ลานที่พักเล็กๆ ด้านตะวันออก
“ท่านพี่ เ้าลูกสุนัขน่ารักตัวนี้คือตัวที่ท่านเล่าว่าเป็สัตว์อสูรเขาเดียวที่น่ากลัวนั่นหรือ? แล้วทำไมมันไม่มีเขาแล้วเล่า? อีกทั้งตัวยังเล็กจิ๊ดเดียวอีก!” เย่ชิงอวี่คิ้วสวยกระดกขึ้น มุมปากเผยรอยยิ้มสงบราบเรียบออกมา ดวงตาที่ดำขลับยิ่งกว่าไข่มุกสีดำของนางแฝงไว้ด้วยความสงสัยเล็กน้อย
“เหอะๆ...พี่ชายจะหลอกเ้าทำไมกัน มันเพิ่งจะถูกเรียกออกมาตอนนี้อยู่ใน่ระยะอ่อนแอ คงเทียบได้กับทารกแรกเกิด เขาของมันเลยยังไม่งอกออกมาให้เห็น ข้าจะบอกอะไรให้ จากการคาดคะเนของข้าเ้าอสูรเขาเดียวตัวนี้อย่างน้อยก็คุณภาพระดับแปด หรือไม่แน่ว่าอาจจะถึงระดับเก้าก็เป็ได้” เย่ชิงหานลูบคลำเ้าอสูรน้อยที่อยู่ในอ้อมอก ใบหน้าเต็มไปด้วยความปลื้มปีติยินดี
นึกถึงเหตุการณ์ในมิติลับแดนอสูรที่เ้าอสูรน้อยทำให้ัเขียวตื่นใจนวิ่งหนี ดูแล้วมีโอกาสมากที่จะเป็คุณภาพระดับเก้า แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต่ำกว่าคุณภาพระดับแปดอย่างแน่นอน ส่วนจะเป็สัตว์อสูรคุณภาพระดับเทพหรือไม่นั้นตนเองยังไม่กล้าที่จะคาดคิด อย่าว่าแต่สัตว์อสูรคุณภาพระดับเทพเลย แค่มารอสูรคุณภาพระดับเทพยังไม่เคยได้ยินว่าเคยปรากฏในทวีปนี้มาก่อน
“คุณภาพระดับแปดระดับเก้า? สุดยอดขนาดนั้นเลย...แต่ว่าท่านพี่ ทำไมท่านไม่บอกฐานะที่แท้จริงของเ้าอสูรน้อยตัวนี้กับพวกผู้าุโไปเล่า? หากท่านพี่บอกเื่นี้แก่พวกเขาท่านพี่ต้องได้เป็ศิษย์สายในของตระกูลอย่างแน่นอน” หลังจากเย่ชิงอวี่อุทานออกมาด้วยความตกตะลึงครั้งหนึ่ง ความฉงนสนเท่ห์ที่ปรากฏบนใบหน้าของนางยิ่งเด่นชัดยิ่งขึ้น
“บอกแก่พวกเขางั้นหรือ? ฮึ! ถ้าบอกแก่พวกเขาข้าว่าเ้าสัตว์อสูรน้อยตัวนี้คงมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสามวันเป็แน่” เย่ชิงหานส่ายหน้าอย่างเ็า ในหัวนึกถึงภาพเหตุการณ์่บ่ายตอนที่ตนเองเรียกสัตว์อสูร
ในขณะที่พิธีปลุกพลังกำลังจะหมดเวลาลงและดวงจิตกำลังจะหวนกลับคืนมาสู่ร่างนั้น เขาคิดว่าตนเองคงล้มเหลวอีกครั้งอย่างแน่นอน ในใจถูกความเสียใจและความอับจนปัญญายึดครอง แต่ในเวลานั้นเองมีแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งผ่านแหวกท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลออกมา มันตรงดิ่งมุดเข้าไปในดวงจิตแล้วหลอมรวมเข้าไปในดวงจิตของเขา
่นาทีสุดท้ายนั้นกลับกลายเป็ว่าเรียกสัตว์อสูรได้สำเร็จ ในตอนนั้นเย่ชิงหานทั้งดีใจทั้งมีความสุขจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็คำพูดได้ เมื่อเ้าอสูรน้อยหลอมรวมเข้าในดวงจิตของเขาแล้วทั้งสองฝ่ายมีพันธสัญญาแห่งิญญาขึ้น เขาจึงได้ทราบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเ้าอสูรน้อยตัวนี้
เ้าอสูรน้อยมหัศจรรย์ตัวนี้แท้จริงแล้วเป็ชนิดไหนคุณภาพระดับอะไรตัวมันเองยังไม่รู้เลย ตามข้อมูลจากดวงิญญาของเ้าอสูรน้อยที่ส่งมา ั้แ่เกิดมามันก็อาศัยอยู่ภายในหุบเขาแห่งนั้นแล้วไม่เคยออกไปที่ไหนมาก่อน และตอนที่มันเกิดมานั้นในหุบเขาไม่ปรากฏว่ามีสัตว์หรืออะไรแม้แต่ตัวเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในหุบเขามีพลังงานแปลกประหลาดบางอย่างที่คุมขังมันเอาไว้ไม่ให้ออกมาสู่ภายนอกหุบเขา
ส่วนพวกสัตว์อสูรัเขียว พยัคฆ์ขาวที่เย่ชิงหานเห็นวิ่งหนีกันไปปากทางเข้าทางทิศเหนือนั้น พลังแปลกประหลาดที่อยู่ในหุบเขาไม่ได้มีผลต่อพวกมันแม้แต่น้อย พวกมันสามารถเข้าออกภายในภายนอกหุบเขาได้อย่างอิสระ
ถ้าพิจารณาตามข้อมูลที่ได้รับจากดวงิญญาของเ้าอสูรน้อยตัวนี้ เย่ชิงหานคาดเดาว่าเ้าอสูรน้อยตัวนี้อาจจะถูกพ่อกับแม่ของมันทอดทิ้งไว้ที่หุบเขาแห่งนี้ น้ำในทะเลสาบที่อยู่กลางหุบเขาน่าจะมีพลังงานพิเศษอะไรบางอย่างที่ดึงดูดสัตว์อสูรทั้งหลายให้มาดื่มกิน พลังงานลึกลับนี้ได้ครอบหุบเขาเอาไว้ หากสัตว์อสูรตัวใดมีอายุถึงในระดับหนึ่งจะไม่สามารถเข้าไปภายในได้
พลังงานแปลกมหัศจรรย์? ครอบมิติลับแดนอสูรไว้? เย่ชิงหานอดไม่ได้ที่จะนึกถึงพิธีปลุกพลังทางสายเื พลังที่ปรากฏในพิธีปลุกพลังทางสายเืช่างน่าอัศจรรย์ พูดตรงๆ ก็คือเหมือนกับพลังแห่งเทพ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนทำให้เย่ชิงหานฉงนสนเท่ห์ครั้งแล้วครั้งเล่า
ในโลกใบนี้มีเทพอยู่จริงๆ หรือไม่?
ถ้าหากไม่มี แล้วพลังที่แปลกมหัศจรรย์ในพิธีปลุกพลังทางสายเืของตระกูลเย่จะอธิบายว่าอย่างไร? แท่นบวงสรวงที่เก่าแก่! วงแหวนแสงเจิดจ้าที่เปลี่ยนสีได้ มิติลับแดนอสูรที่น่าพิศวง ทั้งหมดทั้งมวลล้วนแปลกประหลาดมหัศจรรย์และลี้ลับอย่างที่สุด! โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นครแห่งเทพได้ยินว่ามีร่องรอยของเทพปรากฏอยู่บ่อยๆ แล้วอย่างนี้จะอธิบายว่าอย่างไร?
ยังมีอีกตอนพิธีปลุกพลังทางสายเื สุดท้ายแล้วที่ตนเองทำได้สำเร็จเป็เพราะอะไร? เพราะคัมภีร์ลับเืเทพอย่างนั้นหรือ?
เมื่อตอนที่เริ่มใช้คัมภีร์ลับเืเทพจนจุดชีพจรแตกสลายแล้วมันฟื้นฟูกลับมาได้อย่างไร? หรือว่าคัมภีร์ลับเืเทพมีคุณสมบัติในการรักษาตัวเองด้วยอย่างนั้นหรือ?
ในตอนนั้น ก่อนที่จะหมดสติไปเขารู้สึกได้อย่างเลือนรางว่ามีกระแสพลังสายหนึ่งทำให้ร่างกายของเขารู้สึกสุขสบาย แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายก็หมดสติไป จนกระทั่งบัดนี้เขาก็ยังงุนงงอยู่ว่าพลังอะไรที่มารักษาอาการาเ็จนช่วยให้เขาสามารถปลุกพลังทางสายเืและเรียกสัตว์อสูรได้สำเร็จ
คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก สุดท้ายจึงสรุปว่าเป็เพราะโชคดีของตนเอง
ใครจะไปคาดคิดว่า สิ่งที่มาช่วยชีวิตเขาไว้ในตอนนั้นกลับเป็แหวนทองเหลืองที่เขาสรุปว่าเป็ “ของเลียนแบบ” วงนั้น ที่ในยามคับขับได้ปล่อยกระแสพลังสีขาวสายหนึ่งออกมา
.................................
กลับมาพูดถึงเ้าอสูรน้อยว่าทำไมหลังจากที่เรียกออกมาแล้วกลายเป็สุนัขจมูกราชสีห์ สิ่งนี้ทำให้เย่ชิงหานจะร้องไห้ก็ใช่ที่จะไม่ร้องเสียเลยก็ไม่ได้ เ้าอสูรน้อยหลังจากถูกเรียกออกมาก็เข้าสู่ระยะอ่อนแอในทันที เขาของมันก็หายกลับเข้าไปในหัว หางก็ยื่นยาวออกมาอีกเล็กน้อย กลายร่างเป็สุนัขจมูกราชสีห์อย่างแท้จริง
เดิมทีเย่ชิงหานก็คิดจะบอกความจริงเกี่ยวกับทุกสิ่งที่ตนเองได้ประสบพบเจอในมิติลับแดนอสูร รวมไปถึงรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเ้าอสูรน้อยตัวนี้แก่เหล่าผู้าุโทั้งหลาย
แต่ตอนที่เพิ่งจะก้าวออกมาจากวงแหวนแสง อย่างไม่ได้ตั้งใจ ในตอนนั้นเย่ชิงหานมองไปยังสายตาของทุกคนที่จ้องมองมายังเ้าอสูรน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของตนเอง เขากลับพบว่าสายตาของท่านลุงใหญ่เย่เจี้ยนแฝงไปด้วยแววสังหารปรากฏอยู่ ในตอนนั้นเองทั่วทั้งร่างของเย่ชิงหานเย็นเฉียบ สมองครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้วจึงได้เข้าใจเื่ราวต่างๆ มากมายที่อยู่ตรงหน้า
บวกกับรูปร่างลักษณะของเ้าอสูรน้อยในขณะนั้น เขาจึงตัดสินใจแต่งเื่โกหกคำโตขึ้น
ด้วยเหตุนี้สัตว์อสูรเขาเดียวที่มีระดับคุณภาพที่อาจจะสูงกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์จึงถูกทุกคนพิจารณาตัดสินชี้ขาดว่าเป็สัตว์อสูรคุณภาพระดับสี่สุนัขจมูกราชสีห์
เย่ชิงอวี่ได้ยินที่พี่ชายเล่ามาทั้งหมดในใจลอบอุทานด้วยความตื่นตะลึงและดีใจ แต่เมื่อนึกถึงท่านลุงใหญ่ที่สายตาปรากฏแววสังหารนางจึงถามขึ้นด้วยความงุนงงว่า “อ๋อ...เป็อย่างนี้นี่เอง! แต่ท่านพี่ ทำไมท่านลุงใหญ่ถึงอยากจะฆ่าสัตว์อสูรที่ท่านพี่เรียกออกมาด้วยเล่า? ท่านพี่เรียกสัตว์อสูรระดับสูงออกมาได้ สำหรับตระกูลแล้วควรเป็เื่ที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ถือเป็บุญวาสนาของตระกูลถึงจะถูก แต่ทำไมท่านลุงใหญ่ถึง...”
เย่ชิงหานยิ้มอย่างเ็าสีหน้าราวกับน้ำแข็ง “เื่น่ายินดี! เหอะๆ สำหรับคนหลายๆ คนในตระกูลอาจเป็เื่ที่น่ายินดี แต่สำหรับพวกเย่เจี้ยนครอบครัวลูกคนโตเื่นี้ไม่ใช่เื่ที่น่ายินดีอย่างแน่นอน ในสมัยที่ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่พวกครอบครัวลูกคนโตถูกกดทับรัศมีเป็สิบๆ ปี พวกเขากว่าจะมีวันนี้ก็ไม่ใช่เื่ง่าย ถ้าหากตอนนี้ข้าเรียกสัตว์อสูรคุณภาพระดับแปดหรือว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้อีก พวกครอบครัวลูกคนโตจะต้องไม่มีวันได้ชูคอขึ้นมาอีกเป็แน่ ดังนั้นข้าถึงต้องแต่งเื่โกหกคำโตอย่างไรเล่า ข้ากลัวว่าหากให้พวกเขารู้ฐานะที่แท้จริงของเ้าอสูรน้อยตัวนี้ พวกเขาก็จะทำการลงมืออย่างลับๆ ฆ่ามันั้แ่เนิ่นๆ หากสัตว์อสูรของข้ายังไม่เติบโตเต็มวัยไม่มีพลังเพียงพอที่จะป้องกันตนเองข้าจะไม่บอกความลับนี้แก่ทุกคนอย่างแน่นอน...ฮึ! เย่เจี้ยน เย่ชิงขวง และยังมีเย่หรง รอก่อนเถอะรอสัตว์อสูรของข้าเข้าสู่ระยะเติบโตเต็มวัย พวกเ้าไม่มีวันได้อยู่อย่างสุขสบายแน่!”
“ฮะ!” เย่ชิงอวี่อุทานออกมาด้วยความใ ใช้มือน้อยๆ ขึ้นปิดปากของตนเอง ในจิตใจที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของนางคิดเสมอว่าท่านลุงใหญ่คือญาติสนิทคนหนึ่ง เขาจะฆ่าแกงคนในตระกูลเดียวกันได้อย่างไร?
“เอาละ เด็กโง่ดึกมากแล้วเ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ จำเอาไว้...อย่าบอกเื่เ้าอสูรตัวน้อยนี้กับใครเด็ดขาด!” เย่ชิงหานพูดกำชับออกมาด้วยหน้าตาที่เคร่งขรึมจริงจัง
“อืม...ข้าเข้าใจแล้ว อย่างนั้นท่านพี่ก็รีบพักผ่อนเถอะ” เย่ชิงอวี่พยักหน้าตอบรับ นางเข้าใจถึงความสำคัญของเื่นี้ดีจึงพยักหน้าตอบรับก่อนที่จะเดินเข้าไปยังห้องของตนเอง
ภายนอกหน้าต่าง เวลากลางคืนที่ดึกสงัดบรรยากาศเงียบสงบ สายลมหนาวพัดหวีดหวิว
เย่ชิงหานเอนกายนอนลงไปบนเตียงแต่ทำอย่างไรก็หลับไม่ลง ในห้วงแห่งความคิดปรากฏภาพเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีตลอยขึ้นมาเป็ฉากๆ อย่างไม่ขาดสาย
ภาพในสมัยเป็เด็ก ท่านพ่อที่องอาจน่าเกรงขาม ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรักของท่านแม่ มารดาตายไปตนนั่งคุกเข่าหน้าหอผู้าุโในคืนฝนตก เสว่อู๋เหินซัดตนเองจนกระอักเืลอยปลิวกลางถนนใหญ่ สายตาที่ดูถูกเหยีดหยามของเย่ชิงขวง และยังมีเ้าของรอยแผลเป็บนใบหน้าที่น่าเกลียดน่าชังเย่หรง...
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านเห็นแล้วหรือยัง? วันนี้ลูกเรียกสัตว์อสูรที่เหนือยิ่งกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ อีกไม่นานเกินรอลูกจะทำให้ความปรารถนาของท่านแม่สำเร็จ นำหลุมฝังศพของท่านย้ายเข้าไปฝังในสุสานบรรพชนให้ท่านทั้งสองอยู่เคียงข้างกัน และอีกไม่นานในอนาคตข้างหน้า รอวันที่สัตว์อสูรของลูกเติบโตเต็มวัย ลูกจะหาทางนำหลุมฝังศพของท่านทั้งสองย้ายเข้าไปอยู่ในวิหาริญญาศักดิ์สิทธิ์ในนครแห่งเทพให้จงได้ ให้ผู้คนทั้งหลายกราบไหว้บูชา...”
เย่ชิงหานนอนเอนหลังอยู่ที่มุมเตียงบนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอ่อนๆ ขณะที่กำลังบ่นพึมพำกับตัวเอง ส่วนเ้าอสูรตัวเล็กดำมืดที่อยู่ข้างๆ กำลังหลับฝันหวานนอนกรนคร่อกๆ ออกมาอย่างสบายใจ
“เ้าอสูรตัวเล็กนี้ทำไมถึงนอนเก่งอย่างนี้? ั้แ่เรียกออกมาก็เป็เวลานานแล้วแต่กลับยังนอนหลับสนิทอยู่อีก ไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่?” เอามือลูบคลำขนที่นุ่มลื่นมันวาวของเ้าอสูรน้อย มองดูจมูกที่คล้ายดั่งจมูกของราชสีห์ และใบหน้าน่ารักน่าชังตอนนอนหลับของมัน เย่ชิงหานอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
นอกหน้าต่าง พระจันทร์ยังคงสาดส่องแสงสีเงิน ดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงส่องแสงระยิบระยับหยอกเย้าสายตาผู้คน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้