเอาชีวิตเป็แน่
หากยังอยากมีชีวิตอยู่ พวกนางจะต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง
“เพคะ ท่านน้า” หรูเยว่ที่เคยถูกอบรมสั่งสอนจนชินั้แ่ตอนอยู่ที่บ้านสกุลหลินรีบปรับเปลี่ยนท่าทางเป็จริงจังทันทีทว่าดวงตากลมโตทั้งสองข้างกลับจับจ้องมองทางคุณหนูของตนเองด้วยท่าทางน่าสงสาร
หลินเมิ้งหยาถอนหายใจแล้วลุกขึ้น สุดท้ายหรูเยว่ก็ยังเป็เพียงเด็กน้อยเท่านั้น
“น้าจิ่นเยว่ ที่นี่ไม่มีกฎข้อบังคับเข้มงวดเช่นนั้น เอาเป็ว่าค่อยทำการสั่งสอนนางพรุ่งนี้แล้วกัน”หรูเยว่รู้สึกประหนึ่งได้เห็นดวงดาวช่วยชีวิต นางรีบเข้ามาหลบด้านหลังคุณหนูก่อนจะแอบมองน้าจิ่นเยว่
แน่นอนว่าจิ่นเยว่เข้าอกเข้าใจหลินเมิ้งหยาเป็อย่างดีนางถวายคำนับ ก่อนจะกลับออกไป
“คุณหนูเ้าคะ นางเป็ใครกัน ทำไมถึงได้ดุเช่นนี้” หรูเยว่ลูบไล้หน้าผากของตนเองขณะมองทางหลินเมิ้งหยา
“นางคือคนสนิทของพระสนมเต๋อเฟยเหนียงเหนียงต่อจากนี้พวกเ้าจะต้องอยู่ใต้อาณัติของนาง อีกอย่างเ้าจะต้องตั้งใจร่ำเรียนกฎระเบียบ หากภายภาคหน้าเกิดเื่อันใดขึ้นมาข้าจะพาเ้าออกไปข้างนอกได้อย่างไร”
การเล่นกับอำนาจ มิต่างอะไรกับการเล่นจิตใจคน
นางไม่ได้หวังให้หรูเยว่เป็ดั่งขงเบ้ง แต่อย่างน้อยหรูเยว่จะต้องปกป้องดูแลตนเองได้หรือไม่ก็มีคุณสมบัติมากเพียงพอที่จะแต่งงานออกเรือน เท่านี้ปัญหาก็จบสิ้นแล้ว
แต่ถึงกระนั้นหรูเยว่ก็เป็เพียงไม่กี่คนที่คอยปกป้องดูแลหลินเมิ้งหยาคนก่อนหลินเมิ้งหยาผู้ไร้เดียงสาและถูกวางยาจนตาย ฉะนั้นนาง...จะต้องปกป้องหรูเยว่ให้ได้เช่นเดียวกัน
“เพคะ หม่อมฉันน้อมรับคำสั่ง” เมื่อได้ยินคำว่ากฎระเบียบ หรูเยว่ไม่อาจทำตัวหละหลวมได้อีกต่อไป
เมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านสกุลหลินนางมักจะเข้าไปเป็ฝ่ายถูกตบตีแทนคุณหนูที่ไม่ว่าจะร่ำเรียนอย่างไรก็ไม่อาจเรียนได้
แต่เพราะเหตุใดตอนนี้คุณหนูจึงเรียนรู้กฎระเบียบได้เป็อย่างดีแล้วเล่าอีกทั้งคนที่กำลังถูกสั่งสอนกลับกลายเป็นางเสียแล้ว
“เอาล่ะ ตกลงว่าเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่เ้าจึงร้องโหวกเหวกโวยวายมาหาข้าเช่นนี้?” เพราะถูกอบรมสั่งสอนอยู่นาน หรูเยว่จึงเกือบจะลืมเื่สำคัญไป
นางรีบเข้าไปจับแขนของหลินเมิ้งหยาเพื่อจะพาออกมาทว่าเสียงนุ่มนวลที่ด้านหน้าประตูกลับขัดคำพูดของนางเสียก่อน
“พี่สาว พี่สาวพระชายา จงอวี้เข้าไปได้มั้ยขอรับ?”ใบหน้าของหลินเมิ้งหยาประดับไว้ซึ่งรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยไปทางประตู
“รีบเข้ามาเถิด ์โปรด!”หลินเมิ้งหยาที่มักจะเห็นหน้าหล่อเหลาดั่งปีศาจของท่านอ๋องทุกวันอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องด้วยความตกตะลึง
*********************
1หลวนถ่งคือผู้ชายใบหน้าสวยงามที่ถูกจับแต่งตัวให้กลายเป็หญิงสาว
2 เอ๋อร์ซีคือคำเรียกแทนตนของลูกสะใภ้