เนี่ยเซิงเสี่ยวโกรธจนกัดฟันกรอด โดยเฉพาะหลังจากดีกับเหยียนจิ่งจื้อแล้ว คิดถึงตอนที่หล่อนหลอกเหยียนจิ่งจื้อแล้วยังหน้าด้านอยู่ข้างกายเขา มันก็มีความโกรธที่พูดไม่ออกพุ่งเข้ามาในสมองจนไม่อาจจะทนได้
จ้าวหยวนฟางเพียงแค่ปรายตามามองเนี่ยเซิงเสี่ยวก่อนจะทำตามสิ่งที่เจินเนี้ยนคิดคือยกไวน์ที่อยู่ในมือของบริกรแล้วไปชนแก้วกับเธอ
เจินเนี้ยนคิดว่าต่อไปเขาจะชื่นชมเธอ อย่างเช่นวันนี้เธอเป็ผู้หญิงที่สวยที่สุด หรือขอให้งานเลี้ยงวันนี้ประสบความสำเร็จอะไรทำนองนั้น
แต่จ้าวหยวนฟางเพียงแค่ชนแก้วกับเธอพร้อมจิบไปหนึ่งอึก ก่อนจะเงยหน้ามาพูดประโยคหนึ่งว่า “ขอถามได้ไหมครับว่าคุณผู้หญิงชื่ออะไร?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวเกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว โชคดีที่จิตใจของเธอดีพอจึงเก็บอารมณ์ได้ทัน แต่สีหน้าเหมือนคนท้องผูกของเจินเนี้ยนก็ทำให้เธอมีความสุขเป็พิเศษ
เจินเนี้ยนโกรธจนหน้าบิดเบี้ยวก่อนจะใช้มือ “เผลอปัด” ไปยังถาดในมือของบริกร ซึ่งบริกรคนนั้นก็รีบพูดขอโทษทันที “คุณหนูเจิน ขอโทษครับ ผมจะรีบทำความสะอาด”
นี่เป็สถานการณ์ที่ใช้งานบริกรให้เรียกชื่อตัวเองอย่างให้เกียรติ รวมถึงเป็การแนะนำตัวเองไปในตัว ถึงแม้จะดูมีอำนาจไม่เลว แต่ว่าในตอนนี้จ้าวหยวนฟางได้ถูกเพื่อนร่วมธุรกิจที่อยู่ไม่ไกลดึงความสนใจไปแล้ว
“คุณหลิว เจอคุณอีกแล้วนะครับ ่นี้ธุรกิจของคุณดีขึ้นไม่เลวเลยนะ” จ้าวหยวนรีบร้องทักทาย และเดินผ่านเจินเนี้ยนไป
เมื่อเห็นเจินเนี้ยนหมดมาดไป เนี่ยเซิงเสี่ยวก็ฉุกคิดได้ว่าเหมือนจะมีบางอย่างแปลกๆ จ้าวหยวนฟางคงจะไม่ได้จงใจใช่ไหม? แต่เธอก็ไม่ได้บอกเขานี่ว่าเธอมีความแค้นกับเจินเนี้ยนน่ะ
แต่หลังจากนั้นเมื่อเธอเห็นจ้าวหยวนฟางส่งสายตามาให้ เธอก็เข้าใจทันทีว่า เขาตั้งใจจริงๆ!
“เฮ้ ทำไมนาย...” เธอรู้สึกหวาดๆ นิดหน่อยแล้ว ที่เธอไม่ถูกกับเจินเนี้ยนก็เพราะเื่แย่งสามี จ้าวหยวนฟางมาช่วยเธอแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อย
“อย่างน้อยคืนนี้ ฉันคือผู้ชายที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเธอที่สุด ดังนั้นภารกิจของฉันก็คือการทำให้เธอมีความสุข” จ้าวหยวนฟางพูดเหมือนกำลังคุยว่าคืนนี้อากาศดีจัง ดูเป็ธรรมชาติมาก
เนี่ยเซิงเสี่ยวมองไปข้างๆ อย่างระมัดระวัง อย่าทำอะไรคลุมเครือแบบนี้ได้ไหม ถ้าหากเหยียนจิ่งจื้อได้ยินเข้า ต่อให้เธอมีหัวใจสิบดวงก็คงไม่พอให้เขาฟันทิ้ง
คำพูดนี้เหยียนจิ่งจื้อไม่ได้ยิน แต่กลับเป็ผู้ชายอีกคนได้ยินแทน คนคนนั้นดูเป็หนุ่มไฟแรงอายุประมาณสามสิบ เหมือนจะเป็เพื่อนสนิทของจ้าวหยวนฟาง เขาตบบ่าจ้าวหยวนฟางหนักๆ แต่แววตากลับมองมาที่เนี่ยเซิงเสียวอย่างสำรวจ “พี่จ้าว ในที่สุดก็จะสละโสดแล้ว?”
สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ พอเบื่อก็มักจะพูดเื่รักๆ ใคร่ๆ ของคู่ชายชาย หญิงหญิง จนถึงขั้นคนกับสัตว์ก็มีความเป็ไปได้ที่จะถูกเมาท์ เมื่อถูกผู้ชายคนนี้เปิดประเด็นขึ้นมา แถมจ้าวหยวนฟางก็ไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธ คนรอบๆ ที่รู้จักจ้าวหยวนฟางก็เริ่มเข้ามาแซวเพื่อเร่งเอาคำตอบ
รวมถึงยังมีคำพูดประเภท “กล้าๆ หน่อย” “แมนหน่อยสิ” “เป็ผู้ชายหรือเปล่า” ...เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกว่าเื่นี้มันชักจะไปกันใหญ่แล้วจริงๆ
เธอกลัวอยู่ตลอดเวลาว่าเหยียนจิ่งจื้อจะปรากฏตัวเข้ามาแบบกะทันหัน แล้วดึงหลังคอเธอโยนเข้าเตานึ่งทำเป็ซาลาเปาไส้หมูแดง
จ้าวหยวนฟางเองก็มองออกว่าเธอกำลังเครียด จึงรีบไล่พวกที่เข้ามาเชียร์ให้ออกไป แต่ในใจก็ถูกคำเชียร์ของพวกเขาทำให้มีความกล้ามากขึ้น ถ้าหากเหยียนจิ่งจื้อยังไม่มาปรากฏตัว เขาอาจจะอาศัยจังหวะนี้ขอเธอแต่งงานเสียเลย
“พวกเขาแค่ล้อเล่นน่ะ เธออย่าคิดจริงจังเลย”
เนี่ยเซิงเสี่ยวถึงวางใจ “ไม่เป็ไรหรอก ฉันไม่มีทางคิดจริงจังอยู่แล้ว”
“เธอไม่คิดจริงจังสักนิดเลยเหรอ?” จ้าวหยวนฟางรู้สึกว่าตัวเองคงเกรงใจเกินไปหน่อยแล้ว สำหรับเนี่ยเซิงเสี่ยวแล้วเขาจะปล่อยเธอมากเกินไปไม่ได้
เนี่ยเซิงเสี่ยวเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ พลางคิดว่าก่อนที่เหยียนจิ่งจื้อจะมาปรากฏตัวเธอควรจะหาเหตุผลหนีออกไปจากที่นี่ถึงจะดีที่สุด
“ฉันจะไปเอาของกินตรงนั้นนะ” เนี่ยเซิงเสี่ยวชี้นิ้วไปที่จุดบริการอาหารบุฟเฟ่ต์ เป้าหมายของเธอในตอนนี้ก็คือออกห่างจากจ้าวหยวนฟางให้มากที่สุด
จ้าวหยวนฟางพยักหน้า แต่ก็ยังเดินตามเธอมา “ฉันไปกับเธอด้วยแล้วกัน”
“เฮ้!” เนี่ยเซิงเสี่ยวทนไม่ไหวแล้ว สิ่งที่จ้าวหยวนฟางทำวันนี้ล้วนมาจากความตั้งใจทั้งสิ้น ตอนนี้สามารถเรียกเขาว่าเป็หมาป่าได้เลย
ซึ่งจ้าวหยวนฟางเองก็ไม่ได้แกล้งโง่ “ทำไมหรือ กลัวว่าอีกเดี๋ยวคนที่เข้างานมาจะเป็เหยียนจิ่งจื้อ?”
ถ้าหากตอนนี้มีคนมาสัมภาษณ์เธอว่า ในตอนนี้เธอกลัวอะไรมากที่สุด เธอจะต้องตอบว่าสิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือถูกคนอื่นล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ลับๆ ของเธอกับเหยียนจิ่งจื้อ เพราะถ้าหากถูกเปิดเผยขึ้นมา นั้นก็เท่ากับว่าพวกเธอจบสิ้นแล้ว
ไวกว่าความคิด ในตอนที่จ้าวหยวนฟางยังไม่ทันได้พูดชื่อของเหยียนจิ่งจื้อออกมาเธอก็รีบเข้าไปปิดปากเขาเอาไว้โดยไม่ทันได้คิด
ความคิดของเธอตอนนี้ไปอยู่ที่ชื่อของเหยียนจิ่งจื้อทั้งหมดแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวทีหลังว่าท่าทางที่เธอเข้าไปปิดปากจ้าวหยวนฟางแบบนี้มันค่อนข้างจะล่อแหลมอยู่หน่อยๆ
ไม่สิ ล่อแหลมมากเลยทีเดียว
จ้าวหยวนฟางโอบเอวเล็กที่วันนี้ยั่วสายตาเขาเป็พิเศษ ั้แ่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเข้าใกล้ขนาดนี้ ความรักช่างมีพิษจริงๆ
“คุณชายจ้าวจะเต้นรำกับสาวสวยคนนี้สักเพลงไหม?” มีคนพูดเปิดขึ้นมา งานเลี้ยงที่แสนน่าเบื่อนี้ในที่สุดพวกเขาก็หาจุดน่าสนใจได้แล้ว
เนี่ยเซิงเสี่ยวผละตัวออกจากจ้าวหยวนฟางก่อนจะปิดตาตัวเองเอาไว้ จบแล้ว ทำผิดมากเกินไปแล้ว ดูจากท่าทางช่างเมาท์ของทุกคนเมื่อครู่แล้ว เื่เมื่อกี้คงถูกพูดถึงอีกนาน เธอเริ่มคิดถึงวิธีหนีออกไปแล้ว ควรจะรีบพุ่งไปห้องน้ำเลยดีไหม หรือว่าแกล้งเมาดี?
แต่ยังไม่ทันได้คิดเสร็จ ความสนใจของทุกคนก็ถูกดึงไปยังแขกที่เพิ่งเข้ามาราวกับถูกแม่เหล็กดึงดูดไปที่หน้าประตู โดยเฉพาะเหล่านักข่าวที่ซ่อนตัวอยู่ในงานเลี้ยง จึงไม่มีใครสนใจเธอกับจ้าวหยวนฟางอีกต่อไปแล้ว
มันก็เป็เื่ที่ดีอยู่หรอก แต่ลางสังหรณ์ของเนี่ยเซิงเสี่ยวบอกว่าคนที่มาจะต้องเป็เหยียนจิ่งจื้อแน่นอน!
ถึงแม้จะถูกกั้นอยู่ด้านนอกวงจนมองไม่เห็นว่าคนที่มาเป็ใคร แต่กลิ่นอายของเหยียนจิ่งจื้อที่เข้มข้นนี้ทำให้เธอใกล้จะเมาแล้ว
“หยวนฟาง ฉัน...ฉันขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะ” เนี่ยเซิงเสี่ยวสาวเท้าวิ่งแบบไม่คิดชีวิต
แต่จะวิ่งอย่างไรก็วิ่งไม่ไป เพราะข้อมือถูกััแข็งแกร่งจับกุมอยู่ เธอหันกลับไปมองก็เห็นจ้าวหยวนฟางจับมือเธอด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
“จะหนีไปไหน ถึงจะเป็สามีเก่า แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้วไม่ใช่หรือ?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวอยากจะบอกเขาจริงๆ ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาในตอนนี้ยุ่งยากมากกว่านั้น แต่เธอพูดออกไปไม่ได้ จึงพยายามสะบัดมือเขาออกแต่จะทำอย่างไรก็สะบัดไม่ออก
พอสะบัดอีกเธอก็พบว่าสายตาแหลมคมคู่หนึ่งมองตรงมาจากฝูงชน
เนี่ยเซิงเสี่ยวอยากจะล้มลงไปที่พื้นเสียตอนนี้ สายตาที่แหลมคมจนสามารถทำให้เธอเย็นหลังสันหลังวาบแบบนี้นอกจากเหยียนจิ่งจื้อแล้วจะมีใครได้อีก
ช่างเถอะ ยังไงก็หนีไม่ได้แล้ว เธอจึงเดินกลับไปอยู่ตรงหน้าจ้าวหยวนฟาง “ฉันเข้าใจแล้ว นายปล่อยมือเถอะ”
จ้าวหยวนฟางเมื่อมั่นใจแล้วถึงจะปล่อยแขนเธอก่อนจะพูดปลอบใจ “ไม่เป็ไร มีฉันอยู่ทั้งคน”
มีฉันอยู่ ใครก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้
เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าเธอไม่เข้าใจสถานการณ์เลยจริงๆ
ทางด้านนั้นยังมีเสียงถ่ายรูปอยู่ ไม่รู้ว่าถ่ายเหยียนจิ่งจื้อหรือว่าติงเจียลี่ ในตอนนี้เนี่ยเซิงเสี่ยวถึงมีเวลาว่างมาพิจารณาพวกเขา จากนั้นยิ่งพิจารณามากเท่าไหร่เธอก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้กลัวเหยียนจิ่งจื้อแล้ว
ความกล้าเต็มเปี่ยมขึ้นมาแล้ว หลังก็กลับมาตั้งตรง นั่นก็เพราะว่าเสื้อผ้าที่พวกเขาใส่เป็สีเดียวกัน ขนาดเข็มขัดที่ติงเจียลี่ใส่ยังเข้าคู่กับเนกไทของเหยียนจิ่งจื้อเลย ผู้ชายทรยศ!
เธอไม่มีความรู้สึกผิดที่โกหกเหยียนจิ่งจื้ออีกต่อไปแล้ว
ถึงสายตาของเหยียนจิ่งจื้อจะคมมากแค่ไหน เธอก็สามารถมองกลับไปได้ ตอนที่หึงขึ้นมา มักจะมีความกล้าแบบนี้เสมอ
เหมือนมีคนสังเกตเห็นสายตาของเหยียนจิ่งจื้อ พอมองตามมาก็พบเข้ากับเนี่ยเซิงเสี่ยวที่อยู่ในชุดงานเลี้ยงหรูหรา เป็คนที่สวยจริงๆ จากนั้นก็คิดไปถึงสาวงามที่อยู่ข้างกายเขา จนกระทั่งมีคนถามออกมา “วันนี้คุณเหยียนมากับผู้หญิงที่สวยที่สุดในงาน รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
เหยียนจิ่งจื้อปกติเป็คนพูดน้อยอยู่แล้ว เขาปรายตาไปมองคนถามก่อนจะมองไปยังเนี่ยเซิงเสี่ยว “รู้สึกบังเอิญเป็อย่างยิ่ง”
เนี่ยเซิงเสี่ยวที่ได้ยินเข้า แผ่นหลังของเธอเครียดเกร็ง ขนลุกชันไปทั้งตัว
ติงเจียลี่กลับเป็คนที่เข้าใจสถานการณ์ และกลายเป็คนแปลภาษาให้เหยียนจิ่งจื้อ “ความหมายของท่านประธานเหยียนก็คือ ผู้หญิงที่มาร่วมงานเลี้ยงทุกคน สวยที่สุดเหมือนกันค่ะ ช่างบังเอิญมากเลย” คำพูดนี้พูดออกมาได้ดีมาก ทั้งไม่ได้ยกให้คนอื่นสูงขึ้นและไม่กดตัวเองต่ำลง จนได้รับคำชื่นชมไปอีกมากมาย
เนี่ยเซิงเสี่ยวถอนหายใจออกมา