ไม่อาจทราบได้ว่าจวินจิ่วเฉินเชื่อในคำกล่าวอ้างของกูเฟยเยี่ยนหรือไม่ แต่สำหรับใบสั่งยาฉบับใหม่เขามีความสนใจมากทีเดียว ในที่สุดเขาก็เปล่งเสียงออกมา “ในความคิดของเ้า แร่ศิลาโอสถชื่อเยี่ยนควรที่จะประกอบกับแร่ศิลาโอสถชนิดใด? เชื้อกระตุ้นของยาควรเป็เยี่ยงไร? ”
ทันทีที่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยกล่าวออกมา กูเฟยเยี่ยนก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หญิงสาวแหงนใบหน้าขึ้นมา ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความจริงจัง “เท่าที่นู๋ปี้ทราบข้อมูลของแร่ศิลาโอสถที่ขับไล่ความหนาวเย็น นอกจากแร่ศิลาโอสถชื่อเยี่ยนแล้ว ยังมีอีกสามชนิด ส่วนประกอบแตกต่างกัน เชื้อกระตุ้นยาก็จะไม่เหมือนกัน นู๋ปี้ไม่ใช่แพทย์รักษา ในเื่นี้ต้องให้แพทย์รักษาวินิจฉัยแล้วออกใบสั่งยา นู๋ปี้ทำได้เพียงให้คำแนะนำตามใบสั่งยาเท่านั้น”
จวินจิ่วเฉินมีท่าทางครุ่นคิดพินิจพิเคราะห์นาง “เ้าเป็เพียงแค่แพทย์หญิงตัวน้อย ความสามารถทางด้านทักษะยามาจากที่ใด? ”
ในชั่วพริบตานั้นจู่ๆ กูเฟยเยี่ยนก็รู้สึกถึงความคุ้นเคย หญิงสาวนึกถึงนายก้อนน้ำแข็งเหม็นที่เป็นักฆ่า ชายผู้นั้นก็เคยมองนางและถามนางเช่นนี้
ถึงแม้ว่ากูเฟยเยี่ยนจะรู้สึกว่าอุปนิสัยของนักฆ่าก้อนน้ำแข็งเหม็นผู้นั้นค่อนข้างที่จะคล้ายคลึงกับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยมากทีเดียว ทว่านางไม่ได้คิดเลยว่าจวินจิ่วเฉินจะอยู่ในใบรายชื่อผู้ต้องสงสัย นางลอบครุ่นคิดว่าตนเองคงต้องหาโอกาสไปสอบถามเสียหน่อยแล้ว ว่าภายในราชวงศ์ยังมีองค์ชายท่านใดที่มีอุปนิสัยคล้ายคลึงกับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยอีกบ้าง
มาตรการรับมือของกูเฟยเยี่ยนยังคงเป็เช่นเดิม นางกล่าวว่า “ภายในตระกูลของนู๋ปี้มีบรรพบุรุษที่เชี่ยวชาญทักษะยา หลังจากที่เรียนไปได้หลายปีมีประโยชน์มากทีเดียว เพียงแต่ว่าเทียบไม่ได้กับอาจารย์แพทย์ในห้องยาสำนักหมอหลวง”
มุมปากของจวินจิ่วเฉินปรากฏถึงรอยยิ้มเยาะเย้ย เขาไม่ได้ไล่ถามต่อ แต่เอ่ยอย่างเ็า “เปิ่นหวางให้เวลาเ้าสามวันในการร่างใบสั่งยาฉบับใหม่ขึ้นมา โดยให้มีประสิทธิภาพขับไล่ความหนาวเย็นมากกว่าแร่ศิลาโอสถชื่อเยี่ยนก็พอ”
แม้ว่ากูเฟยเยี่ยนจะรู้ว่าเื่นี้เป็ความลับ ทว่าก็คาดไม่ถึงเป็อย่างมาก นางตอบกลับอย่างจริงจัง “เตี้ยนเซี่ย ไม่ได้เด็ดขาด! ไม่มีคำวินิจฉัยจากแพทย์รักษา นู๋ปี้ไม่สามารถออกใบสั่งยาได้ตามอำเภอใจ! ให้ยาตรงกับอาการจึงจะเรียกว่ายา หากว่ายาไม่ตรงกับอาการนั่นเรียกว่าพิษ! ”
“เปิ่นหวาง้าเพียงขับไล่ความหนาวเย็นก็พอ” ดูเหมือนว่าจวินจิ่วเฉินจะไม่ได้สนใจในอันตรายของโรคนี้ เขาเสริมอีกว่า “อย่างอื่นเ้าไม่จำเป็ต้องกังวล”
“แต่ว่าเตี้ยนเซี่ย…”
“ถ้าอยากอยู่ที่จิ้งหวางฝู่ก็ควรจะรู้ไว้ว่าเปิ่นหวางไม่ชอบผู้ที่ชอบสอดรู้สอดเห็น! ”
สายตาของกูเฟยเยี่ยนทอแสงแห่งความซับซ้อน และท้ายที่สุดก็ไม่กล้าซักถามต่อ นางเพียงแค่กล่าวว่า “นู๋ปี้รับทราบเพคะ”
เพียงแค่ขับไล่ความหนาวเย็นอย่างเดียวก็มีหลายชนิดแล้ว! สาเหตุของโรคที่แตกต่างกันจะส่งผลให้ความเย็นในร่างกายมีความแตกต่างกัน ดังนั้นใบสั่งยาที่ใช้สำหรับขับไล่ความหนาวเย็นก็จะไม่เหมือนกัน กูเฟยเยี่ยนรู้สึกว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเหมือนจะ้าขับไล่ความหนาวเย็นออกจากร่างกายเพื่อรักษาชีวิต แต่ไม่ได้เพื่อรักษาโรค
กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า สิ่งที่เขา้าคือใบสั่งยาที่รักษาปลายเหตุ มิใช่รักษาต้นเหตุ แต่ว่าผู้ที่เคยออกใบสั่งยาให้เขาก่อนหน้านี้คือแพทย์ท่านใดกัน เหตุใดเขาจึงไม่ไปพบแพทย์ท่านนั้นเล่า?
ในเื่นี้จะต้องมีความลับอยู่แน่ๆ ความลับที่ยิ่งใหญ่เสียด้วย!
กูเฟยเยี่ยนกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นจวินจิ่วเฉินก็ย่อตัวลงมาสบตานาง กูเฟยเยี่ยนใมากเหลือเกิน นางคิดว่าเขาอาจจะรู้สึกสงสัยเื่อื่นอีก ทว่ากลับได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำและเ็า “แพทย์หญิงกู เ้าจำไว้ เื่นี้์รับรู้ ปฐีรับรู้ เ้าและข้ารับรู้ หากว่าหลุดรอดออกไป…”
จวินจิ่วเฉินไม่ได้เอ่ยต่อไป แต่มองกูเฟยเยี่ยนอย่างเ็า สายตาคู่นั้นทำให้ผู้คนไม่อยากเข้าใกล้เกินพันลี้ เ็าจนน่าหวาดกลัว!
แม้ว่ากูเฟยเยี่ยนจะเกรงกลัว แต่ก็ยังฉวยโอกาสเอ่ยขึ้นมา “เตี้ยนเซี่ย นู๋ปี้ยินยอมช่วยพระองค์เก็บเป็ความลับและช่วยพระองค์ขับไล่ความหนาวเย็น นู๋ปี้รับประกันว่าจะไม่เปิดเผยเื่นี้ให้ผู้อื่นทราบ รับประกันว่าจะร่วมแรงร่วมใจ ขอเพียงแค่สามเดือนหลังจากนี้เตี้ยนเซี่ยยังคงให้นู๋ปี้อยู่ในจิ้งหวางฝู่ต่อไป”
ระยะเวลาสามเดือนนั้นไม่สั้นทว่าก็ไม่ยาว
หลังจากผ่านไปสามเดือน หากนางออกจากจิ้งหวางฝู่ไป นางจะต้องเผชิญหน้ากับตระกูลฉีและองค์หญิงหวายหนิง ในโลกที่ผู้คนใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงรังแกผู้อื่นและฆ่าคนเป็ผักปลา ก่อนนางจะเก่งกล้ามากพอที่จะช่วยเหลือตนเองได้ นางจำเป็ต้องหาผู้สนับสนุนให้กับตนเอง เพื่อเป็หลักประกันว่าตนเองจะมีชีวิตรอดต่อไป!
ไม่อาจทราบได้ว่าจวินจิ่วเฉินคิดเห็นอย่างไร แววตาของเขายังคงเ็าอยู่เล็กน้อย เขามองกูเฟยเยี่ยนครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงเ็าว่า “หลังจากสามเดือนผ่านไปค่อยคุยกันอีกครั้ง”
หลังจากที่เขาเอ่ยจบก็ลุกขึ้นจากไป
ทว่ากูเฟยเยี่ยนเกิดความรู้สึกตื่นเต้นดีใจ นางคิดว่าการที่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่ปฏิเสธถือเป็เค้าลางที่ดี นางลอบให้กำลังใจตนเองว่าจะต้องขยัน! กูเฟยเยี่ยนกำลังจะจากไป แต่เมื่อมองเห็นภาพเงาด้านหลังของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยที่ค่อยๆ เลือนรางอยู่ในความมืด หญิงสาวจึงหยุดอีกครั้งพลางมีความรู้สึกปวดใจอย่างอธิบายไม่ถูก ในโลกใบนี้ทำไมถึงได้มีผู้ที่ไม่สบายแต่ก็ไม่้ารักษากันล่ะ?
เขาเริ่มป่วยั้แ่ตอนอายุเท่าใดและป่วยได้อย่างไรกัน? ตกลงเป็เพราะสาเหตุใดกันที่ทำให้เขาต้องอดทนต่อความหนาวเหน็บมานานหลายปี? หากว่าไม่มีโรคความหนาวเหน็บ อุปนิสัยใจคอของเขาจะอบอุ่นกว่านี้หน่อยหรือไม่นะ? เขารูปงามถึงเพียงนั้น เมื่ออบอุ่นขึ้นมาจะดีเพียงใดกัน?
นางทราบว่า ยิ่งทราบมากเพียงใดก็จะยิ่งอันตรายมากเพียงนั้น ทว่านางก็อดไม่ได้ที่จะไปทำความเข้าใจให้มากกว่านี้
กูเฟยเยี่ยนตกอยู่ในภวังค์ของข้อสงสัยมากมายจนยากจะถอนตัวออกมา จวบจนกระทั่งมีบ่าวรับใช้เดินผ่าน นางจึงได้สติขึ้นมาแล้วรีบจากไป
นางกลับมาที่ิเย่วจวีโดยไม่คิดที่จะพักผ่อนเลยแม้แต่นาทีเดียว หญิงสาวปิดประตูพลางเริ่มครุ่นคิดใบสั่งยาทันที อันที่จริงแล้ว แร่ศิลาโอสถนั้นหาพบได้ยาก โรคของเตี้ยนเซี่ยก็มีการเปลี่ยนแปลง หากว่าสามารถพบยาสมุนไพรได้เร็วกว่าหนึ่งวันก็จะสามารถลดความเสี่ยงลงได้อีก
กูเฟยเยี่ยนใช้ระยะเวลาสามวันครุ่นคิดใบสั่งยาออกมาสามชุด ใบสั่งยาทั้งสามชุดนี้คือการใช้แร่ศิลาโอสถ แร่ศิลาโอสถชื่อเยี่ยน และสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างเชื้อกระตุ้นยา มาทำเป็วิธีการขับไล่ความหนาวเย็นสามรูปแบบที่แตกต่างกัน แม้ว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะ้าเพียงแค่ขับไล่ความหนาวเย็น ทว่านางกลับพิจารณามากมาย ตัวอย่างเช่น ในขณะที่ขับไล่ความหนาวเย็นยังสามารถให้ความอบอุ่นแก่เส้นลมปราณของเขาได้ หรืออีกตัวอย่างหนึ่งคือ วิธีการลดผลข้างเคียงของแร่ศิลาโอสถ ฯลฯ
เช้าตรู่วันนี้กูเฟยเยี่ยนห่อตัวด้วยเสื้อนวมปุยฝ้ายเก่าๆ หญิงสาวคอยจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยอยู่บริเวณหน้าประตูใหญ่ห้องบรรทม นางใกล้จะแข็งดั่งสุนัขแล้ว ในที่สุดจิ้งหวางเตี้ยก็ออกมา
“เตี้ยนเซี่ย เตี้ยนเซี่ย…”
กูเฟยเยี่ยนรีบก้าวเดิน ในขณะที่กำลังจะเอ่ยออกมานางก็อดไม่ได้ที่จะจาม หญิงสาวรีบร้อนหันใบหน้าหลบไปด้วยความอับอาย เมื่อแน่ใจว่าตนเองจะไม่จามออกมาอีกนางจึงหันกลับมายื่นใบสั่งยาพลางเอ่ยอย่างจริงจัง “เตี้ยนเซี่ย นี่คือใบสั่งยาที่พระองค์ทรง้า ประสิทธิภาพของใบสั่งยาทั้งสามชุดนี้ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ทว่าสิ่งที่ต้องตามหาล้วนไม่ใช่สมุนไพรที่พบเจอได้ง่าย นู๋ปี้เขียนออกมาทั้งหมด หากว่าพบชนิดไหนก็จะได้ใช้ชนิดนั้น เตี้ยนเซี่ยโปรดอย่ารอช้า หากว่าพบยาสมุนไพรได้เร็วขึ้นหนึ่งวันก็จะลดอันตรายได้”
หญิงสาวไม่ได้ทาเครื่องประทินโฉม แก้มและปลายจมูกล้วนหนาวจนเกิดความแดง ไร้ซึ่งความงดงาม แต่ว่าเมื่อนางจริงจังขึ้นมา กลับให้ความรู้สึกน่าหลงใหลอย่างสุดจะพรรณนา
จวินจิ่วเฉินมองไปที่นางครู่หนึ่งโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ไม่อาจทราบได้ว่าเหตุใดกูเฟยเยี่ยนจึงเกิดอาการตระหนกใ “เตี้ยนเซี่ย…”
ในขณะนี้เองจวินจิ่วเฉินจึงได้สติกลับคืนมา รับใบสั่งยามาเปิดดูทีละฉบับจากนั้นจึงกล่าวว่า “เื่ของการตามหาสมุนไพรเ้าไม่ต้องกังวลแล้ว”
กูเฟยเยี่ยนทำเพียงพยักหน้าสองถึงสามครั้ง นางคิดว่าในเมื่อจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงได้รับแร่ศิลาโอสถชื่อเยี่ยนมามากมาย การตามหาแร่ศิลาโอสถชนิดอื่นอาจจะไม่ใช่เื่ยาก ในเมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้แล้วก็คงจะมีวิธี
จวินจิ่วเฉินกำลังจะออกไปแล้ว ทว่ากลับหยุดอย่างฉับพลัน พลางะโเรียกเซี่ยเสี่ยวหม่านมากำชับว่า “ปูนบำเหน็จแพทย์หญิงกู หนึ่งหมื่นเหรียญทอง อีกอย่างคือ ออกคำสั่งลงไปว่านับั้แ่วันนี้เป็ต้นไป ให้กูเฟยเยี่ยนมีอำนาจควบคุมงานของศิลาโอสถในจวนนี้ทั้งหมด”
กูเฟยเยี่ยนยังไม่ทันได้ใกับสิ่งที่ได้ยิน เซี่ยเสี่ยวหม่านก็ได้ตื่นตะลึงก่อนเสียแล้ว
เตี้ยนเซี่ยทรงไว้ใจนางอย่างสมบูรณ์แล้วหรือ? เขากับหมางจ้งต่างก็ไม่ทราบเื่ของใบสั่งยา แต่นังหนูผู้นี้ทราบทั้งหมด! อีกอย่างคือหนึ่งหมื่นเหรียญทอง!
นี่มันจะไม่เป็การเล่นใหญ่เกินไปหน่อยหรือ? เงินเดือนหนึ่งเดือนของกูเฟยเยี่ยนที่ทำหน้าที่ในห้องยาสำนักหมอหลวงมีเพียงแค่ห้าสิบเหรียญทองเท่านั้น หนึ่งหมื่นเหรียญทองนี้กูเฟยเยี่ยนจะต้องทำงานมากกว่าสิบปีเสียอีก!
เซี่ยเสี่ยวหม่านแอบมีความรู้สึกว่าสถานะคนดังอันดับหนึ่งของตนเองในจิ้งหวางฝู่ กำลังตกอยู่ในอันตรายเป็อย่างยิ่ง!
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงมากเหลือเกิน นางยังไม่ได้สติกลับคืนมา จวินจิ่วเฉินก็เดินออกไปแล้ว หญิงสาวถึงกับลืมขอบคุณต่อพระมหากรุณาธิคุณเลยทีเดียว
ความสุขบางที ก็มากะทันหันเกินไปนะ!