ายืดเยื้อเป็เวลานาน ทางเผ่าอูลานแม้กำลังพลน้อยกว่าแต่เชี่ยวชาญการศึก เป็ฝ่ายได้เปรียบ จนกระทั่งแม่ทัพทหารที่เก่งที่สุดของแคว้นต้าลู่ได้บุกไปสู้แต่พ่ายศึกกลับมา ทำให้ฮ่องเต้จำเป็ต้องส่งทูตไปเจรจาสงบศึก แต่สิ่งที่ชนเผ่าเรียกร้องคือให้เปิดชายแดนค้าขาย เพราะสิ่งที่ชนเผ่าอูลาน้าคืออาหาร ต้าลู่ไม่มีทางเลือกจึงตอบตกลงทำสัญญาสงบศึก เปิดเส้นทางค้าขายระหว่างแคว้น
ส่วนเฟิงมี่ชื่อเสียงของนางเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ กล่าวขานกันว่าเป็ดาวนำโชคส่งเสริมสามีให้เจริญก้าวหน้า เนื่องจากเดิมทีสามีของนางเป็เพียงแค่ขุนนางระดับ 9 ซึ่งโอกาสน้อยมากที่จะได้เป็นายอำเภอ ด้วยความเก่งในการบริหารจัดการของนาง ทำให้การค้าของตระกูลโหย่วมั่งคั่ง ชื่อเสียงขจรไกล เื่ราวนี้ไปไกลจนถึงหูขององค์ชายออร์จิลที่พึ่งเดินทางเข้าเมืองมา ซึ่งกำลังมองหาเสบียงให้ชนเผ่า เขาตั้งเป้าหมายจะมาหาฮูหยินนายอำเภอเพื่อติดต่อซื้อข้าวเป็เสบียง โดยไม่รู้ว่าเป็คนเดียวกันกับเฟิงมี่
และแล้วพวกเขาก็เดินทางมาจนถึงอำเภอเจี้ยนเค่อ ทันทีที่มาถึงองค์ชายตรงดิ่งไปหาเฟิงมี่ที่ร้านเดิมที่เคยขายข้าว แต่นางไม่ได้อยู่ที่ร้านเดิมแล้ว บ่าวที่เฝ้าร้านก็บอกว่าที่นี่คือสาขาร้านข้าวตระกูลโหย่ว ด้วยความไม่รู้องค์ชายจึงส่งคนออกตามหาเฟิงมี่
ที่พวกองค์ชายออร์จิลเข้ามาเมืองเถี่ยได้เพราะปลอมตัวเป็คาราวานพ่อค้าชาวต้าลู่ถึงจะมาเมืองนี้ได้ เพราะเป็แหล่งแร่เหล็กขนาดใหญ่เป็เมืองสำคัญด้านอาวุธโดยปกติจะไม่ให้พวกศัตรูเข้าใกล้
หลังจากนั้นพวกองค์ชายเข้าพบผู้ดูแลเย่ ผู้ดูแลการค้าตระกูลโหย่ว และขอซื้อข้าวจำนวนมาก ราวกับจะเอาไปกินกันทั้งเมือง ผู้ดูแลเย่กังวลว่าพวกเขาจะมาหลอก จึงขอเงินมัดจำหนึ่งส่วน องค์ชายออร์จิลให้คนยกหีบใบใหญ่ข้างในมีทองเต็มหีบส่งให้เป็เงินมัดจำ ผู้ดูแลเย่เห็นว่างานนี้ใหญ่ไปสำหรับเขา จึงเชิญฮูหยินโหย่วก็มารับงานนี้ด้วยตัวเอง
“ฮูหยินโหย่ว ผู้โด่งดังคนนั้นคือเ้าเองหรอ” องค์ชายออร์จิลใมากเมื่อรู้ว่าเฟิงมี่กลายเป็ฮูหยินโหย่วไปแล้ว
“ใช่ข้าเอง คิดไม่ถึงว่าท่านคือวาณิชย์ ผู้มั่งคั่ง ที่้าซื้อข้าว 10,000 เกวียน ที่แท้ก็คือท่านลูกค้าประจำที่ห่างหายไปนานนี่เอง ” เฟิงมี่ตอบ พร้อมกับสบตาผู้สนทนา
“ใช่ ข้า้าทั้งหมด ก่อนที่คาราวานของข้าจะย้ายออกไปจากเมืองนี้ในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า” องค์ชายออร์จิลหลบสายตาทันทีเพราะจะทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว และเขาคงเสียใจที่ไม่เผยความในใจให้เร็วกว่านี้นางจะได้ไม่เป็ของคนอื่น
“นั่นเร็วไปหรือไม่ ตอนนี้ทางตระกูลโหย่วมีข้าวในคลังแค่ 1,000 เกวียนเท่านั้นดังนั้นต้องรวบรวมข้าวจากเมืองใกล้เคียง อย่างน้อยต้องใช้เวลา 1 เดือน และใช้เงินจำนวนมหาศาล ถ้าท่านไม่ว่าอะไรข้าจะขอเงินมัดจำเพิ่มอีก 1 หีบ” เฟิงมี่เจรจาพูดจาฉะฉานตรงไปตรงมา
“นั่นย่อมได้ ถ้าสามารถหาข้าวได้ตาม้าข้าจะอยู่รอ” องค์ชายออร์จิลสั่งให้คนยกทองมาอีกหีบ ในชนเผ่าอูลานเสบียงอาหารนั้นมีค่ามากกว่าทองคำเสียอีก เนื่องจากมีสภาพอากาศที่แห้งแล้งขาดแคลนอาหาร
“ถ้าข้าวมาถึงแล้ว ข้าจะให้คนไปส่งให้ท่านในจุดพักสินค้าให้พวกท่านจัดการตรวจนับ” เฟิงมี่รู้ว่าเขามาครั้งนี้นอกจากเสบียงแล้ว พวกองค์ชายออร์จิลยัง้าแร่เหล็กยัดไส้ไว้ในเสบียง
“ฮูหยินโหย่ว ช่างเฉียบแหลมรอบคอบ จัดการงานได้ดีจริงๆ” องค์ชายออร์จิลตอบ
องค์ชายออร์จิลยังคงรักเฟิงมี่ แต่เมื่อเขารู้ว่านางมีสามีแล้ว จึงไม่ได้คิดสานสัมพันธ์ต่อ แต่เขาหวังว่าสักวันเขาจะมีภรรยาที่เก่งและสนับสนุนสามีได้ดีเหมือนนาง
การค้ายังคงดำเนินไปต่อ โดยในแผนจะส่งข้าวไปจำนวน 5 รอบ รอบละ 2,000 เกวียน เนื่องจากมีข้อกำจัดเื่กำลังพล และข้อจำกัดหลายอย่าง ไม่นานเพียงไม่กี่เดือนการค้านี้ก็สำเร็จ ตระกูลโหย่วจึงเป็ตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในอำเภอเจี้ยนเค่อ และเป็ตระกูลที่รวยอันดับต้นๆ ของเมืองเถี่ย ตอกย้ำความสามารถในการบริหารคนของเฟิงมี่ที่มีประสิทธิภาพชื่อเสียงนางจึงเป็ที่เลื่องลือ
แต่เจตนาที่แท้จริงขององค์ชายออร์จิลคือแร่เหล็กที่ยัดเข้าไปในกระสอบข้าว กระสอบที่มีเหล็กยัดไส้จะถูกกระสอบข้าวอื่นๆ วางทับจึงยากที่จะตรวจพบ โดยองค์ชายสมคบคิดกับขุนนางคุมเหมืองเหล็กคนใหม่ ลักลอบเข้าซื้อเหล็กสำเร็จ และเดินทางกลับชนเผ่าอูลานทันที
วันหนึ่งนายอำเภอโหย่วได้แต่งอนุเข้าจวนมีนามว่า ฉ่าวเหม่ย เป็คนที่เขาแอบรักในวัยเด็ก ซึ่งถูกพ่อแม่ของนางขายเป็หญิงคณิกาในหอนางโลม ตอนนี้นายอำเภอโหย่วเริ่มประสบความสำเร็จแล้ว จึงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะไถ่ตัวนาง และเขาเป็นายอำเภอสามารถแก้ไขประวัตินางได้ โดยให้เป็หญิงชาวบ้านที่มีตระกูล และคิดอยากจะให้นางมีฐานะในจวน
“ข้าจะแต่งตั้งฉ่าวเหม่ยเป็ฮูหยินรอง ฮูหยินท่านคิดว่าเช่นไร” นายอำเภอโหย่วเอ่ยถาม
“ข้าให้จะนางเป็เพียงแค่อนุชั้นล่างเท่านั้น ให้เป็ได้แค่สาวใช้อุ่นเตียง ” เฟิงมี่ตอบ เพราะนางให้คนไปสืบประวัตินางฉ่าวมาหมดแล้ว และรู้ความจริงว่านางเคยเป็หญิงคณิกา
“นางเป็หญิงดีงาม จะให้ฐานะนางย่อมเหมาะสม” นายอำเภอโหย่วเถียง
“ข้าบอกว่าไม่เหมาะสม หญิงคณิกาชั้นต่ำ ท่านก็กล้าเอามาตบตาข้า ถ้าอยากให้นางอยู่ในจวนนี้ ก็ให้นางเริ่มจากอนุชั้นล่างคอยรับใช้ ส่วนเื่ฐานะดูที่พฤติกรรมนางก่อนแล้วข้าจะตัดสินใจเอง” เฟิงมี่ยื่นคำขาดด้วยโทสะ
ดังนั้นนางฉ่าวเหม่ยจึงเป็เพียงแค่อนุชั้นล่าง หรือกล่าวก็คือมีสถานะเป็เพียงหญิงรับใช้ที่สามารถปรนนิบัติสามีได้
เฟิงมี่เห็นว่าสามีของตนคงฝากฝังเื่ล้างแค้นให้ไม่ได้แล้ว จึงเริ่มใช้อิทธิพลของตระกูลโหย่วสั่งสมกำลังพลด้วยตนเอง เลี้ยงนักฆ่าเดนตายไว้ โดยที่นายอำเภอโหย่วไม่รู้ รอวันที่ฝึกฝนแข็งแกร่งมากพอคือวันส่งคนไปสังหารล้างแค้นชินหวังเฟย
นับวันนายอำเภอโหย่วกับนางฉ่าวเหม่ยยิ่งรักกันมากขึ้น ดูแลเอาใจใส่อย่างดี ชีวิตหวานชื่น แต่นายอำเภอโหย่วก็ยังให้เกียรติเฟิงมี่เหมือนเดิมเพราะเกรงกลัวอิทธิพลบิดาของนาง เขาคิดว่าชินอ๋องคงไม่ว่าอะไร เพราะในสมัยโบราณผู้ชายมีภรรยาหลายคนเป็เื่ปกติ และชินอ๋องเมื่อรู้ข่าวว่าสามีนางแต่งอนุก็ไม่ได้ตำหนิหรือว่าอะไรมองเป็เื่ปกติจริงๆ
ชินอ๋องยังให้การสนับสนุนนายอำเภอโหย่วสามีของเฟิงมี่แบบลับๆ หวังจะให้เขามีผลงานเลื่อนขั้นสู่ตำแหน่งที่ใหญ่โต ยกฐานะเขาเพื่อนางจะได้มีเกียรติมากขึ้น และมีบางครั้งชินอ๋องแอบเสด็จอย่างลับๆ มาที่อำเภอเจี้ยนเค่อมาพบกับเฟิงมี่ เพื่อไม่ให้ชินหวัเฟยรู้จึงโกหกว่าไปราชการลับตามที่ฮ่องเต้สั่ง
แต่ไม่มีอะไรสามารถปิดหูปิดตาชินหวังเฟยได้พระนางรับรู้แล้วว่า เฟิงมี่ยังมีชีวิตอยู่ และรู้ว่านางใช้ฐานะใหม่เป็ฮูหยินนายอำเภอ พระนางคิดว่าเฟิงมี่แต่งกับคนที่ต่ำศักดิ์กว่าและแต่งไปไกลขนาดนั้นคงไม่มีพิษภัย ไม่มีความสามารถทำอะไรพระนางได้ จึงไม่คิดส่งคนไปสังหารอีก ยิ่งส่งคนไปสังหารเฟิงมี่ชินอ๋องยิ่งสงสัยในตัวพระนาง แผนการฆ่าเฟิงมี่จึงถูกยกเลิกไป อีกทั้งชินหวังเฟยอยากเห็นเฟิงมี่ใช้ชีวิตที่ตกต่ำเป็ฮูหยินนายอำเภอต๊อกต๋อยมากกว่าเห็นนางตาย และเข้าใจเหตุผลที่ชินอ๋องไม่บอกใครว่ามีลูกเขยเป็นายอำเภอเล็กๆ ที่มาจากตระกูลพ่อค้า เพราะเข้าใจว่าชินอ๋องคงอับอายจนไม่กล้าบอกผู้ใด
นางฉ่าวเหม่ยเห็นว่าประจบสามีอย่างเดียวไม่อาจเลื่อนสถานะนางได้ จึงเปลี่ยนมาเอาใจเฟิงมี่ที่เป็ฮูหยินแทน นางพยายามช่วยงานต่างๆ ในจวนอย่างขยันขันแข็ง ทำให้เฟิงมี่สบายขึ้นเื่ในจวน เวลาจัดงานเลี้ยงในจวนนางฉ่าวก็ไม่เสนอหน้าให้ใครเห็น เพราะสมัยโบราณมีกฎห้ามอนุออกงานเสมอนายหญิงใหญ่ นางฉ่าวปฏิบัติตามกฎทุกข้ออย่างเคร่งครัด ทำให้เฟิงมี่มั่นใจแล้วว่านางฉ่าวอยู่เป็และรู้สถานะตัวเอง ด้วยความที่เฟิงมี่เป็ฮูหยินที่เป็ธรรม จึงยกสถานะนางฉ่าว ให้เป็อนุชั้นกลาง โดยบ่าวในจวนจะเรียกนางฉ่าวว่านายหญิงฉ่าว หรืออนุฉ่าว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้