หลินเสวี่ยหรงเดินออกไปจากตำหนักบรรทมของหลินชิงเวยอย่างเบิกบานใจ
ภายในตำหนักบรรทม เสียงลมหายใจของหลินชิงเวยเปี่ยมไปด้วยความเย้ายวนนางรู้สึกว่าร่างของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเตียงกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ความงดงามที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทำให้เขาแทบทนไม่ไหวที่จะกระโจนเข้าไปขย้ำนางประดุจจิ้งจอกที่หิวโหย
หลินชิงเวยพยายามประคองสติสัมปชัญญะของตนเอาไว้ “ท่านพ่อของข้าเป็ถึงอัครมหาเสนาบดีคืนนี้หากเ้ากล้าแตะต้องข้า พรุ่งนี้ข้าจะให้เ้าตายด้วยวิธีนับหมื่น...”
องครักษ์มีท่าทีหวาดกลัวอยู่บ้าง ทว่าพยายามรวบรวมความกล้าหาญของตน “พรุ่งนี้แม้แต่ตัวเ้าเองก็ยากจะเอาตัวรอดได้ไม่ต้องกลัว รอให้เข้าใช้ประโยชน์เ้าแล้ว ก่อนฟ้าสางในวันรุ่งขึ้นข้าก็ออกไปแล้ว พวกนางย่อมไม่พบอะไรเช่นนี้แล้วบางทีอาจจะไม่มีใครพบว่าเ้าไม่บริสุทธิ์เสียแล้ว”
องครักษ์ถูกคำพูดของตนเองปลุกระดมจิตใจ หญิงงามอยู่ตรงหน้า เขาย่อมละทิ้งเหตุผลทั้งหมดขอเพียงรอให้เขาได้ลิ้มลองหญิงงามตรงหน้าก็จากไปทันที เมื่อเป็เช่นนี้ย่อมไม่มีใครรู้ว่าเขาคือชายชู้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ องครักษ์พลันบังเกิดความฮึกเหิม หลินชิงเวยขยับตัวซุกเข้าไปด้านในของเตียงนอนองครักษ์คลานขึ้นมาบนเตียงของนาง สายตาแน่วแน่ที่จ้องมองนางนั้น ทำให้นางตระหนักว่านางหมดสิ้นหนทางที่จะหนีเอาตัวรอดแล้ว
สายตาขององครักษ์ผู้นั้นหิวกระหายอย่างที่สุด เมื่อเขากระโจนเข้าไปจับข้อเท้าเล็กๆของนางและลากนางออกจากจากมุมนั้น ในเวลานี้เอง ข้างนอกหน้าต่างพลันมีเสียงเคาะก๊อกๆ ดังขึ้น
องครักษ์ผู้นั้นรีบหันไปดูด้วยความตื่นตระหนกทันที เขาเห็นว่าประตูหน้าต่างไม่ได้ปิดสนิทเห็นข้างนอกมีเพียงสีดำสนิทของราตรีกาล ไม่มีอะไรทั้งสิ้น
เขามิกล้าชะล่าใจ หรือยังมีคนอื่นอยู่ข้างนอก?นี่หากถูกผู้อื่นพบเห็นเข้า เขายังไม่ทันได้เชยชมหญิงงามแต่กลับต้องเอาชีวิตมาทิ้งต่อมาเขาเห็นเงาร่างสีดำปรากฏอยู่ข้างนอก จึงถามออกไปว่า “ใครกันที่อยู่ข้างนอก?”
ข้างนอกมีเพียงความเงียบสงัด ไม่มีเสียงตอบกลับจากผู้ใดองครักษ์ผู้นั้นเดินไปหยุดข้างหน้าต่างด้วยความระมัดระวังพร้อมกับยกมือขึ้นผลักบานหน้าต่างชั่วขณะนี้เองยังไม่ทันรอให้เขาได้มองเห็นอะไรชัดเจนหรือส่งเสียงร้องอันใดก็มีมือเย็นเยียบคู่หนึ่งยื่นเข้ามาจากความมืดข้างนอกตรงเข้าบีบลำคอจากนั้นโยนร่างของเขาออกจากตำหนักบรรทมไป
โอสถวสันต์นี้มิใช่มีเพียงคำร่ำลือเท่านั้น มันแผดเผาสติสัมปชัญญะของหลินชิงเวยไม่มีเหลือส่งผลให้ร่างกายของนางบังเกิดกระแสซัดวนของความปรารถนา และด้วยไม่อาจสมปรารถนานางจึงบิดตัวไปมาราวกับงูน้ำอย่างไรอย่างนั้น
เสียงครวญครางเบาๆ ที่ดังออกมาจากลำคอของนางทำให้ความงดงามของดรุณีน้อยในวัยแรกแย้มแสดงตัวออกมาอย่างหาตัวจับได้ยาก
แม้สมองเต็มไปด้วยความร้อนรุ่มอึงอล แต่นางกลับได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวภายในห้องอย่างชัดเจนดูเหมือนเมื่อองครักษ์ผู้นั้นออกไปจากเตียงของนางแล้วมิได้ย้อนกลับมาอีกความเงียบสงัดในห้องกลายเป็ความประหวั่นพรั่นพรึง
หลินชิงเวยคิดว่าองครักษ์ผู้นั้นจากไปแล้ว จึงพยายามที่จะหรี่ปรือดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์คู่นั้นละอองน้ำชั้นหนึ่งที่ฉาบอยู่บนดวงตาคู่นั้นเปี่ยมด้วยความเย้ายวนเสื้อผ้าอาภรณ์บนร่างกายบริเวณหัวไหล่แบะออกปรากฏให้เห็นเสื้อตัวในเนื้อบางวับแวมยิ่งทำให้เห็นซึ่งความงดงามหาใดเปรียบ ทันทีที่นางมองไปก็รู้สึกสะดุดในใจจากนั้นหัวใจค่อยๆ เต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง ลำคอนั้นทั้งแห้งผากทั้งระคายเคือง
ไม่รู้ว่าข้างเตียงของนางปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งยืนอยู่อย่างสงบนิ่งั้แ่เมื่อใดเขาหันหลังให้แสงสว่างจึงมองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน ทว่าหลินชิงเวยแน่ใจว่าเขาไม่ใช่องครักษ์คนก่อนหน้านี้เด็ดขาดเพราะคนผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่ เขามีร่างสูงเพรียว ลำพังเพียงแค่เงาร่างบ่าไหล่กว้างและ่เอวสอบก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนเกิดจินตนาการเตลิดไปไกลลิบ
หลินชิงเวยหรี่ตาลง นางพยายามเพ่งมองรูปร่างลักษณะของเขาให้ชัดเจนทว่าล้วนเป็ความพยายามที่ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น
อาจเป็เพราะ์ยังมีความเมตตาต่อนางอยู่บ้างก่อนหน้านี้นางรังเกียจองครักษ์ผู้นั้น เวลานี้จึงเปลี่ยนคนให้นางเป็บุรุษอีกคนหนึ่งเรือนกายในวัยดรุณีน้อยถูกฤทธิ์ยากระตุ้นให้เกิดความปรารถนาอันแรงกล้าเมื่อเกิดขึ้นแล้วมิอาจถอยหลังได้ มันเข้าครอบงำสติและเหตุผลของนางอย่างราบคาบอุปนิสัยเดิมของนางถูกฉีกทึ้งไม่มีชิ้นดี หากค่ำคืนนี้ไม่มีบุรุษคนนี้ เกรงว่าจะมิอาจถอนพิษจากฤทธิ์ยานี้ได้