เขามองจดหมายของฉัน มุมปากเผยรอยยิ้มที่อบอุ่นขึ้นมา “จดหมายนี้ต้องใช้เืของเธอถึงจะเปิดได้”
“ละ เื” โอ้โห เทคโนโลยีไฮเทคมาก ใช้ยีนพันธุกรรมในการเปิดเลยงั้นหรือ
“ยื่นมือเธอมาให้ฉัน” เขายื่นมือออกมา ฉันมองเขาด้วยความตื่นเต้นสายตาเขามองมาที่ฉันอย่างอบอุ่น “วางใจได้ฉันไม่ทำให้เธอเจ็บหรอก”
ฉันยื่นมือออกไปให้เขาด้วยความลังเลเขาจับมือฉันไว้แล้วหงายฝ่ามือฉันขึ้น หลังจากนั้นเขาก็เอานิ้วของเขาแตะลงมาที่ปลายนิ้วชี้ของฉันจากนั้นก็ปรากฏรอยแผลขึ้นมาทันทีแต่ฉันกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยเหมือนเขาใช้แค่ปากกาแดงวาดเครื่องหมายลงบนนิ้วของฉัน
และแล้วเืก็ไหลออกมาจากปากแผลนั่นในตอนที่เขากำลังจะเอานิ้วของฉันกดลงไปที่ตราสัญลักษณ์บนจดหมายฉบับนั้นทันใดนั้นกวางเฉินก็โผล่ขึ้นมาข้างๆ ฉันเขาจับนิ้วของฉันแล้วมองด้วยสายตาที่แดงก่ำก่อนที่จะจับนิ้วมือฉันเข้าปากในขณะที่ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัว
เฟิงหลิงซ่านขมวดคิ้วมุ่นหมุนตัวกลับไปแล้วต่อยลงบนใบหน้าของกวางเฉินเต็มแรง
"ผัวะ!" กวางเฉินลอยตัวขึ้นกลางอากาศ ฉันเห็นเขาชูนิ้วกลางขึ้นมาให้เฟิงหลิงซ่านสายตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะฆ่าคน
แต่หงรื่อก็โผล่มาพร้อมกับกอดกวางเฉินไว้จากด้านหลังเธอรับร่างที่จะล้มลงของกวางเฉินพร้อมกับก้มหัวลงขอโทษเฟิงหลิงซ่าน “ขอโทษด้วยที่ทำให้นายต้องวุ่นวาย”
กวางเฉินมองเฟิงหลิงซ่านด้วยแววตาขุ่นมัวและยังคงชูนิ้วกลางค้างไว้อย่างนั้น
เฟิงหลิงซ่านยิ้มนิ่งๆ อย่างใจเย็น “ดูแลเขาดีดีอย่าให้เขามาเพ่นพ่านเที่ยวกัดใครแบบนี้อีก”
“ฉันรู้น่า” หงรื่อพากวางเฉินออกไปกวางเฉินตวัดสายตามองเฟิงหลิงซ่านก่อนจะเหาะจากไปแต่รอยยิ้มของเขากลับดูมีความชั่วร้ายเหมือนกับกำลังบอกว่าฉันจะกลับมาอีก
ฉันเพิ่งจะได้สติตอนนี้ฉันงงไปหมดแล้วว่าคนพวกนี้โผล่ออกมาตอนไหนก่อนหน้านี้ตรงหน้าฉันมีแค่เฟิงหลิงซ่าน แต่จู่ๆ ก็มีกวางเฉินโผล่ออกมาแถมยังจะมาดูดเืฉันอย่างกับเด็กน้อยที่กำลังหิวนม
แล้วยังมีหงรื่อโผล่ออกมาอีกแล้วเธอก็พากวางเฉินออกไปฉันรู้สึกว่าการที่ฉันมาอยู่ที่นี่น่าจะเจอโชคร้ายมากกว่าโชคดีนะเนี่ย
เฟิงหลิงซ่านมองตามหงรื่อที่พากวางเฉินออกไปจนกระทั่งมองไม่เห็นพวกเขาจึงหันกลับมาแล้วกดนิ้วของฉันที่มีเืไหลอยู่ลงไปบนตราสัญลักษณ์นั้นทันที่วินาทีนั้นก็มีแสงสีฟ้าอ่อนคล้ายกับก้อนเมฆที่กำลังลอยอยู่เรืองแสงออกมาจากจดหมายนั้นและจดหมายก็เปิดออก
ท่ามกลางสายตาที่แปลกใจของฉันที่กำลังจ้องมองอยู่ฉันแยกไม่ออกเลยว่าที่จริงแล้วนี่มันเป็เทคโนโลยีขั้นสูงหรือว่าเป็วิธีตามตำราของเทพกันแน่
เฟิงหลิงซ่านพลิกจดหมายนั้นคว่ำลงตราประทับอันหนึ่งตกลงมาใส่มือของเขาลายของตราประทับนั้นเหมือนกับลายของแหวนเพชรของชายชุดดำสองคนนั้น
เฟิงหลิงซ่านหยิบตราประทับนั้นแล้วยื่นมาจะติดลงตรงหน้าอกของฉันฉันประหม่านิดหน่อยเขาติดตราประทับลงเบาๆ ตรงหน้าอกฉันโดยที่ไม่ได้ละสายตาออกไปจากนั้นก็มองฉันยิ้มๆ “หลังจากนี้เธอต้องอยู่ห่างๆกวางเฉิน”
“อืออืออือ” ฉันพยักหน้ารับติดๆ กัน “รุ่นพี่คะฉันจะเชื่อฟังรุ่นพี่ค่ะ” ฉันไม่สนใจแล้วว่านายเฟิงหลิงซ่านคนนี้จะน่าสงสัยหรือไม่น่าสงสัยอย่างน้อยเขาก็ยังห้ามปรามนายฝูซูแล้วก็นายกวางเฉินอะไรนั่นได้ มาอยู่ในที่แปลกใหม่แบบนี้ฉันต้องหาคนที่สามารถพึ่งพาได้ไว้ก่อนแหละอย่างเช่นเทพเ้าเย่เหลียงเฉินนั่นไง
เขายิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนยื่นมือมาลูบหัวฉัน “เด็กดี”
เด็กดีงั้นเหรอ
“อ๋า…” ฉันยิ้มเจื่อนๆ “อื้ม ฉันเป็เด็กดีค่ะ” ฉันไม่สนใจอะไรแล้ว ตอนนี้ต้องหน้าด้านทำตัวเป็เด็กดีไปก่อนละกันจะเป็มิตรหรือศัตรูเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที
ทันทีที่เขาคืนจดหมายให้ฉันฉันก็รู้สึกเหมือนว่ายังมีบางอย่างอยู่ข้างในและทันที่ที่ล้วงมือลงไปก็เจอกับบัตรเล็กเล็กหนึ่งใบ “ยังมีของอยู่ในนี้นี่” ฉันมองดูบัตรที่หล่นลงมาใส่มือ บนบัตรเขียนไว้ว่า ไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่
“ไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่งั้นเหรอ” ฉันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ฉันเก็บบัตรไว้แล้วมองหน้าเฟิงหลิงซ่าน “รุ่นพี่คะ ช่วยพาฉันไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่หน่อยได้ไหมคะ”
แต่ว่าเฟิงหลิงซ่านกลับเอาแต่จ้องมองจดหมายที่อยู่ในมือของฉันสายตาที่ดูครุ่นคิดพิจารณาอย่างจริงจังราวกับว่ามันเป็เื่แปลกประหลาด
“รุ่นพี่คะ” ฉันเรียกเขาอีกครั้ง
เขารู้สึกตัวขึ้นมาก่อนจะเก็บสายตาแห่งความสงสัยนั้นไว้และยิ้มให้ฉันอย่างใจดีอีกครั้ง
“ได้สิเดี๋ยวฉันพาเธอไปเอง”
เขาพาฉันเดินไปทางประตูเมืองฉันไม่กล้าเดินเร็วอีกแล้ว และตอนนี้ฉันก็เพิ่งเห็นว่ามีคำสองคำเขียนอยู่ที่ประตูเมือง"แดนเทพ"ที่แท้ที่นี่ก็คือดินแดนเทพที่ไอ้ผู้ชายห่วยแตกฝูซูพูดถึงนี่เอง
พอเดินมาถึงประตูเมืองฉันก็ก้าวขาเดินไปทางประตูเมืองทีละก้าวๆ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปลูบคลำดูด้วยความระมัดระวังเฟิงหลิงซ่านยืนอยู่ข้างฉัน เขาจ้องมองฉันพร้อมหัวเราะเบาๆ และมองฉันอย่างขำๆ
“ฮะฮะ” ฉันหัวเราะเจื่อนๆ ให้เขาอย่างประหม่า “อย่าขำฉันสิก็ฉันเป็แค่คนธรรมดานี่” หลังจากที่ฉันลูบดูแล้วและไม่เห็นว่ามีอะไรกั้นไว้จึงก้าวขาเข้าไปฉันอ้าแขนออกอย่างดีใจ “ว้าว คนธรรมดาอย่างฉันก็สามารถเข้ามาที่นี่ได้ฉันนี่โชคดีกว่าพวกนายอีกนะเนี่ย” ฉันหันไปมองหน้าเฟิงหลิงซ่านเขาครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นจึงยิ้มออกมา
“ก็จริงนะปกติแล้วคนธรรมดาจะเข้ามาที่นี่ไม่ได้” พูดจบสายตาเขาก็หันมามองฉันเขายืนสังเกตฉันอยู่นาน
ฉันมองดูข้างในเมือง นาทีนั้นฉันก็รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่อลังการมันเป็เมืองโบราณที่งดงามมาก
สถานที่ที่เรายืนอยู่ตอนนี้เป็สะพานไม้ขนาดใหญ่สีแดงที่โค้งสวยเลาะเลียบไปตามแม่น้ำในเมืองโบราณแห่งนี้ทำให้มองเห็นเมืองโบราณที่อยู่ข้างหน้าได้อย่างชัดเจน
แม่น้ำกว้างใหญ่ไหลอยู่ใต้สะพานมองไปแล้วเหมือนมีรูปปั้นหินของเทพเ้ายืนอยู่กลางแม่น้ำมีเรือลำเล็กๆ อยู่ตรงขาสองข้างนั้นแต่เรือเล็กเ่าั้กลับลอยผ่านระหว่างขาทั้งสองข้างนั้นออกมาด้วยความเร็วแรงทิ้งไว้เพียงร่องรอยสีขาวเป็ทางยาว
และรูปปั้นหินของเทพเ้านั้นก็ดูไม่เหมือนรูปปั้นของเทพเ้าตามตำนานที่เราได้เรียนมาเทพเ้าที่นี่สวมชุดที่ดูเรียบง่าย ผมยาวสยายไม่เหมือนกันกับเทพเ้าในชุดกระโปรงยาวที่เราเห็นตามภาพวาดโบราณรถบินได้และเรือเหาะลอยผ่านรูปปั้นนั้นเมื่อมองไปที่พื้นถนนที่เป็แผ่นหินสีเขียวมรกตของทั้งสองฝั่งแม่น้ำนั้นก็มีทั้งนักเรียนที่อยู่ในชุดโบราณและนักเรียนที่อยู่ในชุดสมัยใหม่อยู่ปะปนกัน
แต่ว่าไม่ว่าสไตล์การแต่งตัวของพวกเขาจะเป็แบบไหนแต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกว่าทั้งหมดนี้มันดูขัดกันเลยแต่กลับดูเหมือนว่าเมืองโบราณแห่งนี้ซึมซับความเป็สมัยใหม่เข้าไปแต่ก็ยังคงความเป็เอกลักษณ์ของความโบราณไว้ด้วย
เหมือนกับชิงช้า์ที่ทำด้วยไม้ที่มองเห็นไกลๆออกไป แสงสีแดงสาดส่องลงมาที่ชิงช้า์นั่นช่างดูเป็สิ่งที่แปลกใหม่มากเป็การผสมผสานระหว่างความโบราณและความทันสมัยออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบทำให้มองดูแล้วมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น
“เราควรไปห้องอาจารย์ใหญ่ได้แล้วนะเธอยังมีเวลาที่จะได้ชื่นชมที่นี่” เฟิงหลิงซ่านเตือนฉัน
และแล้วก็มีลมพัดมาจากท้องฟ้ายกผมของฉันให้ปลิวสยายขึ้นไป สายตาของฉันเห็นรถเหาะได้คันหนึ่งขับลงมาจอดข้างกายฉันฉันมองดูด้วยความรู้สึกคุ้นตา ดูเหมือนกับ...
“เธอคือเซี่ยเสี่ยวหลันใช่ไหม” เสียงเ็าดังออกมาจากรถคันนั้น ฉันหันหน้าไปมองทันทีฉันมองดูผู้ชายที่นั่งอยู่หลังรถด้วยความใ เขานั่นเอง นายเ้าชายเ็า
เขาก้มลงมองฉันอย่างเ็าและดูหงุดหงิดเล็กน้อยเหมือนกับฉันกำลังทำให้เขาเสียเวลา
“ขึ้นรถ” สองคำสั้นๆ ที่ออกมาจากปากของเขาที่ฟังดูเหมือนเป็คำสั่งมากกว่า
“เอ๊ะ” ฉันชะงักไป
“เซวียนหยวนเฉินนายจะทำอะไร” เฟิงหลิงซ่านดึงฉันไปหลบไว้ด้านหลังของเขาและมองไปที่นายเ้าชายเ็าคนนั้น
ที่แท้นายเ้าชายเ็าคนนี้ชื่อเซวียนหยวนเฉินสินะ
เซวียนหยวนเฉินมองมาด้วยสายตาที่เ็าอีกครั้งอย่างรู้สึกรำคาญ
“ฉันเพิ่งได้รับโทรศัพท์ว่าให้พาเซี่ยเสี่ยวหลันไปพบอาจารย์ใหญ่” เฟิงหลิงซ่านขบเม้มริมฝีปากไม่พูดอะไรคิดพิจารณาอยู่สักครู่ก่อนจะหันกลับมาหาฉัน
“ถ้างั้นเธอไปกับเขาเถอะ” ฉันหันกลับมาชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ
“ฉันไม่ไปเดี๋ยวเขาจะหาว่าฉันตั้งใจขึ้นรถเขาอีก”
“เอ่อ...” เฟิงหลิงซ่านยกยิ้มขึ้นมา
“สาวน้อย ขึ้นมาเถอะ” คุณลุงคนขับรถส่งยิ้มตาหยีมาให้ฉันน้ำเสียงยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม
“รีบขึ้นรถ” คำสั่งเ็าติดจะรำคาญของเซวียนหยวนเฉินดังขึ้นมา “สิ่งที่ฉันรำคาญที่สุดก็คือการที่ต้องมารอคนอื่น” ดูจากสายตาที่หงุดหงิดจนถึงขั้นที่อยากจะฆ่าคนแล้วนั้นดูเหมือนว่าถ้าฉันยังไม่รีบขึ้นรถเขาจะเป็คนจับฉันโยนขึ้นไปบนรถเอง
ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงคำพูดของซืออีนั่วขึ้นมาห้ามหาเื่เ้าชายเ็าคนนี้
อื้มอย่างน้อยก็เพื่อเป็การไม่ให้เขาคิดว่าฉันกำลัง้าจะดึงดูดความสนใจจากเขาละกันผู้หญิงที่ขี้ประจบสอพลอดูไปแล้วก็ไม่น่าชื่นชมเท่าไร ถ้าฉันทำแบบนั้นฉันอาจจะหายไปจากสายตาของคนเหล่านี้ในเร็วๆ นี้ก็ได้
ฉันรีบเปิดประตูขึ้นรถและรถที่มีเวทมนตร์ประหลาดคันนี้ก็มีลมพัดแรงออกมาจนผมฉันปลิวขึ้นในทันที
"ฟู่"ฉันหันกลับไปมองและเห็นร่างของเฟิงหลิงซ่านเล็กลงเรื่อยๆ
“เดี๋ยวเธอก็จะได้เจอเขาอีกแน่อย่าให้ใครเห็นว่าเธอนั่งอยู่บนรถฉัน” น้ำเสียงของเซวียนหยวนเฉินดูไม่พอใจมากเหมือนกับว่าการที่ฉันมานั่งอยู่บนรถเขามันทำให้เขาขายหน้ามากจนไม่อยากให้คนอื่นเห็น
“เชอะ” ฉันค้อนสายตามองเขาหนึ่งทีก่อนจะหันหน้ากลับมา
ฉันมองเห็นดินแดนเทพที่อยู่ด้านล่างทุกอย่างที่เห็นนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกตื่นตาตื่นใจมากแต่เพียงแค่หันกลับมามองเขาฉันก็ไม่สามารถที่จะละสายตาออกจากร่างที่ทรงเสน่ห์ตรงหน้านี้ได้เลย
เยี่ยมไปเลย
งดงามมาก
ช่างเป็การผสมผสานระหว่างความทันสมัยและความโบราณได้อย่างลงตัวที่สุดเห็นได้ชัดถึงความลึกลับและเวทมนตร์สมแล้วที่เป็ดินแดนแห่งเทพ
เวลาผ่านไปฉันก็เห็นอาคารหลังหนึ่งที่เหมือนกับอาคารเรียนตั้งอยู่ด้านล่าง
ตัวอาคารยังคงเป็รูปแบบของการผสมผสานระหว่างความโบราณและความเป็สมัยใหม่อยู่สิ่งที่ดึงดูดสายตาก็คือตัวอักษรโบราณที่อยู่บนอาคารไม้สีแดงเคลือบเงา อาคารไม้สีแดงตั้งตระหง่านและมีลายัสีทองที่พันคดเคี้ยวล้อมรอบ
เราบินผ่านอาคารที่งดงามนี้ไปยังด้านหลังซึ่งเป็ลานกว้างด้านข้างลานกว้างมีสระว่ายน้ำและสนามฟุตบอลและเป็เขตตึกเรียนที่มีนักศึกษาเดินขวักไขว่ไปมาดูคึกคักไปทั่วบริเวณ
ที่น่าสนใจที่สุดก็คือนักศึกษาที่อยู่ในชุดโบราณและนักศึกษาที่สวมชุดทันสมัยยืนรวมกลุ่มกันอยู่แถมไม่มีความรู้สึกว่ามันดูขัดกันเลย
ด้านหลังลานกว้างเป็สวนสาธารณะสีเขียวทะเลสาบสีเขียวมรกต อีกทั้งสะพานไม้โค้งทรงโบราณให้ความรู้สึกถึงความเก่าแก่โบราณขึ้นมาในทันทีถ้าได้เรียนหนังสือในมหาลัยแบบนี้จะต้องไม่อยากไปไหนแน่นอน
ยังไม่ทันทีจะได้มองอาคารอื่นชัดๆ รถเวทมนตร์คันนี้ก็หมุนตัวกลับและจอดลงด้านหน้าหอคอยสูงสีแดง
หอคอยมีลักษณะเป็สี่เหลี่ยมจัตุรัสสูงเทียมเมฆ
ด้านนอกตัวอาคารเป็สีส้มแลดูเงียบสงบทำให้หอคอยสูงหลังนี้ดูมีความลึกลับมากขึ้นกว่าเดิม
คุณลุงคนขับรถเปิดประตูให้เซวียนหยวนเฉินลงมาฉันลงจากรถและถอนหายใจออกมาพร้อมกับมองไปที่หอคอยสูงตรงหน้าอย่างแปลกใจหอคอยสูงแทรกอยู่ในกลุ่มเมฆจนมองไม่เห็นยอดหอคอย
เซวียนหยวนเฉินเดินไปที่ประตูไม้สีทองที่อยู่ใต้หอคอยนั้นมีัทองสองตัวสลักอยู่บนประตูนั้น
“เปิดประตู” เซวียนหยวนเฉินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเ็าเพียงประโยคเดียวัทองที่สลักอยู่บนประตูก็ขยับทันทีและในตอนที่มันแยกออกจากกันเป็สองฝั่งประตูก็เปิดออกสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นมันคือลิฟต์
เซวียนหยวนเฉินเดินเข้าไปสายตาเ็าคู่นั่นจ้องมองมาทางฉัน “เข้ามา” เขาพูดออกมาเหมือนี้เีที่จะพูดกับฉัน
“อ้อ” ฉันรีบเดินเข้าไปภายในลิฟต์ยังคงเป็ลวดลายไม้แกะสลักโบราณลาดลายสีแดงถูกตกแต่งด้วยแผ่นกระดาษสีทองทำให้ทั้งลิฟต์ดูโอ่อ่าและหรูหรา
ติ๊งเสียงประตูลิฟต์ปิดลง ฉันรู้สึกว่าลิฟต์มันขยับเล็กน้อยแต่หลังจากนั้นฉันก็ไม่มีความรู้สึกว่าลิฟต์มันเลื่อนขึ้นเลยแต่เข็มทิศที่อยู่เหนือตัวัทองแกะสลักนั้นกลับหมุนไม่หยุด