ในบ้านไม้เก่าโทรมที่เต็มไปด้วยกลิ่นชื้นของกาลเวลา มีเพียงเสียงลมหายใจอ่อนแรงของคนสองคนที่ยังคงโอบกอดกันแแ่อยู่กลางห้องราวกับยึดเหนี่ยวกันไว้ไม่ให้หลุดหายไปจากโลกนี้เสวียนหนิงปล่อยหยดน้ำตาไหลลงมาช้าๆความอบอุ่นที่กอดเธอไว้อย่างทะนุถนอมนี้…เป็สิ่งที่เธอไม่เคยได้รับเลยในชีวิตก่อนนั้น โลกเดิมของเธอมีเพียงความว่างเปล่า มีร่างกายแต่ไร้หัวใจ ถูกใช้งานเหมือนเครื่องมือ และถูกทิ้งอย่างไม่ไยดี
แต่ชีวิตใหม่นี้กลับมีชายผู้หนึ่งคนที่พร้อมจะโอบกอดเธอ ไม่ใช่เพราะเธอมีประโยชน์ แต่เพราะเขารักภรรยาของเขาสุดหัวใจความรู้สึกเ่าั้ทำให้หัวใจที่เคยเย็นเฉียบของเธออุ่นขึ้นอย่างไม่เคยเป็มาก่อนและเพียงเพราะเขาคนนี้…นางยินดีจะทำทุกอย่างนางพยายามตั้งสติ ก่อนเอ่ยเสียงเบาแทบเป็กระซิบ“ท่านพี่…บางทีข้าอาจจะไม่ใช่เสวียนหนิงที่ท่านเคยรู้จัก”
คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความลังเลและความกลัว เพราะนางรู้ว่าความรักทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ม่อหรานเคยมอบให้หญิงเ้าของร่างเดิม ไม่ใช่นางผู้มาใหม่ในร่างนี้ ม่อหรานชะงักไปเพียงเสี้ยวอึดใจ ก่อนยกมือขึ้นกุมมือนางแน่นขึ้นอย่างอ่อนโยน สายตาของเขานุ่มลึกจนทำให้นางต้องหลุบตาหนี
“ในเวลาที่ชีวิตข้าตกต่ำถึงเพียงนี้…แต่เ้ายังอยู่เคียงข้างข้า ข้าก็มีความสุขมากแล้ว ต่อให้เ้าไม่ใช่คนเดิมที่ข้าคุ้นเคยก็ตาม”
แม้เสียงเขาจะสั่นแ่ แต่ความจริงใจในดวงตานั้นกลับมั่นคงยิ่งกว่าใครม่อหรานไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นั้แ่นางฟื้นขึ้นมาแต่เขารับรู้ได้แววตาของนางเปลี่ยนไปลึกขึ้น…นิ่งขึ้น…และมีประกายความเ็าเจือจางอยู่ในนั้นไม่เหมือนเสวียนหนิงคนเดิมที่อ่อนโยนเสมอแต่ถึงจะต่างเพียงใด เขาก็ยังเลือกที่จะกอดนางเอาไว้ ราวกับกลัวว่าจะสูญเสียอีกครั้ง
“ท่านพี่คงจะหิวแล้ว เดี๋ยวน้องจะทำอะไรให้ทานนะเ้าคะ”เสวียนหนิงเอ่ยด้วยเสียงอ่อนหวานอ่อนโยนม่อหรานมองนางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเป็ห่วง“แต่เ้าเพิ่งฟื้นไม่นาน ไม่ค่อยสบายด้วย… เ้าพักผ่อนเถิด”
เสวียนหนิงส่ายหน้าเบาๆ ก่อนค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง“น้องไม่เป็อะไรเ้าค่ะ น้องดีขึ้นมากแล้ว”
นางเดินไปเข็นรถเข็นของสามีให้มารอที่โต๊ะไม้เล็กๆ ที่ใช้เป็โต๊ะอาหารเมื่อเดินไปยังมุมเก็บเสบียงเล็กๆ ของบ้าน สิ่งแรกที่นางเห็นคือปลาตากแห้งไม่กี่ชิ้นที่แขวนไว้ สายตาของเสวียนหนิงหม่นลงเล็กน้อยอาหารของพวกเขามีเพียงเท่านี้ปลาตากแห้ง ข้าวสารหยิบมือ น้ำสะอาดเพียงพอประทังชีวิตเพราะกำลังทรัพย์ของพวกเขามีไม่มากพอจะเลือกของดีๆ
นางสูดลมหายใจเบาๆ ก่อนยกมือเล็กขึ้นบิดข้อมืออย่างชำนาญจังหวะที่มือจับมีดนั้นช่างแตกต่างจากสตรีธรรมดาลิบล้ำเพียงครู่เดียว คมมีดก็ขยับอย่างรวดเร็วและแม่นยำแร่ปลาตากแห้งออกเป็เส้นบางๆ สวยงามราวกับงานศิลป์ ม่อหรานที่นั่งเงียบอยู่ข้างหลังเห็นภาพนั้นเข้า ก็ถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง ดวงตาของเขาสั่นวูบหนึ่ง นางเป็ใครกันแน่…?
เขาเคยเป็แม่ทัพเคยผ่านศึกนับครั้งไม่ถ้วนเพียงมองท่วงท่าการใช้มีด เขาย่อมรู้ทันทีว่าฝีมือของนางไม่ธรรมดา ทักษะคมมีดเช่นนี้ หากใช้กับชีวิตคน คงพรากได้ง่ายดายยิ่งกว่าหั่นปลาตากแห้งเสียอีก
แต่สตรีตรงหน้ากลับนำทักษะนั้นมาใช้ในการเตรียมอาหารให้เขาอย่างตั้งใจ…ในเวลาไม่นาน ข้าวต้มร้อนๆ ก็ถูกตักใส่ถ้วย ปลาตากแห้งแร่สวยถูกทอดจนหอมกรุ่น เสวียนหนิงจัดเรียงทุกอย่างอย่างพิถีพิถัน ก่อนยกมาวางตรงหน้าม่อหราน
“เ้าไม่ใช่เสวียนหนิงที่ข้าเคยรู้จักจริงๆ…”ม่อหรานเอ่ยเบาๆ หลังเฝ้ามองท่วงท่าของนางมาพักใหญ่แม้คำพูดจะแฝงความสับสนแต่ชายผู้นี้กลับตักข้าวต้มกับปลาตากแห้งเข้าปากทันทีเพราะเขารู้ดีว่าสตรีเบื้องหน้าใช้ทั้งแรงกายและใจในการทำอาหารมื้อนี้เพื่อเขา
“…แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังมีความสุขมาก ที่เ้าคอยอยู่เคียงข้างข้า”
เสวียนหนิงชะงักไปเล็กน้อยความรู้สึกที่ผุดขึ้นในอกนั้นช่างแปลกประหลาดทั้งที่ในชีวิตก่อนของนาง ไม่เคยมีความประหม่า ไม่เคยหวั่นไหวต่อคำพูดของใครมาก่อนแต่ความทรงจำของเ้าของร่างเดิมที่ไหลซึมเข้าสู่หัวใจยังคงทำให้นางััถึงความอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับมาก่อนนางสูดหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนกล่าวด้วยเสียงที่ยังคงแข็งเล็กน้อยตามนิสัยเดิม“น้องเพียงแค่อยากให้ท่านพี่รู้… ว่าน้องไม่เคยคิดร้ายต่อท่านพี่เลย”
แม้น้ำเสียงจะไม่หวานหรืออ่อนโยนเหมือนสตรีทั่วไปแต่ทุกถ้อยคำกลับเปี่ยมด้วยความจริงใจความจริงใจที่ชายตรงหน้าััได้ชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดใดๆม่อหรานวางตะเกียบลง พลางมองนางด้วยรอยยิ้มอ่อนล้าแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น“ขอบคุณเ้ามากนะ… ที่อยู่เคียงข้างข้า และไม่เคยทิ้งข้าไปไหนเลย”
ในขณะที่โลกทั้งใบทอดทิ้งเขาในวันที่สูญเสียศักดิ์ศรี ยศถาบรรดาศักดิ์ และครอบครัวไม่ว่านางจะเป็ใครก็ตามคือคนที่ยังอยู่เคียงข้างเขาม่อหรานมิได้ใส่ใจว่าตัวตนของนางจะเปลี่ยนไปเพียงใดไม่คิดค้นหาความลับ ไม่คิดซักถามอดีตของนางสำหรับเขา…ความรักที่อยู่ต่อหน้า คือปัจจุบันที่สำคัญที่สุด
“ท่านพี่…พักผ่อนก่อนดีหรือไม่เ้าคะ เดี๋ยวน้องจะจุดคบไฟเพิ่มให้ห้องอบอุ่นขึ้น”
ม่อหรานพยักหน้าเบาๆแต่ก่อนที่นางจะขยับ เขากลับยื่นมือออกไปคว้ามือของนางไว้ก่อนัันั้นอบอุ่นจนหัวใจนางสะดุดไปชั่วขณะมันเป็ความอบอุ่นที่ในอดีต…เธอไม่เคยรู้จัก ไม่เคยได้รับจนแทบไม่รู้วิธีตอบสนอง
“เสวียนหนิง…” เขาเอ่ยเรียกชื่อเธอเบาเหมือนกลัวว่าเสียงจะทำให้นางหายไป “ไม่ว่าเ้าจะเป็เสวียนหนิงคนเดิม หรือจะเป็อย่างไรในตอนนี้…ข้าก็อยากให้เ้ารู้ว่า ข้าไม่้าสิ่งใดมากไปกว่าการมีเ้าอยู่”
คำพูดนั้นช่างเรียบง่ายแต่กลับทำให้หัวใจของเสวียนหนิงสั่นไหวรุนแรงใบหน้าของนางนิ่งสงบ แต่ภายในกลับเกิดความปั่นป่วนที่ไม่เคยมีมาก่อนความรู้สึกอบอุ่นของเ้าของร่างเดิมและความเ็าในตัวตนของนาง
“น้อง…” นางเอ่ยเสียงแ่ “…จะอยู่เคียงข้างท่านพี่เสมอเ้าค่ะ”
ขณะที่นางพูด ดวงตาของนางยังวาววับด้วยความบางอย่างความมุ่งมั่นที่คมกริบราวกับคมมีดม่อหรานเห็นสิ่งนั้นเห็นความแตกต่างแต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เพียงยื่นมือออกไปจับมือนางแน่นขึ้นเพราะสำหรับเขาในตอนนี้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็ตัวตนแบบใด…ก็คือภรรยาที่เขาจะรักไปทั้งชีวิต
