Chapter 36
ใน่เช้าของวันถัดมา ป๋ายได้ถูกส่งเข้าตรวจร่างกายอีกเล็กน้อย หลังจากที่ตรวจร่างกายเรียบร้อย ป๋ายขออนุญาตผู้ดูแลที่ดูแลป๋ายในตอนนี้เรียกเ้าหน้าที่เข้ามาคุยเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยและการตัดสินที่จะเกิดขึ้น เพราะคนตัวเล็กได้ข่าวมาว่าจะมีการแบ่งผู้พิจารณาออกเป็ 2 ส่วน คือเ้าหน้าที่ในเมืองและขององค์กรรวม และมีการแบ่งจำนวนออกเป็ครึ่งครึ่ง แล้วถ้าเป็เช่นนั้น การออกสิทธิ์ออกเสียงก็จะมีโอกาสแพ้สูง เพราะมีคนของเมือง No Land อยู่ถึงครึ่ง เพราะตอนนี้ป๋ายไม่สามารถรู้ได้เลย ว่าใครเป็พวกของพอล บัตเลอร์บ้าง
"เื่แบบนี้มันควบคุมกันไม่ได้นะครับ" เคน เ้าหน้าที่คนเดียวกับที่ป๋ายเจอที่ตลาดและคนที่ไปรับตัวป๋ายมาจากที่บ้านพูดขึ้น
"อันนี้เราแค่ขอร้องให้คุณช่วยพูดให้เราหน่อย เรารู้แหละว่าโอกาสมันมีแค่ไปกี่เปอร์เซ็นต์" ป๋ายพูดตอบกลับไปด้วยความหวัง
"โอเค ๆ ผมทำได้แค่ยื่นข้อเสนอให้เท่านั้นนะ แต่ส่วนทางการจะพิจารณาว่ายังไง ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตรงนั้นได้จริง ๆ"
"เราขอแค่ 70:30 ก็ได้ เพราะครึ่งครึ่งแบบนี้มันเสี่ยงเกินไป"
"มันเสี่ยงั้แ่พวกคุณเริ่มเื่แบบนี้แล้วครับคุณป๋าย"
"เราก็เถียงไม่ได้อีกแหละ แต่เราอยากให้คุณเคนเข้าใจคำว่าทุกคนมีเหตุผลเป็ของตัวเอง เราอยู่กับบัตเลอร์เราทรมาน ทางที่จะออกมาแบบถูกต้องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น หนึ่งเลยคือพอลไม่ยอมแน่ เพราะมันจะทำให้เขาดูแย่ถ้ามีครึ่งทางหรือแมวขอออกจากบ้านเขา สองคือถ้าเราไปบอกทุกคนตรง ๆ ไม่เกินวัน พอล บัตเลอร์คงเดินมาตบหน้าหรือไม่ก็ทุบหลังเราไปแล้ว หรือถ้าคุณคิดว่าเราเวอร์เกินไป มันมีครึ่งทางคนหนึ่งเคยโดนแบบที่เราว่าจริง ๆ จนตอนนี้เขากลายเป็ครึ่งทางที่นิ่งเงียบไปเลย อยู่เฉย ๆ เป็ที่รองมือรองเท้าให้บัตเลอร์ใช้งาน เพราะรอยแผลเป็บนตัวที่เขามี มันย้ำเตือนกับตัวเขาเสมอ ว่าถ้าเขาต่อต้านเขาจะเจอกับอะไร พอจะเข้าใจอะไรขึ้นบ้างไหมคุณเคน? เรารู้ว่ามันมีวิธีแก้ปัญหาอีกหลายอย่างที่คนบนโลกจะคิดได้ แต่สำหรับคนที่เจอมันด้วยตัวเอง มันมีอะไรให้คิดเยอะกว่านั้น" ป๋ายบ่นออกไปยาวเหยียด แต่เคนก็พยายามตั้งใจฟังเป็อย่างดี
"ขอโทษที่คิดแบบนั้นนะครับ"
"เราไม่ได้ว่าอะไรนะ คุณคิดแบบที่คุณคิดตอนแรกก็ได้ แต่เราอยากให้คุณเข้าใจเราบ้าง ไม่ต้องมาเข้าข้างเราก็ได้"
"ผมเข้าใจแล้ว ยังไงผมจะลองยื่นเื่ให้ดูนะ"
"เราขอบคุณมาก ๆ แล้วจริง ๆ"
ก๊อก ๆ ๆ
"เคธ" เสียงเคาะประตูดังขึ้นไม่กี่ครั้งประตูก็เปิดออก แล้วก็ตามมาด้วยร่างของเคธที่ปรากฎขึ้น และหลังจากที่เห็นว่าคนตัวเล็กมีแขกมาเยี่ยม เคนก็ขอตัวกลับไปทำงาน
"เ้าป๋าย เป็ยังไงบ้างวันนี้?" เคธเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงแทนที่เคนที่ลุกออกไปเมื่อสักครู่
"ไม่เป็อะไรเลย สบายมาก"
"ดีแล้วล่ะ"
"ทางนั้นเป็ยังไงกันบ้างเคธ?"
"เื่ชั่ว ๆ ของบัตเลอร์จะถูกปล่อยออกมาวันนี้แหละ เพื่อน ๆ เธอเตรียมตัวกันดีมาก ๆ เลยนะ ได้นั่งคุยกับเพื่อนเธออยู่นานเลยเมื่อวาน เข้าใจดีเลย ว่าทำไมเธอถึงมีความสุขตอนที่ได้อยู่ตรงนั้น ทุกคนน่ารักมากเลยนะ แล้วก็คอยพูดถึงพี่กรีนของเธอให้ฟังอยู่ตลอดเลย ว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ พี่กรีนของเธอเก่งมากที่ทำให้คนรอบตัวเชื่อมั่นแล้วก็ไว้ใจแบบนี้ แค่นี้ก็สบายได้เกิน 90% แล้วล่ะ"
"อ้าว แล้วอีก 10% ไปไหนล่ะเคธ?"
"ตัวแสบ ก็เคธยังไม่เคยเจอพี่กรีนของเธอเลยนี่ รอเจอกันก่อนสิ ถ้าเธอมั่นใจขนาดนั้น อาจจะได้เกิน 10% เลยก็ได้"
"งั้นคงได้ไปอีก 100% เลยแหละ"
"อวยจริง ๆ เลยนะ"
"แล้ว ได้ข่าวพี่กรีนบ้างไหม?" ป๋ายถามขึ้นด้วยความหวัง
"ตอนนี้เขาถูกตั้งขอหาเบื้องต้นแล้วล่ะ"
"หนักหรือเปล่าเคธ?"
"ข้อหาที่ถูกตั้งไว้เบื้องต้นก็คือนำครึ่งทางที่ไม่ได้อยู่ในไปเลี้ยงดูเป็ระยะเวลานานโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต"
"แบบนี้โทษมันร้ายแรงเหรอ?"
"ไม่ขนาดนั้นค่ะ ถ้าสามารถไกล่เกลี่ยกับเ้าของได้ กรณีนี้มันขึ้นอยู่กับการเจรจาเลย ถ้าไกล่เกลี่ยกันได้ คุณกรีนก็จะไม่ต้องรับโทษ แต่เธอก็ต้องกลับไปอยู่กับบัตเลอร์ตามเดิม แต่ถ้าคุณกรีนอยากจะสู้เพื่อเอาเธอไปดูแล ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป เธอว่าพี่กรีนของเธอจะเลือกแบบไหนล่ะ?"
"เราว่าพี่กรีนคงจะสู้ต่อ เพราะถ้าเป็เรา เราก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน"
"แต่ถ้าแพ้ คุณกรีนอาจจะต้องรับโทษนะป๋าย"
ป๋ายนิ่งให้กับสิ่งที่ได้ยินทันที ทำไมตอนนี้ไม่ว่าจะเป็ทางไหนมันถึงดูแย่ไปหมด ถ้าเกิดว่ายอมแพ้ตอนนี้ สิ่งที่คิดมาทั้งหมดมันก็จะสูญเปล่า แต่ถ้ายอมสู้ต่อไปแล้วผลมันออกมาไม่เหมือนกับที่คิดไว้ แปลว่ากรีนจะได้รับโทษอยู่คนเดียว ซึ่งแน่นอนว่าป๋ายไม่ได้้าแบบนั้น แต่สุดท้ายแล้ว ป๋ายก็คงเลือกที่จะสู้ให้ถึงที่สุด เพราะก่อนจะแยกกัน กรีนได้บอกกับไว้
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ให้เธอสู้ให้ถึงที่สุดเลยนะ ไม่ต้องนึกถึงพี่ เป้าหมายเดียวของพี่ก็คือพาเธอออกมาจากบัตเลอร์ อย่าให้ความตั้งใจของพี่สูญเปล่านะป๋ายป๋าย"
"ยังไงก็จะสู้ต่อนะเคธ แล้วพวกพี่เวย์ได้บอกไหมว่าปล่อยคลิปเสียงแล้วก็หลักฐานลงโซเชียลตอนไหน?"
"เมื่อวานพอไปถึงแล้วได้นั่งคุยกัน เคธก็เล่าให้พวกคุณเขาฟังว่าเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้น คุณเวย์ก็เลยบอกว่าในเมื่อเปิดทางให้นักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์แล้วก็ถ่ายทำแล้ว เดี๋ยวจะรอให้สักช่องที่ถ่ายเหตุการณ์เมื่อวานลงข่าวก่อน แน่นอนว่าพอลงข่าวแล้วมันจะเป็กระแสภายในไม่ถึงชั่วโมง เพราะพอล บัตเลอร์เป็ที่รู้จักในวงกว้าง พอมีคนเริ่มพูดถึงข่าวนี้ในโซเชียลมีเดียเมื่อไหร่ คุณเวย์ก็จะปล่อยหลักฐานกันทันทีเลย"
"เห้อ กังวลจังเลยเคธ พี่กรีนจะเป็ยังไงบ้างนะ"
"ไม่เป็ไรนะเ้าป๋าย ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอแล้ว พี่กรีนของเธอก็คงจะอยากเห็นแบบนั้น"
"พี่กรีนก็เคยพูดกับเราแบบนั้นเลย พี่เขาบอกว่า ถ้าถึงจุดหนึ่งที่ผลลัพธ์มันออกมาแล้ว ไม่ว่ามันจะออกมาในทางไหน แบบที่เราพอใจหรือไม่พอใจก็ตาม แต่ระหว่างทางถ้าเราสู้จนถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่ต้องเสียดาย เพราะมันสุดความสามารถแล้ว ถ้าเราไม่สามารถทำอะไรไปมากกว่านี้ได้ แปลว่าเราเก่งมาก ๆ แล้ว"
"แล้วจะฟังคำพี่เขาไหมล่ะ?"
"เราเชื่อคำพี่กรีนตลอดเลยเคธ"
"โอเคค่ะ ถ้าจะเชื่อฟังคำพี่กรีน ตอนนี้ก็ไม่ต้องคิดอะไรเยอะแยะแล้วนะ มารอดูสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นในวันนี้ดีกว่า เคธมีของขวัญให้เธอด้วยนะ"
"หื้อ? ของขวัญอะไร ๆ"
"รอก่อนสิ เดี๋ยวมันไม่เซอร์ไพร์ส"
ในอีกด้านหนึ่ง สถานที่ที่กรีนถูกแยกออกมาคุมตัวไว้ มันไม่ได้ถือว่าเป็การกักขังแต่อย่างใด เพียงแค่แยกตัวออกมาจากที่สาธารณะ จำกัดการพบปะกับผู้คนเท่านั้นเอง เพราะถือว่ากรีนยังไม่ได้ถูกตัดสินว่ามีความผิดแต่อย่างใด การถูกตั้งข้อหาเบื้องต้นจะยังไม่ถือว่าการตั้งข้อหาสำเร็จ เนื่องจากกระบวนการยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวน เพราะฉะนั้นกรีนก็ยังจะได้รับอิสระอยู่ และถ้าหากว่าคู่กรณียอมความ หรือผลการพิจารณาออกมาว่ากรีนไม่มีความผิด กรีนก็จะได้รับการปล่อยตัวทันที
"แกลองคิดดูดี ๆ นะกรีน โนเอล ว่าสิ่งที่แกกำลังทำอยู่มันคุ้มหรือเปล่า?" เสียงพอล บัตเลอร์พูดขึ้น
"สำหรับคุณเอาอะไรมาตัดสินว่ามันคุ้มหรือไม่คุ้มล่ะ?"
"ไม่ต้องมาต่อปากต่อคำให้มากความนักนะ เอาเป็ว่าฉันจะยอมความให้แก แลกกับการที่แกจะต้องไม่พูดถึงเื่นี้อีก"
"คุณแน่ใจหรอคุณพอล บัตเลอร์ คุณคิดว่าปากเสียงของผมมันสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ถ้าผมไม่พูด คุณคิดว่าจะไม่มีใครพูดเลยหรือไง? ให้ผมเดานะ ผมคิดว่าคุณคงไม่ได้ทำชั่วเป็ครั้งแรกหรอกใช่ไหม?"
"ปากดีนักนะมึง" พอละโลั่นห้อง
"สำรวมหน่อยสิครับ นี่สถานที่ของทางการนะ"
"เอาเป็ว่าฉันจะไม่พูดอะไรอีก ถ้าแกตุกติกก็บอกลาญาติพี่น้องได้เลย"
่บ่าย
แล้วในที่สุดก็คงถึงเวลาที่ทั้งกรีน ป๋าย เวย์ มิเกล และเกรซ รวมถึงคนอื่น ๆ รอคอย ก็คือ่เวลาที่มีสำนักข่าวหนึ่งเล่นข่าวเกี่ยวกับพอล บัตเลอร์ ที่ได้จัดฉากร้องห่มร้องไห้มาหาป๋ายถึงห้องพัก และแน่นอนว่าเนื้อข่าวก็ได้แสดงความเห็นใจเป็อย่างมาก ส่วนด้านความเห็นของประชาชนที่ได้เห็นข่าว ก็คล้อยตามไปกับเนื้อหาที่ข่าวเสนอ นั่นก็คือแสดงความเห็นใจ
และหลังจากที่เวย์เช็กกระแสเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะปล่อยหลักฐานที่มีทั้งหมดให้ประชาชนทุกคนได้เห็นถึงด้านมืดของพอล บัตเลอร์ ที่ค่อนข้างมั่นใจว่าส่วนมากคงไม่มีใครได้เห็นมันมาก่อน เพราะหลักฐานต่าง ๆ ที่ได้มา ต่างก็เป็หลักฐานจากประชาชนกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ที่ไม่ได้มีบทบาทอะไรในวงกว้าง เคยมีหลายครั้งที่กลุ่มคนเหล่านี้เลือกที่จะออกมาต่อสู้และแฉพอล บัตเลอร์ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้เพราะทำอะไรไม่ได้เลย มิหนำซ้ำยังโดนขู่และทำร้ายร่างกายกลับไปอีก
"เป็ยังไงบ้างเกรซ? คนเริ่มเห็นกันเยอะหรือยัง?" เวย์ถามขึ้นมาหลังจากที่ได้ปล่อยหลักฐานต่าง ๆ ออกไปไม่นาน
"เห็นกันเยอะแล้วค่ะพี่เวย์ ส่วนกระแสก็มีทั้ง 2 ฝั่งนะคะ มีทั้งคนที่เชื่อแล้วก็ไม่เชื่อ คนที่ยังไม่มั่นใจก็มีค่ะ แต่เกรซว่าเข้าใจได้ เพราะหลักฐานส่วนใหญ่ของเรามันเป็คลิปเสียงสัมภาษณ์ของผู้ที่ได้รับผลกระทบ หลักฐานแบบที่เป็ชิ้นเป็อันของเราคงไม่มากพอ"
"เอาเถอะ พี่เชื่อว่าคนที่โดนเอาเปรียบจากบัตเลอร์มีมากกว่าที่เราเจออีกเยอะ พอเราได้เริ่มพูดพวกเขาก็จะออกมาเอง เราแค่กล้าที่จะเริ่มแทนพวกเขาก็พอ อย่างน้อยการที่เราออกมา ก็อาจจะทำให้พวกเขารู้สึกว่ากำลังมีเพื่อนอยู่บ้าง" เกรซพยักหน้าให้เวย์
"ทุกคนครับ ทางเกลไม่น่าได้ผลแล้ว บัตเลอร์เล่นจ่ายสูงกว่าเพื่อให้ออกอากาศเื่อื่นใหญ่เลย" มิเกลวิ่งออกมาจากห้องทำงานของเวย์ด้วยความตื่นตระหนก
เนื่องจากแผนของฝั่งมิเกลและครอบครัว ก็คือการเผยแพร่หลักฐานที่ได้มาออกไปทางทีวีช่องใหญ่ โดยการขอความช่วยเหลือจากช่องที่เป็พันธมิตรกับฝั่งครอบครัวของมิเกล แต่ถึงแม้ว่าจะเป็พันธมิตรกัน ณ เวลานี้ก็คงแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถสู้เม็ดเงินที่พอล บัตเลอร์โยนมาให้ได้ เพราะตามที่ตกลงกันตอนแรก ตอนนี้ทางช่องจะต้องนำเสนอข่าวเกี่ยวกับหลักฐานที่ถูกปล่อยออกมาทางโซเชียลมีเดียแล้ว แต่กลับกลายเป็ละครที่นำกลับมาฉายซ้ำจนได้ แปลว่าบัตเลอร์พอจะรู้ตัวอยู่แล้ว ถึงได้แก้สถานการณ์ได้เร็วมากขนาดนี้
"เอายังไงดีครับคุณเวย์?" มิเกลถามออกมาเสียงสั่น
"ไม่เป็ไรครับคุณมิเกล ใจเย็น ๆ ครับ ไม่เป็ไรเลย คิดว่าตอนนี้กระแสจากโซเชียลมีเดียก็มากพอแล้วครับ ถึงช่องทีวีอาจจะเป็อีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้คนที่ไม่เล่นโซเชียลรับรู้ด้วย แต่ถึงไม่มีก็ไม่เป็ไรครับ ถ้าเื่นี้เป็กระแสขึ้นมา สักช่องจะต้องเอาไปเล่นข่าวบ้างแน่"
"เหมือนเกลไม่ได้ช่วยอะไรเลย" มิเกลพูดออกมาเสียงแ่
"โถ คุณมิเกลคะ คุณเต็มที่มาก ๆ แล้วค่ะ พวกเราขอบคุณมากที่คุณยื่นมือเข้ามาช่วยพี่กรีนของพวกเรา ทั้งที่จริงแล้วคุณจะปฏิเสธไปเลยก็ได้ เพราะมันเสี่ยงมากสำหรับคุณ อีกอย่าง หลักฐานเกินเครื่องที่เราได้มา เป็เพราะคุณทั้งนั้น เพราะฉะนั้นตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไรมากเลยนะคะ คุณมิเกลเก่งมากแล้วค่ะ" เกรซพูดออกไปด้วยรอยยิ้ม
เพราะจนถึงตอนนี้ อะไรจะผิดพลาดก็ต้องปล่อยให้มันผิดพลาดไป อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้มันเกิดไป เพราะมันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว อย่างน้อยในตอนนี้ เื่ของพอล บัตเลอร์ ก็ออกสู่สายตาประชาชนได้มากพอสมควร ยอดการกดแชร์ หรือกระแสตอบรับ ก็เกินกว่าที่เวย์และเกรซคาดหวังไว้มาก ๆ อีกด้วย
"พี่เวย์ มีคนปล่อยคลิปเสียงเกี่ยวกับพอล บัตเลอร์ออกมาด้วยค่ะ คนพูดถึงเยอะมาก ๆ เลยด้วย" พอเห็นว่าตอนนี้ทางชาวโซเชียลมีเดียให้ความสนใจอะไร เกรซก็รีบบอกเวย์ทันที
"ลองเปิดสิเกรซ" เกรซพยักหน้า หลังจากนั้นก็กดเล่นคลิปเสียงที่มีคนปล่อยออกมา
'หายไปไหนมา? หนีออกจากบ้านแบบนั้นได้ยังไงลูก?'
'เงียบไว้จะดีกว่านะ เธอจะปลอดภัย'
'ขอโทษสื่อมวลชนทุกท่านด้วยนะครับ แต่ตอนนี้คงต้องปล่อยให้ครึ่งทางของผมพักผ่อนก่อน เพราะเขาคงใกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่มาก ขอบคุณทุกคนที่มาในวันนี้ครับ'
'ตามที่บอกนะ เงียบไว้ซะ ถ้ายังอยากปลอดภัย'
'คุณกำลังข่มขู่ครึ่งทางอยู่นะคะคุณบัตเลอร์'
'ได้เข้ามาอยู่ในนี้ ก็แปลว่าเธอคงรู้สถานการณ์แล้วสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เป็ใครกันล่ะ?'
'ฉันเป็เ้าหน้าที่ที่ศูนย์ดูแลสัตว์ประจำเมืองค่ะ'
'ได้ข่าวว่าที่ศูนย์คนเขารู้เื่กันหมดแล้วนี่ ถ้าอย่างนั้นก็ฝากไปเตือนเพื่อน ๆ ของเธอด้วยล่ะ ว่าถ้าใครเอาเื่นี้ไปพูดแม้แต่นิดเดียว โดนกันหมดทั้งศูนย์แน่'
'คุณมีสิทธิ์อะไรจะไปทำแบบนั้นไม่ทราบ'
'สิทธิ์ของฉันเยอะแยะหน่าแมวน้อย เธอคงรู้มาบ้างแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันทำอะไรได้บ้าง ก็ลองคิดดูแล้วกันว่าถ้าพูดออกไปคนเขาจะเชื่อเธอหรือเชื่อฉัน แมวที่มาจากไหนไม่รู้อย่างเธอ กับคนที่เป็หน้าเป็ตาให้กับประเทศอย่างฉัน'
'คุณอย่ามั่นใจไปหน่อยเลย'
'คิดว่าฉันมั่นใจเกินไปเหรอ? แล้วใครมันเอาชนะฉันได้บ้างล่ะ?'
'คุณไล่เราออกจากบ้านก่อนเองนะ'
'ก็เธอมันดื้อด้าน ไม่ยอมเชื่อฟังเหมือนออกัส ปากไม่มีหูรูด ถ้าได้อยู่นานกว่านี้ก็คงเอาเื่ฉันไปพูดถึงไหนต่อไหน ถ้าเกิดเชื่อฟังกันั้แ่ทีแรก ก็คงไม่ต้องเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น'
'งั้นก็ต้องโดนทำร้ายแบบที่ออกัสโดนงั้นเหรอ?'
'ก็ตอนนั้นมันพยายามจะขัดคำสั่งฉัน'
'คิดว่าจะปกปิดความชั่วที่ทำไว้ได้ตลอดไปเลยหรือไง?'
'นี่เธอ คนมีอิทธิพลมันก็มีอิทธิพลอยู่วันยันค่ำนั่นแหละ ถ้าเกิดวันนึงฉันโดนแฉขึ้นมาจริง ๆ คิดว่าฉันจะโดนโทษมากขนาดไหนกันเหรอ?'
บทสนทนาที่ได้ยินในคลิปเสียงที่เปิดเมื่อสักครู่ ทำให้ทั้งกรีน เวย์ และมิเกลอึ้งไปตาม ๆ กัน ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าคลิปเสียงดังกล่าวถูกปล่อยออกมาโดยฝีมือของใคร และยังไม่รู้ว่ากระแสสังคมจะมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับคลิปเสียงนี้ แต่ทั้ง 3 คนก็ดีใจขึ้นมาอีกระดับ ที่อย่างน้อยตอนนี้ก็มีหลักฐานเกี่ยวกับสิ่งที่บัตเลอร์ปฏิบัติต่อครึ่งทางขึ้นมา
ต้องยอมรับเลยว่าก่อนหน้านี้พวกเขาแทบจะไม่มีหลักฐานอะไร ที่จะเอาผิดบัตเลอร์ในเื่นี้ได้เลย เพราะคนที่จะมาเป็พยานได้ ก็มีเพียงแค่ครึ่งทางที่บัตเลอร์เคยเลี้ยง คนแรกก็คือออกัส ส่วนคนที่สองก็คือป๋าย แต่เพราะเป็เหยื่อที่มีจำนวนน้อยมากจริง ๆ บัตเลอร์จึงปกปิดแบบหาอะไรไม่เจอเลย ทุกคนเลยจำเป็ที่จะต้องเลือกโจมตีไปในประเด็นอื่นแทน แต่ในตอนนี้มีหลักฐานชิ้นนี้เพิ่มขึ้นมาแล้ว ซึ่งมันเป็ผลดีกับเป้าหมายของพวกเขาทุกคนมาก ๆ
"เคธ!"
"อะไรเ้าป๋าย"
"อันนี้คือของขวัญที่ว่าเหรอ?" คนตัวเล็กถามขึ้นหลังจากที่เห็นว่าข่าวจากทีวีช่องหนึ่งนำเสนอคลิปเสียงบางส่วนที่เป็กระแสอยู่ในตอนนี้
"ใช่ค่ะ ชอบไหมล่ะ?" ป๋ายแทบจะะโกอดเคธในทันที
"แล้วทำไมถึงมี เขาไม่ให้เอาเครื่องมือสื่อสารเข้ามาไม่ใช่เหรอเคธ?"
"หนีบเครื่องอัดเสียงมาค่ะ"
"แล้วเคธจะโดนอะไรไหม?"
"อาจจะโดนปรับนิดหน่อยแหละค่ะ แต่ก็หวังว่ามันจะคุ้มนะ ตอนนี้เคธก็ไม่รู้ว่ากระแสมันเป็ยังไงนะเ้าป๋าย แต่เคธเชื่อเลยว่ามันจะส่งผลต่ออะไรบางอย่างแน่นอนเลย เผลอ ๆ คนอาจจะมองพอล บัตเลอร์เปลี่ยนไปก็ได้ เพราะในคลิปเสียงนั้นมันชัดเจนมากว่าพูดถึงเื่อะไร"
"แต่มันไม่มีหน้านี่หน่าเคธ คนจะเชื่อเหรอว่าเสียงนั้นเป็เสียงของพอลจริง ๆ"
"แล้วใครว่าไม่มีกันล่ะ?" เคธพูดขึ้นพร้อมกับยักไหล่
ย้อนกลับไปเมื่อวาน
"เดี๋ยวจังหวะที่ตาพอลเปิดประตูเข้ามา น้องเพิร์ลก็เอากล้องติดไว้ที่ช่องตรงประตูได้เลยนะคะ" เสียงเคธกระซิบกระซาบกับนักข่าวหญิงท่านหนึ่งที่จะเข้ามาทำข่าวของพอล
เคธรู้ข่าวจากวงในของช่องช่องหนึ่งอยู่แล้ว ว่าทางพอล บัตเลอร์ได้ติดต่อขอให้นักข่าวที่อยากจะทำข่าวเื่นี้ ติดตามไปที่ศูนย์ที่ป๋ายพักอยู่ได้เลย เพราะช่องนั้นน้องสาวแท้ ๆ ของเคธทำงานอยู่ อันที่จริงน้องสาวของเคธก็เอามาเล่าให้เคธฟังเฉย ๆ ตัวเขาเองไม่ได้มีปัญหาอะไรกับบัตเลอร์เท่าไหร่ เพียงแค่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ที่จะไปไหนหรือทำอะไรก็ต้องเตรียมตัวโอ้อวดอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเื่นี้ที่ครึ่งทางในบ้านตัวเองหนีออกไป ก็ยังจะต้องมาติดต่อช่องต่าง ๆ ให้ติดตามทำข่าวอย่างใกล้ชิดอีก พอรู้เื่ ก็เอามาเล่าและบ่นให้เคธฟังเฉย ๆ แต่พอเคธได้ยิน ก็คิดอะไรบางอย่างออกมาได้ทันที นั่นก็คือการถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอให้ได้เห็นบ้าง
เคธเองก็กังวลเช่นเดียวกับป๋าย ว่าถ้าคลิปเสียงปล่อยออกไปแล้ว คนจะเชื่อหรือเปล่าว่านั่นคือเสียงของพอล บัตเลอร์จริง ๆ เพราะในปัจจุบันก็มีการปลอมแปลงหลักฐานในลักษณะนี้เยอะมาก ๆ และถ้าไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็เสียงของใคร หลักฐานชิ้นนั้นก็คงจะถูกปัดตกไป แต่ในตอนนี้เคธเองก็สบายใจเยอะมากขึ้นแล้ว
“เอาเป็มุมที่ข้าง ๆ ตรงกำแพงดีไหมคะพี่เคธ? เพราะถ้าหันหลังแล้วก็จะไม่เห็นรูปปากของพอล บัตเลอร์ แบบนั้นคนจะหาว่าเราปรักปรำเขาได้”
“โอเคเลยค่ะ งั้นเอาแบบที่น้องเพิร์ลบอกเลย”
“เคธเก่งที่สุดเลย!”
“ของขวัญให้คนเก่งของเคธไงคะ”
“เคธ ขนาดไม่ได้เจอกันนาน จนเรามาเจอกันอีกรอบในเวลาแป๊บเดียว เคธยังมีเื่ให้เราขอบคุณเคธอีกแล้ว”
“จะอยู่ให้ขอบคุณไปตลอดนั่นแหละ มีความสุขเยอะ ๆ ก็พอ”
สำหรับเคธแล้ว ถ้าถามว่าทำไมถึงดูแลป๋ายดีมากขนาดนี้ อย่างแรกแน่นอนเลยว่ามันคือความผูกพัน เพราะเห็นกันมาั้แ่เล็ก ๆ แถมป๋ายยังเป็แมวที่อยู่ในศูนย์นานกว่าแมวทั่วไป เป็ปกติอยู่แล้วที่จะต้องเอ็นดูเ้าเหมียวตัวนี้ แต่อีกหนึ่งเหตุผลคือเคธรู้สึกถึงคำว่าครอบครัวจากแมวตัวนี้ เคธไม่ได้มีครอบครัวที่หมายถึงมีสามีหรือลูก แต่นั่นเป็ทางเลือกที่เคธเลือกเอง เพราะไม่ได้อยากสร้างครอบครัวใหม่ ความสุขของเคธอิ่มตัวไปกับแมวในศูนย์หมดแล้ว แต่ป๋ายเป็แมวตัวเดียวที่เคธรู้สึกลึกซึ้งด้วยมากที่สุด เคธคิดว่าคงจะเป็เพราะว่าตัวเขาเองไม่มีลูก และตัวป๋ายเองก็ไม่ได้เจอแม่ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ความผูกพันและความรักในตอนนี้มันก็คงจะไม่หายไปไหน แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนก็ตาม
"ใครมันเป็คนปล่อยคลิปวะ! ไปตามตัวมันมา!"