จางจ้าวฉือคิดไม่ถึงว่าตนเองยังกลับไปไม่ถึงเมืองหลวง ก็ได้บ้านสวนบ่อน้ำร้อนมาอยู่ในเสียแล้ว
สวี่ตี้ลูบท้องของจางจ้าวฉือเบาๆ ก่อนจะเอ่ย “ข้าถามพี่ชายคนหนึ่งที่เป็ลูกของแม่นมที่รับใช้พี่สาวคนโตสกุลเว่ยมาแล้วขอรับ เขาบอกว่าสวนนั้นเป็ของครอบครัวคนมีฐานะร่ำรวยในเมืองหลวง คุณชายของครอบครัวไม่เอาการเอางาน เอาแต่ก่อเื่ จำเป็ต้องใช้เงิน จึงขายสวนนั้น พอดีกับพี่สาวคนโตสกุลเว่ยไปสอบถามมา สุดท้ายก็ตัดสินใจซื้อมาขอรับ”
จางจ้าวฉือมองสัญญาที่ดินแผ่นนั้นก่อนจะเอ่ย “ห้าพันตำลึง เ้าติดหนี้บุญคุณก้อนใหญ่เชียวนะ”
สวี่ตี้พูดอย่างไม่ค่อยจะใส่ใจเท่าไหร่ “ท่านคิดว่าเรือนเพาะชำเรือนนั้นที่ข้าช่วยเขาสร้างขึ้นมาสร้างรายได้ให้กับพี่สาวคนโตสกุลเว่ยเท่าไหร่กันขอรับ? อย่างน้อยก็หนึ่งหมื่นกว่าตำลึง ไม่ใช่แค่ร้านหม้อไฟที่จำเป็ต้องใช้เท่านั้น โรงเตี๊ยมพวกนี้ก็ต้องซื้อผักจากสวนนั้นเช่นกัน ท่านคิดว่าในตอนนี้เหมือนกับพวกเราในอดีตหรือ ที่รัฐบาลบริหารจัดการให้ราคาผักของประชาชนนั้นมั่นคง ยิ่งตอนนี้ระดับการผลิตต่ำ พื้นฐานงานก่อสร้างก็ไม่มีเลยสักนิด จะไปมีเรือนเพาะชำขนาดใหญ่ขนาดนั้นได้อย่างไร ต้องทำเรือนเพาะชำในฤดูหนาวแบบข้า ที่ไม่ว่าเรือนผู้ใดก็ไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ ฤดูหนาวก็หนาวจัด ผักใบเขียวราคาเองก็สูงมาก”
จางจ้าวฉือถอนหายใจ “การเพาะปลูกเชิงธรรมชาติความจริงแล้วดีกับสุขภาพของคนมากที่สุด แต่ก็ไม่สะดวกเสียเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าต่อไปการพัฒนาจะเป็อย่างไร”
สวี่ตี้เอ่ย “การพัฒนาก็ไม่มีทางพัฒนาไปเป็แบบยุคศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดได้หรอกขอรับ ท่านแม่ พวกเราจะต้องส่งคนไปดูบ้านสวนหรือไม่ จากนั้นก็ซ่อมอะไรที่ควรซ่อม อะไรที่ควรจะตกแต่งก็ตกแต่ง ตอนนี้เป็บ้านของพวกเราแล้ว ก็ควรจะทำตามความคิดของพวกเราถึงจะถูกนะขอรับ”
จางจ้าวฉือถอนหายใจแล้วเอ่ย “ข้าเองก็คิดนะ แต่ตอนนี้กำลังคนไม่พอไม่ใช่หรือ? เ้าดูเอาว่าจะส่งใครไปถึงจะเหมาะสม?”
สวี่ตี้ถอนหายใจ “ข้าคิดว่าส่งใครไปก็ไม่เหมาะสมขอรับ ไม่รู้ว่าท่านลุงสามจะมาเมื่อไหร่ ข้าได้ยินมาว่าท่านลุงใหญ่ได้ส่งคนใช้เก่าๆ กลับไปที่เมืองหลวงแล้ว เตรียมตัวจะซ่อมแซมจวนเก่าของสกุลจาง เช่นนั้นพวกเราเอาเื่นี้ฝากให้พวกท่านลุงใหญ่จัดการให้ดีหรือไม่ขอรับ?”
จางจ้าวฉือเอ่ย “นั่นมันจะเป็การไปรบกวนคนจากครอบครัวข้า เ้าเองก็ยังทำไปได้นะ”
สวี่ตี้เอ่ยแย้งออกมาอย่างจริงจัง “นั่นเป็ท่านตา ท่านลุงของข้านะขอรับ หากข้าไม่ไปรบกวนพวกเขาแล้วจะให้ข้าไปรบกวนใคร? พวกคนในจวนโหวอย่างนั้นหรือ? ถ้าคนพวกนั้นรู้ว่าพวกเรามีบ้านสวนก็ไม่รู้ว่าจะเ็ปใจขนาดไหน”
จางจ้าวฉือเอ่ย “งั้นเอาเช่นนี้แล้วกัน เ้าเขียนจดหมายไปหาฮูหยินผู้เฒ่าก่อน บอกว่าคนของทางพวกเราไม่พอใช้ ถามนางว่าเหล่าคนเก่าๆ ที่ติดตามนางมาตอนแต่งงานพวกนั้นตอนนี้ทำอะไรอยู่ ข้าจำได้ว่าแต่ก่อนเคยได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าบ่น ว่าบ้านสวนที่เป็สินเดิมของนางอันมีอยู่จำนวนมาก หากส่งคนไปอีกก็คงเก็บคนไม่พอ เ้าลองไปถามดูเสียหน่อย ถ้าหากอายุเยอะแล้ว จัดงานให้ได้ยากก็ส่งมาให้พวกเรา ต่อไปพวกเราจะช่วยดูแลยามแก่ เ้าคิดว่าอย่างไร?”
สวี่ตี้ลูบคางก่อนจะตอบ “เป็ความคิดที่ดีขอรับ ตอนนี้ฮูหยินของซื่อจื่อเป็คนดูแลเรือน ไม่เพียงแต่คนของฮูหยินผู้เฒ่าที่นางจะต้องจัดการให้เต็มจำนวน คนของโหวฮูหยินนางเองก็ต้องจัด พวกเราไปขอกับฮูหยินผู้เฒ่า ไม่แน่ว่านางจะซาบซึ้งที่พวกเราสามารถช่วยนางดูแลคนใช้เก่าๆ ได้นะขอรับ”
จางจ้าวฉือตอบ “พวกเราจ้างคนมาก็ไม่ได้หวังว่าจะให้เขาทำงาน แค่สามารถช่วยดูแลบ้านสวนสักหน่อย มีงานอะไรก็จ้างคนจากหมู่บ้านใกล้ๆ มาทำ ทางที่ดีที่สุดให้มากันทั้งครอบครัว เช่นนี้ก็จะจัดการคนได้ง่าย”
สวี่ตี้รีบไปเขียนจดหมาย แม่นมลู่เอาถ้วยน้ำแกงมาให้จางจ้าวฉือ พอเห็นโฉนดที่ดินก็เอ่ยขึ้นด้วยความใ “นี่คือซื้อบ้านสวนแล้วหรือ? ตี้เกอเก่งจริงๆ”
จางจ้าวฉือยิ้มแล้วพูดถึงที่มาของบ้านสวน แล้วก็เื่ที่สองแม่ลูกปรึกษากันให้กับแม่นมลู่ฟัง หญิงชราหัวเราะแล้วกล่าว “เป็เื่ดีนะ เดิมทีคำพูดพวกนี้ข้าไม่ควรพูด ในเมื่อเ้ากับตี้เกอทำเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นข้าจะพูดกับพวกเ้าแล้วกัน”
จางจ้าวฉือยิ้มแล้วขยับเก้าอี้ให้กับแม่นมลู่ นางนั่งลงแล้วเอ่ย “ฮูหยินผู้เฒ่าของจวนหย่งหนิงโหว ครอบครัวมารดาคือจวนหย่งอี้โหว ฮูหยินผู้เฒ่าของพวกเราผู้นี้น่ะ ก่อนหน้านั้นนางมีชื่อเสียงมาก ไม่เพียงแต่ความสามารถในการขี่ม้ายิงธนูจะดี วิชาการต่อสู้ก็ฝึกมาั้แ่ยังเล็ก ทั้งยังเคยตามหย่งอี้โหวเย่เข้าสนามรบมาก่อน ต่อมาแต่งงานแล้วก็เป็ฮูหยินผู้เฒ่าอบรมคอยสั่งสอนบุตรอยู่กับสามีอย่างสงบ”
จางจ้าวฉือฟังแล้วก็พูดออกมาด้วยความใ “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านย่าของข้าผู้นี้ในตอนนั้นเป็คนที่แข็งแกร่งเช่นนี้”
แม่นมลู่ยิ้มแล้วเอ่ย “เหตุใดฮูหยินผู้เฒ่าถึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทเฮาองค์ก่อนหรือ นั่นก็เพราะว่าไทเฮาองค์ก่อนเป็พี่น้องฝ่ายญาติกับฮูหยินผู้เฒ่า แต่ว่าคนที่รู้เื่นี้มีไม่มาก ได้ยินมาว่ามารดาของไทเฮาองค์ก่อนไม่ได้เติบโตที่จวนท่านยายของฮูหยินผู้เฒ่า แต่ถูกส่งไปเลี้ยงด้านนอกน่ะ”
จางจ้าวฉือฟังแล้วก็เอ่ย “เื่นี้คาดว่าตอนนี้ทั้งเมืองหลวงก็มีไม่กี่คนที่รู้ใช่หรือไม่เ้าคะ?”
แม่นมลู่พยักหน้า “เป็เช่นนั้นจริงๆ ต่อมาข้าเป็นางในติดตามไทเฮาองค์ก่อน และเพราะว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับฮูหยินผู้เฒ่าถึงได้รู้เื่นี้โดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากไทเฮาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ไป บุรุษที่ค้ำจุนจวนหย่งอี้โหวตายในา โหวเย่คนก่อนจึงเหลือฮูหยินผู้เฒ่าเป็ผู้สืบทอดเพียงคนเดียว ฮูหยินผู้เฒ่าก็เลยออกตัวเอาป้ายเหล็กอักษรชาดคืนให้กับฮ่องเต้องค์ก่อน ซึ่งฮ่องเต้องค์ก่อนคิดถึงความดีความชอบของจวนหย่งอี้โหว จึงนำป้ายศพของจวนหย่งอี้โหวเชิญไปที่หอผู้เสียสละ”
หอผู้เสียสละเป็ราชสำนักสร้างขึ้นมาให้กับหลุมศพของคนที่เสียสละเพื่อแคว้นในอดีต ใน่เทศกาลจำเป็ต้องมาทำพิธี ตอนที่ต้องบวงสรวง โดยจะให้ฮ่องเต้รัชกาลนี้เป็เ้าภาพด้วยตนเอง ถือว่าเป็กฎขั้นสูง
แม่นมลู่เอ่ย “หลังจากที่ไทเฮาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ไป ฮูหยินผู้เฒ่าก็ติดต่อกับในวังน้อยมาก ต่อมาด้วยอายุที่มากขึ้น นอกจากเื่ที่สำคัญมากจำเป็ต้องให้นางเข้าวังนางถึงจะกลับไป แล้วพักอาศัยอยู่ในเรือนนานๆ ทีจะออกมา ในเมืองหลวงก็ค่อยๆ ลืมจวนหย่งอี้โหวไป”
จางจ้าวฉือพยักหน้าก่อนจะเอ่ย “ั้แ่ข้าแต่งเข้าจวนโหว ฮูหยินผู้เฒ่าแม้แต่ปีใหม่ก็จะใช้ข้ออ้างว่าร่างกายไม่ดีไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ของราชสำนัก”
แม่นมลู่เอ่ย “หากจะให้พูดขึ้นมา ฮ่องเต้องค์ก่อนเป็โอรสของไทเฮาองค์ก่อน ตอนนั้นฮ่องเต้ในตอนนี้สามารถขึ้นบัลลังก์ได้ก็เพราะว่าไทเฮากับไทเฮาองค์ก่อนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพราะสาเหตุนี้ ไทเฮากับฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ดี ไม่เช่นนั้นแค่หวังพึ่งคนพวกนั้นในจวนหย่งหนิงโหวในปัจจุบัน จวนหย่งหนิงโหวจะยังสามารถมีชีวิตอยู่ในสกุลชนชั้นสูงได้หรือ? ข้าขอพูดแบบไม่น่าฟังเลยนะ ก็เพราะตอนนี้ในจวนยังมีฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ หากไม่มีนางอยู่ จวนหย่งหนิงโหวจะยังอยู่หรือไม่ก็ไม่แน่”
จางจ้าวฉือพยักหน้า คิดอะไรขึ้นมาได้ก็ถามอีกครั้ง “แม่นม เื่พวกนี้โหวฮูหยินในตอนนี้รู้หรือไม่เ้าคะ?”
แม่นมลู่ถอนหายใจ “ในสมองของนางจะสามารถใส่เื่พวกนี้ได้ที่ไหนกัน ตอนนั้นฮูหยินผู้เฒ่าถูกใจบุตรสาวคนโตอีกครอบครัวหนึ่ง นางคิดว่าบุตรสาวคนโตในสกุลใหญ่ๆ ล้วนถูกสั่งสอนให้มาเป็ภรรยาของผู้นำสกุล ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าบุตรชายหลายคนของตนเองต่างเทียบเหล่าโหวเย่ไม่ได้ เช่นนั้นจะต้องหาสะใภ้ใหญ่ที่สามารถควบคุมเรือนได้ ผู้ใดจะไปรู้ว่าโหวเย่จะถูกใจโหวฮูหยิน โวยวายจะต้องสู่ขอนางมาให้ได้ ฮูหยินผู้เฒ่าไม่สามารถผิดใจกับบุตรชายเพราะว่าเื่นี้ได้ จึงทำได้แค่ยอมรับ”
ได้ยินเื่พวกนี้จางจ้าวฉือก็เม้มปากหัวเราะออกมา แม่นมลู่เห็นแล้วก็เอ่ย “นี่ก็ล้วนเป็เื่ที่พวกผู้ใหญ่ไม่สามารถให้คนนอกรู้ ข้ารู้สึกว่าเ้ารู้เื่พวกนี้แล้วก็จะรู้ถึงเื่ต่อไปที่ข้าจะพูดกับเ้าแล้ว”
จางจ้าวฉือรีบควบคุมสีหน้าให้ดี ก่อนจะพูดเสียงเคร่งขรึม “แม่นม ท่านพูดต่อเถิด”
แม่นมลู่ยิ้มแล้วส่ายหน้า “โหวฮูหยินนางนี้ เป็บุตรสาวคนเล็กของพวกเขา ั้แ่เด็กก็ถูกเลี้ยงดูราวกับไข่ในหิน นอกจากจะรู้จักออดอ้อนน่ารัก ก็ไม่รู้จักการจัดการงานในเรือน ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่าตอนเป็เด็กถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ แต่งงานมาแล้วก็คงจะรู้เื่ขึ้นมาบ้าง หากสั่งสอนดีๆ สักหน่อยคงจะยังสามารถสอนให้ได้ความอยู่บ้างกระมัง?”
คิดถึงเื่ในอดีตแล้วแม่นมลู่ก็ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเอ่ย “คนบางคน เกิดมาก็ไม่ใช่ทางนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจสอนให้นางดูแลเรือน แต่นางกลับรู้สึกว่าฮูหยินผู้เฒ่ากำลังรังแกนาง จึงมักจะกลับจวนมารดาเพื่อไปร้องห่มร้องไห้ นานวันเข้าคนในเมืองหลวงก็รู้สึกว่าฮูหยินผู้เฒ่านั้นไม่ใช่คนใจดี เป็แม่สามีใจร้ายที่รังแกลูกสะใภ้ ฮูหยินผู้เฒ่าทำอะไรไม่ได้ จึงทำได้แค่ดูแลเรือนต่อไป ต่อมาเวลาผ่านไปนานเข้า โหวฮูหยินก็รู้สึกว่าตนเองเป็โหวฮูหยิน อำนาจในการดูแลเรือนจะต้องคว้าไว้ในมือ จึงจะเอาอำนาจการดูแลเรือนมา เื่อื่นๆ ดูแลได้เละเทะ จ้องแต่จะเล่นงานคนใช้ที่ติดตามมาตอนแต่งงานพวกนั้นของฮูหยินผู้เฒ่า แต่ละคนนางก็หาข้ออ้างเอามาเปลี่ยน ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อยากจะให้ในจวนวุ่นวายจนดูไม่ได้ จึงส่งพวกนางไปที่บ้านสวน”
จางจ้าวฉือถาม “แม่นม สาวใช้ที่ติดตามฮูหยินผู้เฒ่ามาตอนแต่งงานก็ล้วนพามาจากจวนหย่งอี้โหวใช่หรือไม่เ้าคะ?”
แม่นมลู่ได้ยินก็รู้ว่าตนเองพูดมาเสียนาน จางจ้าวฉือถือว่าจับประเด็นได้แล้ว จึงพยักหน้า “ใช่สิ ล้วนพามาจากจวนหย่งอี้โหว ตอนนี้ในเรือนเก่าของจวนหย่งอี้โหวที่อาศัยอยู่เป็ครอบครัวลุงสองของฮูหยินผู้เฒ่า แต่ว่าสองครอบครัวต่างไม่ได้ไปมาหาสู่กันแล้ว หลังจากฮูหยินผู้เฒ่ามอบป้ายเหล็กอักษรชาดไป และเพราะไม่ได้ตอบรับให้ลูกหลานของเรือนสองสืบทอดตำแหน่งของจวนจงหย่งโหว ลุงสองของฮูหยินผู้เฒ่าจึงเกลียดนางเข้ากระดูก หลังจากฮูหยินผู้เฒ่ามอบจวนให้กับครอบครัวลุงสอง ก็พาคนของจวนจงหย่งโหวออกมา”
จางจ้าวฉือพยักหน้าก่อนจะเอ่ย “เช่นนี้เองหรือ แม่นม ท่านว่าข้าจะเขียนจดหมายไปหาฮูหยินผู้เฒ่า ให้นางมอบสาวใช้มาให้หน่อยจะเหมาะสมหรือไม่เ้าคะ?”
แม่นมลู่ตอบ “เ้าฟังที่ข้าจะพูดต่อไปก่อน หลังจากโหวฮูหยินก่อเื่เปลี่ยนสาวใช้ของฮูหยินเฒ่าจนหมดในจวนก็ยิ่งเละเทะ ตอนนั้นซื่อจื่อเพิ่งจะแต่งงาน โหวเย่เห็นฮูหยินที่ตนเองหามาก่อเื่วุ่นวาย จึงสอบถามฮูหยินซื่อจื่อ นางเป็บุตรสาวคนโตในเรือน ั้แ่เด็กก็ถูกเลี้ยงดูมาให้เป็ภรรยาของผู้นำตระกูล หลังจากแต่งงานมาแล้วก็รีบมอบอำนาจในการดูแลเรือนให้นาง เื่ของจวนโหวก็ค่อยๆ กลับมาเป็ระเบียบ แม่สามีกับลูกสะใภ้สองคนนี้ เวลาดูแลเื่ราวในเรือน คนหนึ่งบอกว่าได้ อีกคนก็บอกว่าไม่ได้ แต่ก็มีบางจุดที่พวกนางสองคนมีความคิดเห็นตรงกัน นั่นก็คือลดทอนอำนาจของฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่ในจวน ฮูหยินซื่อจื่อดูแลเรือนมาหลายสิบปีแล้ว คนใช้ที่ติดตามฮูหยินผู้เฒ่ายามแต่งงานมาที่นี่ในจวนนี้นอกจากแม่นมที่คอยดูแลในเรือนของนาง คนอื่นๆ ก็ไม่มีแล้ว ต่างถูกฮูหยินผู้เฒ่าส่งไปที่บ้านสวนที่เป็สินเดิมนอกเมืองหลวงหมด”
จางจ้าวฉือพยักหน้า แม่นมลู่เอ่ย “ข้าพูดเื่เก่าๆ พวกนี้กับเ้าก็เพราะอยากจะบอกเ้าว่า ไม่ใช่ฮูหยินผู้เฒ่านั้นไม่เก่ง แล้วก็ไม่ใช่เพราะว่าผู้หยินผู้เฒ่าไม่มีความสามารถ แต่เป็เพราะนางไม่ยินดีที่จะยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว อายุของนางก็มากแล้ว จึงมีความผูกพันกับพวกคนใช้เก่าๆ ของจวนหย่งอี้โหวมาก คนใช้พวกนั้นก็แก่แล้ว แต่พวกนางก็ยังมีลูกหลาน ทั้งยังอยากจะหาหนทางก้าวหน้าให้ลูกหลานตัวเอง ฮูหยินผู้เฒ่าก็ดันเป็คนที่ไม่อยากจะรบกวนคนอื่น คนใช้พวกนั้นของตนเองก็ถือว่าเป็เื่ที่ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงกังวลอยู่”
จางจ้าวฉือเอ่ย “แม่นม ครอบครัวพวกเราตอนนี้กำลังเป็่ที่้าจะใช้คน ในเมื่อเกิดมาจากจวนหย่งอี้โหว ทั้งยังเป็คนเก่าแก่ที่ติดตามฮูหยินผู้เฒ่ามานาน เช่นนั้นจะต้องมีความสามารถ บ้านสวนนอกเมืองหลวงจำเป็ต้องมีคนคอยดูแล ที่นั่นของพวกเราก็จำเป็ต้องมีคนมาช่วย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเส้นทางห่างไกล ข้าก็คงจะกลับไปขอฮูหยินผู้เฒ่าด้วยตัวเอง เพื่อให้นางแบ่งคนมาให้สักหน่อย ตอนนี้ทำได้แค่เขียนจดหมายให้ฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว แต่หวังว่านางจะไม่รังเกียจที่พวกเราทำเื่ไม่เป็ทางการ”
แม่นมลู่โบกมือ “ข้าอยากจะกลับเมืองหลวงไปสักรอบหนึ่ง เ้าจะต้องเชื่อใจข้าแล้วมอบเื่ของบ้านสวนมาให้ข้าไปจัดการ ข้าจัดการเื่ของตัวเองเสร็จแล้ว จะจัดการเื่ของบ้านสวนนอกเมืองแล้วค่อยกลับมา”
จางจ้าวฉือฟังแล้วก็ชะงักไป “แม่นม ท่านมีเื่สำคัญอะไรที่จะต้องกลับไปที่เมืองหลวงหรือเ้าคะ? เส้นทางไกลเกินไป ท่านกลับไปพวกเราไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่นะเ้าคะ”
แม่นมลู่โบกมือ “เื่ที่ข้าจะกลับไปที่นั่นถูกกำหนดมานานมากแล้ว หลายปีก่อนนัดกับคนเอาไว้ ว่าฤดูใบไม้ร่วงปีนี้จะไปรวมตัวกันที่เมืองหลวง ข้านัดกันเอาไว้แล้ว พวกเ้าวางใจก็พอ ข้าตามนัดเสร็จก็จะกลับมา เื่ใหญ่ๆ เล็กๆ ในเรือน ข้าเองก็ไม่วางใจเหมือนกัน”
จางจ้าวฉือยิ้มเขิน “แม่นม ท่านก็พอรู้ ข้าไม่ชอบงานพวกนี้เลยเ้าค่ะ”
แม่นมลู่ถอนหายใจ “ข้าเองก็ไม่อยากจะเอาเื่ในเรือนให้เ้าจัดการ ข้าบอกกับจิ่วเอ๋อร์แล้วก็คุณหนูสกุลหลี่ทั้งสองคนแล้ว ข้าจะไม่อยู่ที่นี่สองเดือน ให้พวกนางสามคนปรึกษากันแล้วเื่จัดการงานในเรือน ก็ถือว่าเป็โอกาสให้พวกนางได้ฝึกฝน”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ข้าให้สวี่ตี้รีบเตรียมของขวัญให้ท่าน เหอซียังมีของที่เอากลับไปเมืองหลวงทั้งยังสามารถพาคนไปส่งได้ด้วย เดี๋ยวไปถามกลุ่มพ่อค้าในเมือง ว่า่นี้มีใครกลับเมืองหลวงหรือไม่ ท่านก็ตามไปกับพวกเขา พวกข้าเองจะได้วางใจด้วย”
แม่นมลู่ตบมือจางจ้าวฉือ “ข้าไปสอบถามมาแล้ว ร้านขายสินค้าหนังสัตว์ของสกุลหลี่ในเมือง่นี้จะเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อส่งหนังสัตว์จำนวนหนึ่ง เ้าน่ะ ตอนนี้พักรักษาตัวในเรือนดีๆ ข้ากลับไปครู่เดียวเดี๋ยวก็กลับมา”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ในเมื่อท่านจะกลับไปแล้ว เช่นนั้นก็ฝากบอกถึงความ้าของพวกเราด้วยนะเ้าคะ ต่อไปสาวใช้ติดตามพวกนั้น ครอบครัวพวกเรารับต่อเอง อยากจะมาดูแลภายในเรือนก็มา อยากจะปลูกผัก พวกเราเองก็มีสวนให้ปลูก อยากจะเข้าทหาร ก็ใช้ความสัมพันธ์ของพวกเรากับจวนจิ้งเป่ยโหว เป็เื่ง่ายๆ ไม่ใช่หรือ?”
แม่นมลู่เอ่ย “เ้าวางใจ ข้าจะต้องพูดกับฮูหยินผู้เฒ่าให้ดีเื่นี้ เื่เก่าๆ พวกนั้นของจวนโหวเ้าเองก็รู้ดีแล้ว หากมีเื่อะไรอีกเ้าเองก็สามารถเข้าใจได้ว่าเื่เป็มาอย่างไร เื่บางเื่แม้แต่โหวเย่เองก็ยังไม่รู้”
จางจ้าวฉือหัวเราะแล้วเอ่ย “เป็แม่นมที่เอ็นดูข้า ถึงได้พูดเื่ที่เป็ความลับพวกนี้”
แม่นมลู่เอ่ย “เื่บางเื่ก็สมควรให้คนรู้ถึงจะเหมาะสม อย่าเห็นว่าเื่มันผ่านไปนานหลายปีแล้ว บางครั้งเื่เล็กๆ ที่ผ่านไปแล้วก็สามารถสร้างผลกระทบใหญ่ให้กับปัจจุบันก็ได้”
เื่นี้ก็ใช่จริงๆ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีคำพูดอย่าง “งูยังหลงเหลือรอยการเลื้อยผ่านยาวไกลพันลี้” [1]
แม่นมลู่ตระเตรียมของสำหรับเดินทาง สวี่ตี้ไปพูดคุยกับทางร้านค้าหนังของสกุลหลี่ ว่าขอให้ตลอดทางช่วยดูแลแม่นมลู่ ถึงแม้ร้านค้าสกุลหลี่จะเป็ร้านสาขาเล็กๆ ของสกุลหลี่ในเหอซี แต่ว่าทุกปีที่นี่สามารถทำกำไรจำนวนมากให้กับสกุลหลี่ ดังนั้นคนของร้านค้าสกุลหลี่จึงยินดีที่จะอาศัยโอกาสนี้เชื่อมสัมพันธ์กับคุณชายของผู้นำเมือง
สวี่เหราเตรียมของฝากที่เหอซีให้แม่นมโดยเฉพาะ ซึ่งของฝากพวกนี้เป็ของพิเศษประจำเมือง ตอนนี้เป็่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว พวกเจียนกั่ว [2] เห็ดหูหนู เหอเถา [3] เกาลัดออกผลเต็มูเาจึงเก็บลงมาตากแห้งเรียบร้อย ก่อนสวี่ตี้จะใช้ถุงหลายใบมาบรรจุของพวกนี้ลงไปเรียบร้อยแล้วก็ส่งไปพร้อมกับแม่นมลู่ ออกเดินทางไปยังสถานที่ห่างไกลจากเมืองหลายสิบลี้
เชิงอรรถ
[1] (草灰蛇线,伏之千里 Cǎohuī shé xiàn, fú zhī qiānlǐ) ความหมายคือ เื่ที่เกิดขึ้นแล้วก็จะทิ้งเบาะแสเอาไว้ให้สามารถสืบสาวราวเื่ได้
[2] อัลมอนต์
[3] วอลนัท