“...” อวี๋มู่หมดคำพูด
เ้าผีนี่หัวกลวงโบ๋ขนาดไหนเนี่ย อะไรคือจัดการเฟิงอวี้ไปแล้ว คิดดูสิว่าคนอย่างเขาจะไปมีกำลังได้อย่างไร
เขาเอ่ย “ข้าเพียงแต่แสดงความชื่นชมต่อใต้เท้าเฟิงอวี้ เขายอมรับแล้ว จึงไว้ชีวิตข้า”
“ง่ายดายแค่นี้หรือ? ” ชัดว่าิญญาน้ำไม่เชื่อ
อวี๋มู่ผงกศีรษะเป็การตอบรับ “ใช่”
“อืม…” ิญญาน้ำครุ่นคิด
ต่อมาวันรุ่งขึ้น อวี๋มู่ได้ยินิญญาชั้นสิบเจ็ดเล่าว่า หลังจากที่เขาออกมา ิญญาน้ำก็ขึ้นไปที่ชั้นสิบแปด จากนั้นก็ไม่ได้กลับออกมาอีกเลย
อวี๋มู่รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน เขาเดินขึ้นชั้นสิบแปด เห็นเฟิงอวี้กำลังนั่งบนแท่นหินที่จารึกอักษรสัญลักษณ์และเล่นโซ่ที่ล่ามเท้าขวาตัวเองอยู่ ด้วยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เสียงโซ่ดังขึ้น พร้อมกับประกายสีแดงในดวงตาเขาลุกโชติ่ มองดูแล้วให้ความรู้สึกประหลาดเล็กน้อย
เมื่อรู้สึกได้ว่าอวี๋มู่มาแล้ว เขาถึงหยุดท่าทีที่คาดเดาไม่ออกนั่น แล้วหันมาทางอวี๋มู่ ฉีกยิ้มกว้างจนเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคม
เขาโบกมือเรียกอวี๋มู่ “มานี่สิ”
อวี๋มู่เดินมาหยุดตรงจุดที่ห่างจากแท่นหินราวสองเมตร
เฟิงอวี้นั่งขัดสมาธิ โดยมือซ้ายยันคางไว้ แล้วเอ่ย “ใกล้เข้ามาอีก”
อวี๋มู่มีสีหน้าเย็นะเื
แท่นหินนี้ไว้ใช้สะกดปีศาจในตัวเฟิงอวี้ แต่ก็ทำลายเหล่าิญญาอื่นได้เหมือนกัน เหมือนเป็บริเวณต้องห้ามสำหรับิญญา
แต่เมื่อถึงเวลากลางคืน ไม่รู้ั้แ่เมื่อไหร่ ที่เฟิงอวี้จะแข็งแกร่งจนกระทั่งสามารถเดินเข้าออกแท่นหินได้ตามใจ และอักษรจารึกเหล่านี้เริ่มมีผลกับเขาน้อยลง
ครั้งที่แล้วตอนที่อวี๋มู่มา เขาเป็คนเดินออกมาจากแท่นหินเอง แต่ครั้งนี้กลับให้อวี๋มู่เดินมาหา ไม่รู้ว่าเขา้าทำอะไรกันแน่
แต่อวี๋มู่รู้ว่า ระยะสองเมตรคือสุดเขตแล้ว หากเขาเดินหน้าต่อ ก็อาจจะถูกอักษรจารึกแผดเผาิญญาไปทั่วทั้งร่าง ให้รู้สึกเ็ปเกินจินตนาการได้
“ทำไมไม่เดินเข้ามาล่ะ? ” เฟิงอวี้มองเขา แล้วเอ่ยถาม “กลัวหรือ? ”
ระบบเอ่ยกับอวี๋มู่ [โฮสต์ เราไม่ต้องกลัว พวกเรามีตัวช่วยระงับความเจ็บ]
อวี๋มู่ขมวดคิ้ว : ระบบ เขากับเว่ยจวินหยางเหมือนกันจริงๆ
เ้าลูกสุนัขเว่ยเริ่มแรกก็ทำนิสัยสุนัขแบบนี้ ให้เขาตัดนิ้วตัวเองเพื่อพิสูจน์ความเชื่อใจ และตอนนี้เฟิงอวี้ก็เหมือนกำลังจะทำแบบเดียวกัน
เขาถามระบบ : หากฉันทำ นายว่าคะแนนความประทับใจจะขึ้นไหม?
[เอ่อ อันนี้…อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจครับ] พูดตามจริง ระบบก็ตะลึงไปกับเื่ราวที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็คะแนนความประทับใจสองแถบ คนสองคน และความคิดของเฟิงอวี้ แม้กระทั่งคนที่ดูนิยายและละครมาแล้วสองสามหมื่นเื่อย่างเขาก็คาดเดาไม่ออก
อวี๋มู่ : …มีนายไว้ทำไมละเนี่ย?
[แงๆๆๆ]
อวี๋มู่แอบถอนหายใจ เขาไม่กล้าเผยอารมณ์ผ่านสีหน้า แล้วก้าวเท้าเข้าไป ปรากฏว่าเท้ายังไม่ทันััพื้น จู่ๆ นักบวชน้อยก็พุ่งมายั้งไว้
อวี๋มู่ตกตะลึง
ระบบก็ตกตะลึง
แม้แต่เฟิงอวี้เองก็ตกตะลึงเหมือนกัน
เฟิงอวี้อยู่ในท่ากึ่งคุกเข่า ในมือจับข้อเท้าเปลือยซีดขาวของอวี๋มู่ไว้ รับรู้ได้ถึงความเย็นเฉียบผ่านิั พลันขมวดคิ้ว
คนคนนี้ท่าทางจะอบอุ่น
ในหัวมีเื่นี้แวบเข้ามา เขาเงยหน้ามองอวี๋มู่ มือเริ่มผ่อนคลายแล้ววางเท้าอวี๋มู่ให้ถอยห่างออกไปหน่อย เพื่อไม่ให้เขาได้รับาเ็จากแท่นหินจารึก
จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน กระแอมเบาๆ แล้วเอ่ย “คิดไม่ถึงว่าเ้าจะไม่กลัวิญญาแหลกสลาย อ่อนแอขนาดนี้ยังกล้าเดินเข้ามา”
เดิมทีเขาอยากทดสอบอวี๋มู่ แต่เมื่อครู่ตอนที่เขาจะเข้ามาจริงๆ เสี้ยววินาทีนั้น ร่างกายของเขากลับมีปฏิกิริยาไวยิ่งกว่าสมอง
เขาไม่อยากให้คนผู้นี้าเ็
ไม่อยากให้อวี๋มู่เ็ป
เหมือนกับคราวที่แล้วที่เขาตั้งใจจะกินมือขวาของอวี๋มู่แต่ปรากฏว่ากลายเป็จูบ
เป็การตอบโต้ที่น่าแปลก
“เพราะว่านี่คือคำสั่งของใต้เท้าเฟิงอวี้ ดังนั้นข้าต้องน้อมรับทำตาม” อวี๋มู่เผยรอยยิ้มอย่างเป็ทางการ แล้วเอ่ย “ใต้เท้าเฟิงอวี้ยอมให้ข้าเดินเข้ามาใกล้ ข้าจึงรู้สึกปลื้มปริ่ม หาได้คิดอะไรมากมาย”
เขาคิดว่าท่าทางของตัวเองดูต่ำต้อยเหลือเกิน แต่กลับเห็นเฟิงอวี้เหลือบมองเขา แล้วเอ่ย “เ้าโกหกอีกแล้ว”
คำพูดเดียวทำเอารอยยิ้มบนใบหน้าเขาแข็งตึง
“เฮ้อ อวี๋มู่” ไม่รอให้อวี๋มู่ได้อธิบายต่อ จู่ๆ เฟิงอวี้ก็เข้าใกล้ใบหน้าเขา ยกยิ้มจนดวงตาเป็เส้นโค้ง “พวกเราเคยมีความสัมพันธ์ั้แ่ภพก่อนหรือเปล่า? ”
เฟิงอวี้อยู่ห่างจากอวี๋มู่เพียงนิดเดียว ั์ตาดำขลับจ้องตาเขา “ความรู้สึกที่เ้ามีให้ข้าในตอนที่อยู่ต่อหน้านั้น ไม่มีสิ่งใดที่เป็เื่จริง ซึ่งเื่นี้ทำให้ข้าโกรธมาก โกรธจนอยากกินเ้าเสีย แต่เมื่อใดที่ข้าคิดอยากจะทำร้ายเ้า จิตใต้สำนึกก็จะร้องห้ามไม่ให้ข้าทำร้ายเ้า ลาหัวโล้นพวกนั้นเคยเทศน์เื่ภพชาติและผลกรรมจากบาปบุญให้หย่งอวี้ฟัง”
“แต่ก่อนข้าไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ที่ได้พบกับเ้า ข้าก็เริ่มเชื่อบ้างแล้ว”
อวี๋มู่ฟังเขากล่าวจบ ก็นึกถึงคำกล่าวที่เว่ยจวินหยางเคยบอกเขาว่าจะตามราวีทุกชาติภพ
แถมเ้าลูกสุนัขนั่นก็ยังเคยบอกด้วยว่าตัวเองรับรู้ได้ว่าอวี๋มู่กำลังโกหกกันอยู่…
เขามองดูคนตรงหน้าที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับเว่ยจวินหยาง บุคลิกท่าทางของเด็กหนุ่มก็ด้วยเช่นกัน ทำให้จังหวะนั้นเขาเริ่มรู้สึกสับสน
แต่ชั่วครู่ก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป
ไม่มีทาง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็โลกนิยายที่เสมือนจริง จะเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร?
แต่ปานรูปกลีบดอกไม้นี้…
“อวี๋มู่ เ้าคิดว่าอย่างไร? ” เฟิงอวี้ถามเขา “เ้าคิดว่าพวกเรารู้จักกันมาก่อนในภพชาติที่แล้วหรือไม่? ”
“ใต้เท้าเฟิงอวี้คิดได้เช่นนี้ ข้าก็ดีใจมากขอรับ” อวี๋มู่รวบรวมสติ แสร้งทำเป็หัวเราะเหมือนเกรงใจ “แต่ตอนนี้ข้ากลายเป็ิญญา ก่อนตายก็คือภพของข้า ข้าจำได้ว่าตอนนั้นไม่เคยพบเจอใต้เท้าเฟิงอวี้มาก่อน”
“เอ๋? ” เฟิงอวี้เบะปาก เหมือนว่ากำลังพินิจว่าคำพูดนี้เป็จริงแค่ไหน นาทีต่อมาก็ได้สติ แล้วเอ่ย “ถ้าเช่นนั้นเ้าช่วยเล่าเื่ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ให้ข้าฟังหน่อย ข้าอยากฟัง”
เขาดึงข้อมืออวี๋มู่แล้วนั่งลงในท่าขัดสมาธิ สองมือวางบนหัวเข่าของตัวเอง ท่าทางเหมือนเด็กน้อยผู้เชื่อฟังที่กำลังแสดงท่าทีสงสัย “ข้าเคยได้ยินแค่เื่เล่าของพวกลาหัวโล้น ที่มีแต่เื่เสียสละตัวเองเพื่อเติมเต็มผู้อื่น มันน่าเบื่อเหลือเกิน ข้าเลยอยากฟังเื่ที่มันต่างออกไป เ้าช่วยเล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ”
อวี๋มู่ตามความคิดกลับไปกลับมาของอีกฝ่ายไม่ทัน แต่เมื่อเห็นว่าเื่ราวภพชาติกับเื่ที่เขาพูดโกหกไปเมื่อครู่มันผ่านไปได้ชั่วคราวจึงรู้สึกโล่งอก
“แต่ก่อนข้าคือ…”
“เดี๋ยวก่อน” จู่ๆ เฟิงอวี้ก็ขัดคำพูดเขา แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างยิ้มแย้ม “เมื่อวานมีิญญาน้ำมาตัวหนึ่ง บอกว่าชื่นชมข้า ข้าเห็นว่าเขามีพลังไม่น้อย จึงอยากกินเขา ก่อนตาย เขาร้องไห้บอกว่าเ้าเป็คนบอกให้เขามา แล้วยังถามอีกว่าทำไมเ้าถึงรอดไปได้ แต่เขากลับต้องตาย”
เขาถามอวี๋มู่ “เ้าเดาสิ ว่าข้าตอบเขาว่าอย่างไร? ”
“...ข้าเดาไม่ออก”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ ข้าบอกว่าใครใช้ให้เ้าหน้าตาน่าเกลียดถึงเพียงนี้กันล่ะ ฮ่าๆๆๆ!! เ้าไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นท่าทางของเขา ฮ่าๆๆ ช่างน่าตลกสิ้นดี!! ”
เฟิงอวี้เอามือกุมท้องหัวเราะ ราวกับว่านี่คือเื่ตลกใหญ่หลวง
อวี๋มู่รู้สึกว่าแผ่นหลังเขาเย็นเฉียบ รู้สึกทนไม่ไหวจนเผลอใช้สายตามองอีกฝ่ายราวกับมองคนโรคจิต ส่วนในใจก็บ่นกับระบบ: เ้าระบบ นายเข้าใจหรือเปล่าว่ามันน่าขำตรงไหน?
[ซี๊ด——ไม่เลยครับ] ระบบขนลุกกับเสียงหัวเราะของเฟิงอวี้ ก่อนจะเอ่ยต่อ [แต่ว่าโฮสต์ครับ ตอนนี้คุณควรจะรู้สึกโชคดีที่ตัวเองข้ามมิติมาเป็ิญญาพิศวาสหน้าตาดีหรือเปล่าครับ ถึงไม่ถูกเขากินเข้าไป?]
อวี๋มู่ : …ไม่โชคดีเลยสักนิด
เขาถอนสายตากลับ พร้อมกระแอมเสียงเบา “ใต้เท้าเฟิงอวี้ ให้ข้าเริ่มเล่าได้หรือยังขอรับ? ”
“เล่าสิ ๆ ” เฟิงอวี้หยุดขำ ดวงตาเป็ประกายคู่นั้นจ้องมองอวี๋มู่ “ข้าจะฟังนิทาน จะฟังนิทาน! ”
ในตอนนั้นอวี๋มู่รู้สึกเหมือนกับตัวเองอยู่ในโรงเรียนอนุบาล…
*
ครั้งนี้เขาไม่ได้โกหก เขาเล่าเื่ของตัวเองกับเว่ยจวินหยางในชาติที่แล้วให้เฟิงอวี้ฟัง
ที่เขาเล่าเื่นี้ เพราะว่ามันใกล้เคียงกับโลกตอนนี้
เพราะถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็ยุคโบราณเหมือนกัน แม้ว่าโลกนี้ออกจะเหนือจินตนาการไปสักหน่อย หากแต่งแต้มเล็กน้อย เฟิงอวี้ก็คงแยกไม่ออก
เพียงแต่เดิมเขาอยากจะเล่าให้เป็นิทาน ปรากฏว่าพอเล่าไปเรื่อยๆ เสียงของเขาก็เริ่มผิดปกติ
ลำคอเหือดแห้ง ส่วนในใจก็รู้สึกหน่วงจนน่าเป็กังวล
เขาเปลี่ยนแปลงตอนจบ โดยบอกว่าหลังจากที่เขาตาย เว่ยจวินหยางก็กลับไปที่สำนักชิงอี ไม่ถึงสองปีก็ลืมคนที่ไม่ได้รักตัวเองอย่างเขาจนสิ้น นับแต่นั้นมาก็ใช้ชีวิตอิสระโลดโผนและอยู่อย่างมีความสุข
หลังจากเฟิงอวี้ฟังจบ ก็เขยิบตัวเข้าใกล้อวี๋มู่ พอเห็นว่าเขาดวงตาแดงก่ำ ก็เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดทะลักเข้ามาในใจ จนหัวใจเต้นเร็วขึ้น
นี่เป็ครั้งแรกที่เฟิงอวี้รู้สึกเช่นนี้ เขาจับหน้าอกพลางกะพริบตาปริบๆ แล้วเอ่ยกับอวี๋มู่ “เ้าโกหกข้าอีกแล้ว”
เขาเอ่ย “เ้าคนที่ชื่อเว่ยจวินหยางนั่นตายแล้วใช่หรือไม่? ”
เขาพูดย้ำชัดอีกรอบ “ต้องตายแล้วแน่นอน”
อวี๋มู่ตกตะลึง เขารับรู้ได้ว่าระดับความอ่อนไหวของเฟิงอวี้นั้นเหนือกว่าเว่ยจวินหยางมาก
เขาหันไปอีกทาง กล่าวอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
เฟิงอวี้ค่อยๆ โน้มตัว เอียงคอมองเขา “เ้าชอบเขาหรือไม่? ”
“ไม่ชอบ”
“เ้าโกหกอีกแล้ว”
“…”
เขาถาม “แล้วเ้าชอบข้าหรือเปล่า? ”
อวี๋มู่แสร้งพยักหน้าทันที
“เฮ้อ…” เฟิงอวี้ถอนหายใจ พลางเบ้ปาก แล้วเอ่ย “ข้ารู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครชอบข้าหรอก”
เขานั่งหันไปอีกทาง ทำแก้มป่อง แล้วก้มหน้าเล่นโซ่ที่ล่ามข้อเท้าอยู่ “ั้แ่ข้าเกิดมาก็ไม่มีใครชอบข้า พวกเขาชอบแต่หย่งอวี้ ไม่สิ พวกเขาก็ไม่ชอบหย่งอวี้ พวกเขาแค่แกล้งว่าชอบหย่งอวี้ อันที่จริงพวกเขาเกลียดชังพวกข้าสองคน มีแต่เ้าซื่อบื้อหย่งอวี้ที่นึกว่าตัวเองฝักใฝ่ทางธรรม ทำเื่ที่คนเ่าั้บอกแล้วจะได้รับการยอมรับ แต่ข้าคิดต่างจากเขา ข้าน่ะ…”
เขาช้อนสายตามองอวี๋มู่ แล้วฉีกยิ้ม ั์ตาคู่นั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีแดง เขี้ยวแหลมคมประกบกัน พร้อมกับปล่อยจิตสังหารออกมาทั่วร่าง “ข้าคิดว่าแค่จัดการฆ่าคนที่ไม่ชอบข้าให้หมดก็จบ เท่านี้พวกเขาก็ไม่ต้องฝืนใจตัวเองเพื่อชอบข้า ส่วนข้าก็มีความสุขอย่างสงบ ดังนั้น…”
เขาเอียงคอท่าทางน่ารัก เอ่ยทีเล่นทีจริง “อวี๋มู่จ๋า เ้าต้องรีบชอบข้านะ ไม่อย่างนั้น ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่า เมื่อไหร่ที่ข้าทนไม่ไหว ข้าก็อาจจะจับเ้ากินก็ได้”
--------------------------------------------------------------------------------------------