“ พี่ชายทั้งหลายมีความรู้เื่สมุนไพรไหม ถ้าระหว่างทางเราสามารถเก็บสมุนไพรแล้วเอาไปขาย ในเมืองข้างหน้าที่เราจะเดินทางผ่าน แล้วซื้อเสบียงหรือเสื้อผ้าได้นะ”
“ พวกเราไม่มีความรู้เื่พวกนี้เลย หรือว่าพอเจอหมู่บ้านข้างหน้าเราจะแวะเข้าไปหาซื้อหนังสือสมุนไพรกันซื้อเสบียงเพิ่มด้วย ตำลึงที่เหลือจากการซื้อม้าน่าจะพอซื้อหนังสือสมุนไพรสักเล่มหนึ่ง”มู่เฉินพูดแล้วก็เริ่มสำรวจตำลึงที่เหลือของแต่ละคน
“ ตอนนี้เราเดินทางน่าจะอยู่กลางป่าต้องมองหาชาวบ้านที่มาหาของป่า เพื่อถามทางเราต้องแวะเสบียงซื้อก่อนที่จะเข้าป่าใหญ่เพราะเราอาจจะไม่เจอหมู่บ้านอีก”เฉิงกวงออกความคิดเห็นบ้าง
“ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ถ้ารู้จักสมุนไพรตัวไหนก็ให้เก็บไว้ก่อนเพื่อไปขาย หรือว่าพวกท่านไม่รู้จักสมุนไพรสักตัวเลย” ทั้งสี่คนส่ายหน้าแทนคำตอบ
ทั้งห้าคนเปลี่ยนเส้นทางการเดินที่ออกนอกป่า หรือชายขอบป่าที่ระยะทางไกลกว่าในป่าถึงหลายเท่าแต่เพื่อที่จะเข้าไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพรก็ต้องยอม
แต่ก็ใช้เวลานานถึงสองวันกว่าจะเจอชาวบ้านที่เข้ามาหาสมุนไพรและล่าสัตว์
“ พวกเ้าเดินทางมาจากที่ไหนกันและจะพากันไปไหน ถึงได้เดินอยู่แต่ในป่าไม่ใช่ว่าจะไปที่หุบเขาหมื่นเมฆา เหมือนทุกปี อีกนะ”
“ ท่านลุงรู้ได้ยังไงเ้าคะว่าพวกเรากำลังเดินทางไกลไปที่หุบเขาหมื่นเมฆา หรือว่าท่านรู้จักคนที่เดินทางไปที่นั่น”
“ ข้าเจอบ่อยมีทั้งจอมยุทธ์ ทั้งเด็กหนุ่มสาวเดินทางไปที่โน่นปีละสองสามครั้งที่เจออยู่ในป่านี้ แต่คนที่เดินกลับมาจากเขาหมื่นเมฆา ข้ายังไม่เคยเจอตลอดหลาย สิบปีที่ผ่านมา”
“ ท่านลุงเ้าคะคือพวกข้าต้องเดินผ่านป่าอยู่ตลอดแต่ไม่มีความรู้เื่สมุนไพร เลยอยากจะเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อหาซื้อหนังสือสมุนไพร ทางที่จะไปหมู่บ้านไกลจากที่นี่ไหมเ้าคะ”
“ เดินทางไปอีกประมาณสิบลี้ก็จะเจอเข้ากับหมู่บ้าน แต่ไม่รู้ว่าในหมู่บ้านจะมีขายไหมหรือว่าต้องเดินเข้าไปในตัวเมือง” พรานป่าวัยห้าสิบ ชี้บอกหนทางไปยังหมู่บ้านที่ตนอาศัยอยู่
“ เอาแบบนี้พวกเ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปดูหลุมดักสัตว์ อีกสองที่แล้วก็จะกลับพวกเ้าก็เดินทางไปพร้อมข้า กลับเข้าหมู่บ้านก็แล้วกัน”
ทั้งห้าคนจึงหยุด พักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อรอพรานป่ามารับกลับหมู่บ้านด้วยกัน
“อู๊ด!อู๊ด!อู๊ด!! ฟืดฟาด!”
“ หมูป่าพวกเราหลบเร็ว!!”
มู่เฉินะโให้ทุกคนหลบหมูป่าสีดำตัวใหญ่สามตัวที่วิ่งตรงมายังที่พวกเขายืนอยู่ ทุกคนวิ่งไปคนละทิศทาง แม้แต่ม้ายังตื่นใกลัวทั้งเสียงคนเสียงหมูวิ่งปนกันไปหมด
“ ขึ้นต้นไม้พวกเราขึ้นต้นไม้ปลอดภัยที่สุดวิ่งหนี ไม่ทันมันหรอก” เสียงมู่เฉินร้องะโขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ทุกคนไปอยู่บนต้นไม้หมด ซิงเยียนนั่งกอดกิ่งไม้อยู่นางไม่ทันได้ปีนสูง เพราะแขนขาที่สั้นต้นไม้ที่สูงใหญ่จึงปีนได้แค่กิ่งไม้เท่านั้น
“ ซิงเยียนเ้าปีนขึ้นมาสูงอีกหน่อยตรงนั้น ถ้าหมูป่ามันกระโจนขึ้นมา เ้าจะร่วงหล่นลงไป”หวังเหว่ยเป็คนที่พูดน้อยที่สุดในบรรดาสี่คน ะโบอกชินเยียน
“ ข้าปีนไม่ไหวแล้ว ท่านอย่าส่งเสียงไปหมูป่ามันไม่ได้รู้หรอกว่าข้าอยู่ตรงนี้”ซินเยียน พูดจบหมูป่าทั้งสามตัวก็มายืนอยู่ใต้ต้นไม้ที่นางยืนอยู่บนกิ่งแล้ว
“ เห็นว่าข้าตัวเล็กสุดใช่ไหม ถึงมายืนข่มขู่อยู่ที่นี่ ร่างกายนี้อ่อนแอจริง ข้าออกไปอยู่ที่โลกอื่นรู้เห็นแต่ปฏิบัติไม่ได้ เพราะไม่เคยจับต้องสิ่งใด คุณหนูที่ข้าไปอยู่ด้วยนางยิงปืนก็แม่นต่อสู้ก็เก่งข้าได้แต่ยืนชื่นชมเท่านั้น”ซิงเยียนยืนบ่นอยู่บนต้นไม้
“ลุงนายพรานไปล่าสัตว์อยู่ที่ไหนนะทำไมถึงไม่รีบกลับมา ม้าวิ่งไปถึงไหนแล้วไม่รู้”
“ พี่ชายทั้งสี่หมูป่ามันเฝ้าข้าอยู่ที่นี่ พวกท่านใครที่อยู่ไกลออกไปให้แอบลงจากต้นไม้แล้วไปตามม้าดูว่ามันวิ่งหนีไปทางไหน”ซิงเยียน ะโมาจากบนต้นไม้
“ พี่ชายมีใครพอจะไปร้องะโบอกนายพราน ให้มาจัดการกับหมูป่าทั้งสามตัวนี้ด้วย ไม่งั้นข้าคงหล่นลงไปแน่ กิ่งไม้เหมือนกับจะรับน้ำหนักข้าจะไม่ไหวแล้ว”
ซิงเยียนมองหากิ่งไม้ ที่อยู่ใกล้ตัวเพื่อที่จะยึดเอาไว้แล้วค่อยเดินไป แต่กิ่งไม้ดูเหมือนจะอยู่ไกลกันเกินกว่ามือของเด็กวัยแปดขวบจะเอื้อมถึง
“ ขาสั้นไม่พอแขนยังสั้นอีก กิ่งไม้นี้เหมือนจะโน้มลงดินไปเรื่อยๆ ลุงพรานป่ารีบกลับมาเร็วๆเถอะ”
“ ขนาดเจอหมูยังวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันแบบนี้ ถ้าไปเจอสัตว์ใหญ่ที่ดุร้ายกว่าหมูล่ะจะเอาชีวิตรอดกันได้ยังไง จะหนีทันทุกรอบอย่างงั้นรึ หรือว่าชวนพี่ชายทั้งสี่เรียนวิชากับลุงพรานป่า เสียเวลาไม่มากหรอกดีกว่าพากันไปเสียชีวิตอยู่กลางทาง”
“ โอ๊ะ!ดูเหมือนลุงพรานป่ามาแล้ว แอบย่องอยู่ต้นไม้ต้นโน้น ค่อยยังชั่วหน่อย”
ซิงเยียนมอง พรานป่าน้าวสายธนูแล้วเล็งเป้ามาที่หมูหนึ่งในสามตัว
“ ฉึก!” เสียงกรีดร้องเล็กแหลมดังจนแสบแก้วหูดังขึ้นเมื่อลูกธนูยิงมาถูกต้นคอของมัน หมูสองตัวรีบมอง ไปยังทิศทางที่ธนูวิ่งมา
“ฉึก!” เสียงแรกยังไม่ทันเงียบเสียงกรีดร้องที่สองก็ดังขึ้น เมื่อมันถูกยิงที่ต้นคอเหมือนกัน หมูตัวที่สามเลยรีบวิ่งหนีเข้าป่าไป
หมูทั้งสองตัวแข่งกันกรีดร้องพร้อมร่างกระตุกเืไหลออกมาไม่หยุด “ พวกเ้ารีบลงมาจากต้นไม้ เราจะรีบเดินทางกลับกันเดี๋ยวนี้เลย ม้าล่ะอยู่ไหนข้าจะได้ยกหมูไว้บนหลังม้าเดินทางกลับหมู่บ้าน”นายพรานถามขึ้น
มู่เฉินเดินกลับมาพร้อมกับม้า ข้าวของที่อยู่บนหลังม้าไม่มีแล้ว เพราะมันหล่นลงกับพื้นไม่ไกลจากที่วิ่งออกไปทั้งสามหนุ่มเลยไปตามเก็บกลับมา
นายพรานกับมู่เฉินช่วยกันยกหมูตัวใหญ่ขึ้นบนหลังม้า ส่วนข้าวของก็ช่วยกันแบกไปและรีบเดินออกจากป่าทันที
บ้านของนายพรานอยู่ท้ายหมู่บ้าน เป็บ้านหลังเล็กๆมีแค่สองห้องและห้องครัวที่สร้างด้วยดินเท่านั้น
“ พวกเ้าก็พักอยู่ที่นี่ก่อนวันนี้มืดค่ำแล้ว พรุ่งนี้ค่อยไปถามดูว่าที่ไหนมีหนังสือสมุนไพรขายบ้าง เดี๋ยวข้าจะไปเรียกคนมาช่วยชำแหละหมูก่อน จะได้เก็บตากแห้งไว้ให้พวกเ้ากินระหว่างทางด้วย”
“ ท่านป้าอยู่กับท่านลุง อยู่แค่สองคนหรือเ้าค่ะไม่มีลูกหลานอยู่ด้วยรึ”ซิงเยียนถามหญิง วัยกลางคนภรรยาของพรานป่า
“ พวกเราอยู่แค่สองคนส่วนลูกหลาน มีครอบครัวอยู่ในเมือง นานๆทีถึงจะมาเยี่ยม จะให้คนแก่สองคนตามไปอยู่ก็ไม่ชอบในเมือง คุ้นชินกับการอยู่ใกล้ป่าแบบนี้มากกว่า”
มีชายฉกรรจ์สามคนมาช่วยชำแหละหมู “ ถ้าเก็บไว้ทำหมูแดดเดียวกิน แล้วค่อยเอาไปย่างกินกลางป่าน่าจะอร่อยไม่น้อย”ซิงเยียนเห็นพรานป่า และภรรยาช่วยกันหมักหมูเพื่อที่จะแนะนำไปตากแดดพรุ่งนี้
“ ท่านลุงเ้าคะฝีมือของท่านยิงธนูแม่นมาก ช่วยสอนให้พวกเราได้ไหมเ้าคะ ท่านก็เห็นพวกเราเจอแค่หมูยังเอาชีวิตไม่รอด แต่ภารกิจและหน้าที่ของพวกเรายังต้องเดินทางอีกไกล”
“ แม่หนูน้อยเฮ้ย! เ้ายังเด็กก็ต้องเดินทางไกล ที่ไม่รู้ว่ามีคนเคยไปถึงหรือยัง และเป็ไปได้มากที่จะหนีกลางคันหรือไม่ก็เสียชีวิต”พรานป่านั่งพูดคุยกันหลังจาก กินเนื้อหมูย่างมื้อเย็นกันไปแล้ว
“ ถ้าพวกเ้าจะเรียนข้าก็จะสอนแต่ต้องใช้เวลาอาจจะไม่ต่ำกว่าสองเดือน กว่าพวกเ้าจำและชำนาญ ถ้าพวกเ้าตกลงจะอยู่ต่อข้าก็จะสอน”
“ ข้าตกลงเ้าค่ะ ข้าจะตั้งใจเรียนท่านมีวิชาอะไรที่สามารถทำให้เอาตัวรอดในป่าได้ก็สอนมาได้เลยเ้าค่ะ เราจะพักอยู่ที่นี่สักสองเดือน”ซิงเยียนตอบด้วยไม่ถามความคิดใครทั้งนั้น เพราะทุกคนไม่มีทักษะการเอาชีวิตรอดในป่าเลย
“ถ้าพวกเ้าตกลงจะอยู่ที่นี้สักพัก พรุ่งนี้ข้าจะขอแรงชาวบ้านมาช่วยกันปลูกกระท่อมให้พวกเ้า ได้พักอาศัยชั่วคราว ถ้าอยู่รวมกันจะอึดอัด”
“พรุ่งนี้ใครจะเข้าไปซื้อหนังสือกับข้า ก็ให้ตื่นแต่เช้าหน่อย ตอนสายจะได้ขึ้นเขาไปตัดไม้”
“เ้าค่ะท่านลุงข้าจะไปกับท่าน”ซิงเยียนตอบพร้อมกับมองชายหนุ่มทั้งสี่
“พี่ชายทั้งสี่ ตอนนี้พวกเรามีตำลึงอยู่เท่าไหร่พรุ่งนี้ ต้องเข้าไปซื้อหนังสือสมุนไพรในเมือง”
ทั้งห้าคนเอาตำลึงมารวมกัน มีหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงินหรือสิบห้าตำลึงทอง เก็บไว้ห้าตำลึงทอง สิบตำลึงทองนำไปชื้อตำราสมุนไพร และอาวุธที่จะเอามาฝึกกับนายพราน
เช้ามืดทั้งห้าคน ตามนายพรานเดินทางเข้าไปตลาด ในเขตเมืองระยะทางประมาณแปดลี้ ท้องฟ้าสว่างทุกคนก็มาถึงร้านค้าขายหนังสือแล้ว
ซิงเยียนเปิดหนังสืออ่าน ลุ้นอยู่ในใจกลัวจะอ่านไม่ออก แต่โชคดีบ้านที่ิญญาไปอาศัยอยู่กับลูกสาวของบ้าน ได้เรียน ภาษาจีนและภาษาอังกฤษนางซึ่งเป็ิญญา ไม่รู้จะทำอะไรเฝ้าติดตามตลอด ไม่ว่าจะเรียนในห้องหรือ ปกติหรือเรียนพิเศษ เลยได้อานิสงส์ความรู้มาด้วย
“หนังสือตำราพวกนี้เราอ่านได้ดีจัง คงจะเป็การเขียนที่ต้องฝึก เพราะเห็นอย่างเดียว จับต้องไม่ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว”ซิงเยียนเปิดดูหลายเล่ม ราคาแพงเหมือนมากเลยซื้อเป็หนังสือเก่าราคาถูกกว่า มาหนึ่งเล่มแต่ก็หมดไปหนึ่งตำลึงทอง เพราะมีภาพประกอบด้วย
ออกจากร้านหนังสือ ก็พากันมาร้านอาวุธ ดูอาวุธที่ตัวเองชอบ “พวกเ้ามีอาวุธเป็อะไร ข้าจะสอนสิ่งนั้นให้”
“ท่านลุงยิงธนูแม่นมาก ข้าจะเรียนยิงธนูเ้าค่ะ”ซิงเยียนเดินเข้าไปจับที่คันธนูดู
“เ้าจะเรียนยิงธนู มีแรงดึงสายธนูหรือยัง”มู่เฉินพูดขึ้นเมื่อเห็นซิงเยียนตัวเล็กกว่าคันธนู
“ เถ้าแก่มีคันธนูแบบเล็กกว่านี้ไหมเ้า”ซิงเยียนหันไปยิ้มกับเข้าของร้าน ในใจก็ภาวนาขอให้มี
“มีๆธนูคันเล็ก มีคนเอามาขายให้ เห็นบอกว่าเจอตกอยู่ในป่าลึกเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่เพราะมันมีขนาดเล็กเลยไม่มี จอมยุทธ์คนไหนสนใจ เดี๋ยวข้าเอาออกมาให้ดู”
เ้าของร้านเปิดหีบใบเก่า หยิบธนูคันเล็กสีดำออกมา พร้อมลูกอีกหกดอก“เด็กน้อยเ้ามาดูนี้ถูกใจเ้าหรือไม่”
“มันสวยมากเ้าค่ะข้าจะซื้อคันนี้ เถ้าแก่อย่าคิดราคาแพงนะเ้าค่ะ ข้าต้องซื้อสิ่งอื่นอีกหลายอย่าง พวกเราอุดหนุนร้านของท่านซื้อกันหลายชิ้นเ้าค่ะ”
“นอกจากธนูแล้ว ยังมีมีดเล็กด้วยน่ะใช้ตัดไม้ได้คมมาก ใช้เป็อาวุธก็ได้เล็กพกพาสะดวก” เถ้าแก่เ้าของร้านยื่นมีดด้ามเล็กให้กับซิงเยียนดู
“ เถ้าแก่มีดนี้ข้าก็ซื้อด้วยคิดราคามาได้เลยเ้าค่ะ เถ้าแก่อย่าคิดแพงเป็พอท่านก็รู้ว่าข้ายังเด็กอยู่ ยังต้องขอตำลึงผู้ใหญ่ใช้”
“ข้าลดราคาพิเศษให้เ้าก็ได้ทั้งสองอย่างข้าคิดแค่หนึ่งตำลึงทองก็แล้วกัน ส่วนดาบข้าคิดหนึ่งตำลึงทองเหมือนกัน”จ่ายค่าอาวุธทั้งหกคนก็เดินออกจากร้าน
“พี่ชายทั้งสี่พวกเราซื้ออาวุธห้าตำลึงทองตำราหนึ่งตำลึงทอง ยังเหลืออีกสี่ตำลึงทองพวกเราต้องอาศัย อยู่บ้านท่านลุงก็ซื้อข้าวขาวแป้งและเครื่องปรุงกลับกันเถอะจะได้ช่วยกันถือ”
“ท่านลุงไปร้านขายข้าวกันเถอะเ้าค่ะ ห้ามท่านปฏิเสธเด็ดขาด พวกเราทั้งห้าคนต้องกินข้าวกินน้ำบำรุงร่างกายระหว่างที่ฝึกวิชากับท่านอยู่ที่นี่”
พรานป่าไหนเลยจะปฏิเสธได้ มีแต่ช่วยกันหิ้วข้าวของกลับบ้านเท่านั้น
