ท่าทีตอบโต้ของเขาต่างจากเวินลี่โดยสิ้นเชิง เซี่ยเจิงไม่ได้ถามต่อ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้อยากจะถามว่าไม่เหมาะตรงไหนั้แ่แรกอยู่แล้วด้วย แต่กลับพูดขึ้นมาว่า : “นายยอมเรียนพิเศษแล้วเหรอ? ”
“อืม...” ชวีเสี่ยวปอตอบรับกลับมาหนึ่งคำ จากนั้นจึงรีบพูดเสริมขึ้นมาทันทีว่า : “ถ้าไม่ใช่เพราะกระดูกหักทำให้เสียการเรียนนานขนาดนี้...”
“รู้แล้ว !” จู่ๆ เซี่ยเจิงก็ลุกขึ้นมานั่ง พร้อมทั้งพูดแทรกเขาขึ้นมา “เรียนพิเศษๆ ! ”
“นาย...” ชวีเสี่ยวปอไม่ค่อยเข้าใจความตื่นเต้นของเซี่ยเจิงสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นท่าทีของเซี่ยเจิงที่อยู่บนหน้าจอแตกต่างไปจากเมื่อครู่นี้อย่างเห็นได้ชัด ชวีเสี่ยวปอจึงรู้สึกเหมือนว่าถูกเปิดเผยความลับอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วเซี่ยเจิงก็ไม่ได้ถามต่อขึ้นอีก ชวีเสี่ยวปอเองก็ไม่ได้พูดเื่นี้ต่อแล้วเช่นกัน
เซี่ยเจิงที่อยู่ปลายสายใส่เสื้อผ้าแล้วเรียบร้อย หน้าจอโทรศัพท์มืดไปอยู่หลายวินาที เพียงไม่นานหลังจากได้ยินเสียงก๊อกแก็ก ชวีเสี่ยวปอก็เห็นเซี่ยเจิงกำลังยืนบีบยาสีฟันอยู่ตรงหน้าจอโทรศัพท์
เซี่ยเจิงอมน้ำอยู่เต็มปาก กลั้วปากไปมาสองครั้ง ก่อนที่จะบ้วนออกมา จากนั้นถึงได้พูดขึ้นว่า : “เดี๋ยวฉันไปหานายได้ไหม? ”
“ได้” ชวีเสี่ยวปอละสายตาจากแก้มที่ป่องขึ้นมาของเซี่ยเจิง พลางตอบออกไป “นายยังขี่รถสามล้อมารับฉันอยู่ด้วยไหม? ”
“จักรยานก็พอ” เซี่ยเจิงหัวเราะ “พานายไปเดินเล่นสักหน่อย ั้แ่ขาหักนายก็ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเท่าไหร่เลย”
“นั่นน่ะสิ” น้ำเสียงของชวีเสี่ยวปอแฝงไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ดูจากนิสัยของเขาแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าแข้งขาไม่เอื้ออำนวย เวลา่นั้นเขาอาจจะไปกลับบ้านของเซี่ยเจิงประมาณสิบกว่ารอบได้... เสียใจ กระดูกหักจนทำให้เสียเวลาดื่มด่ำกับความรักไปเลย
“ได้ เตรียมรอฉันได้เลย” เซี่ยเจิงโบกมือกับกล้องหน้าของโทรศัพท์ “อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันหน้าประตูหมู่บ้านนายนะ”
หลังจากที่ชวีเสี่ยวปอวางสายวิดีโอคอลไปก็เดินออกมาจากห้องทันที
ขาของตัวเองที่เป็เช่นนี้ คงจะต้องใช้เวลาสิบนาทีกว่าจะเดินออกไปถึงหน้าประตูหมู่บ้านได้... ในขณะนั้นเวินลี่อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำขึ้นมาอีกสองสามประโยค แต่ชวีเสี่ยวปอไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะในหัวของเต็มไปด้วยสองคำนี้ : ไปเดท
เมื่อเดินออกมาถึงหน้าประตูหมู่บ้าน ชวีเสี่ยวปอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนดูโมเมนต์เพื่อนสักหน่อย ทั้งยังกดถูกใจคลิปวิดีโอบาสเกตบอลที่ซือจวิ้นโพสต์ลงไปในนั้นด้วย ในตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็มองเห็นเซี่ยเจิงจากไกลๆ กำลังขี่จักรยานพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ
ใช่แล้ว เร็วปานสายฟ้าแลบ
“รอนานแล้วเหรอ? ” เซี่ยเจิงบีบเบรกมือ และจอดจักรยานลงตรงหน้าของชวีเสี่ยวปอพอดิบพอดี “ทำไมไม่เอาไม้ค้ำมาด้วย? ”
“ี้เี” ชวีเสี่ยวปอเชิดคางขึ้น รู้สึกพอใจกับคำอธิบายของตัวเองเป็อย่างมาก
“ได้” เซี่ยเจิงหัวเราะ พลางตบที่เบาะนั่ง “คุณชายเชิญนั่งครับ”
ชวีเสี่ยวปอขยับขากะเผลกขึ้นไปนั่ง
“นั่งดีๆ แล้วหรือยัง? ” เซี่ยเจิงหันหลังไปถามเสียงดัง
“เรียบร้อยแล้ว” ชวีเสี่ยวปอดึงเสื้อของเซี่ยเจิง พร้อมทั้งะโออกไปเช่นกัน : “ออกเดินทาง !”
แต่เซี่ยเจิงขี่ออกไปได้ไม่นานก็หยุดฝีเท้าลง ชวีเสี่ยวปอเองก็ไม่ได้รีบร้อนลงจากรถ พลางมองออกไปด้านข้าง บริเวณแถวนี้ดูเหมือนว่าจะมีอะไรน่าเที่ยวเล่นสักเท่าไหร่ ทั้งยังไม่เหมือนกับสถานที่เดทเลยสักนิด
“ลงมาสิ” เซี่ยเจิงยื่นมือไปให้เขา
ชวีเสี่ยวปอจับแขนของเซี่ยเจิงไว้ แล้วะโไปด้านหน้าสองครั้ง ถามขึ้นอย่างรู้สึกสงสัย : “ที่นี่? ”
“ฉันตัดผมก่อน” เซี่ยเจิงชี้ไปยังร้านตัดผมที่อยู่ด้านข้าง เป็ประตูบานเล็กที่สามารถเปิดเข้าไปได้เพียงด้านเดียว ป้ายร้านก็มีแค่คำง่ายๆ สามตัวอักษร : ร้านตัดผม
ชวีเสี่ยวปอชำเลืองมองไปบนหน้าผากของเซี่ยเจิง จึงเห็นว่าผมยาวขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว ผมด้านหน้าของเขายาวลงมาจนปิดลูกตา แต่เมื่อมองไปที่ร้านเล็กๆ นี้แล้ว ชวีเสี่ยวปอจึงถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเล็กน้อยว่า : “ร้านนี้จะตัดดีเหรอ? ” ถึงแม้ว่าชวีเสี่ยวปอเองจะตัดผมทรงสกินเฮดมาโดยตลอด แต่ก็รู้สึกว่าการตัดผมเื่แบบนี้นั้นมันขึ้นอยู่กับฝีมือจริงๆ ... มีครั้งหนึ่งเขาถูกซือจวิ้นหลอกว่า “ผมทรงสกินเฮดตัดที่ไหนก็เหมือนกัน” จึงเดินเข้าร้านตัดผมมั่วๆ ไปร้านหนึ่ง หลังจากตัดเสร็จเขาก็ถามช่างตัดผมไปประโยคหนึ่งว่า :
“ทำไมผมทรงสกินเฮดยังตัดได้เหมือนกับโดนหมาแทะยังไงยังงั้นเลย? ”
“ฉันตัดร้านนี้ตลอดนะ” เซี่ยเจิงไม่ได้บอกว่าดีหรือไม่ดี จากนั้นจึงประคองชวีเสี่ยวปอเข้าร้านไป
ในร้านค่อนข้างเล็กมาก อีกทั้งการตกแต่งจัดวางก็ดูเรียบง่าย นอกจากอุปกรณ์ตัดผมที่จำเป็ต้องใช้กองหนึ่งแล้ว ยังมีโซฟายาววางติดกำแพงอยู่ด้วยหนึ่งตัว
“คุณพี่คนสวย” ชวีเสี่ยวปอเรียกออกไป “พวกเรา...”
“เอ๊ะ? ” ทันทีที่ช่างตัดผมเงยหน้าขึ้นมา ชวีเสี่ยวปอก็เกือบจะกัดลิ้นตัวเองเข้าให้แล้ว
เป็ผู้ชาย !
ถึงแม้ว่าในยุคนี้การที่ผู้ชายไว้ผมยาวจะไม่ใช่เื่แปลกใหม่อะไร แต่ในสถานการณ์ที่เขาผมยาวสยายลงมาจนยากที่จะแยกเพศสภาพได้เช่นนี้ ก็ทำให้ชวีเสี่ยวปอตกตะลึงไปหลายวินาทีเหมือนกัน
“มาแล้วเหรอ” เห็นได้ชัดว่าช่างตัดผมชินกับสถานการณ์แบบนี้แล้ว เขาสะบัดผมพลางเก็บโทรศัพท์มือถือยัดใส่กระเป๋าไป “นั่งก่อนสิ”
“นายรู้จักเหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอสะกิดเซี่ยเจิงทีหนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นเสียงเบา
“ก็ฉันบอกแล้วไง ฉันตัดร้านนี้ประจำ” เซี่ยเจิงพยายามกลั้นขำอย่างสุดกำลัง แต่เห็นได้ชัดว่าไม่เชี่ยวชาญพอ เขายังหลุดพ่นหัวเราะออกมาอยู่หลายครั้ง
“นี่นายตั้งใจใช่ไหม” ชวีเสี่ยวปอเหลือบมองช่างตัดผมอย่างเก้อเขินไปครั้งหนึ่ง แล้วก็บังเอิญไปสบตาเข้ากับอีกฝ่ายพอดี ในขณะนั้นชวีเสี่ยวปอจึงรีบพูดออกไปว่า : “คุณพี่สุดหล่อ”
“เหมือนกันนั่นแหละ” ช่างตัดผมยักไหล่ขึ้นมา
ชวีเสี่ยวปออ้าปาก แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขานึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าคำเรียกสองคำนี้มันเหมือนกันตรงไหน ทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆ ออกไปสองที
“นั่งสิ” เซี่ยเจิงพยุงชวีเสี่ยวปอไปยังโซฟา แล้วจึงถอดเสื้อคลุมออกยื่นให้เขา “รอฉันแป๊บนึงนะ”
“ไปสระผมก่อนเถอะ” ช่างตัดผมพูดขึ้น
“ครับ” เซี่ยเจิงพับแขนเสื้อขึ้นพร้อมทั้งเดินเข้าไปด้านใน ด้านในของร้านดูเรียบง่ายมากๆ ที่สระผมก็เป็เพียงแค่อ่างล้างมือง่ายๆ แต่เมื่อเห็นเซี่ยเจิงเปิดก๊อกน้ำและเริ่มสระผมด้วยตัวเอง ชวีเสี่ยวปอจึงกลั้นไว้ไม่อยู่ : “บริการตัวเองเหรอ? ”
“ใช่แล้ว” ช่างตัดผมสะบัดผมสยายอีกครั้งหนึ่ง “เจ๋งมากเลยใช่ไหมล่ะ”
“สุดยอด” ไม่ได้พูดเวอร์เลยสักนิด คำพูดนี้ชวีเสี่ยวปอชื่นชมจากใจจริง
เซี่ยเจิงสระผมเสร็จอย่างรวดเร็ว ทั้งยังหยิบผ้าขนหนูออกมาเช็ดเอง ในตอนนั้นเองช่างตัดผมถึงได้ตบลงไปบนเก้าอี้ พลางพูดขึ้นว่า : “มานั่งเถอะ”
เดิมทีชวีเสี่ยวปอกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ดังขึ้นก็รู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ั้แ่เดินเข้าร้านมาจนถึงณ ตอนนี้ บนตัวของช่างตัดผมคนนี้ก็ล้วนเผยให้เห็นแต่คำว่า “ดูไม่น่าเชื่อถือ”
“จะตัดยังไงดี? ” ช่างตัดผมหยิบผ้าขนหนูจากเซี่ยเจิงมา จากนั้นก็เช็ดผมให้เขาอย่างลวกๆ “แบบเดิม? หรือว่าจะเล็มให้สั้นขึ้นอีกหน่อย? ”
“ผมว่า...”
“ตัดเหมือนฉันเลยเป็ไง? ”
หลังจากที่ชวีเสี่ยวปอพูดจบ ทั้งสามคนก็ผงะไปในทันที ช่างตัดผมที่เป็คนพูดขึ้นคนแรกหันหลังไปมองชวีเสี่ยวปอก่อนทีหนึ่ง แล้วจึงหันกลับมามองเซี่ยเจิงในกระจก พลางลูบหลังศีรษะเขาไปด้วยสองครั้ง จากนั้นจึงพยักหน้าเอ่ยขึ้นว่า :
“รูปหัวนายพอใช้ได้ ตัดแบบบัซคัตก็คงจะหล่อมากเลยละ”
“ก็คนมันหล่อ” ชวีเสี่ยวปอชมแฟนหนุ่มขึ้นมาอย่างไม่ขาดปาก
“ได้ งั้นก็เอาแบบบัซคัตครับ” เซี่ยเจิงพูดขึ้นอย่างมีความสุข
“เดี๋ยวก่อน——” ชวีเสี่ยวปอห้ามขึ้น “ตัดจริงๆ เหรอ? ”
ช่างตัดผมอดไม่ได้ที่จะทำเสียงจิ๊ปาก ชำเลืองมองชวีเสี่ยวปอพลางควงกรรไกรในมือไปด้วย : “ก็นายเป็คนเสนอไม่ใช่หรือไง? ”
อันที่จริงชวีเสี่ยวปอแค่ปากไวไปหน่อย ในตอนที่พลั้งปากพูดออกไป สิ่งที่เขาคิดในหัวก็คือ “ถ้าเซี่ยเจิงผมทรงเดียวกับฉันจะเป็ยังไงนะ” ความคิดเช่นนี้คงจะเป็อาการทั่วไปของคนมีความรัก ไม่ว่าอะไรก็ต้องมีเป็คู่