หลังจากแม่นมไปแล้ว ผ่านไปเป็เวลานานแต่ครอบครัวสกุลสวี่ก็ยังไม่ชินเสียที
สวี่จือที่อาศัยอยู่ในห้องเดียวกับแม่นมลู่มาตลอด หลังจากแม่นมไปแล้ว จางจ้าวฉือก็ให้ชิงเหมี่ยวไปอยู่เป็เพื่อนสวี่จือในห้อง ตอนกลางคืนสวี่จือตื่นขึ้นมามักจะร้องเรียกหาแม่นม แม่นมลู่ก็จะมาดูว่าสวี่จือนั้น้าอะไร ตอนนี้หลังจากสวี่จือเรียกหาแล้ว ชิงเหมี่ยวตอบกลับไปหนึ่งคำ สวี่จือถึงคิดได้ว่าแม่นมลู่ได้กลับเมืองหลวงไปแล้ว ชิงเหมี่ยวถามสวี่จือว่ามีเื่อะไรหรือ ซึ่งอารมณ์ของสวี่จือนั้นเศร้าโศกมาก ตอบกลับไปเพียงว่าไม่เป็อะไร แล้วล้มตัวลงนอน
แม่นมลู่ไปกับพ่อค้าขายหนัง เดินทางอยู่ยี่สิบกว่าวัน นอนกลางดินกินกลางทราย จนในที่สุดก็มาถึงเมืองหลวง คนขายสินค้าหนังของสกุลหลี่จะอยู่ที่เมืองหลวงสิบกว่าวัน จากนั้นก็จะกลับเหอซี แม่นมลู่นัดแนะเวลากลับกับเขาเรียบร้อยแล้ว ถึงได้นั่งรถม้าที่สกุลหลี่หามาให้เดินทางไปที่จวนโหว
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าแม่นมลู่จะกลับมาแล้ว แน่นอนว่านางส่งคนไปรอที่ปากประตูทางเข้าทุกวัน หลังจากเจอแล้วก็ช่วยแม่นมลู่เอาของไปที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่า
การแยกจากกันั้แ่ครานั้นก็สามปีแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าพอเห็นแม่นมลู่ที่ตอนนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ในใจก็รู้สึกดีใจมาก หันไปสั่งให้แม่นมเสิ่นให้ไปเอาน้ำล้างหน้ามา แล้วก็เอาขนมที่แม่นมลู่ชอบกินมาด้วย ทั้งยังสั่งให้โรงครัวเล็กทำอาหารที่แม่นมลู่ชอบ พร้อมบอกให้เอาไหเหล้าที่ฝังเอาไว้ตรงใต้กำแพงทางทิศใต้ออกมาต้อนรับแม่นมลู่
แม่นมลู่เองก็ยิ้มแย้มพลางมองฮูหยินผู้เฒ่าสั่งงานนู่นนี่ จนกระทั่งหญิงชราคิดว่าตนเองจัดการเื่ราวเสร็จแล้ว ถึงได้นั่งลงแล้วรินน้ำชาให้กับแม่นมลู่ “จู่ๆ เ้าก็กลับมามีเื่สำคัญอะไรหรือไม่?”
แม่นมลู่ตอบ “มาเยี่ยมมิตรสหายน่ะ ไม่ได้มีเื่อะไรหรอก”
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องแม่นมลู่ “นี่ไม่เหมือนเื่ที่เ้าจะทำเลยนะ เอาล่ะ? อย่างอื่นข้าเองก็ไม่ถามเ้าแล้ว เ้ารีบบอกกับข้าเถิด ครอบครัวเหราเอ๋อร์อยู่ที่เหอซีเป็อย่างไรบ้าง? พวกเขาคุ้นชินกับอากาศของทางเหอซีหรือไม่?”
แม่นมลู่หัวเราะแล้วเอ่ย “ข้าก็รู้ว่าเ้าจะต้องถามเื่พวกนี้ เ้าวางใจเถิด ครอบครัวนั้นน่ะ ไปอยู่ที่ใดก็สามารถใช้ชีวิตได้ดี ต่างคุ้นชินกับอากาศทางนั้น ผ่านไปอีกไม่กี่เดือนเ้าก็จะได้เหลนตัวอ้วนออกมาแล้ว ถึงตอนนั้นเ้าจะงกไม่ได้นะ ของดีๆ เก็บเอาไว้ในคลังให้ฝุ่นเกาะสู้เอามาให้พวกเด็กๆ จะดีกว่า”
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะแล้วเอ่ย “เื่นี้ยังต้องให้เ้าพูดอีกหรือ ตอนได้รับจดหมายข้าก็เตรียมของเอาไว้แล้ว เ้ากลับไปครั้งนี้ก็เอากลับไปด้วย รอพวกเขากลับมาแล้ว ข้าก็จะให้ของขวัญยามเจอหน้าอีกรอบ”
แม่นมลู่เอ่ย “แม่นางน้อยก็หน้าตาดี นิสัยก็ดี ที่สำคัญที่สุดยังเรียนรู้ไว ตอนนี้เรียนกฎระเบียบ การดูแลเรือนกับข้าอยู่ นี่ก็ล้วนเป็หลานสะใภ้คนดีของเ้านี่แหละ ตัวเองไม่ยอมทำก็เลยคาดหวังให้ข้าเอาลูกสะใภ้ของนางมาสั่งสอน ต่อไปก็คาดหวังจะให้ลูกสะใภ้มาดูแลเรือน”
ฮูหยินผู้เฒ่าพูดอย่างไม่ใส่ใจ “จ้าวฉือสนใจแต่วิชาการแพทย์ เื่นี้ข้าเองก็รู้”
แม่นมลู่เอ่ย “ฮูหยินสามยังทำยามาให้เ้าด้วย กินอย่างไร มีผลอย่างไรเขียนเอาไว้บนขวดแล้ว อีกเดี๋ยวก็ให้แม่นมเสิ่นเอาไปวางไว้ก็พอแล้ว นางยังพูดว่า ยาพวกนี้เป็ยาที่เ้ากินบ่อยๆ ดีกับร่างกายของเ้า คาดว่ายาที่เ้ามีคงกินไปได้พอสมควรแล้ว นางจึงทำแล้วให้ข้าเอามาให้เ้าด้วย”
เส้นเืของฮูหยินผู้เฒ่าไม่ค่อยดีจำเป็ต้องกินยาปรับสมดุล ก่อนที่จางจ้าวฉือจะไปก็เคยตรวจร่างกายให้นางแล้วทิ้งยาที่ทำเอาไว้ให้ ต่อมาก็ทำยาที่เหอซีแล้วฝากคนเอากลับมาให้นาง ฮูหยินผู้เฒ่าสามารถรู้สึกได้ว่า หลังจากกินยาที่จางจ้าวฉือทำให้ร่างกายก็ดีขึ้นมาก เดิมทีความรู้สึกขึ้นๆ ลงๆ หงุดหงิดอัดอั้นอยู่นาน ตอนนี้กลับไม่มีความรู้สึกนั้นแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเหอะๆ “มีหลานสะใภ้เก่งกาจวิชาแพทย์เป็เื่ที่ดี ร่างกายของข้าน่ะดีกว่าหลายปีก่อนมากเลยเชียวนะ เดิมทีข้าคิดว่าอายุมากแล้ว อยู่ไม่กี่ปีตายไปก็ช่างมันเถิด ตอนนี้ข้าไม่คิดเช่นนั้นแล้ว ข้าจะต้องใช้ชีวิตให้ดี มองดูเหลนของข้าเกิดมา แล้วก็มองพวกเขาแต่งงาน แล้วก็เสี่ยวจิ่วของพวกเรา ข้ายังต้องช่วยนางหาครอบครัวสามีดีๆ ให้”
แม่นมลู่หัวเราะเหอะๆ “เ้าคิดเช่นนี้ก็ถูกต้องแล้ว ก่อนจะมาข้าได้เอาเื่จวนหย่งอี้โหวเล่าให้ฮูหยินสามฟัง นางอยากจะได้สาวใช้ของเ้ามาสักสองสามคนน่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “ข้าได้รับจดหมายของตี้เกอแล้ว ตี้เกอของพวกเราเก่งนะ เพิ่งจะอายุไม่กี่สิบปีก็สามารถหาบ้านสวนขนาดใหญ่ให้กับมารดาตนเองได้แล้ว”
แม่นมลู่หัวเราะแล้วเอ่ย “แน่นอน ตี้เกอของพวกเรามีความสามารถจริงๆ ทำอะไรก็ลงมือทำด้วยตัวเอง เกี่ยวข้าวสาลีก็ไปเกี่ยวด้วย เก็บผักก็ลงไปทำด้วย คนเห็นแล้วก็รู้สึกทั้งดีใจทั้งรู้สึกเอ็นดู”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินแล้วก็รู้สึกเหมือนได้รับการปลอบประโลม ทั้งยังรู้สึกเสียใจ “ฟังแล้วก็เหมือนกับเหล่าโหวเย่ในตอนนั้น เหล่าโหวเย่เองก็ทำอะไรด้วยตนเอง ตอนที่โหวเย่เด็กๆ ก็ถูกย่าของเขาเลี้ยง ถูกตามใจจนเคยตัว”
ตอนนั้นฮูหยินผู้เฒ่าคลอดบุตรชายคนโต แม่สามีของนางก็ไม่รอให้เด็กอายุครบหนึ่งเดือนเต็มก็อุ้มเด็กไปเลี้ยงในเรือนของตัวเอง ฮูหยินผู้เฒ่าอยากจะเอาลูกกลับมา แม่สามีของนางก็ไม่ให้ อยากจะเลี้ยงหลายชายคนโตด้วยตนเอง ต่อมาแม่สามีป่วย นางถึงได้เอาลูกกลับมาเลี้ยงด้วยตนเอง เพียงแต่น่าเสียดายที่อายุเด็กก็ห้าหกปีแล้ว นิสัยได้ถูกกำหนดไว้แล้ว การจะเปลี่ยนนิสัยนั้นไม่ง่ายเลย
แน่นอนว่าแม่นมลู่เองก็รู้เื่นี้ เห็นฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อยจึงเอ่ยขึ้นว่า “โหวเย่ก็ทำได้ดีมิใช่หรือ กตัญญูต่อเ้า ข้าเห็นแล้วก็ดีใจ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “พวกเราได้เจอกันนั้นไม่ง่าย ข้ามาพูดเื่นี้กับเ้าทำไมกันน่ะ เ้าว่าครรภ์ของจ้าวฉือเป็อย่างไรบ้าง? ปีนี้นางอายุสามสิบกว่าแล้ว มีลูกอีกจะไม่เป็อะไรใช่หรือไม่?”
แม่นมลู่ตอบ “ครรภ์ดีมาก เด็กเองก็ร่าเริง ขยับตัวตลอดเวลา จ้าวฉือกินเก่งนอนเก่ง ข้าเห็นว่าดีพอสมควรเลย เ้าน่ะอย่าได้กังวลเื่พวกนี้เลย ตั้งใจรักษาตัว ต่อไปครอบครัวนี้กลับมาแล้วเ้าจะต้องปกป้องพวกเขาให้ดี”
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะแล้วเอ่ย “ใช่สิ ข้าเองก็คิดเช่นนั้น เวลาก็เย็นแล้ว เ้าไปอาบน้ำก่อนเถิด ตอนค่ำๆ มากินข้าวกัน ข้าต้อนรับเ้าเอง”
แม่นมเสิ่นพาไปยังห้องหนึ่งที่เรือนหลัง ห้องนี้เป็ห้องที่ใช้อาบน้ำโดยเฉพาะ น้ำอาบก็อุ่นกำลังดีแล้ว แม่นมลู่ที่รีบเดินทางมามีหรือจะได้อาบน้ำดีๆ อีกทั้งนางยังเป็คนที่รักความสะอาด จึงไม่สนใจอย่างอื่นแล้วลงไปแช่ในน้ำอุ่น ก่อนจะเริ่มขัดตัวแรงๆ ถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
แม่นมเสิ่นช่วยแม่นมลู่หวีผม ก่อนที่แม่นมลู่จะถาม “เมื่อครู่ข้าไม่กล้าถามเกี่ยวกับอนุจู้มารดาของคุณชายสาม ตอนนี้นางยังอยู่ในห้องพระทั้งวันอยู่หรือ?”
แม่นมเสิ่นตอบ “ใช่เ้าค่ะ ยังเหมือนแต่ก่อน อนุจู้ผู้นี้ ตอนนั้นก็เป็คุณหนูใหญ่ของสกุลจู้ ถึงแม้สกุลจู้จะถูกฆ่าล้างสกุลไปแล้ว แต่อย่างไรก็เป็เพราะโหวเย่นางถึงได้ละออกจากทางโลกเ้าค่ะ”
แม่นมลู่เอ่ย “พี่เสิ่น เ้าไม่คิดว่าอนุจู้ผู้นี้แปลกมากหรือ? นางเป็มารดาของคุณชายสาม เหตุใดถึงได้ไม่สนใจลูกของตนเองเลย? ในจวนนี้ คุณชายสามก็คือความหวังของนางนะ?”
แม่นมเสิ่นเอ่ย “นางก็เป็เช่นนี้ตลอดเ้าค่ะ ั้แ่คุณชายสามยังเด็กๆ ก็เป็เช่นนี้ ตอนคุณชายสามยังเล็กนางก็ไม่สนใจ ข้าจำได้ว่าคุณชายสามอายุได้ไม่กี่ขวบ ตัวร้อนก็ไม่มีคนสนใจ เป็ฮูหยินผู้เฒ่าที่ทนมองต่อไปไม่ได้ จึงรับมาเลี้ยงดูที่นี่สองปี หลังจากเลี้ยงมาได้ถึงอายุเจ็ดปีจนสามารถออกไปอาศัยด้วยตนเองได้แล้วถึงได้ปล่อยมือเ้าค่ะ คนในจวนก็มีคนพูดว่าอนุจู้ใจร้าย มีทั้งพูดว่าอนุจู้ไม่คบหากับคุณชายสามก็เพื่อคุณชาย จะพูดอะไรก็มีหมดเ้าค่ะ”
แม่นมลู่ยังสงสัยอยู่เล็กน้อย “พูดกันตามหลักเหตุผลแล้วแม่คนหนึ่งไม่ควรจะปฏิบัติกับลูกของตนเองเช่นนี้ ลูกนั้นเป็เืเนื้อที่ออกมาจากตัวของเรานะ”
แม่นมเสิ่นตอบ “หลายปีมากแล้ว คนในจวนต่างคุ้นชินไปเสียแล้วเ้าค่ะ”
แม่นมลู่กดความสงสัยในใจของตนเองลงไป หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วก็ไปที่ห้องของฮูหยินผู้เฒ่า ในเรือนของหญิงชรามีโรงครัวเล็ก ปกติแล้วต่างทำอาหารอยู่ในโรงครัวเล็ก ตอนนี้ทำอาหารที่แม่นมลู่ชอบกินอยู่เต็มโต๊ะ ทั้งยังไปขุดเอาไหเหล้าที่ฝังเอาไว้ในเรือนออกมาจริงๆ
แม่นมลู่โค้งตัวให้ฮูหยินผู้เฒ่าไปหนึ่งครั้ง ก่อนจะเอ่ย “ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าเ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “รีบนั่งลงเถิด เป็ของที่เ้าชอบกินทั้งนั้น เหอซีทางนั้นก็อยู่ไกล อยากจะส่งอะไรไปให้เ้าก็ไม่ง่าย กว่าเ้าจะกลับมาสักครั้ง ก็เลยทำของที่เ้าชอบทั้งหมด กินให้พอก่อนค่อยว่ากัน”
แม่นมลู่หัวเราะแล้วเอ่ย “ได้ เช่นนั้นข้ากินก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว โหวเย่ก็มาทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่า หลังจากเจอแม่นมลู่ก็สอบถามสถานการณ์ของเหอซีในตอนนี้อย่างละเอียด ในใจก็เริ่มคิดว่าจะส่งอะไรไปทางเหอซีดี หลังจากนั่งอยู่ได้ครู่หนึ่งก็กล่าวลากลับไปยังห้องตำราของตนเอง
หลังจากปีก่อนที่มีเื่กับฮูหยินตนเอง โหวเย่ก็ไปพักอยู่ในห้องตำราของตนเองอยู่ตลอด วันนี้พวกการกระทำของบุตรชายที่ถึงวัยสวมกวานยิ่งไม่ปกปิดมากขึ้น จวนโหวทั้งหลายในเมืองหลวงนั้นต่างเป็คู่แข่งของพวกเขา ยิ่งในเวลานี้ ยิ่งจะต้องรักษาความนิ่งสงบเอาไว้ หากไม่ทันระวังขึ้นมาทั้งครอบครัวก็จะล้มลงจนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก
ในห้องตำราได้มีผู้ช่วยทั้งสองคนมารออยู่ก่อนแล้ว เพื่อหลังจากที่โหวเย่ไปหาฮูหยินผู้เฒ่าแล้วก็กลับมาปรึกษากันเื่สถานการณ์ที่เมืองเหอซี จากสถานการณ์ในตอนนี้ค่อยเอามาวิเคราะห์สถานการณ์ในราชสำนัก
โหวเย่เรียกให้ผู้ช่วยทั้งสองคนนั่งลง แล้วเล่าเื่ที่ฟังมาจากแม่นมลู่ให้ฟัง ก่อนจะกล่าว “เื่ก็เป็เช่นนี้ แม่นมลู่บอกว่าด่านเยี่ยนเหมินกับเขตเหอซีด้านนอกนั้นผ่อนคลาย ภายในป้องกันเข้มงวด ในเมืองนั้นได้เตรียมการป้องกันเอาไว้หลายอย่าง ครั้งที่แล้วตอนที่เหราเอ๋อร์ส่งจดหมายมาได้พูดกับข้าอย่างละเอียดเื่ทำการป้องกันที่เหอซี ข้าคิดว่า่นี้คงจะใกล้าใหญ่แล้ว”
ผู้ช่วยคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ถ้าหากเป็เช่นนี้ เช่นนั้นฝ่ายเสนาบดีกรมคลังกับฝ่ายทหารจะต้องยุ่งขึ้นมาแล้ว โหวเย่ ข้าคิดว่าพวกเราจะต้องให้ตำแหน่งซื่อจื่อในสองกรมนี้ดีหรือไม่ขอรับ?”
หย่งหนิงโหวเย่ส่ายหน้าแล้วเอ่ย “ในเวลานี้ทำมากก็ผิดมาก พวกเราทำตามฮ่องเต้ไปก่อน ร่างกายของฮ่องเต้ยังทรงแข็งแรง ถึงแม้องค์ชายหลายองค์จะก่อเื่หนักมาก แต่อย่างไรใต้หล้านี้ก็ยังเป็ของฮ่องเต้ องค์ชายหลายพระองค์เ่าั้ก็ต้องเป็ข้าราชบริพารของฮ่องเต้ก่อน จากนั้นถึงจะเป็โอรสของฮ่องเต้ ถึงแม้ผลงานจะดี แต่ว่านั่นเป็การเอาชีวิตของประชาชนเข้าไปพัวพัน ตอนนี้พวกเราไม่จำเป็จะต้องทำเื่ที่เสี่ยงเช่นนั้น อย่างไรตอนนี้ที่เหอซีของพวกเรายังมีคุณชายสามอยู่”
หย่งหนิงโหวเย่ส่ายหน้าแล้วพูด “ประวัติศาสตร์ของาที่ชายแดนนั้นไม่ใช่เื่เล็ก ในเมื่องตอนนี้ที่ด่านเยี่ยนเหมินต่างเตรียมรับมือกับา ข้าตัดสินว่าจะส่งของไปหนึ่งชุดใหญ่ เสื้อผ้าป้องกันความหนาว แล้วก็อาหารแห้ง นี่ล้วนเป็ของที่ต้องเตรียมเอาไว้หลังา ไม่ต้องเอาเงินกองกลางในจวนโหว เอาเงินจากบัญชีส่วนตัวของข้า หากไม่พอก็เอากำไรจากร้านค้าพวกนั้นของข้ามาใช้ก่อน ครั้งนี้ข้าจะต้องเป็เกราะหลังให้กับเหราเอ๋อร์ ช่วยเขาปกป้องเหอซี”
เื่ที่แม่นมลู่กลับมาแล้วภายในบ่ายวันนั้นทุกคนในจวนก็ต่างรับรู้เื่นี้แล้ว ตอนแรกที่แม่นมลู่ติดตามสวี่เหราไปที่เหอซี คนในจวนก็รู้ ต่อไปการเลี้ยงดูแลแม่นมลู่ยามแก่ก็เป็เื่ของครอบครัวสวี่เหรา ตอนนี้แม่นมลู่กลับมาเองแบบนี้คนในจวนก็อดคิดเป็อื่นไม่ได้
ยังไม่ทันได้ทานข้าวเย็น โหวฮูหยินก็ลากแม่นมอู่มาสอบถาม “เ้าว่า แม่นมลู่กลับมาทำอะไร? คงไม่ได้กลับมาขอเงินขอสิ่งของกับฮูหยินผู้เฒ่าและโหวเย่ใช่หรือไม่? ได้ยินมาว่าครอบครัวสามตั้งครรภ์อีกแล้ว โหวเย่ของพวกเราก็จะเป็ปู่อีกแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็จะเป็ทวดอีกแล้ว พอคิดเช่นนี้สองสามีภรรยาของเหล่าสามก็หน้าไม่อายมากจริงๆ”
ได้ยินดังนั้นแม่นมอู่ในใจก็ขมขื่น รู้สึกว่าคุณหนูของตัวเองตอนนี้คิดเื่อะไรก็ยิ่งเลยเถิดไปไกล ตอนนี้จวนโหวหลายครอบครัวในเมืองหลวง จวนโหวบางจวนก็เหลือแค่ชื่อ มีหรือจะเหมือนกับโหวเย่ของตนเอง ถึงแม้จะไม่ต้องไปว่าราชกิจเช้าที่ท้องพระโรงทุกวัน แต่สามารถไปว่าราชการในวันชิวอิกจับโหงว [1] ฤดูหนาวปีที่แล้วยังถูกฮ่องเต้ประทานรางวัลให้ ครอบครัวไหนจะมีเกียรติได้เช่นนี้ หากเป็นายหญิงเรือนอื่น ป่านนี้ก็คงจะอาศัยเื่นี้ไปผูกสัมพันธ์กับครอบครัวอื่นไปนานแล้ว
แต่โหวฮูหยินไม่ใช่เช่นนั้น วันๆ เอาแต่จมอยู่ในทิฐิความโกรธ อายุห้าสิบกว่าปีแล้วก็ยังคิดไม่ได้ หัวใจของบุรุษมีหรือจะมีให้กับสตรีเพียงคนเดียว าในการแต่งงาน ผู้ใดทุ่มเทความจริงใจลงไปมากคนนั้นก็ย่อมพ่ายแพ้ รอบกายของโหวเย่ยังมีอนุอยู่อีกหลายคน ต่างเป็อนุที่เชื่อฟัง ตอนนี้ขอแค่ฮูหยินมีความสุขกับตำแหน่งโหวฮูหยินที่มอบเกียรติยศให้กับนางก็พอแล้ว เหตุใดวันๆ ยังคิดเื่หยุมหยิมเช่นนี้อยู่? พอตั้งใจคิดขึ้นมาแล้ว คุณหนูของตนเองนั้นไม่มีคุณสมบัติอะไรเลยจริงๆ
แม่นมอู่พูดกล่อม “ฮูหยินเ้าคะ ดูท่านพูดสิ ในจวนนี้ก็เป็ฮูหยินผู้เฒ่า โหวเย่แล้วก็ท่านที่ออกหน้าตัดสินใจได้ไม่ใช่หรือเ้าคะ? ท่านเป็นายหญิงในเรือนนี้ โหวเย่กับฮูหยินผู้เฒ่าจะส่งของไปที่เหอซีอีก ยังสามารถข้ามหน้าข้ามตาท่านไปได้อีกหรือ? อีกอย่างคุณชายสามก็เป็เพียงแค่บุตรอนุในจวน เขาจะมากความสามารถเพียงใด ก็ยังสามารถข้ามหน้าซื่อจื่อของพวกเราไปได้หรือเ้าคะ? ในจวนนี้น่ะ ต่อไปจะเป็ของซื่อจื่อของพวกเรานะเ้าคะ”
อู่ซื่อฟังแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างได้ใจ “แน่นอน ต่อให้คุณชายสามจะมีความสามารถเพียงใด น่าเสียดายที่เกิดมาในท้องไม่ดี ไปเกิดในท้องของจู้ซื่อคนชั้นต่ำคนนั้น เขาจะมีความสามารถแค่ไหนก็เป็เด็กที่ออกมาจากท้องคนชั้นต่ำ”
แม่นมอู่ฟังแล้วก็ถอนหายใจในใจ นี่เป็เื่ที่หย่งหนิงโหวฮูหยินคิดมาตลอดสามสิบกว่าปี ตอนนั้นจู้ซื่อเป็คุณหนูชนชั้นสูงที่มีเกียรติที่สุดในเมืองหลวง ส่วนอู่ซื่อหรือ ก็เป็เพียงบุตรสาวคนเล็กที่ค่อนข้างได้รับความรักและการตามใจในจวนป๋อคนหนึ่ง มีอยู่ครั้งหนึ่งอู่ซื่อเคยแต่งกลอนที่เหมาะสมออกมาไม่ได้จึงถูกจู้ซื่อหัวเราะเยาะเอา จากนั้นอู่ซื่อก็โกรธจนถึงตอนนี้
แต่ที่โหวฮูหยินยิ่งเกลียดมากขึ้นก็คือหลังจากที่สกุลจู้ถูกปะา สตรีถูกนำไปขาย หย่งหนิงโหวเย่คนที่ให้สัญญารักกับตนเองกลับไปซื้อตัวจู้ซื่อกลับมาเป็อนุภายในจวน ทั้งยังให้จู้ซื่อคลอดลูกออกมา เื่นี้อู่ซื่อไม่อนุญาต ทั้งๆ ที่เป็คนที่ถูกหยิบลงดินไปแล้ว แต่กลับใช้ความสามารถในการพูดทำให้ได้มาอยู่ในเรือนของตน อู่ซื่ออยากจะให้หย่งหนิงโหวเย่ส่งนางไปอยู่ที่บ้านสวน แต่หย่งหนิงโหวเย่ไม่ยอมมาตลอด จู้ซื่อจึงเป็จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งของสองสามีภรรยาของจวนหย่งหนิงโหว
เชิงอรรถ
[1] วันชิวอิกจับโหงว (初一十五 Chū yī shí wǔ) ชิวอิก (初一 Chū yī) และ จับโหงว (十五 Shíwǔ) หมายถึงวันที่ 1 (1 ค่ำ) และวันที่ 15 (15 ค่ำ) ของเดือนตามปฏิทินจันทรคติ การอ่านว่าชิวอิกและจับโหงวเป็สำเนียงการออกเสียงแบบแต้จิ๋ว วันดังกล่าวนี้เป็วันที่พุทธศาสนิกชนชาวจีนยึดถือเอาเป็วันพระจีน ในแต่ละเดือนจะมีอยู่ประมาณ 2 ครั้ง