Chapter 35
หลังจากที่ป๋ายถูกนำตัวออกมาจากบ้านของกรีน ทางเ้าหน้าที่ก็พาเขามาที่ศูนย์ดูแลสัตว์พิเศษประจำเมือง คนตัวเล็กถูกส่งเข้าไปตรวจร่างกาย ทำตามขั้นตอนตามปกติ และการตรวจร่างกายก็พบว่า ป๋ายมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ปกติมาก ๆ
"ต่อไปเ้าหน้าที่ขออนุญาตสอบถามนะครับ" ป๋ายไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
"คนที่คุณอยู่ด้วยหลังจะออกไปจากบ้านบัตเลอร์ คือกรีน โนเอล ใช่ไหมครับ?" ป๋ายพยักหน้าตอบรับ
"คุณไม่ได้ถูกบังคับข่มขู่ให้ไปอยู่ด้วยใช่ไหม?"
"ไม่ เราเต็มใจไปเอง พี่กรีนไม่เคยบังคับเรา"
"โอเคครับ แล้วสาเหตุที่ออกจากบ้านบัตเลอร์ล่ะครับ คืออะไร?"
"เราโดนไล่ออกมา อันที่จริงก็ตั้งใจจะออกมาอยู่แล้วแหละ เพราะว่าอยู่ที่นั่นเราไม่มีความสุขเลย บัตเลอร์เลี้ยงครึ่งทางเหมือนทาส เอาไว้ใช้งาน ทำร้ายร่างกาย"
"ยังไงตรงนี้เราต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนนะครับ"
"คงหาไม่เจอหรอก คนอย่างพอล บัตเลอร์น่ะ เื่นี้เขาไม่หลงเหลือหลักฐานอะไรให้พวกคุณดูหรอกนะ มันเป็เื่ใกล้ตัว แค่เขาดีดนิ้วมันก็หายไปแล้ว"
"ตอนนี้เราสรุปได้ดังนี้นะครับ จากคำให้การของคุณ คุณถูกพอล บัตเลอร์ไล่ออกมาจากบ้าน จากนั้นก็ไปอยู่กับมนุษย์อีกคนที่ชื่อว่ากรีน โนเอล" ป๋ายพยักหน้ารับ เ้าหน้าที่เองก็ขอตัวกลับก่อน เพราะคงไม่ได้อะไรไปมากกว่านี้ อาการของป๋าย ภายนอกอาจจะดูปกติ แต่จิตใจของเขาคงจะไม่ดีเท่าไหร่
"หมายเลข 32!" เสียงเรียกเข้าหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น คนตัวเล็กรีบหันไปมองทันที เพราะมีเพียงไม่กี่คนที่เรียกตัวเองด้วยชื่อนั้น
"เคธ!" น้ำตาป๋ายไหลออกมาแทบจะทันที
"เป็ยังไงบ้าง?" เคธรีบเข้ามาสวมกอดป๋ายไว้ ป๋ายเองก็กอดตอบกลับไปเช่นกัน
"ฮึก คิดถึงจังเลย"
"ทำไมไม่บอกกันเลยว่าเจออะไรแบบนี้ ทำไมไม่บอกกันเลยว่าเ้านายใหม่มันแย่ขนาดไหน หื้ม? เผชิญอะไรแบบนี้อยู่คนเดียวได้ยังไง?"
คำถามที่อยากจะถามก็ถูกส่งออกไปทันที สำหรับตัวเคธแล้ว ตอนที่เขารู้ข่าว เขาแทบใจสลาย ไม่รู้ว่าจะตั้งคำถามกับอะไร ว่าทำไมเ้าหมายเลข 32 ของเขาถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ เ้าแมวตัวน้อยที่เฝ้ารอคอยการออกไปอยู่กับเ้านายมาตลอดหลายปี แต่เพราะร่างกายไม่แข็งแรงก็ทำให้ต้องรอนานขึ้นไปอีก กลับต้องมาเจอเื่ราวที่โหดร้ายสำหรับเขาเช่นนี้ เคธแทบไม่อยากจะเชื่อ ในคราแรกก็นึกสงสัยว่าทำไมเ้าตัวเล็กของเขาไม่ติดต่อกลับไปบ้าง เคธคิดว่าอีกคนอาจจะมีความสุขอยู่ นั่นมันก็ดีมากแล้วสำหรับเขา แต่ความเป็จริงมันกลับไม่ใช่แบบนั้น
"ขอโทษนะเคธ ่วันแรก ๆ เรายังนึกขอโทษเคธอยู่เลย ที่เป็แมวที่มีความสุขแบบที่เคธบอกไม่ได้"
"โถ ไม่พูดแบบนี้สิคะ"
"แต่่หลังมา เรารู้สึกผิดกับเคธน้อยลงแล้วนะ เพราะเรามีความสุขมาก ๆ มากขึ้นทุกวันเลย"
"เ้านายอีกคนเขาดีกับเธอใช่ไหม?"
"ดีมาก ๆ มากแบบที่ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเราจะได้มาเป็แมวของเขา ไม่กี่เดือนที่อยู่กับเขามา เรารู้สึกว่าตัวเองเป็แมวที่โชคดีที่สุดในโลกเลยรู้ไหม?" ป๋ายพูดด้วยรอยยิ้มที่มาพร้อมทั้งน้ำตา
"เห้อ ทำไมเธอถึงไม่ถูกส่งไปอยู่กับเขาั้แ่แรกนะ"
"เขาแพ้ขนแมวแหละเคธ"
"อ้าว แล้วเธออยู่ด้วยกันยังไง?" เคธตั้งคำถามออกมาด้วยความสงสัย
"เราไปฉีดวัคซีนมา"
หลังจากที่คนตัวเล็กพูดออกมา เคธก็ถึงกับใจนไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ถึงแม้ว่าอีกคนจะบอกแล้วว่าเ้านายของเขาดีมากขนาดไหน แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงกับขั้นยอมฉีดวัคซีนเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกัน นั่นก็แปลว่าเ้านายอีกคนของเ้าตัวเล็กดีมากกว่าที่เคธคิด ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้เขาเบาใจขึ้นเยอะ สำหรับเคธ ที่อยู่กับเ้าตัวเล็กมาั้แ่เกิด ดีใจมาก ๆ ที่อย่างน้อยอีกคนก็เจอเ้านายแบบที่เขาคาดหวังไว้ ป๋ายบอกกับเคธเสมอ ว่าถ้าเกิดว่าได้มีโอกาสออกไปอยู่กับเ้านายจริง ๆ เ้านายไม่จำเป็ที่จะต้องว่างเล่นกับเขาตลอดเวลาก็ได้ เพราะตัวป๋ายเข้าใจดีว่ามนุษย์มีอะไรให้ทำอีกเยอะแยะ ทำงาน ธุระส่วนตัว เพราะฉะนั้นแล้ว ป๋ายไม่ได้มีความคิดที่ว่าเขาจะต้องได้เล่นอะไรที่อยากเล่นทั้งวัน แต่เ้านายอีกคนคงให้ป๋ายได้มากกว่านั้น ถึงยอมเสียสละตัวเอง และไปฉีดวัคซีนแทน แม้จะรู้ว่ามันมีผลข้างเคียงยังไง
"เธอรักเขาเหรอหมายเลข 32"
"อื้อ" ป๋ายตอบออกมาสั้น ๆ และพยักหน้าตามไปด้วย
"เคธก็ไม่รู้นะว่าพวกเธอผ่านอะไรกันมาบ้าง แต่เคธเชื่อมั่นในหมายเลข 32 ที่เคธเลี้ยงมากับมือ ว่าจะต้องเลือกอะไรที่ดีที่สุดให้ตัวเองอยู่แล้วแหละ เวลาจะทำอะไร เธอตัดสินใจดีแล้วแบบที่เคธบอกเสมอเลยใช่ไหม?"
"เราตัดสินใจดีแล้วแบบที่เคธบอกเลย"
"งั้นเคธก็คงไม่สงสัยในเหตุผลของมันแล้วล่ะนะ"
"เราขอบคุณนะเคธ" เคธยิ้มตอบกลับมาให้คนตัวเล็ก
"ชื่ออะไรล่ะ? เขาตั้งชื่อให้เธอว่ายังไง?"
"ชื่อป๋าย เขาตั้งชื่อเราว่าป๋าย"
"มันมีความหมายหรือเปล่า?" เคธตั้งคำถามออกมา
"พี่กรีนบอกว่ามันแปลว่าสีขาวในอีกภาษานึง แล้วมันก็ยังแปลว่าบริสุทธิ์ด้วย พี่เขาบอกว่า ครั้งแรกที่เห็นเรามันก็นึกถึงคำนี้ขึ้นมาเลย"
"ก็จริง ๆ นั่นแหละ เหมียวแบบเธอน่ะ"
"เคธว่าเราจะได้ไปอยู่กับพี่เขาอีกไหม?"
"เื่นี้เคธก็ให้คำตอบไม่ได้ด้วยสิ ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับกฎหมายเท่าไหร่เลย แต่ถ้าเธอยืนยันว่าเธอมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับเขา เคธก็จะภาวนาทุกวินาทีเลยนะ ว่าเธอจะได้กลับไปอยู่ด้วยกัน"
"เราคิดถึงเคธนะ ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อกลับไป แต่เราไม่อยากให้เคสรู้ ว่าเราไม่ได้มีความสุขแบบที่เคสบอก"
"จริง ๆ เลยน้า 32 อย่างน้อยเธอก็ควรจะติดต่อมาขอความช่วยเหลือบ้างสิ"
"เราก็อยากทำแบบนั้น แต่กลัวว่าเคธจะเป็อันตรายไปด้วย"
"เห้อ ไม่อยากจะเชื่อเลย คนที่ในสายตาประชาชนเป็คนที่ดีมาตลอด จริง ๆ แล้วกลับชั่วแบบนี้"
ซึ่งมันเป็แบบนั้นจริง ๆ พอเคธรู้ว่าใครคือคนที่จะมารับเลี้ยงเ้าหมายเลข 32 ของเขา ซึ่งก็คือพอล บัตเลอร์ คนที่เขามักจะเห็นอยู่ตามทีวีในช่องต่าง ๆ หรือตามหน้าหนังสือพิมพ์ กระทู้ในอินเตอร์เน็ต ว่าเขาเป็คนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น มีอิทธิพลและมีฐานะมาก ๆ ถ้าเ้าหมายเลข 32 ได้ออกไปอยู่กับพอล บัตเลอร์ คงจะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ แต่มันกลับไม่เป็อย่างที่คิด
อันที่จริงในตอนนี้ข่าวของพอล บัตเลอร์ยังไม่ได้ถูกกระจายไปในวงกว้างเท่าไหร่ จะรู้กันก็แต่วงในของศูนย์ดูแลสัตว์ประจำเมืองเท่านั้น เพราะพอล บัตเลอร์กำลังวิ่งปิดข่าวอยู่ในตอนนี้ และอีกอย่างทางเวย์และมิเกลก็ยังไม่ได้ปล่อยข่าวอะไรออกมา เพราะ้าจะปล่อยให้พอลนิ่งนอนใจไปก่อน
"เคธ ดีใจที่ได้เจอนะ"
"ดีใจเหมือนกันเ้าหมายเลข 32 ไม่สิ เ้าป๋าย"
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเพียงไม่กี่ครั้ง ร่างสูงของพอล บัตเลอร์ก็เดินเข้ามาทั้งน้ำตาทันที จนทำให้คนที่อยู่ในห้องก่อนหน้าอย่างป๋ายกับเคธถึงกับขมวดคิ้วออกมาทันที แต่พอเห็นว่าด้านหลังของพอลมีทีมสื่อมวลชนที่กำลังถือกล้องและไมค์ ก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ได้ในตอนนั้น
"หายไปไหนมา? หนีออกจากบ้านแบบนั้นได้ยังไงลูก?" พอลถามคำถามออกมาทั้งน้ำตา พร้อมกับเข้ามาแตะที่แขนป๋ายเอาไว้
เหอะ ถามจริง ๆ
ถึงกับต้องบีบน้ำตาเลยเหรอ
ป๋ายไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมานอกจากความนิ่ง ทั้งที่จริงแล้วในใจอยากจะโวยวายออกไปมากถึงมากที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะเป็ไปตามแผนที่ทุกคนคิดไว้ ว่าพอลจะใช้ไม้ไหนมาจัดการ แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นบีบน้ำตามาหา แถมยังมาพร้อมกับนักข่าวมากมายขนาดนี้ ราวกับว่าไม่กลัวเลยว่าป๋ายจะพูดอะไรออกไป
"เงียบไว้จะดีกว่านะ เธอจะปลอดภัย"
อ่า
ที่แท้ก็ตั้งใจมาขู่กัน
คนที่อยู่ตรงนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ป๋าย แต่ยังมีเคธ ที่ในตอนนี้ค่อนข้างใที่ได้ยินสิ่งที่พอลพูดออกมา อย่างที่บอกว่าเคธเองก็ไม่คิดว่าพอล บัตเลอร์จะเป็คนแบบนี้ ตอนแรกที่ใมากอยู่แล้ว พอได้ยินสิ่งที่พอลพูด และยิ่งเป็ในสถานการณ์แบบนี้ เคธก็ยิ่งใมากขึ้นไปอีก
คนเรานี่ดีแต่เปลือกจริง ๆ
แถมกับคนนี้เปลือกยังแข็งมากด้วย
"ขอโทษสื่อมวลชนทุกท่านด้วยนะครับ แต่ตอนนี้คงต้องปล่อยให้ครึ่งทางของผมพักผ่อนก่อน เพราะเขาคงใกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่มาก ขอบคุณทุกคนที่มาในวันนี้ครับ" นักข่าวที่ยังไม่รู้เื่รู้ราวอะไร ก็ต่างแสดงสีหน้าที่ดูเห็นใจออกมาอย่างชัดเจน หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินออกจากห้องไป
"ตามที่บอกนะ เงียบไว้ซะ ถ้ายังอยากปลอดภัย"
"คุณกำลังข่มขู่ครึ่งทางอยู่นะคะคุณบัตเลอร์" เคธพูดขึ้นมา
"ได้เข้ามาอยู่ในนี้ ก็แปลว่าเธอคงรู้สถานการณ์แล้วสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เป็ใครกันล่ะ?"
"ฉันเป็เ้าหน้าที่ที่ศูนย์ดูแลสัตว์ประจำเมืองค่ะ"
"ได้ข่าวว่าที่ศูนย์คนเขารู้เื่กันหมดแล้วนี่ ถ้าอย่างนั้นก็ฝากไปเตือนเพื่อน ๆ ของเธอด้วยล่ะ ว่าถ้าใครเอาเื่นี้ไปพูดแม้แต่นิดเดียว โดนกันหมดทั้งศูนย์แน่"
"คุณมีสิทธิ์อะไรจะไปทำแบบนั้นไม่ทราบ" ป๋ายโวยวายออกไปเพราะเคธก็โดนคำขู่ไปด้วย แน่นอนว่าป๋ายโมโหมาก ๆ เพราะศูนย์ดูแลก็เหมือนบ้านของเขา เขาอยู่ที่นั่นมาแทบทั้งชีวิต
"สิทธิ์ของฉันเยอะแยะหน่าแมวน้อย เธอคงรู้มาบ้างแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันทำอะไรได้บ้าง ก็ลองคิดดูแล้วกันว่าถ้าพูดออกไปคนเขาจะเชื่อเธอหรือเชื่อฉัน แมวที่มาจากไหนไม่รู้อย่างเธอ กับคนที่เป็หน้าเป็ตาให้กับประเทศอย่างฉัน"
"คุณอย่ามั่นใจไปหน่อยเลย"
"คิดว่าฉันมั่นใจเกินไปเหรอ? แล้วใครมันเอาชนะฉันได้บ้างล่ะ?" ป๋ายตัดสินใจที่จะหยุดพูด เพราะถ้าพูดมากกว่านี้ บัตเลอร์อาจจะสงสัย ว่าพวกเขากำลังวางแผนอะไรกันอยู่
รอก่อนเถอะบัตเลอร์
โตมาขนาดนี้ได้เพราะชื่อเสียงจากประชาชน
ก็ขอให้ดับเพราะคำวิจารณ์ที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่ชั่วโมงนี้ด้วยก็แล้วกันนะ
"คุณไล่เราออกจากบ้านก่อนเองนะ"
"ก็เธอมันดื้อด้าน ไม่ยอมเชื่อฟังเหมือนออกัส ปากไม่มีหูรูด ถ้าได้อยู่นานกว่านี้ก็คงเอาเื่ฉันไปพูดถึงไหนต่อไหน ถ้าเกิดเชื่อฟังกันั้แ่ทีแรก ก็คงไม่ต้องเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น"
"งั้นก็ต้องโดนทำร้ายแบบที่ออกัสโดนงั้นเหรอ?"
"ก็ตอนนั้นมันพยายามจะขัดคำสั่งฉัน"
"คิดว่าจะปกปิดความชั่วที่ทำไว้ได้ตลอดไปเลยหรือไง?" เคธพูดขึ้นมาด้วยความโมโห
"นี่เธอ คนมีอิทธิพลมันก็มีอิทธิพลอยู่วันยันค่ำนั่นแหละ ถ้าเกิดวันนึงฉันโดนแฉขึ้นมาจริง ๆ คิดว่าฉันจะโดนโทษมากขนาดไหนกันเหรอ?"
ป๋ายอยากจะด่าออกไปใจจะขาด เพราะสิ่งที่บัตเลอร์พูดออกมา มันจริงจนน่าโมโหเอามาก ๆ คนพวกนี้ ถึงแม้ว่าจะทำชั่วมากขนาดไหน ถึงวันที่โดนรับโทษ พวกเขาก็โดนกันอยู่แค่หยิบมือจากความเลวที่เคยก่อ เพราะกฎของเมืองมันเอื้อแบบนั้น ถึงแม้ว่าสวัสดิการต่าง ๆ ของเมืองจะดี แต่ถ้ามีใครสามารถให้เงินเ้าหน้าที่ได้ ส่วนใหญ่ก็ไม่ปล่อยเงินนั้นไปเพียงเพราะแค่รักในความยุติธรรมหรอก ถึงจะมี มันก็เป็เพียงแค่ส่วนน้อย และเพราะมันเป็ส่วนน้อยนี่แหละ ถึงทำให้ระบบการทำงานในแต่ละภาคส่วนของทางการมันกลายเป็แบบนี้ แบบที่ว่าใครมีเงินเพียงพอที่จะจ่ายให้เ้าหน้าที่ ก็จะรอดโทษ เหมือนที่บัตเลอร์ทำ เพราะเขามีเงินมากพอที่จะพ้นผิดไปเรื่อย ๆ จนตาย
หลังจากที่บัตเลอร์ออกไป ป๋ายก็ขอความช่วยเหลือจากเคธทันที ขอให้เคธช่วยส่งข่าวไปบอกเวย์ เกรซ และมิเกลว่าแผนเป็ไปตามที่คิด ให้เริ่มขั้นตอนถัดไปได้เลย โดยจะส่งเป็รหัสที่รู้กันเฉพาะคนเท่านั้น
"แค่เอากระดาษใบนี้ไปที่ร้านเครื่องหอม Your Cart ทุกคนจะรู้เองนะเคธ"
"มันจะไม่อันตรายใช่ไหมเ้าป๋าย หมายถึงกับตัวเธอเอง เคธเป็ห่วงมาก ๆ นะ"
"ไม่อันตรายหรอกเคธ ตอนนี้เ้าหน้าที่คุ้มกันเราอย่างดีเลย เคธไม่ต้องห่วงนะ"
"จะพยายามคิดบวกไว้นะคะ ถึงจะหมดห่วงเลยไม่ได้เลยก็ตามนั่นแหละ"
"เราก็กำลังพยายามคิดว่าทุกอย่างมันจะโอเคนะ"
"เก่งมาก ๆ แล้วน้า ทั้งเ้าหมายเลข 32 ในตอนนั้น แล้วก็รวมถึงเ้าป๋ายในตอนนี้"
"เรารักเคธนะ"
"เคธก็รักเ้าป๋าย"
เคธก็เหมือนกับแม่ของป๋ายจริง ๆ นั่นแหละ เพราะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับแม่ให้นึกถึงเลยสักครั้ง ป๋ายจึงไม่รู้สึกถึงแม่สักเท่าไหร่ แต่ความผูกพันเกี่ยวกับแม่ทั้งหมด มันเกิดขึ้นได้จะเคธทั้งนั้น คนที่คอยเล่าให้ป๋ายฟังอยู่เสมอว่าแม่เป็คนแบบไหน ตอนยังอยู่ทำอะไรบ้าง ตอนได้ออกจากศูนย์เป็ยังไง จากคำบอกเล่าของเคธ ทำให้ป๋ายอยากเจอแม่อยู่เสมอ แต่ถ้าในเมื่อสุดท้ายแล้วมันเป็ไปไม่ได้ ป๋ายก็คงจะทำได้แค่นึกถึงคำพูดต่าง ๆ ที่เคยมีคนเล่าให้ฟังเท่านั้น หันกลับมาโฟกัสคนที่อยู่ คนคนนั้นก็คือคนที่คอยดูป๋ายมาั้แ่แรก ไม่ใช่แค่ดูแลร่างกายเท่านั้น แต่ยังคอยดูแลสภาพจิตใจมาตลอด ถ้าป๋ายมีอาการอะไรแปลก ๆ ขึ้น เคธจะเป็คนแรกที่รับรู้เสมอ ป๋ายเป็ครึ่งทางที่ป่วยง่าย แต่ไม่ใช่ว่าจะป๋วยอยู่ตลอดเวลา แต่จะป่วยเฉพาะตอนที่มีสิ่งรบกวนจิตใจเท่านั้น และเคธก็จัดการมันได้ดีเสมอเลย
"ยังไม่สบายบ่อย ๆ อยู่หรือเปล่า?"
"ไม่ค่อยเลยนะ เค้าว่าเริ่มปกติแล้ว"
"ดีแล้ว งั้นแปลว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่โอเคจริง ๆ นั่นแหละ เก่งมาก"
"เคธก็เก่ง" เคธยื่นมือไปลูบหัวป๋ายเบา ๆ
"เอาเป็ว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เคธจะมาหาใหม่นะ วันนี้จะไปจัดการธุระให้ก่อน"
"เราขอบคุณเคธมาก ๆ เลยนะ"
"เป็เด็กดี มีความสุขเหมือนที่ผ่านมาก็พอแล้ว"
"เคธช่วยอะไรเราอีกอย่างได้ไหม?"
"ได้สิ ว่ามาเลย"
"ช่วยไปถามใครก็ได้ให้เราหน่อย ว่าตอนนี้พี่กรีนเป็ยังไงบ้าง"
"กรีน โนเอลใช่ไหม? ชื่อของคนนั้นน่ะ"
"ใช่แล้ว กรีน โนเอล"
"ไม่ต้องห่วงนะป๋าย พรุ่งนี้เคธจะกลับมาใหม่พร้อมกับข่าวดีทุก ๆ อย่างเลย"
"เคธจะไม่เป็อันตรายใช่ไหม? เมื่อกี้ที่บัตเลอร์ขู่ เรากลัวว่าเขาจะทำอะไรเคธมาก ๆ เลย" ป๋ายพูดพร้อมกับขมวดคิ้วออกมา
"ไม่ต้องห่วง เราก็มีคนคุ้มกันอย่างดีเหมือนกันนั่นแหละ"
หลังจากนั้น เคธก็เดินทางไปยังสถานที่ที่ป๋ายบอกทันที ก็คือร้านเครื่องหอม Your Cart อันที่จริงตอนที่ป๋ายบอกชื่อร้านตัวเคธเองก็คุ้นอยู่บ้าง จนสุดท้ายก็นึกออกว่าเป็ร้านเทียนหอมที่เคยสั่งมาใช้ใน่ปลายปีที่แล้ว พอจบฤดูกาล ทางร้านก็เลิกวางขาย เพราะจะคงความสเปเชียลเอาไว้ เคธเลยไม่ได้ตามหาต่อ เคยคิดเอาไว้ว่าเ้าของจะต้องอ่อนโยนขนาดไหน ถึงคิดสูตร กลิ่น จนกระทั่งความหมายของเครื่องหอมแต่ละอย่างได้อบอุ่นขนาดนี้ ในวันนี้ก็พอจะเข้าใจแล้วล่ะ เพราะเขาทำให้ครึ่งทางอย่างป๋ายที่เคธเลี้ยงมาแทบจะทั้งชีวิตยอมสละตัวเองให้มีผลข้างเคียงและไปฉีดวัคซีนเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันได้ เคธรู้ดีว่าครั้งนี้เป็การเสียสละที่ยิ่งใหญ่มาสำหรับป๋าย เพราะป๋ายเป็คนที่ชอบกินขนมมาก ๆ และเหตุผลของการชอบกินจะเป็อะไรไปไม่ได้เลย นอกจากรสชาติที่ถูกใจ เ้าหมายเลข 32 ของเคธยอมที่จะละทิ้งมันเพื่อให้ได้อยู่กับคนคนนั้น เคธก็คงจะไม่ต้องตั้งคำถามอะไรอีกแล้วล่ะ
ร้านเครื่องหอม Your Cart
กริ๊ง ๆ ๆ
"สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะ วันนี้ร้านปิดทำการค่ะ รบกวนคุณลูกค้ามาใหม่ใน 3 วันข้างหน้านะคะ" พอเคธก้าวเท้าเข้าไปในร้าน เกรซก็ต้อนรับเป็อย่างดี กล่าวคำขอโทษที่จะต้องรบกวนให้มาใหม่วันหลัง เพราะคิดว่าเคธเป็ลูกค้า
"ไม่ได้มาอุดหนุนอะไรหรอกค่ะ พอดีฉันมาส่งข่าว" เกรซเอียงหัวเล็กน้อยด้วยความสงสัย ก่อนจะไปเรียกเวย์และมิเกลออกมา จากนั้นเวย์ก็รับกระดาษที่เคธส่งให้ทันที
'รหัส 14'
กระดาษใบขาวเล็ก ๆ ที่มีข้อความเขียนอยู่เพียงแค่นั้น แต่ก็ทำให้ทุกคนเข้าใจได้ในทันทีว่ามันคือรหัสหรือสัญญลักษณ์ของอะไร เวย์ เกรซ และมิเกลพยักหน้าให้กัน ก่อนที่เวย์และมิเกลจะไปจัดการอะไรบางอย่างในห้องทำงาน ปล่อยให้เกรซอยู่กับเคธตามลำพัง
"คุณคงจะเป็คุณเคธ ใช่หรือเปล่าคะ?" เกรซตั้งคำถามออกไปจากสิ่งที่เดาเอาไว้
"ใช่ค่ะ คุณรู้จักฉันด้วยเหรอคะ?" เคธเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ
"อ่า พอดีป๋ายเล่าเื่ของคุณให้ฟังเยอะแยะมากเลยค่ะ"
"เด็กดื้อนั่นไม่ได้นินทาอะไรออกไปใช่ไหมเนี่ย"
"ไม่หรอกค่ะ เขาพูดนิดหน่อยว่าคุณน่ากลัวมากตอนที่ดุ แต่ป๋ายบอกเองเลยว่าถึงแอบน้อยใจเวลาโดนดุ แต่ว่าเขาเข้าใจว่าคุณเคธดุเพราะอะไร แถมยังมีบางครั้งที่ตัวป๋ายดื้อก่อนเองด้วย"
"เ้าป๋ายเป็เด็กดื้อน่ะค่ะ แต่แกรู้ตัวเร็วว่าทำผิด พอรู้ตัวก็จะชอบมาอ้อน ๆ ถึงตอนนั้นใครจะดุลงกันล่ะ" เคธว่าออกไปด้วรอยยิ้ม
"พอจะเข้าใจเลยค่ะ ตอนอ้อนนี่ใคร ๆ ก็คงต้านไม่ไหว คงจะมีแต่พี่กรีนเท่านั้นแหละค่ะที่คุมความดื้อไว้ได้"
"เขาดีกับเ้าป๋ายมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ?"
"ดีมาก ๆ เลยค่ะ คุณเคธอาจจะพอรู้มาบ้างแล้วว่าพี่กรีนแพ้ขนสัตว์ แต่พี่เขาเป็คนที่รักสัตว์มาก ๆ โดยเฉพาะแมว พี่กรีนเตรียมตัวไว้ดีมาก ๆ วางแผนจะไปฉีดวัคซีนแล้วก็รับแมวมาเลี้ยงด้วยนะคะ แต่ก็เจอกับป๋ายก่อน"
"จริง ๆ วางใจไว้เยอะแล้วล่ะค่ะ จากสีหน้าและท่าทางของเ้าป๋ายตอนที่พูดถึงคุณกรีน เขาดูมีความสุขมาก ๆ ยอมรับว่าในตอนแรกก็คิดอยู่ว่าคนที่ไม่เคยเข้าใกล้แมวจะเลี้ยงแมวให้ดีได้ยังไง แต่หลังจากที่ได้ยินคุณพูด ฉันก็เข้าใจแล้วว่าเ้าป๋ายไม่ได้ถูกดูแลด้วยประสบการณ์อย่างเดียว แต่มันบวกความรักไปเยอะมาก ๆ"
เพราะเคธกังวลว่าการดูแลแมวสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์มันจะออกมาในรูปแบบไหน แต่หลังจากได้ยินจากคนรอบข้างบอกว่ามันเป็ยังไง ก็คงจะวางใจได้มาก ๆ แล้วล่ะ เพราะประสบการณ์มันสะสมกันใหม่ได้อยู่ทุกวัน สามารถเรียนรู้ได้ตลอด แต่สำหรับความรักที่มีให้เ้าเหมียวแล้ว มันถูกสะสมขึ้นจากความผูกพันหรือระยะเวลาได้ก็จริง แต่คนที่รักแมวมาเป็ 20 ปี ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเข้าใกล้เลยอย่างที่กรีนเป็ มันทำให้เคธรู้สึกว่าป๋ายจะต้องถูกมอบความรักให้อย่างเต็มที่แน่นอน และคนแบบป๋าย ถือว่าเป็คนที่ไม่ยอมอะไรง่าย ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ขอให้ได้พูด แต่กลับไม่ได้พูดถึงด้านไม่ดีของกรีนออกมาเลย แปลว่าตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เ้าเหมียวหมายเลข 32 ของเขาคงมีความสุขจริง ๆ
ถ้าหากมันเป็เช่นนั้น
ก็ขอภาวนาให้เธอได้กลับไปอยู่กับความรักของเธอนะ
เ้าหมายเลข 32 ในอดีต และเ้าป๋ายในปัจจุบัน