เล่มที่ 10 บทที่ 280 ปิดล้อม
ทว่าพริบตาถัดมาทุกอย่างก็กลับตาลปัตรไปหมด ราวกับว่ากลางวันได้แปรเปลี่ยนเป็กลางคืน เพราะหลังจากดวงตะวันอันร้อนแรงได้จมหายเข้าไปในโลงศพหินนั่น อุณหภูมิรอบด้านก็ลดต่ำลงฉับพลัน จากนั้นก็มีกระแสไอเย็นเสียดกระดูกแพร่กระจายออกมาแทน
เมื่อกวาดตามองไปรอบๆก็ไม่เห็นสีเขียวจากพืชพันธุ์อีกต่อไป เพราะต้นไม้ใบหญ้าทั่วทั้งหุบเขาได้ถูกเผาทำลายจนวอดวายไปหมด บัดนี้ทุกสิ่งอย่างที่อยู่เบื้องหน้าจึงเหลือเพียงเศษหินและเม็ดดินกระดำกระด่างเท่านั้น ดูอ้างว้างและวังเวงไม่น้อยเลย ไม่มีพลังแห่งชีวิตหลงเหลือเลยแม้แต่น้อย
หลินเฟยลองสูดลมหายใจดอมดม แต่ก็ไม่รู้สึกถึงกลิ่นเผาไหม้ที่ควรจะเกิดขึ้นเลยสักนิด แถมบนยอดเขาก็ไม่มีร่องรอยของการถูกเปลวไฟเผาไหม้ด้วยซ้ำ
ถือว่าแปลกประหลาดมากทีเดียว...
หลังจากทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ หลินเฟยก็มุ่งหน้าขึ้นไปยังูเาต่อ แต่ขณะที่ใกล้จะถึงยอดเขาแล้วนั้น จู่ๆก็มีเสียงคำรามดังกึกก้องขึ้น...
“โฮก...”
ท่ามกลางเสียงคำรามนั้น ยังแฝงไปด้วยเสียงครวญครางน่าเวทนาอีกด้วย ไม่นานก็มีกลิ่นคาวเืลอยคละคลุ้งออกมา...
“ให้ตายเถอะ เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย?” หลังจากทะลุผ่านแนวป่ามาแล้ว หลินเฟยก็ชะงักลงทันที เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า...
เพราะทั่วทั้งรัศมีสิบลี้ถูกชุบไปด้วยสีเืจนแดงฉาน ซากปีศาจก็กระจัดกระจายไปทั่วดูน่าสยดสยองเหลือเกิน มีเพียงสัตว์ปีศาจที่คล้ายสิงโตตัวใหญ่นับสิบจ้าง ที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางซากปีศาจมากมายเท่านั้น...
ทั่วทั้งลำตัวของมันเป็สีแดงเพลิง ส่วนกรงเล็บทั้งสี่และลำคอก็มีเปลวไฟลุกโชน อีกทั้งยังมีสะเก็ดเปลวไฟสาดกระจายออกมาเป็ระยะอีกด้วย...
‘นี่มันปีศาจขั้นเยาหวัง!’
และเวลานี้เอง ภายในปากของปีศาจเยาหวังก็กำลังขบเคี้ยวซากปีศาจตนหนึ่งอยู่ด้วย ทว่าเพียงครู่เดียวมันก็กลืนลงไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงกรงเล็บปีศาจสองข้างที่ถูกคายออกมา...
“นี่มัน...”
หลินเฟยถึงกับหน้าถอดสีทันที...
เพราะซากปีศาจที่อยู่เบื้องหน้าทั้งหมดและปีศาจที่ถูกกลืนกินไปเมื่อครู่นี้ ล้วนเป็เผ่าพันธุ์เดียวกันกับปีศาจเยาหวัง!
‘เ้าปีศาจเยาหวังตนนี้กำลังกลืนกินพวกพ้องของมันอยู่!’
‘มันเสียสติไปแล้วหรือ?...’
และนี่ก็เป็สาเหตุที่ทำให้หลินเฟยประหลาดใจขึ้นมาไม่น้อย พริบตาถัดมาเ้าปีศาจเยาหวังก็เงยหน้าคำรามกึกก้อง พลางหันมามองหลินเฟยด้วยั์เนตรแดงก่ำ...
“แย่แล้ว...” หลินเฟยรู้ตัวทันทีว่าเ้าปีศาจเห็นตนเองแล้ว
ทว่าน่าเสียดายที่ช้าเกินไป...
เพราะไม่นานเ้าปีศาจเยาหวังก็คำรามด้วยเสียงทุ้มต่ำ พร้อมกับดีดตัวเข้ามาทันที จากนั้นพื้นดินก็ถล่มทลายลงนับสิบจ้าง เมื่อสิ้นเสียงถล่มอันดังกระหึ่ม ร่างของปีศาจเยาหวังก็กลายสภาพเป็เงาสายหนึ่ง พุ่งทะยานเข้ามาทันที
ขณะที่กรงเล็บปีศาจกำลังจ้วงเข้ามานั้น เปลวไฟที่รายล้อมก็ทวีความร้อนแรงยิ่งขึ้นไปอีก สุดท้ายเมื่อความร้อนพุ่งจนถึงขีดสุด ก็ะเิออกมา ทำให้เศษหินแตกกระจายจนเกิดฝุ่นฟุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ
หลินเฟยพยายามถอยร่นออกมาเรื่อยๆ ขณะที่มือก็บงการปราณกระบี่เหล่ยยวี่ให้กลายเป็สายฟ้าเจิดจ้าพุ่งไปทางปีศาจเยาหวังไม่หยุด แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าปีศาจเยาหวังจะไม่เกรงกลัวเช่นนี้ นอกจากจะไม่หลบหนีแล้ว มันยังเอาแต่พุ่งเข้ามาอีกต่างหาก กรงเล็บปีศาจก็พลันกางออก หมายจะจ้วงเข้ามาที่หลินเฟยให้ได้...
“บ้าจริง...” หลินเฟยถึงกับสบถออกมา ‘เ้าปีศาจตนนี้เป็บ้าไปแล้วหรือไง?...’
‘โกรธแค้นอะไรมา?’
‘ถึงจ้องเอาชีวิตกันเช่นนี้’
ทว่าวิถีการบุกเข้ามาโดยไม่สนใจสายฟ้ารุนแรงเช่นนี้ ต่อให้ไม่ตาย ยังไงก็ต้องเจ็บหนักอยู่ดี...
ทว่าเ้าปีศาจเยาหวังกลับก็ไม่กลัวความตายจริงๆ...
สิ้นเสียงะเิดังสนั่น พื้นดินก็พลันสั่นไหวรุนแรง ภายใต้พลังโจมตีของปีศาจเยาหวัง ทำให้พื้นดินในบริเวณใกล้เคียงหลายลี้เกิดการเปลี่ยนแปลง บางพื้นที่ก็เกิดเป็เนินเขาขนาดย่อมขึ้นมา และที่บริเวณใกล้เคียงกันนั้นก็มีหลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาอีกด้วย…
บัดนี้ปีศาจเยาหวังกำลังยืนอยู่บริเวณเนินเขาขนาดย่อม ตามลำตัวก็เต็มไปด้วยรอยไหม้ที่เกิดจากสายฟ้ารุนแรง แทบจะเรียกได้ว่าถลอกปอกเปิกไปทั้งตัวเลยทีเดียว แต่ว่าปีศาจเยาหวังกลับดูไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย มันเอาแต่จดจ้องหลินเฟยตาเขม็ง ก่อนจะคำรามเสียงกึกก้องและพุ่งตัวเข้ามาทันที…
“บ้าไปแล้วแน่ๆ…” หลินเฟยพยายามต้านทานอย่างสุดกำลังพร้อมกับถอยร่นไปด้วย บัดนี้เขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าเ้าปีศาจตนนี้เสียสติไปแล้วจริงๆ…
หลังจากบำเพ็ญเป็ขั้นเยาหวังแล้ว ย่อมเกิดปัญญาและฝีมือที่ไม่ธรรมดา แทบจะไม่ด้อยไปกว่าผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะสติปัญญาและการควบคุมแล้ว ล้วนดีกว่าผู้บำเพ็ญทั่วไปอยู่มาก…
ทว่าปีศาจเยาหวังที่น่าจะเกิดจากสิงโตไฟตนนี้ กลับไม่สามารถควบคุมเปลวไฟในตัวได้เลย มันทำได้เพียงปล่อยให้เปลวไฟลุกโชนไปทั่วร่าง อีกทั้งตอนที่เผชิญหน้ากับสายฟ้า มันก็ไม่รู้จักหลบหลีกด้วยซ้ำ เอาแต่พุ่งชนเข้ามาดื้อๆ ปล่อยให้สายฟ้าจำนวนฟาดฟันลงมา เหมือนว่านอกจากเื่เข่นฆ่าแล้ว มันก็ไม่รู้จักอย่างอื่นอีกเลย…
เหมือนกับสัตว์ป่าที่คลุ้มคลั่งอย่างไรอย่างนั้น…
บัดนี้หลินเฟยหน้าดำคล้ำลงมาก…
‘บ้าเอ๊ย งานเข้าแล้วเรา…’
เพราะปีศาจเยาหวังตนนี้ไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆทั้งสิ้น…
หากพูดถึงตบะพลังแล้วละก็ ปีศาจตนนี้ถือว่าร้ายกาจกว่าเว่ยจงซูเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เพราะว่ามันกำลังคลุ้มคลั่ง แถมยังไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น หลินเฟยเองจึงรู้สึกหมดปัญญา ไม่รู้จะรับมืออย่างไร…
และที่น่าห่วงกว่านั้นก็คือ…
บัดนี้กำลังมีขุมพลังอันแข็งแกร่งสองขุมกำลังพุ่งมาด้วยความเร็ว…
เมื่อกวาดตามองไปก็พบว่าบริเวณทิศตะวันออกและทางใต้กำลังมีไอปีศาจพวยพุ่งรวมตัวกันจนเป็หมอกควัน ซึ่งกำลังลอยมาทางนี้ด้วยความเร็ว เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น ก็มองเห็นปีศาจเยาหวังสองตนที่มีรูปลักษณ์น่าสยดสยอง แถมยังมีดวงตาแดงก่ำ กำลังพุ่งทะยานมาด้วยความรวดเร็วสูง กระทั่งดินทรายฟุ้งกระจายไปทั่วคล้ายพายุโหมกระหน่ำ…
และนี่ก็คงเป็ปีศาจเยาหวังที่คลุ้มคลั่งอีกสองตน…
“ให้ตายเถอะ…” หลินเฟยถึงกับปากกระตุกทันที ‘นี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว แค่ปีศาจเยาหวังตนเดียวก็แทบจะเอาตัวไม่รอด บัดนี้มาถึงสาม…’
‘หากถูกปิดล้อมเข้าละก็ คงไม่อาจหนีไปไหนได้เลย…’
‘คราวนี้ชักจะยุ่งยากเกินไปแล้ว…’
และแล้วก็เป็อย่างที่คิด เพราะชั่วขณะที่หลินเฟยกำลังลอบบ่นในใจนั้น ปีศาจเยาหวังที่พุ่งมาจากทางตะวันออกก็ะโลงมาจากฟ้าทันที จากนั้นก็เกิดเสียงอัดกระแทกดังสนั่น พอกวาดตามองไปก็พบว่าเป็ปีศาจขนาดั์ สูงนับสิบจ้าง มีลำตัวเป็คน มีหัวเป็งู และมีเกล็ดปกคลุมทั่วตัว ส่วนแววตาก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและกระหายเืราวกับสัตว์ป่า…
“โฮก!”
เมื่อสิ้นเสียงคำรามดังสนั่น ปีศาจครึ่งอสรพิษครึ่งคนก็แลบลิ้นแดงคล้ายงูออกมา ลำตัวที่ใหญ่ยาวราวกับแส้ขนาดั์ก็เคลื่อนที่ได้นับร้อยจ้างภายในพริบตาเดียว ทว่าเ้าปีศาจสิงโตไฟก็ไม่ยอมน้อยหน้า มันคำรามเสียงดังออกมาเช่นกัน จากนั้นเปลวไฟที่รายล้อมอยู่ก็ลุกโชติ่ขึ้น ก่อนจะพุ่งทะยานตามมาติดๆ…
‘ตายแน่คราวนี้…’
หากปีศาจเยาหวังสองตนร่วมมือกันเช่นนี้ละก็ ต่อให้เป็หลินเฟยก็ทำได้เพียงถอยร่นเท่านั้น จากนั้นฟ้าดินก็อับแสงลง ทุกอย่างรอบด้านปั่นป่วนไปหมด เมื่อมองไปก็เห็นแต่ลมพายุกระโชกแรงเท่านั้น สายลมโหมกระหน่ำพัดทำลายทุกสิ่งอย่างจนเศษดินทรายฟุ้งกระจายไปทั่ว เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น รอบด้านก็พังทลายจนไม่เหลือชิ้นดีเสียแล้ว…
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของปีศาจเยาหวังทั้งสองตนแล้ว หลินเฟยจึงจำต้องตกเป็รองทันที เพราะมีขั้นบำเพ็ญเพียงมิ่งหุนเคราะห์สามเท่านั้น แค่รับมือกับปีศาจเยาหวังที่คลุ้มคลั่งตนเดียวก็ว่ายากแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีถึงสอง สถานการณ์ตอนนี้จึงถือว่าเลวร้ายอย่างหนัก เวลาสั้นๆเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น เขาก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอดไปหลายครั้งแล้ว…
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------