แม้จวินอู๋เสียจะพูดน้อย ทว่าท่าทางของเขากลับแลดูประหม่าอยู่เล็กน้อย ราวกับกลัวว่านางจะปฏิเสธ กระนั้นเขาไม่อยากให้นางเห็นความกังวลของเขา
“เ้าพูดมาเถิด” ก่อนหน้านี้เขาขอให้นางสั่งให้คนอื่นออกไปทั้งหมด ยามนี้จึงเหลือเพียงเขากับนาง หากผู้ที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็ผู้อื่น ดูแล้วคล้ายนางจะประมาทเล็กน้อย อย่างไรก็ตามด้วยวิชายุทธ์ของนาง ย่อมไม่กลัวหากเขามีเจตนาที่ไม่ดีต่อนาง หลังจากทุกคนออกไปแล้ว นางจึงตอบรับทันทีและเอ่ยเสริมว่า “หากจะขอให้ข้าส่งเ้ากลับไปทันทีนั้นเป็ไปไม่ได้”
เขายิ้มเยาะตอบกลับไปว่า “ข้าก็พอมีความคิดอยู่บ้าง”
นางสงบนิ่งพลางเอ่ยถามเขาว่า “ข้อตกลงคืออันใด?”
“เ้าบอกว่าจะปกป้องข้าให้ปลอดภัยจนกว่าจะกลับไปราชวงศ์ใต้ เช่นนั้นยามที่ข้า้าความช่วยเหลือ เ้าต้องออกหน้าได้หรือไม่?” เขามองเข้าไปในดวงตาของนาง พร้อมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
นางคิดว่าเขากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขาเอง นางจึงยืนยันกับเขาอีกครั้ง “ข้าเคยบอกไปแล้ว จะไม่ให้ใครทำร้ายเ้า เ้าไม่ต้องกลัว”
เขามองนางแล้วพลันเอ่ยเสียงเ็า “ข้าเพียงถามว่าเ้าทำได้หรือไม่?”
นางไม่อยากทำร้ายเขา จึงตอบตกลง “ทำได้แน่นอน”
“มีศาลาเล็กๆ อยู่ลึกเข้าไปด้านในของสวนวังหลวงทางตะวันตกเฉียงใต้ หากเ้า้าพบข้า ข้าจะวาดรูปผีเสื้อที่นั่น หากมีตัวหนึ่ง ข้าจะไปพบเ้าที่สวนดอกบ้วยในสวนวังหลวง หากมีสองตัวก็จะไปพบที่......” เขาอธิบายถึงเครื่องหมายที่ไว้สำหรับนัดพบ เวลาและสถานที่อย่างละเอียด คล้ายกลัวว่านางจะพลาดบางสิ่ง เขาจึงพูดซ้ำอีกครั้งแล้วเอ่ยถามว่า “เ้าจำได้หรือไม่?”
นางพยักหน้าก่อนเอ่ยถามเขาอีกครั้ง “ข้าอาจไปที่นั่นไม่ได้ทุกวัน หากเ้าถูกรังแก ข้าอาจจะไปช่วยไม่ทัน น้ำที่อยู่ไกลก็ไม่สามารถช่วยดับไฟได้ ทำข้อตกลงเช่นนี้ จะช่วยอันใดได้?”
เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “ยามนี้ไม่มีใครกล้ารังแกข้าแล้ว ข้า้าเ้า ย่อมเป็ปัญหาด้านอื่น” หากซักไซ้มากกว่านี้ เขาคงไม่ตอบ
ต่อมานางไปที่ศาลาแห่งนั้นหลายครั้ง กลับไม่เคยเห็นรูปผีเสื้อเลย นางแอบคิดว่าเขาคงลืมข้อตกลงนี้ไปแล้ว อุปนิสัยเด็กหนุ่ม ไม่ยืนยาว
ด้วยความอยากพบเขาในวันนี้ เหยียนอู๋อวี้พลันนึกถึงข้อตกลงนี้และเดินไปตามเส้นทางที่พาไปยังศาลาที่อยู่ลึกเข้าไปทางสวนปีกตะวันตกเฉียงใต้นั้น
เนื่องจากที่นี่มีดอกไม้และพืชพรรณแปลกตาไม่มากนักจึงไม่ค่อยมีคนมาที่นี่ และเหมือนจะค่อนข้างรกร้าง ทว่าเนื่องจากสวนดอกท้อขยายมาถึงที่นี่ ทำให้สภาพสวนมีชีวิตชีวาขึ้นบ้างเล็กน้อย ศาลาตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ตั้งเด่นอยู่หลังเดียว ช่วนให้รู้สึกเปล่าเปลี่ยวนัก
เหยียนอู๋อวี้เดินเข้าไปในศาลา ดวงตาหดแคบลง
มีรอยลึกและตื้นหลายจุดบนเสาไม้ภายในศาลา หากมองใกล้ๆ จะพบว่ามันคือรูปผีเสื้อหลายตัว รอยตื้นจะมีมากหน่อย ่เวลาคงจะนานมาแล้ว รูปผีเสื้อวาดได้ไม่ดีนัก รอยที่ลึกและชัดเจนกว่าคงจะอยู่ใน่เวลาไม่นานมานี้ ทว่ามีน้อยมากและวาดได้เหมือนจริงประหนึ่งผีเสื้อกำลังโบยบิน
คล้ายว่าเขา......จะไม่ลืมข้อตกลงนั้น
เหยียนอู๋อวี้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หัวใจจึงรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา นางยื่นมือไปััมัน
เด็กหนุ่มที่เ็าและดื้อรั้นในยามนั้นคล้ายจะเปลี่ยนไปแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะมีบางสิ่งยังคงอยู่ เครื่องหมายสีอ่อนที่อัดแน่นเ่าั้คงจะสะสมมาหลายปี
เมื่อตระกูลอวิ๋นถูกฆ่าล้างตระกูล นางก็ ‘ตาย’ ด้วยกระบี่ของซ่งอี้เฉิน ไม่มีอวิ๋นอู๋เหยียนอยู่อีกแล้วในเวลานั้น อาจกล่าวได้ว่าจวินอู๋เสียสูญเสียเกราะป้องกันของนางไปในทันที และต้องทุกข์ทรมานมากกระมัง
เมื่อคิดถึงเื่นี้ สิ่งที่นางรู้สึกผิดในชีวิตก็คือในเวลานั้นเขา้านางมาก ทว่านางกลับไม่ปรากฏตัวอีกเลย ทิ้งเขาไว้ในกรงขนาดใหญ่นี้ และทนทุกข์ทรมานต่อการกลั่นแกล้งจากรอบด้าน
ในขณะนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งปลุกนางออกจากความทรงจำ เมื่อนางหันกลับไปมอง นางพบฮวารั่วซีพาอู๋เจี๋ยอวี๋และเซียวเป่าหลินมาทางนี้ นาง้าชักมือที่กำลังััรูปผีเสื้อ ทว่าสายเกินไปแล้ว
เมื่ออู๋เจี๋ยอวี๋เห็นนาง รอยยิ้มพลันแข็งทื่อ พร้อมเอ่ยด้วยความขุ่นเคือง “ที่แท้ก็เป็เหยียนเป่าหลิน อ๋อไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่าเหยียนฉายเหรินแล้ว เซียวเป่าหลินเหตุใดยังไม่รีบคำนับทักทายอีก”
เซียวเป่าหลินลังเลเล็กน้อยเมื่อมีคนเรียกชื่อนาง ทว่าเหยียนอู๋อวี้ก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “พี่หญิงซูเฟย น้องหญิงเจี๋ยอวี๋”
“มิกล้า ผ่านไปไม่กี่วัน เกรงว่าข้าจะต้องเรียกเ้าว่าพี่หญิงแล้วกระมัง” คำพูดของอู๋เจี๋ยอวี๋เต็มไปด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมและไม่มีดีเลยสักนิด
กลับกันฮวารั่วซีก้าวไปข้างหน้าพลางจับมือเหยียนอู๋อวี้ด้วยรอยยิ้มและเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ยังไม่ได้แสดงความยินดีกับน้องหญิงเลยที่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็ฉายเหริน กลับไปพี่จะไปเตรียมของขวัญ และให้มั่วหนงเอาไปให้นะ”
เหยียนอู๋อวี้แย้มยิ้มเอ่ยตอบว่า “ขอบคุณพี่หญิงมากเพคะ น้องไม่รู้ว่าพี่หญิงจะมอบสิ่งของให้ บัวหิมะเทียนซานก่อนหน้านี้น้องตั้งตารอเป็อย่างยิ่ง ตอนนี้ยังมอบของขวัญเพิ่มอีก หม่อมฉันแทบจะรอไม่ไหวอยู่แล้วเพคะ!”
ความขุ่นเคืองปรากฏขึ้นมาในใจของฮวารั่วซี ก่อนหน้านี้ในเรือนเตี๋ยฟาง นางเพียงแค่อยากสร้างภาพต่อหน้าทุกคน นางจึงพูดถึงของขวัญบัวหิมะเทียนซาน ทว่าบัวหิมะเทียนซานล้ำค่าอย่างยิ่งและหายากในรอบพันปี นางได้มาด้วยความยากลำบาก นางจะยอมเสียสละมอบให้ง่ายๆ ได้อย่างไร หลังออกจากเรือนเตี๋ยฟาง นางก็ลืมเื่นี้ไปเสียสนิท เหยียนอู๋อวี้เองก็ยากที่จะเอ่ยปากตาม
ไม่คาดคิดว่า นางจะกล้าพูด ผ่านไปไม่ทันข้ามวัน นางกลับเอ่ยปากขอกับนางเข้าจริงๆ!
ภายในใจขุ่นเคือง ทว่าภายนอกยังคงตอบด้วยรอยยิ้มไปว่า “พี่หญิงได้เตรียมไว้นานแล้ว เกรงว่าคงจะอยู่ระหว่างทาง เห็นน้องหญิงรีบร้อน ซ้ำมิใช่ของวิเศษอันใด เช่นนั้นจะขาดน้องหญิงได้อย่างไร?”
ความคิดของฮวารั่วซีนั้นแรกเริ่มเหยียนอู๋อวี้ก็มองออกมาโดยตลอด ไม่มีทางไม่รู้ว่านางปกปิดสิ่งใดอยู่ในใจ นางเพียงแค่้าให้สิ่งของด้วยวาจาเท่านั้น ทว่าก็ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายตรงข้ามคือใคร
เหยียนอู๋อวี้ยังคงแย้มยิ้มและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “เช่นนั้นก็ขอบคุณพี่หญิงมากเพคะ!”
อู๋เจี๋ยอวี๋ยิ้มเยาะด้วยสายตาเย้ยหยันและเอ่ยด้วยน้ำเสียงอาฆาต “ช่างเป็เพียงบุตรสาวเ้าเมืองจริงแท้ เพียงแค่ดอกบัวหิมะเล็กน้อยยังแสดงความขอบคุณเสียยกใหญ่ เช่นนั้นข้าจะตกรางวัลเ้าด้วยโสมพันปี มิต้องกราบไหว้บูชากันเลยหรือ?”
เหยียนอู๋อวี้ยกยิ้มมุมปาก พร้อมหันกลับมากล่าวขอบคุณอู๋เจี๋ยอวี๋ “เช่นนั้นก็ต้องขอบพระคุณอู๋เจี๋ยอวี๋สำหรับของขวัญ โสมสามพันปีหายากยิ่งนัก ขอบคุณพี่หญิงสำหรับความรักนี้เพคะ”
สีหน้าของอู๋เจี๋ยอวี๋ถึงกับตึงขึ้นมาทันที เดิมทีนางเพียงอยากจะพูดเหน็บและใช้ประโยชน์จากคำพูดเท่านั้น นางนึกไม่ถึงว่า เหยียนอู๋อวี้จะเล่นลูกไม้นี้ ใช้โอกาสนี้เอาของไปด้วย ซ้ำเอาโสมไปตั้งสามหัว ช่างน่าแค้นใจนัก เป็นางเองที่พูดมาก จะกลืนน้ำลายกลับมาก็ไม่ได้อีกแล้ว
ยามที่อู๋เจี๋ยอวี๋ลังเลว่าจะกลับคำพูดหรือไม่อย่างไร เซียวเป่าหลินพลันเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีนอบน้อม “พี่หญิงเหยียน ของขวัญของน้องไม่มีค่าเท่ากับพี่หญิงทั้งสองคน น้องมีแค่ทับทิมล้ำค่าขนาดเท่าไข่นกพิราบ พี่หญิงอย่าได้รังเกียจนะเพคะ”
ทันทีที่เซียวเป่าหลินเอ่ยออกมา อู๋เจี๋ยอวี๋ไม่มีทางให้ถอยแล้ว นางต้องเป็ใบ้จากการสูญเสียของล้ำค่า สีหน้าของนางบูดบึ้งเสียจนน่าเกลียด นางสะบัดผ้าเช็ดหน้าด้วยความโกรธเคือง ยามที่เดินจากไปพลันทิ้งคำพูดสุดท้ายว่า “เป็แค่บุตรสาวเ้าเมือง หวังว่าเ้าคงมีวาสนาใช้สมบัติล้ำค่าพวกนี้”
“พี่หญิงจะไปเตือนนาง” ฮวารั่วซีเอ่ยทิ้งท้ายพลางเดินตามไป เซียวเป่าหลินที่อยู่ด้านหลังทำได้เพียงคำนับนางแล้วเดินตามไป
เหยียนอู๋อวี้มองไปทางร่างทั้งสาม ดวงตาพลันเผยรอยยิ้มสุขใจ เมื่อเห็นพวกนางหันหลังกลับมามอง นางก็โบกมือให้พวกนาง ยิ่งทำให้อู๋เจี๋ยอวี๋ขุ่นเคืองรีบเดินเร็วขึ้น
“น้องหญิง ไยต้องขุ่นเคืองกับคนเช่นนี้ด้วย” ฮวารั่วซีเดินตามไปพลางเอ่ยปลอบใจนาง
อู๋เจี๋ยอวี๋เอ่ยน้ำเสียงดุดัน “พี่หญิงไม่มีที่พึ่งพากลับให้ของฟุ่มเฟือย บัวหิมะเทียนซานมีค่ามหาศาล นางช่างตะกละอันใดเยี่ยงนี้ หนำซ้ำยังกล้ารับโสมเก่าพันปีของน้องหญิงอีก!”
เมื่อเห็นแววตาฮวารั่วซีสั่นไหว คล้ายนางจะรู้ว่าพูดเกินเลยไปสักหน่อย จึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันทีว่า “น้องหญิงเพียงเสียดายโสมพันปีสามหัวนั้น น้องเพียงแค่ติดใจและคิดว่าอุปนิสัยของนางน่าเกลียดเกินไป น้องไม่รู้ว่าฝ่าาชอบนางที่ตรงใด พี่หญิงแตกฉานอ่านเขียนบทกวี เหตุใดจึงสู้สตรีหยาบกร้านไม่ได้!”
“จะรูปร่างเช่นไร หรือมีเสน่ห์เย้ายวนมากเพียงใด ฝ่าาพอพระทัยก็พอแล้ว” ฮวารั่วซียังคงเอ่ยปลอบนางด้วยคำพูดดีๆ
“ทว่านางทำเกินไป แย่งคนไปแล้วยังจะแย่งสิ่งของไปอีก” อู๋เจี๋ยอวี๋รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง นางหันหน้าไปทางเซียวเป่าหลินพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เกรงใจ “ถึงเวลานี้ฝ่าายังไม่เข้าใกล้น้องเลยใช่หรือไม่?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้