ใบหน้าขาวผ่องของหลินชิงเวยปรากฏรอยนิ้วมือสีแดงขึ้นทันทีร่างของนางล้มไปทางด้านหลังตามแรงตวัดจากฝ่ามือนั้นอย่างมิอาจควบคุมลงไปกองอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟยอันกว้างขวางตัวนั้นผ้าไหมสีเขียวนั้นปิดบังใบหน้าของนางไว้กึ่งหนึ่งและคลุมลงบนเก้าอี้กุ้ยเฟยกระโปรงผ้าไหมบนกายของนางบานออกเหมือนดอกโบตั๋นบานสะพรั่งที่รอให้คนไปเด็ดมาเชยชมอย่างไรอย่างนั้น
หลินเสวี่ยหรงกล่าวอย่างพึงพอใจ “ท่าทางเร่าร้อนของเ้าในเวลานี้ดูท่าแล้วคงจะคิดถึงบุรุษจนทนไม่ไหว ไม่ต้องรีบร้อน น้องสาวจะทำให้เ้าพอใจแน่นอน”
หลินชิงเวยหลับตาลง นางพยายามสงบสติอารมณ์ทว่ากลับมิอาจควบคุมความรู้สึกรุ่มร้อนที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้ ความร้อนรุ่มนั้นซัดวนขึ้นมาจากท้องน้อยน่าชังเหลือเกินที่มิอาจควบคุมตนเองให้หลุดพ้นจากการกลืนกิน
คำกล่าวใดที่ว่าเมื่อจิตใจสงบก็จะใจเย็นลงได้เองล้วนเป็คำพูดที่นำมาใช้หลอกคนชัดๆ
หลินเชิงเวยใจเย็นราวกับน้ำแข็งแล้ว ทว่าปฏิกิริยาของร่างกายกลับรุนแรงยิ่งขึ้น
ยามนี้เองหลินเสวี่ยหรงะโสั่งคนข้างนอก “โง่งมอะไรกันอยู่ยังไม่รีบเข้ามาอีก”
หลินชิงเวยคิดในใจ นางประเมินหลินเสวี่ยหรงต่ำไปจริงๆสตรีในยุคสมัยโบราณเหตุใดจึงช่ำชองเช่นนี้ อายุน้อยแค่นี้กลับคิดหาวิธีที่โเี้อำมหิตเช่นนี้ออกมาได้
บุรุษคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบองครักษ์ค่อยๆ เดินเข้ามาจากด้านนอก ดูท่าแล้วนางกำนัลไม่กี่คนที่อยู่ข้างนอกล้วนถูกหลินเสวี่ยหรงซื้อตัวไว้ล่วงหน้าเวลานี้องครักษ์ผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้ เขามีรูปร่างผอมบาง ท่าทีขลาดเขลาอ่อนแอ ทว่าแววตาที่มองมายังหลินชิงเวยกลับมิอาจปิดบังความตื่นตะลึงชมชอบ รวมไปถึงความหื่นกระหายเอาไว้ได้
ยามนี้หลินชิงเวยเปรียบเสมือนเนื้อปลาที่อยู่บนเขียงสุดแต่คนจะจัดการนางมีรูปโฉมงดงามดึงดูดสายตา กระโปรงสีแดงบนร่างของนางยิ่งขับให้ผิวพรรณผุดผ่องของนางราวกับคั้นน้ำออกมาได้ผิวพรรณขาวผ่องที่ราวกับจะสะท้อนแสงได้ ขอเพียงเป็บุรุษเมื่อได้เห็นเช่นนี้ล้วนเกิดปฏิกิริยากับร่างกายอย่างรุนแรงทั้งสิ้น
ความหื่นกระหายส่งผลให้คนมีความกล้าบ้าบิ่นคำพูดนี้ไม่หลอกลวงแม้แต่น้อยองครักษ์ผู้นั้นเมื่อแรกนั้นหลบหลีกสายตาอยู่เพียงสองครา จากนั้นมองหลินชิงเวยด้วยสายตาประหนึ่งปลดเปลื้องอาภรณ์อย่างเปิดเผยความร้อนจากร่างกายของหลินชิงเวยทำให้ร่างของนางเกิดกลิ่นเหงื่ออันหอมกรุ่นชั้นบางๆเส้นผมบนหน้าผากแนบติดไปกับจอนผม สายตาของนางดูเลื่อนลอยและยั่วยวนนางประเมินรูปร่างขององครักษ์ผู้นั้นผ่านสายตาอันพร่ามัวของตนแล้วได้แต่ส่ายหน้าในใจ
รูปร่างผอมบางและขี้ขลาดเช่นนี้ เื่พรรค์นั้นจะใช้ได้อย่างไร...อย่างไรก็ควรจะเลือกคนที่รูปร่างสูงใหญ่มีเรี่ยวแรงแข็งขันสักหน่อย
หลินชิงเวยพลันเหน็บหนาวใจ นี่ๆ ยามนี้เ้าถูกผู้อื่นวางยานะไฉนยังมีกะจิตกะใจมาคิดพิจารณาเื่เหล่านี้ได้!
หลินเสวี่ยหรงหันไปกล่าวกับองครักษ์ผู้นั้นอีกครั้ง“ทึ่มทื่ออะไรอีกเล่า ให้เ้ามาเพื่อดูเท่านั้นหรือไร? หรือเ้าไม่อยากลิ้มลอง?”
แววตาขององครักษ์เปี่ยมไปด้วยความกระหายสายตาที่เขามองหลินชิงเวยราวกับหลินชิงเวยได้ปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์แล้วนอนเปลือยกายอยู่ที่นั่นแล้วองครักษ์พยักหน้า “อยาก...อยากขอรับ...”
สายตาของหลินเสวี่ยหรงเต็มไปด้วยความรังเกียจ กล่าวอย่างดูิ่ดูแคลนว่า“คืนนี้นางเป็ของเ้าทั้งคืน สุดแต่เ้าจะใช้สอยอย่างไร”พูดแล้วยกมือขึ้นชี้ไปที่เตียงไหมที่อยู่ด้านหลังม่านไข่มุกภายในตำหนักบรรทม“เ้าอุ้มนางไปวางบนเตียงนั้น แล้วเสวยสุขให้เต็มที่เถิด”
องครักษ์หรือจะควบคุมความคิดในใจของตนเองได้ เขารีบก้าวขึ้นหน้าอุ้มหลินชิงเวยอย่างเบามือราวกับเป็สมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งกลิ่นเหงื่อไคลและลมหายใจของชายหนุ่มกรุ่นเข้ามาในจมูกของหลินชิงเวย ทำให้นางขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ
นางกลับมานอนบนเตียงของตนเองและได้ยินเสียงปิดประตูเบาๆหลินเสวี่ยหรงปิดประตูให้นางแล้วยืนอยู่ด้านนอก ภายใต้แสงสว่างจากโคมไฟในวังปรากฏให้เห็นรอยยิ้มอันน่าสะพรึงกลัวบนใบหน้าของนาง
นางคาดว่าพรุ่งนี้ทันทีที่เื่นี้แดงขึ้น แม้กระทั่งตำหนักในแห่งนี้ก็จะไม่มีที่ให้หลินชิงเวยได้ซุกหัวนอนถึงยามนั้นคนทั้งหมดก็จะรู้เื่ที่นางเป็สตรีมากตัณหาคนหนึ่ง แต่งเข้าวังมาไม่ทันไรก็ทนความเปลี่ยวเหงาไม่ได้แอบลักลอบพบชายอื่นในยามค่ำคืน เช่นนั้นควรทำอย่างไรเล่า?
ถึงยามนั้น หลินชิงเวยอย่าได้คิดว่าจะมีโอกาสได้ตั้งตัวไปตลอดชีวิต!