รถเข็นของเฮ่อเหวินจิ่งเหยียนถูกเข็นออกมาจากห้องทรงงานของฮ่องเต้ พอดีกับที่เฮ่อเหวินเจ๋อเดินเข้ามาพอดี ทำให้สองพี่น้องได้พบหน้ากันอีกครั้งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ในงานเลี้ยงต้อนรับขึ้น
“ถวายบังคมองค์รัชทายาท”
เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนที่นั่งอยู่บนรถเข็นยกมือขึ้นประสานกัน ก่อนก้มหัวเล็กน้อยทำความเคารพพี่ชาย เฮ่อเหวินเจ๋อมองน้องชายของตนด้วยสายตาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนเอ่ยขึ้น
“ข้ามีเื่ที่้าคุยกับเ้าเพียงลำพัง”
เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนพยักหน้าสั่งให้คนของตนถอยออกไป ก่อนที่เฮ่อเหวินเจ๋อจะก้าวมายืนด้านหลังรถเข็นแทน จากนั้นสองพี่น้องก็ออกเดินเล่นในอุทยานหลวงราวกับว่ามาเที่ยวเล่นเท่านั้น
“มิใช่ท่านบอกว่ามีเื่ที่้าคุยกับข้าอย่างนั้นหรือ เหตุใดถึงเอาแต่เงียบเล่า”
เมื่ออยู่กันตามลำพังเฮ่อเหวินจิ่งเหยียนมักจะแสดงออกกับเขาด้วยท่าทีเหมือนในยามปกติ มิต้องสวมหน้ากากหรือพยายามปั้นหน้าว่าตนเองคือเชื้อพระวงศ์
“เ้า...รู้เื่ที่นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ก่อนหรือไม่”
เฮ่อเหวินเจ๋อเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอี้ยวตัวไปมองพี่ชายแท้ๆ ของตนที่มีดวงตาเหมือนกัน เขาหัวเราะหึ!หึ! ออกมาก่อนจะหันกลับมานั่งตัวตรงเช่นเดิม
“ท่านสงสารนางอย่างนั้นหรือ”
เฮ่อเหวินเจ๋อรู้สึกเหมือนตนเองถูกมองเข้าไปในจิตใจได้อย่างทะลุปรุโปร่งและเขาไม่ชอบความรู้สึกนั้นเลย เพราะมันเหมือนกับเขากำลังยืนอยู่ต่อหน้าพระพักตร์เฮ่อเหวินฮ่องเต้ ไม่ว่าเื่ใดก็ไม่สามารถปิดบังพระองค์ได้
“แต่เด็กไม่มีความผิด”
“ข้าว่าท่านเอาเวลาที่มาคิดถึงเื่นี้ไปสืบหาตัวตนของคนที่กล้าเข้าไปเหยียบจมูกของท่านถึงในตำหนักรัชทายาทดีกว่านะ อีกอย่างท่านเองก็มิได้ชอบนาง ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ปล่อยนางเอาไว้เช่นนี้ถึงสองปีโดยที่มิได้เหยียบไปยังตำหนักของนางเลย ข้าเข้าใจถูกหรือไม่”
เฮ่อเหวินเจ๋อไม่คิดว่าเื่ของตนจะถูกเปิดโปงโดยน้องชายที่พึ่งกลับมาได้เพียงไม่กี่เดือน
“เ้า!!......เ้ารู้เื่นี้ได้อย่างไร”
เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนเงียบไปเล็กน้อยเพื่อดูปฏิกิริยาของเขา ก่อนจะเฉลยบางอย่างให้เฮ่อเหวินเจ๋อรู้
“ท่านคิดว่าตนเองจะสามารถเก็บความลับนั้นไปได้อีกนานเท่าใด เพราะท่านปฏิบัติต่อนางเช่นนั้นจึงทำให้ผู้ที่ไม่หวังดีต่อตำแหน่งรัชทายาทของท่านสามารถยื่นมือเข้ามายุ่งเื่พวกนี้ได้อย่างง่ายดาย เวลานี้ท่านควรเอาเวลาไปเก็บกวาดพวกหนอนที่แฝงตัวอยู่ในตำหนักรัชทายาทน่าจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นในอนาคตจะเป็ท่านเองที่วิ่งอยู่บนฝ่ามือของพวกมัน ข้าขอเตือนท่านในฐานะคนที่มีสายเืเดียวกัน”
เอ่ยจบเฮ่อเหวินจิ่งเหยียนก็ดีดนิ้วเบาๆ คนของเขาที่แฝงตัวรออยู่ก็ก้าวเข้ามาคุกเข่าลงตรงหน้า ก่อนยื่นกระดาษที่มีบางอย่างเขียนเอาไว้หลายแผ่นให้เขา
“เอานี่กลับไปอ่านที่ตำหนักรัชทายาท ทั้งหมดนี่เป็ของขวัญจากน้องชายถึงพี่ชายร่วมสายเื”
เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนถูกเข็นจากไปนานแล้ว แต่เฮ่อเหวินเจ๋อยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างเหม่อลอย เขาก้มลงมองกระดาษหลายแผ่นในมือ ก่อนจะก้าวออกจากตรงนั้นเพื่อกลับไปยังตำหนักของตน หลังจากสองพี่น้องออกจากอุทยานหลวงไปได้ไม่นาน สตรีวัยกลางคนนางหนึ่งก็ก้าวออกมาจากด้านหลังพุ่มไม้ สายตาที่ยากจะคาดเดาของนางมองไปยังเส้นทางที่พวกเขาพึ่งจากไปด้วยท่าทางครุ่นคิด
เฮ่อเหวินเจ๋อเมื่อกลับมาถึงตำหนักรัชทายาท เขาก็สั่งให้คนสนิทของตนจัดการหาตัวสายลับที่แฝงอยู่ในจวนของเขา ก่อนตนเองจะเก็บตัวเงียบอยู่ภายในห้องอ่านตำราทั้งคืน เมื่อเขากลับออกมาอีกครั้งพบว่าภายในคุกใต้ดินของตำหนักรัชทายาทมีสายลับที่ฆ่าตัวตายไปแล้วถึงหกคน ยังมีอีกสี่ที่ยังคงปากแข็งไม่ยอมพูดออกมาเขาจึงลงมือทรมานคนพวกนั้นให้ยอมเปิดปากด้วยตนเอง และสิ่งที่ทำให้เขาใมากก็คือสายลับทั้งหมดถูกส่งมาจากที่เดียวกันคือมาจากตระกูลหยุน ทันทีที่ได้รับคำตอบพร้อมกับสิ่งที่เขียนอยู่บนกระดาษที่ได้มาจากเฮ่อเหวินจิ่งเหยียน ชายหนุ่มก็พึมพำออกมาเสียงเบา
“เ้าคาดเดาเื่ทั้งหมดนี้ได้เองเพียงเพราะแค่มองดู หรือว่าเ้ารู้เหตุการณ์ทุกอย่างล่วงหน้าอย่างนั้นหรือ น้องชาย”
แม้จะเห็นทุกอย่างอยู่ตรงหน้าแต่เฮ่อเหวินเจ๋อก็ยังไม่อยากจะเชื่อ ทุกคำพูดของเฮ่อเหวินจิ่งเหยียนยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขาซ้ำไปซ้ำมา หลังจากวันนั้นเขาก็นำเื่นี้เข้ากราบทูลต่อฮ่องเต้ทันที บ่าวรับใช้ทั้งหมดที่ติดตามอดีตพระชายารัชทายาทมารวมถึงองครักษ์บางส่วนถูกจับตัวขังเอาไว้ ยังมีบางคนที่หายตัวไปั้แ่ที่เกิดเื่ยังไม่สามารถหาตัวพบ ส่วนจวนของราชเลขาหยุนก็ถูกทหารปิดล้อมเอาไว้ทั้งหมด ทั้งเ้านายของจวนและบ่าวไพร่ถูกจับมัดเอาไว้ที่ลานเรือน หลังจากตรวจค้นพบว่ามีหลักฐานมากมายที่พวกเขาทุจริตรับเงินใต้โต๊ะเพื่อซื้อตำแหน่งขุนนาง แม้แต่เงินเยียวยาสำหรับทหารที่ปลดประจำการ หรือเงินงบประมาณในกองทัพราชเลขาหยุนก็มีส่วนเกี่ยวข้อง
ชายชราร้องไห้ออกมาเสียงดัง จากนั้นคำพูดเพียงคำเดียวที่เขาเปล่งออกมาคือ จบแล้ว!! จบแล้ว!! ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว!! นอกจากตระกูลหยุนยังมีขุนนางอีกหลายคนที่มีรายชื่อพัวพันกับเื่นี้ หลังจากสอบสวนอย่างเข้มงวดด้วยตัวขององค์รัชทายาทเอง พวกเขาล้วนถูกจับตัวขังเอาไว้รอวันสำเร็จโทษ ครั้งนั้นถือเป็การกวาดล้างครั้งใหญ่ ทำให้ตำแหน่งขุนนางว่างลงหลายตำแหน่ง จากนั้นเหล่าขุนนางในราชสำนักก็เสนอชื่อของคนที่ตนมีความสัมพันธ์อันดีเข้ารับตำแหน่ง และหนึ่งในนั้นคือ มู่จื้อหยวน
“จัดการเรียบร้อยดีหรือไม่”
องครักษ์ลับที่แฝงตัวอยู่ ก้าวออกมาจากมุมหนึ่งราวกับภูตผีคุกเข่าลงตรงหน้าเขา
“เรียบร้อยทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี! มาดูกันว่าเขาจะงับเหยื่อที่ข้าวางเอาไว้หรือไม่ ได้ยินมาว่าเขาเป็อัจฉริยะที่หาได้ยากในแคว้นจิ้น ข้าเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่าเขาจะฉลาดสักแค่ไหนเชียว”
เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนวางพู่กันที่อยู่ในมือของตนลง ก่อนที่จะทำสีหน้าตื่นเต้นเหมือนเด็กที่พึ่งได้ของเล่นใหม่ ทำเอาองครักษ์ลับผู้นั้นถึงกับเส้นขนบนหลังคอลุกชูชัน เขาสาบานว่าต่อให้ตนเองจะต้องกลายเป็ศัตรูกับคนทั้งโลก แต่กับองค์ชายรองผู้นี้เขามิกล้าโดยเด็ดขาด จากผลงานที่ทำมาั้แ่ที่เขากลับมายังแคว้นจิ้น แม้มิได้ประกาศออกไปแต่เขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาสามารถดึงใครก็ตามที่กล้าเป็ปฏิปักษ์กับเขาจมลงไปในโคลนได้อย่างง่ายดาย องค์ชายท่านน่ากลัวเกินไปแล้ว หลังเหตุการณ์กวาดล้างขุนนางกังฉินออกไปจากราชสำนักแคว้นจิ้น เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนก็เก็บตัวเงียบอยู่แค่เพียงในเรือนพักของตน เพราะอีกไม่กี่วันเข้าก็จะต้องย้ายไปอยู่ตำหนักองค์ชายรองที่พึ่งได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ท่านหมอเทวดามาถึงแล้ว”
เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนเงยหน้าจากตำราที่อยู่ในมือ ก่อนจะมองชายผู้มาใหม่ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“เ้า!!....เป็เ้าเองหรือ”
ชายชราที่อายุราวห้าสิบกว่าปีชี้นิ้วมาที่เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนด้วยท่าทางตกตะลึง เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองว่าคนที่ตนต้องมารักษาจะเป็คนที่ตนเคยพบหน้ามาก่อน เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนเองก็แปลกใจไม่น้อยที่ได้พบหน้าคนที่เคยรักษาอาการของตนที่แคว้นจ้าวอีกครั้ง
“หรือว่าบุตรชายที่ฮองเฮาบอกว่าหายตัวไปยี่สิบกว่าปีคือเ้าเอง เหตุใดโลกถึงได้กลมเพียงนี้ ข้าคิดว่าเ้าคงจะตายไปนานแล้วเพราะพิษที่อยู่ในร่างของเ้า ดูตอนนี้สิ เ้าดูดีขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าหากไม่นั่งบนรถเข็นข้าคงจะดูไม่ออกว่าเ้าเป็คนป่วย”
หมอเทวดาเซี่ยก้าวเข้าหาร่างสูงอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางตื่นเต้น แต่กลับถูกองครักษ์ขวางเอาไว้ เฮ่อเหวินจิ่งเหยียนโบกมือให้พวกเขาถอยออกไป ก่อนจะยกยิ้มมุมปากบางๆ
“ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะได้มาพบกับท่านที่นี่เช่นกัน”