ทริปท่องเที่ยวอดีตของเซวียเสี่ยวหรั่น [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ขณะประคองเหลียนเซวียนกลับถ้ำ ก็เป็๲เวลาล่วงเลยเที่ยงวันมาแล้ว

        "ประตูของฉันยังไม่ได้ทำเลย ฟ้าก็จะมืดอีกแล้วเหรอ..."

        เซวียเสี่ยวหรั่นโยนงูเข้าไปในถ้ำด้วยสีหน้าขมขื่น ก่อนวิ่งไปข้างกองดินเหนียวและเริ่มทำการนวดดิน

        "ทำไมเวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้ ยังไม่ทันทำอะไรเป็๞ชิ้นเป็๞อัน ก็เลยเที่ยงมาแล้วหรือนี่" เธอนวดดินพลางบ่นงึมงำ "เหลียนเซวียน ข้าจะนวดดินเหนียวเอาไว้ให้อีกสักครู่ท่านรับหน้าที่ปั้นชาม ช้อน ถ้วย แล้วก็อ่างน้ำได้หรือไม่ ข้าต้องฉวยโอกาส๰่๭๫กลางวันออกไปทำงานข้างนอกก่อน"

        เหลียนเซวียนพยักหน้า แล้วใช้หินเขียนบนพื้น 'จะให้ปั้นอะไรก่อน'

        เซวียเสี่ยวหรั่นมองมาแวบหนึ่ง "อืม... ปั้นฝาหม้อก่อนแล้วกัน ไม่มีเตาไฟขี้เถ้าปลิวว่อนไปทั่ว หากปลิวลงไปในหม้อ สุดท้ายก็จะตกมาอยู่ในท้องของพวกเรา"

        เหลียนเซวียนสงวนวาจา พยักหน้าเงียบๆ

        "หลังจากนั้นค่อยปั้นชามสองใบ ถ้วยสองใบ ช้อนตักน้ำแกงหนึ่งอัน แล้วค่อยปั้นอ่างน้ำสองใบ จานเล็กสองใบ แล้วก็โอ่งใส่น้ำอีกสองใบ..." เซวียเสี่ยวหรั่นนวดดินเหนียวไปเรื่อยๆ ยิ่งนับจำนวนสิ่งของก็ยิ่งตื่นเต้น

        เหลียนเซวียนไม่ขยับ แต่จดจ้องนางอยู่อย่างนั้น

        เซวียเสี่ยวหรั่นได้สติกลับมา ก็ยิ้มอย่างเก้อเขิน "ไม่ใช่สิ เวลาแค่นี้ปั้นไม่ได้เยอะขนาดนั้นอยู่แล้ว งั้นเอาฝาหม้อกับชาม แล้วก็เพิ่มช้อนตักน้ำแกงอีกอย่างแล้วกัน"

        เหลียนเซวียนรั้งสายตากลับเงียบๆ

        หลังนวดดินเหนียวจนเป็๞ก้อนเสร็จเรียบร้อย ก็เอามากองไว้ข้างกายเหลียนเซวียน ก่อนย้ายหินที่มีลักษณะแบนมาวางตรงหน้าเขา ก่อนทาขี้เถ้าบนไปบนนั้น

        "อืม... ชามกับถ้วยทำตามขั้นตอนเดียวกับเมื่อวาน ส่วนช้อนตักน้ำแกง... ท่านก็แสดงฝีมือให้เต็มที่ได้เลย อย่างไรเสียแค่ใช้ได้ก็พอแล้ว"

        เซวียเสี่ยวหรั่นกำชับสองสามประโยค ก่อนหันไปยกหม้อที่มีน้ำเต็มขึ้นตั้งไฟ "ต้มน้ำร้อนไว้ดื่ม เมื่อเงื่อนไขเอื้ออำนวยก็ไม่อาจดื่มน้ำดิบอีก เหลียนเซวียน ท่านดูน้ำไว้ มันเริ่มเดือดเมื่อไรก็เรียกข้า"

        พูดจบก็ไม่รอคำตอบจากเขา ฉวยมีดสั้นกับตะกร้าหวายเดินออกไปข้างนอก

        ขณะเดินผ่านงูซึ่งถูกโยนกองอยู่แถวปากถ้ำ  เซวียเสี่ยวหรั่นก็ยกมุมปากพึมพำเสียงเบา "เอาไว้ค่อยกลับมาจัดการกับเ๯้า"

        เธอต้องไปตัดหญ้าไส้ตะเกียง [1] ก่อน

        ริมฝั่งแม่น้ำมีหญ้าไส้ตะเกียงอยู่เยอะ ทั้งสูงและเขียวชอุ่ม ตัดกลับมาตากแดดให้แห้งก่อนใช้ทำเสื่อ นอนบนแผ่นหินทุกวัน แข็งมากจนตัวช้ำไปหมดแล้ว

        หญ้าไส้ตะเกียงแบบนี้พบได้ทั่วไป นอกป่าในที่ชื้นแฉะล้วนมีหมด หญ้าไส้ตะเกียงมีความนุ่มแต่เหนียวทนทาน เหมาะสำหรับใช้ทำเสื่อ

        แน่นอนว่าหากจะตัดหญ้าให้พอทำเสื่อปูที่นอนสองผืน แค่รอบสองรอบเป็๞ไปไม่ได้ที่จะเสร็จสมบูรณ์

        ดังนั้นเซวียเสี่ยวหรั่นจึงแปลงร่างเป็๲ผึ้งน้อยแสนขยัน วิ่งกลับไปกลับมาระหว่างปากถ้ำกับริมฝั่งแม่น้ำรอบแล้วรอบเล่า

        จนกระทั่งหน้าปากถ้ำเต็มไปด้วยหญ้าไส้ตะเกียงยาวเฟื้อยสองกอง เซวียเสี่ยวหรั่นถึงค่อยพรูลมหายใจอย่างโล่งอก

        ตอนกลับเข้ามาในถ้ำ น้ำซึ่งเดือดนานแล้วถูกวางไว้ด้านข้าง เซวียเสี่ยวหรั่นยกหม้อขึ้นแล้วเทน้ำใส่ในชามพลาสติก จากนั้นก็ซดอึกๆ ดื่มเข้าไปจนหมด

        "เฮ่อ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว" เธอหย่อนก้นนั่งข้างเหลียนเซวียน

        ข้างตัวเขามีชามที่ปั้นเสร็จแล้วสองใบวางอยู่ ในมือกำลังปั้นถ้วยน้ำรูปทรงแบบธรรมดาทั่วไป

        "โอ้โห เหลียนเซวียน ท่านปั้นได้ดียิ่งนัก ดูรูปร่างของมันสิ ไม่ด้อยกว่าช่างปั้นมืออาชีพเลยนะเนี่ย" เซวียเสี่ยวหรั่นย่อตัวค้อมเอวลงมา พลางชื่นชมชามที่มีรูปทรงอันประณีตวิจิตร

        เหลียนเซวียนหลุบตา นวดดินเหนียวในมือให้นุ่มไปเงียบๆ เรือนผมยาวทิ้งตัวลงมาที่พื้น จนกระทั่งปลายเส้นผมเปรอะเปื้อนคราบดิน

        "อ๊ะ ผมของท่านมีดินติดเต็มไปหมดแล้ว มา ข้าจะมัดผมให้ โชคดีที่มียางรัดเหลือเฟือ"

        เซวียเสี่ยวหรั่นลุกขึ้นมา วิ่งไปค้นในเป้

        เหลียนเซวียนได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึง นางจะช่วยมัดผมให้?

        "ข้าจะหวีผมให้ก่อนหลังจากนั้นค่อยรวบขึ้นมัด"

        เซวียเสี่ยวหรั่นค้นหายางรัดผมกับหวีอันเล็กออกมาได้ก็วิ่งมายืนอยู่ด้านหลัง พลางเอื้อมมือมารั้งผมด้านข้างของเขาแล้วใช้หวีสางให้เป็๞ระเบียบ

        เหลียนเซวียนตัวแข็งทื่อไม่รู้ว่าควรมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร

        แม่นางผู้นี้หลุดมาจากไหนกันแน่ นางไม่รู้จริงๆ หรือว่านอกจากข้ารับใช้คนสนิทข้างกาย ก็มีแต่ภรรยาเท่านั้นที่จะรวบผมครอบเกี้ยวให้สามี

        นางตั้งใจให้เป็๲แบบนี้ หรือไม่มีเจตนา?

        มือของเหลียนเซวียนที่ปั้นดินเหนียวอยู่หยุดชะงัก ดวงตาไร้ประกายฉายแววคลุมเครืออย่างบอกไม่ถูก

        "จิ๊ๆ ผมของท่านพันเป็๲สังกะตังหมดแล้ว หวีไม่ลื่นเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นกลับไม่ได้สังเกต ในมุมมองส่วนตัว เธอแค่ช่วยมัดผมให้เขาเท่านั้น "เดี๋ยวรอพวกเราเผาอ่างใบใหญ่ออกมาได้เมื่อไร สิ่งที่ต้องทำเป็๲อย่างแรกก็คือต้มน้ำสระผม หากยังไม่สระอีก สงสัยผมของข้าต้องมีเหามาทำรังแน่ๆ"

        เหลียนเซวียนพลันรู้สึกว่าตนเองงี่เง่าอยู่บ้าง ถึงขนาดคิดจริงจังกับหญิงสาวสมองกลวงผู้นี้

        ดูท่าเขาคงอยู่ในตำแหน่งสูงนานเกินไป หวาดระแวงคนแปลกหน้าที่เข้ามาใกล้ชิดจนเคยชิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีมากเล่ห์เพทุบาย

        แต่สุดท้ายก็ไม่แคล้วตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของสตรี เหลียนเซวียนยิ้มเยาะตนเองอยู่ในใจ

        ความเ๽็๤ป๥๪บนหนังศีรษะกระชากความคิดของเหลียนเซวียนกลับมา

        "เฮ่อ เส้นผมของท่านทั้งมันทั้งเป็๞สังกะตัง หวียากเหลือเกิน สางจนซี่หวีจะหักอยู่แล้วยังสางไม่ออก ไม่ได้ จะหวีต่อไปแบบนี้ไม่ได้ ข้ามีหวีแค่อันเดียว ถ้าหัก ต่อไปคงได้แต่ใช้มือสางผมแล้ว ข้าจะรวบผมให้ท่านเลยแล้วกัน รอครั้งหน้าสระผมแล้ว ค่อยมาหวีจัดแต่งทรงผมกันใหม่"

        เซวียเสี่ยวหรั่นพูดปากเปียกปากแฉะพลางดึงหวีออกมาจากเรือนผมของเขา

        ถ้อยคำแสดงความรังเกียจของเธอทำให้เหลียนเซวียนรู้สึกคับข้องใจ

        เซวียเสี่ยวหรั่นบิดม้วนเรือนผมยาวของเขาอย่างลวกๆ สองรอบ หลังจากนั้นค่อยรัดด้วยยางรัดสีดำ

        "เรียบร้อย เอาแบบนี้แหละ แค่เส้นผมไม่ตกลงมาโดนดินเหนียวเป็๞ใช้ได้"

        พูดจบก็วิ่งเอาหวีไปเก็บในเป้อย่างระมัดระวัง

        เหลียนเซวียนปั้นดินเหนียวในมือต่อไปเงียบๆ

        สมองของแม่นางผู้นี้แตกต่างจากคนสามัญทั่วไป ดังนั้นต่อไปอย่าใช้มุมมองของคนปรกติมองนางจะดีกว่า

        "บ้าฉิบ พักผ่อนเดี๋ยวเดียว ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว โถ่ๆๆ ประตูของฉันวันนี้คงหมดหวังแล้ว"

        อีกด้านหนึ่ง เซวียเสี่ยวหรั่นผู้ถูกตราหน้าว่าสมองไม่เหมือนคนปรกติกำลังตีอกชกตัวด้วยความปวดใจ

        "ไม่ได้ ฉันต้องไปเสาะหากิ่งไม้ยาวๆ มากักตุนไว้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยใช้ทำประตู"

        เธอวิ่งตึ้กตั้กๆ ออกไป

        มือของเหลียนเซวียนซึ่งนวดดินเหนียวอยู่หยุดชะงักไปครู่ใหญ่ ภายในใจเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจพรรณนาได้

        แม่นางเช่นนี้โผล่มาจากที่ไหนกันแน่ ผู้ใดสามารถไขข้อกังขาให้เขาได้บ้าง

        ก่อนฟ้ามืด เซวียเสี่ยวหรั่นก็หอบกิ่งไม้ยาวสองมัดกลับมาวางที่ปากถ้ำ หลังจากนั้นก็ใช้ใบเผือกป่าห่องูไช่ฮวาไปที่ริมแม่น้ำ

        ขากลับมาจากริมแม่น้ำ ผืนป่าก็ล่วงเข้าสู่ความมืดมิด

        "ว้ายๆๆ ฟ้ามืดแล้วต้องรีบกลับบ้าน ฟ้ามืดแล้วต้องรีบกลับบ้าน"

        เซวียเสี่ยวหรั่นพูดพล่ามกับตัวเองไม่หยุด พลางอุ้มเนื้องูในห่อใบเผือกป่าวิ่งกลับถ้ำสุดชีวิต

        พอได้ยินเสียงลมหายใจกระหืดกระหอบ เหลียนเซวียนก็นึกอยากยกมือกุมขมับ แต่น่าเสียดาย ทั้งสองมือของเขามีแต่ดินเหนียว ชัดเจนว่าไม่เหมาะจะทำเช่นนั้น

        "โอย... วิ่งจนขาอ่อนแรงหมดแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นวางเนื้องูลง ก่อนนั่งกองราวกับเป็๲อัมพาตอยู่ข้างกองไฟ "เอ๋ เหลียนเซวียน ท่านทำเสร็จหมดแล้วหรือ ว้าว ไม่เลว พวกเราเอาไปเผาตอนนี้เลย อีกประเดี๋ยวจะได้มีชามกินข้าวกันแล้ว ฮ่าๆ"

        เธอลุกขึ้นมาอย่างว่องไว นำถ้วยชามช้อนที่ปั้นเสร็จแล้วมาวางกองตรงกลาง แล้วเอาไม้ฟืนมาสุมล้อมพวกมันเป็๞วงกลม

        เหลียนเซวียนได้ยินนางเคลื่อนไหวไปมา พลันเกิดความชื่นชมเลื่อมใสอย่างลึกซึ้ง

        ก่อนหน้านี้ยังกระหืดกระหอบบ่นว่าวิ่งจนขาไม่มีแรง เพียงแค่ชั่วพริบตากลับ๷๹ะโ๨๨ขึ้นมาทำงานไม่หยุด

        เขาไม่เคยเห็นสตรีที่ชอบทำอะไรย้อนแย้งแต่กลับน่าสนใจ ทั้งยังกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาเช่นนี้มาก่อน

        ...

        [1]  หรือเรียกว่าหญ้าปล้องธูป มีชาติกำเนิดในอินเดีย จีนตอนใต้ อินโดจีน ไทย ไต้หวัน มาเลเซีย

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้