“จะกินอะไรล่ะ?” จ้าวหยวนฟางก้มหัวลงมาเล็กน้อยเพื่อคุยกับเธอด้วยท่าทางใกล้ชิดสนิทสนม
เนี่ยเซิงเสี่ยวคิดว่าเขากำลังช่วยเรียกหน้าตาเธอกลับคืนมา คืนนี้สามีเก่าที่กลับมาเจอกันพาคู่ควงที่สวยมากๆ มาด้วย จ้าวหยวนฟางเองก็กำลังให้โอกาสเธอได้เอาคืน แน่นอนว่าเนี่ยเซิงเสี่ยวไม่มีทางปฏิเสธ โดยเฉพาะตอนที่ถูกเนกไทของเหยียนจิ่งจื้อที่เข้าคู่กับติงเจียลี่ยั่วโมโหเข้า
“ช่วยหยิบเค้กชาเขียวชิ้นเล็กๆ ให้ฉันชิ้นหนึ่งที ขอบคุณนะ” เนี่ยเซิงเสี่ยวแย้มรอยยิ้มการค้าออกมา
แต่จ้าวหยวนฟางไม่ได้เล่นละครไปกับเธอ ท่าทางใกล้ชิดทั้งหมดที่เขาทำ เป็เพราะวันนี้เธอดึงดูดมากเกินไปจึงไม่อาจห้ามใจได้ก็เท่านั้น ในตอนนี้เมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอ เขาก็เกือบจะพุ่งเข้าไปดึงหน้าของเหยียนจิ่งจื้อแล้ว
เนี่ยเซิงเสี่ยวแอบมองเหยียนจิ่งจื้อก็พบว่าคนที่ไปล้อมรอบเขาน้อยลงไปมาก และพวกเขากำลังมุ่งตรงมาทางเธอ
อะไรนะ! เนี่ยเซิงเสี่ยวมองไปรอบๆ อ่อ คงจะไปหยิบของกินสินะ
ในตอนที่เธอขยับหลบไปด้านข้างจึงไม่ทันได้เห็นบริกรที่เพิ่งจะเดินเข้ามาจนเกือบจะชนเข้ากับแก้วไวน์เต็มถาดในมืออีกฝ่าย
วินาทีต่อมาก็ถูกดึงตัวไป “ระวังหัวหน่อย[1]”
ไม่ได้บอกว่าให้ระวังเสื้อผ้า และก็ไม่ได้พูดว่าให้ระวังไวน์ แต่บอกให้ระวังหัว! เนี่ยเซิงเสี่ยวตัวสั่นอย่างอับอาย
ถ้าหากจะต้องตีกันขึ้นมาจริงๆ เธอไม่มีทางเอาชนะเหยียนจิ่งจื้อได้
คิดๆ ไปแล้วก็สำรวมเอาไว้จะดีกว่า
แต่ติงเจียลี่นั้นไม่ได้สำรวมท่าทีเลยสักนิด เธอดึงเหยียนจิ่งจื้อเข้ามาถามว่า ที่รัก้าอะไรรองท้องไหม อีกเดี๋ยวจะต้องกินเหล้าอีกเยอะ
เนี่ยเซิงเสี่ยวกลัวว่าถ้ายังอยู่ข้างตัวพวกเขานานกว่านี้จะทำเื่ไร้หัวสมองออกไปอีก จึงหมุนตัวเดินห่างออกไปหน่อย
ถ้าหากเหยียนจิ่งจื้อกล้าทำเื่ที่ผิดต่อเธอ ก็คงไม่ใช่ปัญหาของการระวังหัวแล้ว สมองของเขา เธอเองก็ไม่้าด้วยเหมือนกัน
ในตอนนั้นจ้าวหยวนฟางก็ส่งจานเค้กเล็กๆ มาตรงหน้าเธอ “ลองชิมดู ได้ยินมาว่าเค้กที่ทำวันนี้เป็ฝีมือของเชฟชื่อดังจากต่างประเทศเลยนะ”
“เ้าของแบรนด์ litter หรือคะ?” เสียงของติงเจียลี่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ประหลาดใจ? เนี่ยเซิงเสี่ยวคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป? แต่ว่าเมื่อมองท่าทางและน้ำเสียงของติงเจียลี่ สามารถบอกได้ว่าเป็ความประหลาดใจจริงๆ “ยังจำฉันได้ไหมคะ? ที่ร้านของคุณวันนั้นไง ตอนนั้นฉันกับผู้หญิงที่คุณชอบดันไปชอบชุดกระโปรงตัวเดียวกัน แต่เพราะความลำเอียงของคุณ ทำให้ฉันต้องยอมแพ้”
เนี่ยเซิงเสี่ยวคิดว่าเมื่อเทียบกับการพยายามหาเื่คุยของเจินเนี้ยนแล้ว วิธีแนะนำตัวเองของติงเจียลี่กลับทำให้คนนึกออกมากกว่า จะไม่ให้นึกออกได้อย่างไร เื่มันเพิ่งจะเกิดได้เพียงไม่กี่วัน เธอบรรยายออกมาชัดเจนขนาดนี้ก็เพื่อให้เหยียนจิ่งจื้อรู้ว่าจ้าวหยวนฟางเคยซื้อเสื้อผ้าให้เธอก็แค่นั้น
จ้าวหยวนฟางมองไปทางเนี่ยเซิงเสี่ยว จากนั้นก็ดึงเธอเข้ามาอยู่ข้างกายตัวเอง “ที่คุณพูดถึงคือเธอสินะ ผมจำได้”
สถานการณ์นี้มันจริงๆ เลย ติงเจียลี่เติมน้ำมัน จ้าวหยวนฟางก็เติมน้ำส้มสายชู[2] เนี่ยเซิงเสี่ยวเห็นชัดมากว่าสีหน้าของเหยียนจิ่งจื้อเปลี่ยนไป ในหัวก็เริ่มคิดว่าหนีไปห้องน้ำน่าจะดีกว่า หรือพูดไปเลยว่าไม่สบายขอตัวกลับบ้านก่อนดี?
“ชุดของคุณเนี่ยวันนี้สวยมากเลยนะ ไม่เหมือนชุดวันนั้นเลย เป็ชุดที่คุณจ้าวออกแบบเองหรือคะ?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวเงยหน้ามองจ้าวหยวนฟางอย่างใ ไม่มีทางน่า เ้าของร้านแบรนด์เสื้อผ้าเล็กๆ มีความสามารถในการออกแบบนิดหน่อย จะมีชื่อเสียงขนาดนี้เลยหรือ? ขนาดติงเจียลี่ก็ยังรู้จัก
จ้าวหยวนฟางไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ทันใดนั้นเนี่ยเซิงเสี่ยวก็หันไปสบตาเข้ากับเหยียนจิ่งจื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ จู่ๆ เธอก็รู้สึกไม่สบาย ทั่วทั้งตัวเหมือนจะถูกแทงจนเป็รู
“ก็ธรรมดา” เหยียนจิ่งจื้อเบนหน้าหนีก่อนจะจิบไวน์ไปหนึ่งอึก เขากวาดมองไปทั่วชุดของเนี่ยเซิงเสี่ยวรอบหนึ่ง สายตาก็แสดงออกมาว่าไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง
ติงเจียลี่หัวเราะ “จิ่งจื้อนายไปพูดแบบนั้นได้อย่างไร ชุดมันสวยออกจะตาย คุณเนี่ยใส่แล้วก็ยิ่งสวย”
เหยียนจิ่งจื้อยังคงมองไปที่ชุดของเธอด้วยความไม่พอใจเอามากๆ ก่อนจะตอบติงเจียลี่เพียงคำเดียวว่า “อืม”
ความจริงแล้วเขามีความคิดที่จะไล่คนในงานเลี้ยงออกไปให้หมด จากนั้นก็ฉีกกระชากชุดบนตัวเธอออกไป
“ไปกันเถอะ” ยิ่งกว่าที่เนี่ยเซิงเสี่ยวคาดคิดเอาไว้ เขาไม่ได้เข้ามายุ่งย่ามกับเธอ แถมยังหันไปพูดกับติงเจียลี่ด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนจะหมุนตัวไปทักทายคนอื่นต่อ
ความรู้ผิดหวังที่แทรกเข้ามาในใจเนี่ยเซิงเสี่ยว ในงานเลี้ยงแบบนี้เขากลับจูงมือผู้หญิงคนอื่น คุยกันอย่างมีความสุข ทั่วทั้งตัวของเธอในตอนนี้มีแต่ความรู้สึกไม่ดีปกคลุมเอาไว้
“ทำไมไม่กินแล้วล่ะ? ชอบกินเค้กชาเขียวไม่ใช่หรือ?” จ้าวหยวนฟางดึงเธอกลับมาจาก “ความรู้สึก” ไม่ดีนั่น แถมไม่เพียงแค่พูดเท่านั้นเขายังป้อนเค้กเข้ามาในปากเธอด้วย
เป็ครั้งแรกที่เนี่ยเซิงเสี่ยวพบว่าจ้าวหยวนฟางก็มีด้านเอาแต่ใจเวลาโกรธแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่าเขาโกรธอะไรกัน เธอก็แค่มองไปยังกิ๊กแอบๆ ของเธอแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
“อ่ะ!” จู่ๆ ก็มีคนพุ่งเข้ามาชนเนี่ยเซิงเสี่ยว จากนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีของมีบางอย่างเย็นๆ เปื้อนชุดของเธอและมันกำลังขยายวงกว้างขึ้น เมื่อก้มลงไปดูก็พบว่าเป็ไวน์แดงแก้วใหญ่ที่สาดมายังตัวเธอ ััเหนียวๆ ที่ผิวทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเป็อย่างมาก
“ขอโทษค่ะ คุณผู้หญิง ฉัน…ฉัน…จะทำยังไงได้บ้างคะ” เป็พนักงานหญิงคนหนึ่งดูท่าทางร้อนรนมากจนพูดติดอ่างไม่เป็คำ “ขอ…ขอโทษค่ะ ฉัน ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ช่วยให้อภัย ให้อภัยฉันด้วยค่ะ”
สำหรับเื่ที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ จ้าวหยวนฟางมองกระโปรงของเนี่ยเซิงเสี่ยวที่เปื้อนไวน์แดงเป็วงใหญ่แล้วก็โกรธยิ่งกว่าตัวเนี่ยเซิงเสี่ยวเอง ความคิดแรกของเขาคือ เหยียนจิ่งจื้อ เพราะว่าเป็ผู้ชายเหมือนกัน เขาไม่มีทางมองไม่ออกว่าสายตาของเหยียนจิ่งจื้อเมื่อครู่แสดงชัดว่าอยากจะฉีกชุดนี้ทิ้ง
มองไปทางรูปปั้นเสมือนก็เห็นเหยียนจิ่งจื้อกำลังพูดคุยกับคนอื่นอย่างสนุกสนาน ข้างกายยังมีติงเจียลี่คอยชนแก้วด้วยอยู่ตลอด จ้าวหยวนฟางก็ดึงสายตาตัวเองกลับมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันไปมองบริกรหญิงที่หวาดกลัวจนใกล้จะร้องไห้ออกมา หรือว่าเขาจะเป็คนใจแคบเกินไป?
แต่ว่าชุดนี้คงจะใส่อีกไม่ได้แล้ว และโชคดีที่ทางโรงแรมนี้เตรียมตัวมาอย่างดี จึงมีบริการเปลี่ยนชุดหากเกิดสถานการณ์ไม่คาดคิด ด้านในมีชุดงานเลี้ยงเตรียมเอาไว้แล้วหลายชุด
หลังจากจ้าวหยวนฟางสอบถามชัดเจนแล้วก็พาเนี่ยเซิงเสี่ยวเดินไปยังบันได เมื่อครู่บริการบอกว่าห้องเปลี่ยนชุดอยู่ที่ชั้นสิบเอ็ด ตึกสูงขนาดนี้เขาไม่วางใจให้เนี่ยเซิงเสี่ยวไปคนเดียว
เดิมทีชุดนี้ก็แพงมากอยู่แล้ว แต่เนี่ยเซิงเสี่ยวที่ถูกผู้มีพระคุณบังคับให้ใส่มัน ตอนแรกเธอคิดว่าหลังจากใส่เสร็จจะคืนให้กับจ้าวหยวนฟาง ทว่าตอนนี้เธอกลับทำสกปรกไปแล้ว จึงทำได้แค่เดินตามคนนำทางและจ้าวหยวนฟางขึ้นตึกไป
“ทำไมถึงได้ออกแบบให้ห้องเปลี่ยนชุดอยู่ไกลขนาดนั้น?” จ้าวหยวนฟางถามบริกร
บริกรไม่รู้จะตอบอย่างไรดี “ชั้นสิบเอ็ดมันไกลมากหรือคะ?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวเกือบจะหัวเราะออกมา เหอะๆ มันก็ไม่ไกลจริงๆ แต่จะใช้เวลากี่นาที นั่นก็ขึ้นอยู่กับการเดินขึ้นบันไดแล้ว ความจริงแล้วตอนที่จ้าวหยวนฟางถามว่าทำไมถึงได้ออกแบบมาได้สูงขนาดนี้ บริกรคนนี้ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรเช่นกัน
จ้าวหยวนฟางเองก็ไม่ได้ถามอีก เขาหันไปพูดปลอบเนี่ยเซิงเสี่ยว “อีกเดี๋ยวตอนสองทุ่มจะมีงานแสดงเสื้อผ้า ถูกใจตัวไหนก็เลือกตัวนั้นมาเปลี่ยนได้เลยนะ ตอนนี้ก็ใส่ชุดสำรองไปก่อน”
เนี่ยเซิงเสี่ยวพยักหน้า “ขอบคุณนะ”
“ระหว่างพวกเรายังต้องขอบคุณอยู่อีกหรือ?” ท่าทีของจ้าวหยวนฟางยังคงทำตัวเป็คนสนิทคุ้นเคยอยู่
กลิ่นอายผู้ชายมีอำนาจที่แฝงอยู่ในตัวเขาจะต้องถูกเหยียนจิ่งจื้อบีบคั้นให้แสดงออกมาแน่นอน เนี่ยเซิงเสี่ยวจึงไม่พูดอะไรอีก ทำเพียงแค่เดินตามคนนำทางคนนั้นไปที่ห้องหนึ่งตรงมุมทางเดินชั้นสิบเอ็ด
“คุณจ้าว นี่เป็ห้องเปลี่ยนเสื้อของผู้หญิงค่ะ…” บริกรเอ่ยปากพูดอย่างรู้สึกกระอักกระอ่วน
“อืม” จ้าวหยวนฟางถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าวอย่างเป็สุภาพบุรุษ ก่อนจะยิ้มให้เนี่ยเซิงเสี่ยว “ฉันจะรอเธอที่นี่”
ความจริงในใจเขาจะยิ้มอย่างไรก็ยิ้มไม่ออก สายตาของเหยียนจิ่งจื้อวันนี้ทำให้เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี เมื่อเห็นเนี่ยเซิงเสี่ยวปิดประตูเรียบร้อย เขาก็เริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะทำให้เนี่ยเซิงเสี่ยวมีความสุขใน่เวลาที่เหลือในงานเลี้ยง
การรับมือกับศัตรูใจ แถมยังเป็ศัตรูหัวใจที่มีข้อดีเต็มไปหมด ในจิตใจของผู้ชายทุกคนก็จะต้องมีความไม่พอใจอยู่แล้ว จ้าวหยวนฟางอดที่จะต่อยไปที่กำแพงแรงๆ ไม่ได้
และเนี่ยเซิงเสี่ยวที่อยู่อีกด้านของกำแพงตอนนี้ เธอมองไปยังเสื้อผ้าที่อยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกจับเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน
มีทั้งกระโปรงทรงเอแบบสั้นและยาว รวมไปถึงชุดนอน ไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็มีหมด ด้านเนื้อผ้าเธอมองไม่ออก แต่เธอก็พอจะรู้ว่าเนื้อผ้าดีกว่าชุดทำงานที่เธอใส่บ่อยๆ เสียอีก ทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะหยิบเสื้อผ้าบนนั้นออกมาใส่
ผู้หญิงที่ทำงานมาหลายปี แค่มองปราดเดียวก็มองเกรดของเสื้อผ้าออก
“เสื้อสำรองที่ให้ลูกค้าของโรงแรมพวกคุณใส่นี่ใครเป็คนจัดการหรือ?” เนี่ยเซิงเสี่ยวอดที่จะถามบริกรไม่ได้ นี่มันหรูเกินไปแล้ว!
ในตอนนั้นเองที่เธอพบว่า ไม่มีร่างของบริกรคนนั้นอยู่ในห้องนี้แล้ว…
[1] ระวังหัวหน่อย เป็เหมือนคำเหน็บแหนม หมายถึงเอาไว้เหน็บแหนมคนที่ระวังตัวมากจนเกินไป
[2] น้ำส้มสายชู เป็คำแสลงในภาษจีน หมายถึงการหึงหวง